http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 มกราคม 2548
 
All Blogs
 

ชำแหละปีศาจ Monster – ใครกันแน่ที่เป็น ‘ปีศาจ’?

โดย merveillesxx



Monster (n.) = ปีศาจ
ใครกันแน่ที่เป็นปีศาจ?
ไอลีน วัวร์นอส ผู้หญิงที่ฆ่าคนไปถึง 7 คน?
เซลบี้ ที่หักหลังไอลีน?
สังคมที่บีบคั้นและผลักดันให้ไอลีนต้องทำบางสิ่งบางอย่าง?
หรือ คนที่ตัดสินผู้อื่นว่าเป็นปีศาจ?
------------------------------------------------
Monster เปิดฉากด้วยชีวิตในวัยเยาว์ของไอลีน (ชาร์ลิซ เธียรอน – ที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปจนพวกเราแทบไม่อยากจะเชื่อ) เฉกเช่นกับเด็กสาวทั่วไปเธอมีความฝัน ฝันว่าจะเป็นคนสวย ฝันอยากจะรวย ฝันอยากเป็นเหมือนมาริลีน มอนโร ความฝันนั้นเป็นดั่งพลังแห่งชีวิต เป็นสิ่งที่ผลักดันให้ชีวิตดำรงอยู่ต่อไป แต่ในบางครั้งความฝันก็ย้อนตามมาทำร้ายเราในรูปแบบของ “ฝันร้าย” ในชีวิตจริง หากว่าเราเอาแต่ฝัน แต่ไม่ได้ลงมือทำ หรือสำหรับคนบางคนที่ลงมือทำแล้วแต่มันมิอาจเป็นจริง

คำถามคือ ความฝันนั้นเป็นความฝันของตัวเราเอง หรือความฝัน-ความต้องการของสังคม รูปลักษณ์ที่สวยงาม ความร่ำรวยและการมีชื่อเสียง ล้วนแล้วแต่เป็นความคาดหวังของสังคมทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่เป็นในตามแบบ (form) นั้นๆ จะกลายเป็น “คนนอก” ไปโดยปริยาย กรอบเฟรมภาพที่เล็กแคบในฉากแรกคงมิใช่อื่นใดนอกจาก “กรอบ” ของสังคมที่ไอลีน (และเราทุกคน) ต้องเผชิญอยู่

…ริค วชิรปิลันธิ์ กล่าวไว้ในบทเพลงของเธอว่า “คนเราทุกวันนี้อยู่ใต้ส้นตีนของสังคม”

เมื่อฝันนั้นมิอาจบรรลุได้ด้วยตนเอง ไอลีนจึงต้องการ “ใครสักคน” ที่จะทำให้เธอไปสู่ฝันนั้น พาไปสู่ชีวิตใหม่สู่โลกใหม่ (new life, new world) หากมันจะผิด ก็คงผิดที่วิธีการหาคนๆนั้นของเธอ เธอเปิดหน้าอกให้พวกผู้ชายดู เมื่อดูเสร็จพวกเขาก็จากไป เธอยอมนอนกับผู้ชาย แต่เมื่อเสร็จกิจเขาก็ไล่เธอลงรถเหมือนหมูเหมือนหมา … นั่นเป็นก้าวแรกที่เธอเริ่มเดินเข้าสู่หนทางชีวิตของ “โสเภณี”

…และวันที่ “ใครสักคน” เข้ามาในชีวิตของเธอก้าวมาถึง

เซลบี้ (คริสติน่า ริชชี่) คือคนที่พูดกับเธอว่า “ฉันแค่อยากจะทำความรู้จักกับคุณ” และกล่าวชมไอลีนว่า “คุณเป็นคนสวย” ไอลีนเปรียบเหมือนคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มืดมิด อยู่ในโลกชั้นใต้ต่ำที่สุด ไม่ใครสนใจเธอ ไม่มีใครให้ความสำคัญแก่เธอ ผู้คนมานอนกับเธอ-จ่ายเงิน-แล้วก็ไป ส่วนเธอก็แค่ได้เงิน-กิน-ตื่น-นอนกับผู้ชาย วงจรชีวิตแบบนี้ ทำให้เธอกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตน (nobody)
แต่การมาของเซลบี้ทำให้เธอกลายเป็น “คนบางคน” (somebody) เซลบี้ให้ความสำคัญแก่เธอ คอยพูดคุยกับเธอ เลี้ยงเหล้า ไปเที่ยวด้วยกัน ที่สำคัญคือเซลบี้พาไอลีนผู้ที่ใช้ชีวิตเตร็ดเตร่บนถนน ได้รู้จักกับ “บ้าน” (เซลบี้พาไอลีนไปนอนที่บ้านของเธอ) บ้านที่อบอุ่น เตียงนุ่มๆ ผ้าห่มหนา และคนที่นอนเคียงข้าง แม้ตอนหลังทั้งสองจะไม่ได้อยู่ในบ้านนั้นอีกต่อไป (ทั้งคู่หนีไปด้วยกัน) แต่ก็ไม่สำคัญเพราะทั้งคู่เป็น “บ้าน” ให้ซึ่งกันและกัน

