เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 3 (จบ)
ตอนที่ 3 ธรรมเนียมปฏิบัติที่ศาลเจ้าพ่อด่ายเวือง (ศาลเจ้าประจำหมู่บ้านนาจอก) เคยกล่าวแล้วว่าที่ศาลเจ้าพ่อด่ายเวืองมีธรรมเนียมการเต๋ (นมัสการ,สักการะ-Tế) ปีละ 2 ครั้งเท่านั้นซึ่งครั้งที่สำคัญที่สุดคือช่วงเทศกาลตรุษเวียตนามหรือเต๊ดนั่นเอง ในช่วงวันทีี่่ 30 เดือน 12 (30 tháng chạp) จะมีการเต๋รอบแรก เรียกกันตามที่คุ้นว่า "วันเข้า" และการเต๋รอบที่สอง จะมีในวันที่ 1เดือน 1 (Mồng một tháng giêng) ตามปฏิทินจันทรคติ จะเรียกว่าวันออก ก่อนจะถึงวันดังกล่าวประมาณ 1 สัปดาห์กรรมการศาลเจ้าก็จะมีการนัดหมายชาวบ้านมาพัฒนาทำความสะอาด (làm vệ sinh) บริเวณศาลเจ้าทั้งภายในตัวศาลเจ้า และบริเวณโดยรอบ มีการประดับประดาดอกไม้ ตัดแต่งต้นไม้ และบางปีก็มีการประดับธง 5 สี (เก่อหงูซรัก-cờ ngũ sắc หรือ เก่อเดน-cờ Đền) ซึ่งเป็นธงที่เป็นสัญลักษณ์บอกอาณาเขตสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะศาลเจ้าตามธรรมเนียมนิยมที่ประเทศเวียตนามที่มักนิยมปักธงนี้ในเทศกาลสำคัญ ๆ ในช่วงวันตรุษเวียตนามหลังจากแต่ละครอบครัวเสร็จสิ้นการไหว้บรรพบุรษที่บ้านในช่วงบ่ายแก่แล้วแต่ละครอบครัวก็จะจัดเตรียมชุดไหว้ 1 ถาด อันประกอบด้วยไก่ต้มสุก (gà cánh tiên) 1 ตัว ข้าวเหนียวนึ่ง 1 จาน ใบพลู 3 ใบ หมาก 1 ลูก ส่วนเหล้าขาวและน้ำชา อย่างละ 1 จอกทางศาลเจ้าจะจัดเตรียมไว้ให้ การนำส่งถาดไหว้ของแต่ละครอบครัวนั้นจะมีใบบอกไปยังแต่ละบ้านว่าจะได้คิวส่งถาดไหว้วันใดวันหนึ่งเท่านั้น (อาจเป็นวันเข้า หรือวันออกรอบใดรอบหนึ่ง) โดยจะหมุนเวียนสับเปลี่ยนไปแต่ละคุ้มในแต่ละปี (บ้านนาจอกส่วนบ้านใหม่แบ่งเป็น 3 คุ้ม) ค่ำคืนวันสิ้นปีนับเป็นช่วงเวลาสำคัญของเทศกาลตรุษเวียตนามที่บ้านนาจอกเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ของทุกครอบครัวจะมารวมกันที่ศาลเจ้า เสียงพูดคุยกันของลูกหลานผู้พลัดถิ่นฐานบ้านเกิดไปทำมาหากินที่อื่น ปีละ 1 หนจะได้กลับมาพบปะกันจึงมีเรื่องวิสาสะพูดคุยกันมากมาย พิธีเต๋จะเริ่มขึ้นราว 3 ทุ่มโดยกรรมการศาลเจ้าประมาณ 10 คนจะแต่งการด้วยชุดเวียตนามสีดำดูเคร่งขรึมศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ร่วมกันทำพิธีไปพร้อมกับเสียงกลองและเสียงฆ้องอันดุดัน แข็งแกร่ง เป็นจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์สำัคัญของศาลเจ้าของบ้านนาจอก บุคคลสำคัญในช่วงพิธีเต๋นั้น มี 3 คน กล่าวคือ 1. บุคคลผู้บอกบท (เสือง-Xương) ทำหน้าที่คล้ายพิธีกรคอยอ่านบทเพื่อบอกขั้นตอนการทำพิธี 2. บุคคลที่อ่านบทไหว้ (วันเต๋-Văn tế) จะต้องอ่านบทไหว้ 