Bloggang.com : weblog for you and your gang
Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Group Blog
พีรดลย์ หนึ่งเดียวคนนี้ !!!
เมื่อพีร์เดินทาง
ธรรมะนอกหน้าต่าง
มุมที่ไม่สว่าง
ผู้ด้อยโอกาสทางความรัก
บ้านนาจอก ณ นครพนม
หนังสือคือมิตรสนิทยิ่ง
<<
กรกฏาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
4 กรกฏาคม 2554
ธรรมเนียมการคารวะศพ@บ้านนาจอก
All Blogs
แกงผักกาดดองแบบเวียดนาม (canh dưa)
แกงไข่มะเขือเทศ (Cách làm món Canh mây)
ยำหัวปลีหมูสามชั้น - nộm hoa chuối thịt ba chỉ
แกงผักโขมกุ้งแห้งแบบเวียดนาม
ยำวุ้นเส้นผักบุ้งสด (แบบเวียดนามบ้านนาจอก)
หมี่กะทิบ้านนาจอก (สูตรเวียดนาม+อีสาน)
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลขิง (chè đậu xanh gừng)
Thịt ba chỉ rang - หมูสามชั้นคั่วหวาน (สูตรเวียดนาม)
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 3 จบ
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 2
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 1
หมื่นมนัสประชากับบ้านนาจอก :บันทึกสุดท้ายก่อนลับเลือนหายตอนที่ 3 ครอบครัวของหมื่นมนัสประชา
หมื่นมนัสประชากับบ้านนาจอก :บันทึกสุดท้ายก่อนลับเลือนหายตอนที่ 2 อนุสรณ์สืบเนื่องจากหมื่นมนัสประชา
หมื่นมนัสประชากับบ้านนาจอก : บันทึกสุดท้ายก่อนลับเลือนหาย ตอนที่ 1 ภูมิหลังการก่อตั้งบ้านนาจอก
ต้มเค็มปลาทูแบบเวียตนาม - Cách kho cá thu nhật ngon
ชาเขียวบ้านนาจอก - Chè Xanh Bạn Mạy
วิธีทำขาหมูอบสมุนไพร cách nấu giả cầy
แบบแผนการคารวะศพของบ้านต้นผึ้ง (หมู่บ้านนาจอก)
ความเกี่ยวข้องกันของบ้านนาจอก บ้านต้นผึ้ง และบ้านดอนโมง
หมูต้มเค็มบ้านนาจอก (Thịt kho)
เมนูแกงเ้ส้นเวียดนาม ( canh miến )
เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 3 (จบ)
เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 2
เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 1
Cuộc đời không như là mơ : ชีวิตไม่เหมือนความฝัน - บ่าเยี่ยนแห่งบ้านนาจอก ตอนจบ
Cuộc đời không như là mơ : ชีวิตไม่เหมือนความฝัน - บ่าเยี่ยนแห่งบ้านนาจอก ตอนที่1
ต้มเส้นของแม่ : Cháo canh của mẹ
แกงขนุนอ่อน (mít non ) แบบนาจอก
เล่าเรื่องเกิ่วโด๋ย (câu đối) งานศพ
แกงหน่อไม้ส้ม (Canh Măng Chua)
ขนมจีนน้ำใสสูตรคุณยาย
ศาลเจ้าพ่อด่ายเวือง ( Đền thờ Đức Đại Vương-Làng Bạn Mạy ) : ตอน 2 - บูรณะปฎิสังขรณ์
วิธีการทำไก่ไหว้ที่บ้านนาจอก : Cách làm gà cúng (gà cánh tiên)
ผักโขมต้ม-น้ำปลาพริก (Luộc rau dền -Nước mắm Tỏi )
วิธีมวนพลูสำหรับไหว้ ( trầu mếng) แบบเวียดนาม
ข้าวเหนียวนึ่ง - งาคั่ว (มื้อเช้าที่นาจอก)
ศาลเจ้าพ่อด่ายเวือง ( Đại Vương) : ตอน 1 - ภูมิหลังและความเชื่อ
โรงเรียนบ้านนาจอก (แรงประชาชน)
ศิลปะการพับ-ตัด กระดาษไหว้
Lá Triệu - หลาเจี่ยว เอกสารการเดินทางสู่ปรโลก
การจัดสำรับอาหารไหว้ที่นาจอก
ศาลเจ้าดึ๊กแท่งฮว่าง (ต้นผึ้ง-ดอนโมง)
บ้านไม้เก่า-เก่าที่นาจอก
ซุ้มทางเข้าหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียตนาม (บ้านนาจอก)
หมูหวาน (Thịt Rang : ถิดราง) สูตรนาจอก
หมาก-พลู (Trầu Cau) คู่นาจอก
Hồn và vía - โห่นหว่าเวี๋ย เรื่องที่ลูกหลานเวียดนามรุ่นใหม่ไม่เข้าใจ
Cơm úp - เกิม อุ๊บ ข้าวถ้วยสุดท้ายของชีวิต
ไหว้ 100 วัน (วันออก-ช่วงไหว้ออกทุกข์)
ไหว้ 100 วัน (วันออก-ช่วงไหว้บรรพบุรุษ)
ไหว้ 100 วัน (รอบค่ำ-วันเข้า)
ไหว้ 100 วัน (รอบเย็น-วันเข้า)
ยำหัวปลีสด (สูตรเวียตนาม)
น้ำปลากับไข่ไก่เกี่ยวอะไรกับหญิงคลอด ???
