ศาลเจ้าพ่อด่ายเวือง ( Đền thờ Đức Đại Vương-Làng Bạn Mạy ) : ตอน 2 - บูรณะปฎิสังขรณ์
ตอนเด็กสักประมาณ 7 ขวบผมก็เริ่มจะตามยายไปศาลเจ้าพอจำได้ว่าเดิมทีศาลเจ้าและส่วนควบมีขนาดเท่าปัจจุบัน แต่จะเป็นเรือนไม้ทรงจั่ว มีเสาไม้ทรงเหลี่ยม มุงด้วยหลังคาสังกะสี ยกพื้นในส่วนเวทีและห้องบูชา มีป้ายเกิ่วโด๋ยแดงเขียนด้วยลายมือติดอยู่เป็นคู่ ๆ หลายเสา คนที่มาร่วมพิธีก็จะนั่งข้างล่างมีโต๊ะตรงกลางสองข้างเป็นม้านั่งยาวไม่มีพนัก ตั้งเป็นแถวยาว 3 แถวหันข้างให้ตัวเวที การตกแต่งและลวดลายศิลปะต่างๆ จะทำโดยใช้แผ่นไม้อัดแต่งด้วยสี บริเวณโดยรอบมีต้นไม้ประดับขนาดใหญ่ขึ้นอยู่รอบ ๆ ในส่วนของซุ้มประตูนั้นเป็นแบบก่ออิฐถือปูนแต่ทว่ามีขนาดย่อมกว่าปัจจุบัน เดิมทีเดียวบริเวณศาลเจ้าไม่มีห้องสุขาใครปวดหนักเบาต้องวิ่งไปขอเข้าบ้านแถวนั้นแต่หลังจากถกกันพักใหญ่ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ยอมรับความคิดเห็นของคนรุ่นกลางให้สร้างห้องน้ำไว้ริมรั้วได้แต่ก็ต้องสร้างแนวผนังทึบปิดบังไว้ และนี้เองเป็นเหตุผลว่าทำไมศาลเจ้าแห่งนี้จึงมีการพัฒนาและสามารถดำรงอัตลักษณ์สำคัญไว้ได้อย่างยาวนานทั้งนี้เพราะผู้อาวุโสที่นาจอกมักจะเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนคิดส่วนโต้แย้ง และเลือกปรับปรุงสิ่งต่าง ๆ ร่วมกันให้ทันสมัยแต่ทว่าก็ไม่ละทิ้งส่วนที่เป็นประเพณีโบราณที่ควรอนุรักษ์ไว้ คนรุ่นใหม่จึงเข้าถึงและมีส่วนสืบสานศาลเจ้าแห่งนี้ไว้ได้ ศาลเจ้าพ่อด่ายเวืองสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2441 ต่อมาจึงมีสภาพทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ได้รับการบูรณะปฎิสังขรณ์ใหญ่ในพ.ศ. 2536 ทั้งหมดทำโดยเงินบริจาคของชาวบ้านที่เก็บสะสมไว้หลายปีแต่ก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายนักในขณะนั้น ดังนั้นการปรับปรุงบูรณะจึงทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปทำทีละส่วนและทำอยู่หลายปีกว่าจะเสร็จสิ้นสวยงามบริบูรณ์ ได้มีงานฉลองใหญ่เมื่อคราวที่ศาลเจ้าเสร็จบริบูรณ์แต่ผมจำไม่ได้ว่าปีไหนเพราะมันตรงกับช่วงที่ผมต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยไกลบ้านแล้ว ผู้นำการบูรณะปรับปรุงคือ นายถาวร วรหาญ ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่มีความรอบรู้ด้านธรรมเนียมประเพณีรวมทั้งมีความสามารถในทางช่าง นายถาวร วรหาญและทีมงานเป็นคนร่างแบบขึ้นโดยยึดจากแบบเก่าประยุกต์กับแบบที่เดินทางไปไซง่อน รวมทั้งทางใต้ของประเทศเวียตนามด้วยตนเองเพื่อศึกษารูปแบบศาลเจ้า การปรับปรุงโครงสร้างเริ่มทำในส่วนห้องพิธีก่อน โดยย้ายห้องพิธีมากั้นสังกะสีตรงกลางส่วนที่เคยเป็นที่นั่งของผู้ร่วมพิธี เมื่อห้องพิธีเสร็จแล้วจึงก่อสร้างส่วนที่นั่งของผู้ร่วมพิธีและได้มีการปรับปรุงเทปูนโดยรอบตัวศาลเจ้า ยังจำได้ว่าตอนเด็กเคยตามพ่อมาขนปูนเทพื้นศาลเจ้า ยืนกันเป็นแถว ๆ แล้วส่งถังปูน ทั้งชาย ทั้งหญิง ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ พอช่วงพักก็จะมีอาหารและน้ำเลี้ยงทำกันอย่างนี้เป็นเดือนจนผมเองนั้นรู้สึกมีส่วนร่วม