|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กลอง และฆ้องในงานศพ
ธรรมเนียมงานศพแบบเวียตนาม กลองและฆ้อง เป็นส่วนสำคัญในพิธีที่จะขาดเสียมิได้
กลองจะถูกตีเพื่อบอกข่าวการตายเป็นครั้งแรกที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน โดยจังหวะที่ตีจะเป็นจังหวะเฉพาะซึ่งต่างไปจาก การตีกลองประชุม หรือกลองเวลามีพิธีที่ศาลเจ้า จังหวะที่ตี
1. จังหวะปกติ
ตี 1 -2/ 1/ 1
.. ตีไปเรื่อย ๆ โดยจะเริ่ม ไวขึ้น ๆ ในจังหวะ 1 ครั้งท้าย ๆ ตีแบบนี้ไปสามรอบ พอรอบที่สี่ ก็ตี 1-2-3/1-2/1-2/1-2 สรุปคือในรอบสุดท้ายตีให้รวมกันได้ 9 ครั้ง ก็เป็นอันจบหนึ่งชุดของการตี
ส่วนฆ้องก็เป็นพระรอง ตีล้อไปกับกลองทุกจังหวะ กลอง 1-2 ฆ้องก็ 1-2 ด้วยกลอง 1 ฆ้องก็ 1 ไปด้วย แม้ว่าผมจะคุ้นชินกับเสียงแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ทว่าได้ยินครั้งใด ก็จะหมายความว่าผมได้สูญเสียญาติพี่น้องไปอีกหนึ่งแล้ว ดังนั้นได้ยินทุกครั้งก็รู้สึกใจหาย หวิว-หวิวยังไงชอบกล
จังหวะปกตินี้ จะตีวันหนึ่ง หลายรอบ ๆ เช้า กลางวัน เย็น และช่วงหัวค่ำที่มีคนมาร่วมงานเยอะ ๆ และอาจจะตีก่อนจะมีการประกาศ และก่อนทำพิธีใดๆในงานศพเสมอ
2. จังหวะยกศพ
จังหวะยกศพจะตี 1-2-3/ 1-2-3/
..รัว ๆ เร็ว ๆ ไปกระทั่งการยกศพเสร็จสิ้นการตีครั้งแรกของจังหวะนี้คือ ช่วงการบรรจุศพเข้าโลงศพ เรียกเป็นภาษาเวียตว่า เหลื่อม
การตีครั้งที่สองของจังหวะนี้คือ การตีช่วงยกศพลงจากบ้าน เพื่อขึ้นรถเคลื่อนไปฝังที่สุสาน การตีจังหวะนี้ลูกหลานเวียตล้วนแต่คุ้นเคยกันทั้งนั้น และจะเดาได้เลยว่าตอนนี้ที่งานศพเค้าทำอะไรถึงไหนกันแล้ว
จังหวะรัวเร็วแบบนี้จะตีหลายชุดถี่ ๆ เพื่อเตือนก่อนพิธีเคลื่อนศพไปฝังจะเริ่มขึ้น และอีกนัยถือเป็นการเร่ง และเรียกคนให้มาร่วมงาน
ส่วนการตีจังหวะนี้ครั้งสุดท้ายก็ช่วงยกศพลงจากรถ เพื่อไปเกยที่ปากหลุมศพก่อนทำพิธีส่งศพ (ฝังศพ)
คนตีกลอง
คนตีกลองหลัก ๆ ก็จะได้รับมอบหมายไว้เฉพาะคนตลอดงาน แต่ก็จะมีคนที่ตีได้ช่วย ๆ กันตีเมื่อถึงเวลาที่ควรจะตีในแต่ละวัน ตรงนี้มีเคล็ดอยู่หน่อยว่าคนที่ตีต้องไม่เป็นญาติที่รับผ้าขาว (ไว้จะเล่าเรื่องผ้าขาวตอนถัด ๆ ไป) แต่ถ้าประสงค์จะตีเพราะเค้าไม่มาตีตามเวลาก็ทำได้ โดยต้องถอดผ้าขาวออกก่อนตีกลอง ตรงนี้ไม่รู้สาเหตุว่าทำไม ถามใครก็ไม่ได้คำตอบ
ตำแหน่งของกลอง
สมัยก่อนก็จะแขวนไว้ตามคานหรือตะปูดอกใหญ่ ๆ ที่ตอกไว้แน่นกับแผ่นไม้ แต่สมัยนี้ก็มีเหล็กที่ทำขึ้นสำหรับแขวนให้เป็นที่เป็นทาง แลดูสวยงามไม่เกะกะ
ส่วนวันเคลื่อนศพ แต่ก่อนนั้นก็จะใช้ไม้คาน แล้วใช้สองคนหาม หนึ่งคนตี ทั้งกลองและฆ้องทำเหมือนกัน สังเกตจากภาพเก่า สองข้างจะมีคนตีกลองกับฆ้องอยู่คนละฝั่ง