ไข่เจียวหมูสับ-วุ้นเส้น (จ๋า เตริ๋ง)
เมนูหมูหนาว (Thịt Đông : ถิดดง) ที่นาจอก
ยำวุ้นเส้นแบบเวียตนาม
ไหว้ 3 วัน (พิธี เหม่อ เกื่อ มา - Mở Cửa Ma)
พาวิญญาณกลับบ้าน
แผ่นดินกลบหน้า (การฝังศพแบบเวียตนาม)
ธรรมเนียมการเคลื่อนศพ (เดือ มา - đưa ma หรือ đưa tang )
ก่อนเคลื่อนศพ
แซ ดอน รอง (Xe đòn rồng) ส่งศพ
เตรียมสุสาน
คืนสุดท้าย
โบกพริ้วทิวธงส่งศพ
ธรรมเนียมการคารวะศพ@บ้านนาจอก
ผ้าขาวไว้ทุกข์แบบเวียตนาม
กลอง และฆ้องในงานศพ
การตั้งแต่งศพแบบเวียตนาม
ดอกไม้ในสวน
ผัดมะเขือถ้วยใบชะพลู
Cà bát (กา บ๋าต) : มะเขือลูกเท่าถ้วย ตามไปดูกัน
Cá um nhệ ( ก๋า อุม เหง่) - ปลาต้มเค็มขมิ้น
แก๋งฮวาจ๋วย-ล๋าโรส (แกงหัวปลีใบชะพลู)
ธรรมเนียมการไหว้แบบเวียตนาม
มรดก : ด้อยราคา แต่มากคุณค่าทางจิตใจ
บ้านเคยอยู่
nói chuyễn nghi'a trang : เรื่องเล่าจากสุสาน
พิธีเคลื่อนศพ-ฝังศพ ของชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม
ความเชื่อหลังความตายของชาวเวียตนาม ที่บ้านนาจอก
ข้าวเหนียวนึ่งถั่วเขียวแบบเวียตนาม (cờm sôi dố)
ศาลเจ้าเวียตนามในไทย
เมนูอาหาร (món ăn) เวียตนาม ที่บ้านนาจอก
หมื่นมนัสประชา ที่มา "นาจอก"
ภาษาเวียตนามที่บ้านนาจอก
เกริ่น....
ธรรมเนียมการคารวะศพ@บ้านนาจอก
การคารวะศพแบบเวียตนามตามแบบสมาคมบ้านต้นผึ้ง-ดอนโมง (นาจอก)
จะจัดให้มีขึ้นประมาณคืนที่ 2 ที่มีการตั้งศพ
โดยจะทำหลังจากแจกผ้าขาวไว้ทุกข์ 1 วัน
หรือจะเป็นคืนวันเดียวกันก็ได้ทั้งนี้แล้วแต่ความพร้อม
โดยผู้ที่จะเข้ามาคารวะศพตามธรรมเนียมหลัก ๆ มี ดังนี้คือ
สมาคมหมู่บ้านหรือชุมชนที่ผู้ตายที่สังกัด
สมาคมจะส่งตัวแทนมา ประมาณ 4-5 คน
เพื่อกล่าวคำไว้อาลัย แล้วอ่านกลอนเวียตนามหน้าศพ
โดยเนื้อหากลอนจะเกี่ยวกับผู้ตาย และความดีงามครั้งยังมีชีวิตอยู่
อ่านเสร็จก็จะเผากระดาษที่เขียนบทกลอนนั้น
ซึ่งก่อนหน้าจะกล่าวคำไว้อาลัยจะมีการยกถาดสิ่งของเพื่อเยี่ยมศพ
ซึ่งในถาดประกอบไปด้วย
1. พลู 100 ใบ (มัดละ 50)
2. หมาก 1 แซง (ลักษณะนามแบบอีสาน) แต่จะตัดแบ่งออกให้สวยงาม
3. เหล้าขาว 1 ขวด
4. ธูป-เทียน
5. ดอกไม้สด 1 กำ
และนอกจากนี้ก็จะพวงหรีดดอกไม้สด
เขียนเป็นภาษาเวียตนามแปลได้ความว่า
"น้อมคารวะดวงวิญญาณ ผู้อาวุโส (ชาย)
:จากสมาคมหมู่บ้านต้นผึ้งดอนโมง"
ตรงนี้ขออธิบายหน่อยว่าที่ต้องใช้ของพวกนี้เพราะมีที่มาอย่างไร
ก็เมื่อก่อนคนเค้ากินหมาก-พลูกันเป็นหลักก็เลยเยี่ยมด้วยพลู-หมาก
เสมือนหนึ่งเอาของสำคัญมาช่วยงานนั่นแหละครับ
นอกจากนี้พลูยังต้องใช้เพื่อนำไปบีบเข้ากับเหล้าขาวและขิง
เพื่อเตรียมไว้ให้สัปเหร่อล้างมือก่อนจับหีบศพทุกครั้งอีกด้วย
มันคงเป็นภูมิปัญญาคนสมัยก่อนเพราะเหล้าขาวมีแอลกอฮอล์
ส่วนใบพลูเมื่อเจอกับตัวทำละลายสารยับยังแบคทีเรียหลายชนิด
ก็จะหลุดออกมาเมื่อผสมกันเข้าจะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี
ตรงนี้นับว่ามีประโยชน์มากในยุคสมัยก่อน ๆ ที่เทคโนโลยี
ด้านการหรือชะลอการเสื่อมสภาพศพยังไม่เจริญอย่างปัจจุบัน
สมาคมชาวไทยเชื้อสายเวียตนามจังหวัดนครพนม
เมื่อก่อนนั้นไม่มีแต่ระยะหลัง ๆ เพิ่งจะมีการก่อตั้งสมาคมนี้
เค้าจะมาเยี่ยมคารวะศพโดยมีตัวแทนกล่าวไว้อาลัย
แล้วจะมีคำกล่าวนั้นพิมพ์ใส่ซองขาวมอบให้เจ้าภาพเก็บไว้
จากนั้นแขวนพวงหรีดสมาคม คารวะศพ ก็เป็นอันเรียบร้อย
ตระกูลเขยหรือสะใภ้
(อีสานเรียกว่าดอง)
อันนี้ถือธรรมเนียมเฉพาะตระกูลที่มีเชื้อสายเวียตนามเท่านั้นที่จะทำ
และจะทำการคารวะศพตามธรรมเนียม
พ่อหรือแม่ของเขย หรือสะใภ้ คนนั้นต้องยังมีชีวิตอยู่
(ถ้าเสียชีวิตไปก่อนก็งดไม่ต้องถือธรรมเนียมนี้)
สิ่งของที่ต้องมีในถาดก็เหมือนกันกับทางสมาคมหมู่บ้านทุกประการ
แต่จะเพิ่ม ธง 1 คู่ ห่อใส่ถุงวางในถาดไว้
แต่ในภาพนี้เค้านำธงไปปักใส่เสาไว้ล่วงหน้าแล้วจึงไม่เห็น
ส่วนซองที่เห็นในถาดคือเงินช่วยงานศพนั่นเอง
ทุกครั้งที่แต่ละชุดเข้าทำการคารวะศพ
ตัวแทนเจ้าภาพ (ฝ่ายชาย) ก็จะกล่าวรับทราบ แล้วก็กล่าวขอบคุณ
หลัง ๆ ก็จะกล่าวเป็นภาษาเวียตนาม ปนกับภาษาไทย
หรือบางบ้านก็กล่าวเป็นภาษาไทยเพราะ
ภาษาเวียตนามที่ใช้กล่าวในงานแบบนี้
ต้องใช้ภาษาเป็นทางการคนที่ได้เรียนได้รู้ก็น้อยลงมากแล้ว
ลูกหลาน ญาติมิตร บุคคลทั่วไป
ก็จะเข้าไหว้ศพได้ตามแต่โอกาสที่สะดวก
ถ้ามาเป็นคณะ ก็จะมีการเข้าแถววางพวงหรีด
โดยเวลาก็แล้วแต่สะดวก ทำกันเองไม่มีพิธีรีตอง
พวงหรีดในภาพนี้เป็นของครอบครัวผม ซึ่งยังคงพยายาม
เขียนป้ายเป็นภาษาเวียตนาม แปลได้ความว่า
"คิดถึงปู่ : จากหลานและเหลน ลูกของคุณพ่อเตื่อง-แม่เที่ยน"
แต่ก็ไม่วายโดนผู้หลักผู้ใหญ่และน้อง ๆ หลายคนติงว่า
น่าจะแปลไทยคู่ไปด้วย จะได้อ่านออกทั่วกัน
คิดไปมันก็จริงอย่าเค้าว่าเนอะ
Create Date : 04 กรกฎาคม 2554
Last Update : 4 มิถุนายน 2560 17:32:18 น.