18 แถวด้วยการอ่านเอื้อนเสียงคล้ายการอ่านร่ายในพิธีการสังเวยแบบพราหมณ์ 3. บุคคลผู้เป็นตัวแทนในการทำพิธี จะเป็นผู้คารวะ ลุกนั่งตามแบบการคารวะแบบเวียตนาม ส่วนบุคคลอื่นนั้นก็จะมีบทบาทหน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่งอื่น ๆ ต่างคนต่างเป็นส่วนเติมเต็มให้พิธีกรรมการเต๋แต่ละครั้งสมบูรณ์จะขาดคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ปัจจุบันพิธีเต๋ที่บ้านนาจอกกำลังอยู่ในช่วงผลัดใบกล่าวคือผู้อาวุโสรุ่นใหญ่ (อายุ 80 ปีขึ้นไป) จะถอยออกมาเป็นพี่เลี้ยงคอยกำกับฝึกสอนคนรุ่นใหม่ (ซึ่งก็ไม่ใหม่ทีเดียวเพราะอายุประมาณ 60-79 ปี) ให้สืบทอดพิธีเต๋นี้ต่อไป และด้วยการวางแผนจัดการดังกล่าวเรื่อยมารุ่นต่อรุ่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานธรรมเนียมที่ศาลเจ้าให้คงอยู่มาได้นับร้อยปี และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอย่างแพร่หลายในฐานะ "หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียตนาม" ตั้งแต่เล็กจนโตลูกหลานบ้านนาจอกไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่นล้่วนมุ่งมาสักการะขอพรที่ศาลเจ้า ทั้งที่ล้มหายตายจากกันไปก็มากต่อมาก แต่ความลับที่อยู่ในกระดาษ 1 ใบ (วันเต๋) ก็ดูเหมือนจะเป็นความลับเรื่อยมาเพราะไม่ใคร่จะมีคนสนใจใฝ่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร มันบอกอะไร แต่อาจเพราะคำว่า "ศรัทธา" เพียงคำเดียวคงจะเพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลการมุ่งมาสักการะขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ วันเต๋ที่ผมเพิ่งจะได้มีโอกาสได้เห็นเป็นครั้งแรกเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นฉบับที่ถูกพิมพ์ขึ้นใหม่ตามต้นฉบับเดิมที่เขียนด้วยลายมือผู้อาวุโสสืบทอดกันมานับร้อยปีโดยในวันเต๋หรือบทเต๋นั้นแบ่งเป็นแถวบรรจุคำสักการะจำนวน 18 แถว จึงอยากนำมาสังเขปเผยแพร่ให้ได้มีโอกาสรู้ความลับดังกล่าวนี้เสียที - แถวที่ 1 เป็นการบอกวันเดือนปีที่ทำพิธีโดยการเีขียนนั้นจะยึดหลักการเรียงวันเดือนปีแบบจีนกล่าวคือเรียงจาก ปี-เดือน-วัน ภาษาเวียตนามที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นคำยืมจากภาษาจีน - แถวที่ 2 เป็นการกล่าวว่าเจ้าภาพในการไหว้คือชาวบ้านนาจอกทุกคน - แถวที่ 3 เป็นการอ่านรายการของไหว้ซึ่งประกอบไปด้วย หมากพลู เหล้าขาว กระดาษเงินกระดาษทอง ธูป น้ำ และเครื่องเซ่นไหว้ประกอบอื่น ๆ ยกขึ้นเพื่อสักการะ - แถวที่ 4-6 เป็นการกล่าวนามของเทพเจ้าที่อยู่ในศาลเจ้าทีละองค์เริ่มจากองค์ประธานไปหาองค์เล็กสุด สรุปองค์ประธานคือ เทพเจ้าหรือกษัตริย์ เจิ่น ฮึง ด่าว แต่ที่ชื่อท่านยาวมากก็คงคล้าย ๆ กับการขนานพระนามกษัตริย์ไทยที่มักจะยาวมากแต่ก็คล้องจองไพเราะ - แถวที่ 7 เทพเจ้าองค์ต่อมาก็คือ ประธานาธิบดีโฮจิมินทร์ ผู้เป็นดังเทพเจ้าของชาวเวียตนามทั่วโลก - แถวที่ 8 เทพเจ้าองค์ต่อมาเป็นแม่ทัพผู้เก่งกล้าในอดีต - แถวที่ 9 เทพเจ้าผู้เป็นแม่ทัพของกษัตริย์ เจิ่น ฮึง ด่าว - แถวที่ 10 เทพเจ้าผู้เป็นสตรี ซึ่งถือกันว่าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดเทพเจ้าองค์ประธานของศาลเจ้า (เป็นคตินิยมของศาลเจ้าแทบทุกแห่งของเวียตนามที่จะมีการบูชาแม่ผู้ให้กำเนิดเทพเจ้าองค์ประธานหรือองค์หลักของแต่ละศาลเจ้า) - แถวที่ 11 เป็นเทพเจ้าอีกหนึ่งองค์ - แถวที่ 12 -13 เป็นขุนนางฝ่ายซ้าย และขุนนางฝ่ายขวา - แถวที่ 14 -17 ช่วงแรกเป็นการกล่าวเทิดทูนสักการะเทพเจ้าทุกองค์ที่ช่วยปกปักรักษาทุกคนให้ร่มเย็นเป็นสุข ช่วงกลางเป็นการกล่าวว่าทุกคนได้เตรียมเครื่องสักการะมาถวายแด่เทพเจ้าทุกองค์ และขอให้เทพเจ้าทุกองค์รับเครื่องสักการะเหล่านี้ไว้ ส่วนช่วงท้ายเป็นการขอพรให้ทุกคนในหมู่บ้านอยู่อย่างสงบร่มเย็น ทำมาค้าขึ้น ร่ำรวยเงินทอง ประสบแต่สิ่งดีงาม - แถวที่ 18 เป็นการกล่าวเชิญเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าประตูซ้ายขวาของศาลเจ้ารับเครื่องเซ่นไหว้ร่วมกับเทพเจ้าทั้งหลายในศาลเจ้า การเต๋จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที จึงจะแล้วเสร็จจากนั้นจึงจะมีการลำเลียงถาดไหว้ (ไก่ต้ม+ข้าวเหนียว) ลงไปที่ห้องครัวเพื่อจัดเตรียมแบ่งแต่ละถาดให้เป็น 2 ส่วน (สับไก่แบ่งเป็น 2 ส่วน) ส่วนแรกจะจัดมารับประทานร่วมกันที่ศาลเจ้า ส่วนที่สองจะมอบให้เจ้าของถาดนำกลับไปรับประทานร่วมกันครอบครัว ในระหว่างการรอการจัดถาดดังกล่าวกรรมการศาลเจ้าจะดำเนินการดังนี้ 1. อ่านรายชื่อและยอดเงินผู้ร่วมบริจาค 2. อ่านรายงานทางการเงิน รายรับ - รายจ่าย รายละเอียดที่สำคัญและงบดุลคงเหลือของเงินศาลเจ้า 3. การรับรองบุคคลที่ขอเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของศาลเจ้า (จะมีการจัดถาดหมากพลูมาคารวะ) 4. การแต่งตั้งผู้อาวุโสประจำศาลเจ้า (โก่ด่าว-Cố đạo) คนใหม่ทดแทนคนเก่าที่หมดวาระ (มีวาระ 1 ปี แล้วแต่งตั้งใหม่ซึ่งอาจแต่งตั้งคนเก่าอีกก็ได้) โดยผู้อาวุโสจะเป็นผู้รับผิดชอบอำนวยการดูแลกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมที่ศาลเจ้าทั้งหมด โดยเฉพาะการไหว้หร่ำ (ขึ้น 15 ค่ำ) เป็นประจำทุกเดือน โดยธรรมเนียมการตั้งโก่ด่าวนั้นจะมีหลักปฏิบัติหลายประการกล่าวคือ - ผู้อาวุโสต้องเป็นชายที่มีภรรยาและภรรยายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ดังนั้นชายโสดหรือชายที่ตกพุ่มม่ายจึงเป็นข้อห้ามหลักของการเป็น โก่ด่าว - โก่ด่าวที่ได้รับการแต่งตั้งต้องงดเว้นการไปร่วมงานศพหรืองานที่เกี่ยวเนื่องกับวิญญานที่ยังไม่ทำพิธีออกทุกข์ (100 วัน) - หากมีเหตุจำเป็นที่ต้องไปงานศพต้องไม่ขึ้นบ้าน หรือไม่เข้าไปในบริเวณพิธีขณะที่มีการตั้งศพอยู่และงดเว้นรับประทานอาหารในงานศพ รวมถึงน้ำดื่มก็ห้ามดื่ม - งดเว้นการไปเยี่ยมผู้ป่วยหนักที่กำลังจะสิ้นลม - หากมีญาติพี่น้องที่นับความสัมพันธ์ได้ในตระกูลของตนหรือตระกูลของภรรยาเสียชีวิตอันเป็นเหตุให้ต้องไว้ทุกข์จะต้องไปทำพิธีที่ศาลเจ้าเพื่อขอออกจากการเป็น โก่ด่าว ทันที 5. การแต่งตั้งพ่อบ้านประจำศาลเจ้า (เฮืองมุก-hương mục) โดยกรรมการศาลเจ้าจะแต่งตั้งสามีภรรยา 2 คู่/1ปี เป็นผู้ดูแลทั่วไปในอาณาเขตของศาลเจ้ารวมถึงธุรกรรมอันเกี่ยวข้องกันศาลเจ้า ทั้งการดูแล การทำความสะอาด การจัดโต๊ะ จัดเตรียมถ้วยโถโอชาม จัดเตรียมถาดอาหาร สับไก่ ต้มน้ำชา บริการน้ำดื่ม และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ต้อนรับผู้ที่มาร่วมงานที่ศาลเจ้า รวมถึงการซักล้าง และคอยบริการทั่วไป เฮืองมุกนั้นนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีความเสียสละ น่ายกย่อง น่าชื่นชมมากเนื่องจากเป็นงานอาสาไม่มีค่าตอบแทนแต่ต้องรับภาระที่ค่อยข้างเหนื่อยและหนักมากดังนั้นหากสามีภรรยาคู่ใดต้องทำหน้าที่นี้ คนในตระกูลนั้นก็มักจะร่วมแรงร่วมใจกันทำภารกิจดังกล่าวร่วมกันให้เรียบร้อยบริบูรณ์ เมื่อพิธีกรรมต่าง ๆ ในศาลเจ้าเสร็จสิ้นลงก็จะมีการจุดประทัดสายยาวเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วคุ้งน้ำหนองญาติ เพื่อเป็นสัญญานการเริ่มต้นเทศกาลเฉลิมฉลองตอนรับวันตรุษเวียตนาม ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปร่วมฉลองกับสมาชิกในครอบครัวหรือว่าจะเป็นการร่วมกันไหว้บรรพบุรุษรอบดึก (Cúng cỗ chè - กุ๋ง โก๋ แจ่) อรุณรุ่งแห่งเช้าวันตรุษเวียตนามมาถึงหลังจากสมาชิกของครอบครัวร่วมกันต้อนรับแสงแรกรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ในวันแรกของปี (Tết Nguyên Đán) ของปีแล้วสมาชิกส่วนหนึ่ง (น้อยกว่าช่วงกลางคืนที่มีลูกหลานวัยรุ่นมากันมา) ซึ่งส่วนมากมักเป็นวัยผู้ใหญ่ก็จะมาร่วมพิธีเต๋อีกครั้งหนึ่งซึ่งพิธีการและขั้นตอนเหมือนกันทุกประการกับรอบ "วันเข้า" แต่จะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองหลังจากทำพิธีเสร็จ แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาหลังจากเต๋เสร็จก็คือการกล่าวอวยพรวันตรุษเวียตนาม (chúc