และภาคภูมิใจที่ได้เป็นสมาชิกของศาลเจ้าแห่งนี้ ในส่วนของลวดลายศิลปะด้านในบนเวทีจะมีเสากลมสีแดงตั้งอยู่และมีมังกร 5 เล็บเลื้อยพันรอบเสาซึ่งมังกร 5 เล็บนี้หมายถึงมังกรของกษัตริย์หรือเทพเจ้านั่นก็หมายถึงศาลเจ้าแห่งนี้บูชา เจ้าเจิ่น ฮึ่ง ด่าว กษัตริย์ที่เปรียบเสมือนเทพเจ้าของชาวไทยเชื้อสายเวียตนามนั่นเอง งานโครงสร้างปูนและส่วนควบทั้งหมดนั้นเข้าใจว่า นายถาวร วรหาญและทีมงานได้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงกำกับดูแล แต่ในส่วนของลายปูนปั้นที่ส่วนงาม มังกรด้นเมฆบนหลังคา ลวดลายหน้าห้องพิธี และลายที่ซุ้มประตูนั้นผู้สร้างสรรค์ฝากฝีมือไว้คือ คุณตาฟ่อง ซึ่งเป็นน้องเขยของนายถาวร วรหาญ คุณตาฟ่องนั้นท่านมาเป็นเขยนาจอกเป็นคนเก่งมีฝีมือแต่ตอนนั้นท่านเองก็เข้าสู่เขตชราภาพแล้วจึงทำให้งานปูนปั้นที่สวยงามนั้นกว่าจะเสร็จแต่ละส่วนต้องคอยลุ้นกันเป็นระยะ ๆ แต่สุดท้ายก็สำเร็จเรียบร้อย ส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นเห็นจะได้แก่ส่วนซุ้มประตูที่มีการก่ออิฐถือปูนสูงใหญ่กว่าของเดิมมาก สองข้างนั้นจารึกเกิ่วโด๋ยเก่าแก่ตามรูป แปลได้ความว่า ซ้าย : ริมฝั่งหนองญาติ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เปล่งรัศมีสว่างไสวเพื่อช่วยปกป้องโลก (หรือประมาณว่า : สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลจ้าริมฝั่งหนองญาตินี้ มีวีรกรรมกู้ชาติอันโดดเด่นจึงเป็นที่มาของการเคารพบูชา ) ขวา : ผู้คนจากถนนทุกสายของบ้านใหม่ (นาจอก) รวมทั้งผู้คนทั่วสารทิศล้วนมุ่งสู่ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะขอพร หลังจากโครงสร้างและศิลปะปูนปั้นเสร็จสิ้นแล้วพักหนึ่ง ก็ได้มีการก่อสร้างฉากกั้น (Binh phong) ถัดจากตรงซุ้มประตูทางเข้าลวดลายกิเลนเวียตนามซึ่งหนังของมันมีเกล็ดลักษณะคล้ายกับมังกร ด้านขวามีรูปพู่กัน ส่วนด้านซ้ายนั้นจะมีรูปดาบ ซึ่งมีความหมายว่า เจ้าเจิ่น ฮึ่ง ด่าวนั้น เป็นทั้งปราชญ์การศึกษาที่ปราดเปรื่อง (บุ๋น) และยังเป็นนักรบที่เก่งกล้าสามารถ (บู้) อีกด้วย สองข้างจารึกเกิ่วโด๋ยจารึกไว้ แปลได้ความว่า ซ้าย : ที่แห่งนี้มีไว้ป้องกันภัยเพื่อรักษาไว้ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในศาลเจ้า ขวา : ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์และบริวารทั้งหลาย แต่เดิมฉากกั้นแบบนี้ไม่เคยมีคาดว่าคงได้รับอิทธิพลจากศาลเจ้าหรือวัดมหายานของเวียตนามจึงมาสร้างเพิ่มเติมที่หลัง และถ้าสังเกตอีกหน่อยจะรู้ทันที่ว่าฉากนี้ไม่ใช่ฝีมือของช่างคนเดิม (คุณตาฟ่อง) เพราะหลังจากเสร็จงานศาลเจ้าได้พักใหญ่ท่านก็มีปัญหาด้านสุขภาพ รวมทั้งนายถาวร วรหาญก็เช่นกันท่านมีปัญหาเรื่องสุขภาพเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็นับได้ว่าท่านทั้งสองได้ฝากฝีมือไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมและกล่าวถึงไปอีกนานเท่านาน. ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Create Date : 04 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 12 ธันวาคม 2555 10:00:51 น. |
|
33 comments
|
Counter : 2150 Pageviews. |
|
|