24 comments
Counter : 4749 Pageviews.
Share
Tweet
พี่พีร์คะ สวัสดีวันทำงานกลางสัปดาห์ค่ะ ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ ^^
โดย:
หัวใจแก้ว
วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:10:22:29 น.
สวัสดีครับพี่พีร์ ตามอ่านเช่นเคยนะครับ
ธรรมเนียมการคารวะศพของคนเวียดนามนี่ดูขลังดีนะครับ ธรรมเนียมบางอย่างก็มีความหมายลึกซึ้ง ที่โพนบกส่วนใหญ่ ดองจะส่งธงอีกแบบหนึ่งมาที่ไม่ใช่ธงขาวดำ แต่จะเป็นธงผ้าขาวยาวๆๆๆ ประมาณ 4-5 เมตร บนยอดจะมีนก+ตะกร้อที่สานด้วยใบมะพร้าว มาคารวะศพ ผมเคยเห็นธงแบบนี้ที่งานศพของบ่าเหิบที่บ้านต้นผึ้งอ่ะครับ แล้วก็อีกหลายงานที่บ้านต้นผึ้ง จะว่าไปที่บ้านต้นผึ้งมีธรรมเนียมปฏิบัติที่คล้ายกันกับโพนบกมาก เมื่อเทียบกับชุมชนชาวเวียดนามอื่นๆ
แต่เฉพาะครอบครัวตระกูลของผมในงานศพจะมีผ้าที่เขียนเป็นกลอนภาษาเวียดนามเพื่อไว้อาลัย ภาษาเวียดนามเรียกว่า เกิว โด๋ย (Câu đối)ครับ อันนี้จะมีเป็นบางบ้าน แต่ส่วนใหญ่ตระกูลผมจะเน้นคารวะด้วย เกิว โด๋ย เสียมากกว่า เพราะมันเป็นกลอนที่แสดงถึงความไว้อาลัยและกล่าวสรรเสริญคุณงามความดีของผู้ตาย เฉพาะตระกูลผมจะถือว่าถ้าหากผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลเสีย โดยเฉพาะคนที่อายุมากๆๆ จะต้องมีเกิว โด๋ย หลายๆ ผืน อายุน้อยก็ลดหลั่นกันลงมา แต่ครอบครัวอื่นๆ ที่โพนบก เค้าไม่ค่อยทำกันเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ธรรมเนียม+กับความไม่สนใจตามยุคสมัย
ส่วนครอบครัวของผมยังโบราณ อะไรๆ ก็ยังยึดไว้อยู่ เพราะปู่ผมหัวโบราณมากๆ (ผมก้ถูกสอนมาแบบโบราณ 555) ถึงขั้นที่ว่าเตรียมเกิว โด๋ย เอาไว้ก่อนล่วงหน้า โดยเป็นเกิว โด๋ยของลูกชาย-ลูกสาว 1 ผืน หลาน+เหลน 1 ผืน หลายชายคนโตก็คือผม 2 ผืน(ปู่เตรียมไว้ 1 ผืน ผมเตรียมให้ปู่อีก 1 ผืน) น้องสาวปู่ 1 ผืน และมีเกิวโด๋ยที่ซื้อมาจากเวียดนามอีก 4 ผืน ของญาติๆ ในตระกูลอีก 1 ผืน รวมเป็น 10 ผืนพอดีครับ (ไม่รวมของดอง เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขาว่าจะคารวะแบบใช้ธง หรือใช้ เกิว โด๋ย หรือาจจะไม่คารวะเลยในกรณีที่เสียไปแล้ว)
ปู่บอกว่า ทันทีที่ปู่เสียให้ผมเขียนเกิว โด๋ยให้ โดยตอนนี้ปู่มอบเกิวโด๋ยที่จะเขียนให้ผมเรียบร้อยแล้วครับ จะว่าไปปู่ผมห่วงเรื่องราวหลังความตายมากๆ กลัวลูกหลานจะทำไม่ถูก อันที่จริงปู่ผมอ่ะ อยากให้จัดงานศพแบบโบราณจริงๆ แต่ตอนหลังปู่บอกว่าเอาตามยุคสมัย เพราะปู่คงเห็นว่ามันลำบากลูกหลาน แต่ปู่ก็ชอบสั่งเสียอะไรๆ กับผมหลายๆ อย่าง ผมก็เลยต้องรับภาระหนักหากปู่ผมต้องเป็นอะไรไป แต่ทุกวันนี้ปู่ยังสบายดีและแข็งแรงมาก แต่ก็ชอบบ่นเรื่องงานศพตัวเองในอนาคต ปู่ถึงขั้นเตรียมเงินไว้ให้จัดงานศพเพื่อไม่เป็นการรบกวนลูกหลาน
ผมคงเขียนบ่นยาวเกินไปแล้วแหละครับ ^^ เดี๋ยวพี่พีร์จะขี้เกียจอ่าน หุหุหุ
ไว้ผมจะรอบล๊อคต่อๆ ไปนะครับ ^^
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.68.203 วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:11:02:09 น.
เดี๋ยวพรุ่งนี้มีนัดกับคุณหมอ เพื่อตรวจผลการรักษาแผลที่ขา
ต้องชั่งน้ำหนักด้วย เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังค่ะว่าน้ำหนักหมามอทะลุไปถึงไหนแล้ว ^^
โดย:
หัวใจแก้ว
วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:11:54:41 น.
นี่ก็เสียดายเหมือนกันที่อ่านภาษาหนือไม่ออก
คุณย่าเขียน อ่าน เป็นภาษาเหนือ ได้ แต่เราไม่สนใจจะรู้
โดย:
tuk-tuk@korat
วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:12:37:53 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่พีร์
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:6:08:02 น.
@น้องต้อม
ธงที่น้องต้อมว่าพี่ไม่เคยเห็นเลยจนครั้งเดียว
ถ้ามีโอกาสนำมาโพสให้ชมบ้างก็จะดีทีเดียว
ส่วนเกิว โด๋ย (Câu đối) เคยเห็นบ้างตอนเด็ก ๆ
ล่าสุดงานศพลุงพี่ที่นาจอก ลูก ๆ เค้าไปจ้างให้ใครเขียนไม่ทราบแต่เท่าที่รู้ก็แพง และน่าจะเห็นเป็นงานท้าย ๆ ของที่นาจอกแล้ว การไว้อาลัยแบบนี้คิดว่าขลังดี ยิ่งตอนนี้พี่อ่านภาษาเวียดได้บ้าง และรู้ความหมายมากขึ้นก็เลยรู้สึกว่ามันสนุกที่จะได้เรียนรู้....
พี่ว่าหัวโบราณไว้หน่อยก็น่าจะดีเพราะธรรมเนียมเหล่านี้กำลังจะหายไปแล้ว ที่ Câu đối หายไปส่วนหนึ่งเพราะคนอ่านภาษาเวียดไม่ออกแล้ว เลยไม่เห็นความสำคัญกัน กลับกลายแทนที่ด้วยพวงหรีดแบบสากล แค่ริจะเขียนชื่อเป็นภาษาเวียดนามยังโดนค้านเลยครับ
ตอนส่งปู่ที่สุสานพี่อ่าน Câu đối ที่ให้ลุงเป็นคนช่วยแต่ง
สั้น ๆ แต่ได้ใจความกระนั้นก็ได้ยินคนว่าอ่านผิดไปหลายคำ 555
การเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการตายของชาวเวียต
ไม่ใช่เรื่องแปลกยิ่งการเตรียมสุสานยิ่งมีความเชื่อว่าจะอายุยืนยาวด้วยซ้ำ ลองอ่านเรื่องเล่าจากสุสานนะครับ...
โดย:
peeradol33189
วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:10:57:17 น.
ภาพในบล้อกวันนี้
น่าจะเรียกว่าการวาดภาพประกอบมากกว่าภาพถ่ายครับพี่พีร์
ผมใช้โฟโต้ชอปแต่งภาพขึ้นมาใหม่น่ะครับ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:11:15:48 น.