tết) สมาชิกศาลเจ้าทุกคนโดยผู้แทนผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะกล่าวเป็นภาษาเวียตนามที่มีสำนวนสละสลวยไพเราะ และต่อด้วยการกล่าวอวยพรปีใหม่ (ตรุษเวียตนาม) ด้วยภาษาไทยโดยผู้ใหญ่บ้านนาจอก จากนั้นก็จะร่วมกันรับประทานไก่ไหว้ หมูหัน ข้าวเหนียวนึ่ง แกล้มกับผักดองกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปฉลองและทำภารกิจต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัวในวันพิเศษที่สุดนี้ ไม่ว่าเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปกี่วันตรุษเวียตนาม ลูกหลานชาวบ้านนาจอกใกล้ไกลก็ไม่เคยลดน้อยลงมีแต่จะเพิ่มพูนหลั่งไหลมาสักการะขอพรที่ศาลเจ้าในช่วงวันตรุษเวียตนามเช่นนี้เรื่อยไป สมดังเกิ่วโด๋ยจารึกที่ฝั่งหนึ่งของซุ้มประตูทางเข้าศาลเจ้าที่ว่า "Khắp đường Bạn Mạy khách thập phương qua lại lễ thánh cầu an" "ลูกหลานบ้านนาจอกทั่วทุกคน กับทั้งผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ล้วนมุ่งสู่ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการะขอพร" ย้อนอ่านตอนที่ 1 ย้อนอ่านตอนที่ 2
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอขอบคุณ Pharada Aphichotthayachai ผู้เป็นกัลยาณมิตร ที่คอยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แนะนำ และให้ความช่วยเหลือเรื่องการแปล และตัวสะกดภาษาเวียตนาม ทำให้บทความตอนนี้มีความบริบูรณ์ครบถ้วนที่สุดตอนหนึ่งจาก 65 ตอนที่ผมได้เรียบเรียงขึ้นตลอด 3 ปี หากบทความนี้ได้มีโอกาสถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง สู่ลูกหลานบ้านนาจอกที่จะได้มีโอกาสอ่านในวันข้างหน้าผมขออุทิศความดีงามที่พึงมีจากบทความตอนนี้ แก่ชาวบ้านนาจอกผู้ล่วงลับไปก่อนหน้า ที่ช่วยสร้างสรรค์รักษาธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามเป็นเอกลักษณ์และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้ลูกหลานบ้านนาจอกรุ่นหลังได้ภาคภูมิใจ ขอบคุณพ่อ-แม่ (และบ่าผู้ซึ่งขณะนี้อยู่ในที่ห่างไกล) และขอบคุณน้องชายของผม ที่ช่วยปูพื้นฐานภาษาเวียตนามให้ แม้จะไม่เคยนั่งเรียนเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่การเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็ทำให้ผมสามารถปีนข้ามกำแพงภาษาเวียตนามที่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับบ้านนาจอกลงได้สำเร็จ....ขอบคุณจริง ๆ ครับ
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2557 |
Last Update : 4 สิงหาคม 2561 9:45:57 น. |
|
10 comments
|
Counter : 3052 Pageviews. |
|
|