ยังจำได้สมัยยังหนุ่มๆ ที่ยังอยู่ที่บ้านเคยโดยเกณฑ์ไปแบกฆ้องกะเค้าด้วยครั้งสองครั้ง แต่สมัยนี้ก็สบาย ๆ ยกไอ้เซทที่เห็นนี้ขึ้นท้ายรถกะบะ นั่งตีไปแบบสบาย ๆ ที่ว่าสบายเพราะว่าคนอื่นเค้าเดินเท้ากันในวันเคลื่อนศพ ตำแหน่งของกลองและฆ้องก็จะอยู่ตรงกลางขนานไปกับทิวธงทั้งสองข้าง
ทำไมต้องตีกลอง
ผู้ใหญ่เค้าเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนที่หมู่บ้านยังมีแต่ป่าทึบ ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กันการตีกลองช่วยได้มากเป็นการส่งข่าวถึงกัน ให้รับรู้ว่าศพยังตั้งอยู่ที่บ้านเพื่อรอทำพิธีฝังศพต่อไป
แต่ผมว่ามันคงเทียบเคียงได้กับการประโคมย่ำยามของงานศพของ คนชั้นสูงตามประเพณีแบบเขมร ไทย และพม่า ประมาณนั้นแหละ
เป็นอันจบเรื่องกลอง และฆ้องในงานศพแบบเวียตนามแต่เพียงเท่านี้ ไว้คราวหน้าจะเขียนเรื่องผ้าขาว กับการไว้ทุกข์ก็แล้วกันนะ
ปล. เรื่องที่เขียนในบล๊อกก็เป็นแต่เพียงความทรงจำ ของผม และคำบอกเล่าของผู้ใหญ่ ตั้งใจเขียนเล่าให้อ่านเพลิน ๆ และให้ได้ชมภาพที่หายาก ดังนั้น ผิดตก ขอยกเว้นนะครับ
Create Date : 26 มิถุนายน 2554 |
|
32 comments |
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 16:49:00 น. |
Counter : 4738 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 3 กรกฎาคม 2554 14:20:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 4 กรกฎาคม 2554 10:38:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 5 กรกฎาคม 2554 11:22:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 223.204.62.220 5 กรกฎาคม 2554 20:02:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 7 กรกฎาคม 2554 12:34:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 49.48.137.216 7 กรกฎาคม 2554 20:08:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 10 กรกฎาคม 2554 6:01:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไก๊ด IP: 124.122.235.197 10 กรกฎาคม 2554 22:07:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 กรกฎาคม 2554 5:57:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 12 กรกฎาคม 2554 6:14:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้าโก่ว 12 กรกฎาคม 2554 9:19:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จากการค้นทางเน็ตทราบว่า ในเวียดนาม เพิ่งมีการขุดค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 80 ปีมานี่เอง ทางชุมชนโบราณตอนเหนือและภาคกลาง...ซึ่งยังคงเป็นปริศนาว่าใช้เพื่อการใด
ขอบคุณครับที่นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เสียดายที่ไม่ได้ยินเสียงและจังหวะการตีกลองจริงๆ