สวัสดีครับพี่พีร์ ^^
ผมสัญญาครับว่าถ้าหากได้กลับบ้าน จะส่งรูปธงคารวะศพแบบฉบับของโพนบกให้พี่ดู เพราะมันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยแหละครับ แต่สมัยนี้น้อยงานจะทำ เพราะส่วนใหญ่แต่งงานกับคนไทยสะเป็นส่วนมาก น้อยงานจะมีให้เห็น
จะว่าไปเรื่องเกิว โด๋ย แต่ก่อนที่ในเมืองมีลุงคนนึ่งที่รับจ้างเขียน ลุงแกชื่อ องหยาง แกเพิ่งตายไปเมื่อปีก่อน ศพฝังอยู่ที่นาจอก ผมว่าพี่พีร์อาจจะรู้จักก็ได้นะครับ รู้สึกแกเขียนผืนละ 500 บาทอ่ะครับ จะว่าไปก็แพงอยู่
ส่วนเรื่องเตรียมของที่จะต้องใช้ในงานศพล่วงหน้าของปู่ผมนั้น เกือบจะครบทุกอย่าแล้วแหละครับ เหลือแต่ชุดไว้ทุกข์ เพราะปู่ไม่คิดจะตัดไว้ก่อน 5555 ผมก็ว่าดีไปอย่าง เพราะถ้าตัดไว้ล่วงหน้ามันจะเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีเหลืองนี่แหละครับ แต่ปู่เองก็เคยคิดตัดไว้ เพราะมันหาช่างยาก แต่ก็ไม่ตัดเพราะหลายฝ่ายคัดค้าน เพราะแค่ซื้อโลงมาไว้ในบ้านทุกวันนี้ ลูกหลานก็ไม่กล้านอนที่บ้านปู่แล้ว แต่ก่อนปู่เอาโลงของตัวเองเก็บไว้ในห้องนอน เรียกได้ว่านอนดูโลงศพตัวเองเลยแหละครับ 555 แต่พอส้รางบ้านใหม่ก็เอาไปไว้ในห้องเก็บของ
ปู่ผมที่จริงเป็นคนที่หัวโบราณมากๆ จริงๆ ผมเคยถามปู่เสมอว่าทำไมต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากมากมายขนาดนี้ ปู่บอกผมว่า เหคยทำมาแบบนี้ตั้งแต่สมัยพ่อแม่ แล้วจู่ๆๆ จะให้เปลี่ยนไปทำอะไรแบบอื่น มันฝืนความรู้สึก ถึงมันจะง่าย แต่มันก็ไม่มีความสุขที่ได้ทำ ก็เลยต้องทำอะไรที่มันทำออกมาแล้วสบายใจ ถึงมันจะยากแต่มันก็คุ้ม ปู่ผมเล่นซะผมอึ้ง แต่ผมก้เข้าใจปุ่นะ ผมก็เลยกลายเป็นคนหัวโบราณมาจนถึงทุกวันนี้ 555
ขอบคุณพี่มากนะครับที่คอยเป็นเพื่อนเวลาไกลบ้านแบบนี้ ได้อ่านบล๊อคพี่ทีไร รู้สึกเหมือนได้กับไปดูหนังเรื่องเรื่องหนึ่งที่เป็นชีวิตของเราในช่วงที่สวยงามที่สุดในชีวิต
ขอบคุณครับ ^^
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.1.129 วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:19:02:05 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่พีร์
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:6:17:33 น.
@น้องตอม อองหยาางที่ว่า
นอนอยู่ข้างๆ หลุมศพยายพี่เลยครับ
เมื่อเดือนก่อนกลับไปบ้าน ก็แวะจุดธูปที่สุสานก็เลยเห็น
ชื่อแกที่โหม่
น้องต้อมไม่ได้อยู่นครพนมเหรอ แล้วทำงานที่ไหนครับตอนนี้
ยินดีมาก เพราะเรื่องที่เขียนนี้แม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนเขียน
แต่ก็ไม่่ค่อยมีคนสนใจอ่านเช่นกัน อาศัยว่ามีเพื่อนบล๊อก เก่า ๆ หลายคนบล๊อกเลยไม่เงียบนัก
นาน ๆ จะได้เจอคอเดียวกันนะน้องต้อม
โดย:
peeradol33189
วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:10:31:55 น.
@น้องตอม อองหยาางที่ว่า
นอนอยู่ข้างๆ หลุมศพยายพี่เลยครับ
เมื่อเดือนก่อนกลับไปบ้าน ก็แวะจุดธูปที่สุสานก็เลยเห็น
ชื่อแกที่โหม่
น้องต้อมไม่ได้อยู่นครพนมเหรอ แล้วทำงานที่ไหนครับตอนนี้
ยินดีมาก เพราะเรื่องที่เขียนนี้แม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนเขียน
แต่ก็ไม่่ค่อยมีคนสนใจอ่านเช่นกัน อาศัยว่ามีเพื่อนบล๊อก เก่า ๆ หลายคนบล๊อกเลยไม่เงียบนัก
นาน ๆ จะได้เจอคอเดียวกันนะน้องต้อม
โดย:
peeradol33189
วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:10:31:55 น.
พี่พีร์คะ สวัสดีสายวันศุกร์ ขอให้มีความสุขกับวันทำงานช่วงท้ายสัปดาห์นะคะ ^^
โดย:
หัวใจแก้ว
วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:10:43:39 น.
