ซึ่งโรงแรมเชอราตันที่ดูไบจะมีสองที่นะคะ ที่นี่จะอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้า Mall of Emirates เลย (โรงแรมที่ติดห้างนี้จะมีสองโรงแรมค่ะ คือโรงแรมนี้กับเคมปินสกี้นะคะ) ซึ่งเชอราตันนี้เหมาะกับขาช็อปปิ้งมากๆ ค่ะ และภายในห้างยังมีคาร์ฟูร์ซึ่งปิดเที่ยงคืนด้วยนะคะ เราสามารถจะไปช็อปปิ้งสิ่งต่างๆ ได้มากมาย อย่างแอดมินไปรอบนี้ก็ได้ทั้งนม (ที่อร่อยมากๆ) และอินทผลัมมาฝากคนที่ประเทศไทยด้วยค่ะ
นี่ก็คือหน้าตาของล็อบบี้ชั้นกราวด์ฟลอร์นะคะ ซึ่งเค้าก็จะนำเวลคัมดริ๊งค์มาบริการให้ที่ชั้นนี้ด้วยค่ะ เป็นน้ำเปรี้ยวๆ ที่มีกลิ่นมินท์นะคะ
สำหรับที่โรงแรมนี้ รถจะจอดที่ชั้นล่างสุดก่อน (ชั้นกราวด์ฟลอร์ตามภาพด้านบนเนี่ยค่ะ) ซึ่งเราจะต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อทำการเช็คอินค่ะ ออกจากลิฟท์ชั้นห้าไป เลี้ยวทางขวามือก็จะเห็นตามภาพเลยค่ะ ทางขวามือจะเป็นทางออกไปที่ระเบียงซึ่งจะเป็นบาร์ในยามค่ำคืนด้วยค่ะ
ชอบตรงโคมระย้าตรงนี้มากเลยค่ะ สวยแหละ (แม้พื้นที่บริเวณเคาน์เตอร์ตรงใกล้ลิฟท์ตัวนี้จะคับแคบไปหน่อยสำหรับเรานะคะ) ถ้าเดินลอดใต้โคมระย้านี้ไปก็จะเป็นลิฟท์สำหรับขึ้นห้องพัก ถัดไปก็จะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อในการเช็คเอาท์เช็คอินค่ะ
ส่วนภาพนี้คือวิวจากระเบียงที่จะเป็นบาร์ที่เล่าให้ฟังนะคะ แต่เพื่อนร่วมทริปบอกว่าเหล้าแพงถึงแพงมาก แพงเกินเหตุค่ะ ฮาา
ข้อดีอีกอย่างของการพักที่นี่คือ เขามีไวไฟให้ใช้ฟรีค่ะ ความแรงก็ใช้ได้เลย โอเคเลยค่ะ ทั้งนี้เราจะต้องใส่นามสกุลของเราและเบอร์ห้องสำหรับการใช้เป็น username และ password ตามภาพเลยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะต้องเข้าบราวเซอร์ก่อนเพื่อทำการล็อกอินแหละค่ะ
นอกจากนั้นก็มีการมอบการ์ดใบเล็กๆ ให้ เป็นห้องพักของผู้ดูแลพวกเราค่ะ รวมทั้งคำอธิบายโดยย่อของสิ่งที่ต้องทำสำหรับการเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยค่ะ ฮาา
(ป.ล.ชอบข้อสุดท้ายมากๆ ถูกจริตเราสุดๆ ค่ะ อิอิ)
จากนั้นก็จะขึ้นลิฟท์ด้านหน้าเคาน์เตอร์เพื่อไปยังห้องพักของเราอีกทีนะคะ แต่ลิฟท์ตัวนี้จะต้องใช้การ์ดในการแสกนก่อนจะกดชั้นที่เราพักค่ะ นี่คือหน้าตาของการ์ดสำหรับใช้สแกนทั้งในลิฟท์ (ที่ลูกศรชี้นะคะ) และห้องพักค่ะ
หลังจากขึ้นลิฟท์ไปแล้ว ก็เข้าไปดูห้องพักกันค่ะ อย่างที่บอกว่าต้องสแกนบัตรก่อนเข้าห้องพักนะคะ สแกนแล้วไฟเขียวขึ้นก็เข้าห้องได้ค่ะ ซึ่งที่นี่ใช้ระบบคีย์บ็อกซ์ ต้องนำการ์ดเสียบเพื่อให้ระบบไฟในห้องทำงานค่ะ แต่เค้าทำการ์ดมาให้สองใบ ถ้าใครขี้ร้อนและอยากเปิดแอร์ไว้ตลอดหรือต้องชาร์จอะไรก็ตามแต่ ก็จะค่อนข้างสะดวกค่ะ เสียบการ์ดใบหนึ่งไว้ได้ตลอดเลย ส่วนอีกใบก็พกไว้เปิดห้องหละนะคะ
เข้าไปดูห้องพักกันค่ะ เปิดเข้าไปปุ๊บ ห้องนี้ห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือนะคะ โรงแรมนี้มีทั้งเตียง Double และ Twin ค่ะ แต่ดูเหมือนเตียง Twin จะเยอะกว่าหน่อยหนึ่ง ห้องกว้างขวางตามสมควร และห้องน้ำก็จะเป็นกระจกใสมองเห็นทะลุได้ตามภาพเลยค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ มีม่านให้ค่ะ กดให้เลื่อนมาปิดได้นะคะเพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ ซึ่งตัวฝักบัวที่นี่มีเรนชาวเวอร์ด้วยนะเออ (เดี๋ยวพาไปดูห้องน้ำละเอียดๆ อีกทีนะฮับ
นอกจากนั้นที่ทีวี (ซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้เปิดใช้บริการดูรายการใดๆ เลย เหอๆ) ก็จะมีข้อความเวลคัมพร้อมชื่อ-นามสกุลเราแบบถูกต้องเป๊ะๆ ด้วยค่ะ
ข้างๆ เตียงก็จะมีเดย์เบดให้ตามภาพเลยนะคะ แต่ห้องของโรงแรมนี้ไม่มีระเบียงค่ะ แต่เป็นกระจกบานใหญ่ๆ ให้ดูวิวได้แทนนะฮับ
ถ่ายย้อนกลับไปที่ประตูเข้าห้อง เพื่อให้เห็นความกว้างของห้องนะคะ
มีกาน้ำร้อนและชา-กาแฟให้ฟรีด้วยนะคะ และน้ำเปล่าห้องละสี่ขวด (อันนี้ชอบมากๆ) แต่อยู่นอกตู้เย็นนะคะ ถ้าชอบดื่มน้ำเย็นๆ ก็เอามาแช่แล้วกันนะคะ นอกนั้นอย่างอื่นเสียตังค์หมดค่ะ รวมทั้งในตู้เย็นด้วยนะฮับ