สวัสดีครับ พี่พีร์
ตอนนี้ผมทำงานที่สถานทูตไทย อยู่ฮานอย - เวียดนามครับ นานๆ ทีจะได้กลับบ้าน ก่อนหน้านี้ผมเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนปิยะครับ ที่จริงมาทำงานไกลบ้านแบบนี้มันก็เหงา ผมอ่ะเป็นคนที่ชอบอยู่บ้านที่นครพนมมากๆ มันผูกพันธ์อย่างบอกไม่ถูก
อันที่จริงผมอ่ะชอบอะไรที่เป็นประเพณีวัฒนธรรมของเวียดนามมากๆ ผมชอบถามนั่นถามนี่มาตั้งแต่เด็ก และก็เป็นความโชคดีของผมที่มีปู่อยู่ เพราะปู่ผมจะสอนผมทุกๆ อย่าง จนเป็นที่เล่าลือกันในบ้านโพนบก ว่าผมเป็นเด็กแปลก ชอบเรียนรู้อะไรไม่เหมือนเด็กคนอื่น ยิ่งผมมาอ่านภาษาเวียดนามออก มันทำให้ผมเรียนรู้ได้มากขึ้น อันที่จริงผมติดตามอ่านบทความพี่มานานแล้วแหละครับ ผมเคยเม้นให้พี่ แต่ผมใช้ชื่ออื่น ผมใช้ชื่อว่า Đặng Minh Quang ซึ่งเป็นชื่อเวียดนามของผมครับ ขอโทษครับที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรก ข้อเสียของผมก้คือเป็นคนโพนบกแท้ๆ แต่พูดสำเนียงจุง ของโพนบกไม่ได้ เพราะผมเรียนภาษาเวียดนามแบบสำเนียงฮานอย(สำเนียงบั๊ก) ทำให้ผมรุ้สึกว่ามันเป็นปมด้อยของผมอ่ะครับ แต่ผมก็พยามยามฝึกพูดสำเนียงจุง แต่มันก้เพี้ยนๆ ฟังไม่เข้าหู ผมก็เลยถูกแซวบ่อยๆ ว่าลูกหลานโพนบกแต่พูดบั๊กแบบญวนในเมือง 5555
หากพี่อยากได้อะไรจากเวียดนาม บอกผมได้นะครับ ผมยินดีที่จะซื้อไปฝาก เพราะยังไงเราก็คนบ้านเดียวกันครับ
แล้วผมจะรอบล๊อคต่อๆ ไปนะครับ
ป.ล.ผมจำได้ว่าที่นาจอกมีวีรบุรุษชาวเวียดนามคนนึงชื่อ หลี ตื่อ จ่อง (Lý Tử Trọng) เรื่องนี้ผมว่าก็เป็นควาภูมิใจของคนนาจอกอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าที่นาจอยังคงมีญาติพี่น้องของวีรบุรุษท่านนี้อยู่หรือป่าวครับ ^^
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.68.139 วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:13:42:28 น.
คุณพีร์ค้า
เอมมาขอบคุณที่แวะไปอวยพรวันเกิดค่า
หายไปนาน กว่าจะมาขอบคุณถึงบ้านนี้ก็ผ่านมาหลายวัน
ข่าวว่าฝนตกน้ำท่วม รักษาสุขภาพนะคะ
โดย:
lazymetal
วันที่: 5 สิงหาคม 2554 เวลา:18:07:21 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:6:15:27 น.
เป็นภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนจริงนะคะที่ใช้ต้นหมากรากไม้เป็นวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ
คงไม่ได้ไปกราบพระศพน่ะค่ะ ไม่สะดวก
ช่วงนอนฝนตกบ่อย คุณพีร์เดินทางลำบากมั้ยคะ
โดย: รัชชี่ (
รัชชี่
) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:10:17:16 น.
@น้องต้อมประเด่นวีระบุรุษ หลี ตื่อ จ่อง (Lý Tử Trọng) ที่ว่าไม่เคยได้ยินเลยล่ะครับ
ตอนเด็กเคยมีหมอดูบอกแม่ว่าพี่เป็นคนเก่าในตระกูลมาเกิดก็คงจะจริงเพราะรู้สึกผูกพัน และสนใจกับอะไรเก่า ๆ
พวกธรรมเนียมอะไรแบบนี้ คอยซักถามคนเฒ่าคนแก่มาตั้งแต่เด็ก แต่พอจบม. 6 ก็ไม่เคยได้กลับไปอยู่บ้านอีกเลยจนบัดนี้ กลับไปเป็นครั้งคราวปีละไม่กี่วัน ภาพถ่ายหลายรูปก็จะวานพ่อไปถ่ายให้โชคดีไปอย่างครับที่ที่บ้านเข้าใจไม่หาว่าเราเป็นพวกบ้าธรรมเนียม หรืออะไรต่ออะไร
Đặng Minh Quang ก็คือน้องต้อมนี่เอง ขอคุณมากที่เฉลย บล๊อกต่อไปจะเขียนเรื่อง "โบกพริ้วทิวธงส่งศพ"
แต่รอหน่อยนะ พักนี้เน็ตที่ห้องงอแง แต่ไว้อัพแล้วจะไปตามครับ
โดย:
peeradol33189
วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:12:40:39 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่พีร์
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 7 สิงหาคม 2554 เวลา:6:08:02 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:6:08:12 น.
ปู่เตียว วัย 86 ปีได้เสียชีวิตแล้วด้วยโรคหัวใจวัยอย่างฉับพลัน เจ้าของที่ดินประวัติศาสตร์ของคนดังระดับโลก คือ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ หมู่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม แต่ว่างานศพเหงามากเพราะโดนกลั่นแกล้ง โดยหัวหน้าในหมู่บ้านห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาช่วยงานศพ (สงสารปู่เถอะ อโหสิกรรมให้ปู่เถอะ) ลูกหลานของปู่เตียวฝากมาค่ะ
โดย: ลูกหลานปู่เตียว IP: 101.108.233.216 วันที่: 5 กันยายน 2554 เวลา:18:07:02 น.
คุณพีร์ครับ
ไอ้การคารวะหนิของบ้านผมมีเหมือนบ้านคุณพีร์เลยครับ
และการที่ประธานคนเวียดนามประจำหมู่บ้านกับ
อำเถอส่งมาเป็นพวงหรีดภาษาเหวียดก็เหมือนกันครับ
ที่บ้านผมพวงหรีดจะมีภาษาเหวียดเพียงพวงเดียว
คือของหัวหน้าสมาคมคนเหวียด
แต่นอกนั้นจะภาษาไทยหมดครับ
โดย: บอส IP: 223.206.131.204 วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:17:48:46 น.
คุณลูกหลานปู่เตียว
ถ้าบอกว่ากลั่นแกล้งนั้นคงไม่ถูกทั้งหมดนะครับ
แต่ก็อาจจะไม่ผิดทั้งหมดเช่นกันครับ
คงต้องให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย
แต่ผมในฐานะเจ้าของบล๊อกนี้ก็ไม่มีข้อมูลอะไรมาก
เลยไม่อยู่ในฐานะที่จะคอมเม้นท์ได้ครับ
เรื่องราวผ่านไปแล้วก็คงจะค่อย ๆ เงียบ ๆ ไปนะครับ
โดย:
peeradol33189
วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:21:18:17 น.
ที่ท่าบ่อส่วนใหญ่ก็พูดบั๊กครับ
คุณต้อม
เพราะบรรพบุรุษมาจากนามดิ่งห์ ฮานอย
ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีคนจุง
คนจุงยังหันมาพูดบั๊กเลยครับ
เวลาอยู่ท่าบ่อ
เพราะคนเวียดในท่าบ่อเขาพูดบั๊กกันครับ
โดย: บอส IP: 49.48.115.60 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:21:39:04 น.
อ่านจบแล้ว ^^
โดย: Tên Là Ying IP: 115.67.192.29 วันที่: 25 กรกฎาคม 2555 เวลา:10:54:21 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Gia Huy - Peeradol
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [
?
]
Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Friends' blogs
i_am_np
นายแว่นธรรมดา
qu-up
กุมภีน
ไกลนั้น
กิ่งไม้ไทย
lazymetal
kruaun
รัชชี่
บ้าได้ถ้วย
ถั่วงอกน้อยค่ะ
มิสเตอร์ฮอง
ผู้หญิงชื่อส้ม
zerxiustor
อุ้มสี
กะว่าก๋า
tiensongsang
fondakelly
ชีวิตจริง
anchesa
เอื้องสามปอย
kun_isara
soponkub
สุริยาอัสดง
aoigata
nakornthong
วรบรรณ
may_intania
โนโบะ
mungkood
atomdekzaa
ziinnuf
SawasdeeKrab
p_tham
พ่อระนาด
Dr.Manta
วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
Pheam
มัยดีนาห์
สีฟ้าใส
tuk-tuk@korat
Mega-Batt
ร่มไม้เย็น
สกุลเพชร
ไลเดเลีย
sdayoo
aston27
kimmybangkok
ppth
glindoy
mambococonut
iammac
Insignia_Museum
aimanun
newenter
hs2zfo
Webmaster - BlogGang
[Add Gia Huy - Peeradol's blog to your web]
Links
BlogGang.com
MY VIP Friend
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.