ที่สำคัญกว่าก็คือ เซลบี้เป็น “ผู้หญิง”

ไอลีนผู้ถูกผู้ชายกระทำย่ำยีมาทั้งชีวิต วัยเด็กเธอถูกเพื่อนพ่อข่มขืน เธอบอกพ่อแต่เขาก็ไม่เชื่อ เมื่อโตขึ้นเธอเป็นโสเภณี เป็นที่รองรับอารมณ์ของผู้ชาย บางคนก็นอนด้วย แต่บางคนซ้อมเธอ ด้วยเหตุเหล่านี้หัวใจของเธอคงไม่สามารถรักผู้ชายได้อีกต่อไป แต่เซลบี้คือผู้หญิงที่ไม่รังเกียจเธอแม้จะรู้ว่าเธอเป็น “อีตัว” ไอลีนจึงค้นพบความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง และเจอ “ใครสักคน” ของเธอแล้ว

จากนั้นทั้งสองจึงตัดสินใจจะเดินทางชีวิตร่วมกัน ไอลีนเลิกเป็นโสเภณี เสนอตัวว่าจะเป็นคนหาเงินเอง เธอออกไปหางานสุจริตทำ แต่ผลที่ได้มาคือไม่มีใครยอมรับเธอ เพราะเธอไม่มีวุฒิปริญญาชั้นสูง ไม่มีประสบการณ์ทำงาน ประตูแห่งโอกาสของเธอถูกปิดลง ชีวิตใหม่ที่วาดฝันไว้พังทลาย ดูเหมือนความฝันจะเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงสำหรับไอลีน

ครั้งหนึ่งเซลบี้ถามเธอว่าอยากเป็นอะไร เธอตอบว่าสัตวแพทย์, นักธุรกิจ ไปจนถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ฟังดูเพ้อเจ้อและเลื่อนลอย แต่เราก็เห็นสายตาที่มุ่งมั่นและหวังให้เป็นจริงของเธอ

ไอลีนมีหลักในชีวิตของเธอว่า “All you need is love and believe in yourself” ตอนนี้เธอคิดว่าเธอได้ความรักจากเซลบี้ เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ นั่นเป็นสิ่งที่เยียวยาให้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เธอเลือกจะเชื่อในตัวเอง เชื่อว่าสามารถหาเลี้ยงเซลบี้ เชื่อว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ ทางของชีวิตยังมีอยู่ เธอจึงหักรถเลี้ยวกลับสู่เส้นทางเดิม … กลับไปเป็นโสเภณี

โสเภณีอย่างไอลีนกล่าวไว้น่าสนใจว่า “พลังใจในการเป็นโสเภณี มักจะไม่มีใครมองเห็นหรอก” คงจะจริงที่อาชีพแบบนี้ต้องใช้พลังใจมหาศาล อย่างน้อยไอลีนก็ไม่ได้ติดยางอมแงมเหมือนโสเภณีคนอื่นๆ (คนเหล่านี้มักจะเสพยา เพราะรับในสภาพของตัวเองไม่ได้ พวกเขาต้องการลืมตัวตนของตัวเอง แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี) และอาชีพโสเภณีไม่ใช่หรือ ที่ถือว่าเป็นอีกอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

ตามจริงแล้วคำพูดของไอลีนนั้นมีอะไรที่น่าค้นหาและน่าจดจำ ตอนที่เธอเจอกับเซลบี้ครั้งแรกเธอบอกว่าทำอาชีพทำความสะอาด มันบ่งบอกได้ว่าเธอรู้สึกสกปรกกับอาชีพโสเภณีอยู่เหมือนกัน,เวลาที่หาลูกค้าเธอมักจะอ้างว่ารถของเธอพัง ชีวิตของเธอก็เปรียบเหมือนรถที่กระเตงวิ่งมาตามทางวิบาก รถที่ใกล้จะพังเต็มที หรือการที่หยิบรูปขึ้นมาแล้วบอกว่านั่นคือลูกของเธอ สีหน้าบอกเล่าเรื่องราวของลูกที่ดูห่วงหาอาทร ทำให้เราคิดได้ว่ารูปนั่นคงจะเป็นตัวแทนลูกที่เกิดเมื่อตอนเธออายุ 13

เมื่อชีวิตไปตามทางธรรมดาไม่ได้ ก็ต้องไปตามทางวิบาก แต่คราวนี้มันไม่เหมือนเดิม เมื่อเธอกลับไปขายตัวอีกครั้ง เราจะเห็นได้ว่าเธอเปลี่ยนไป เธอลังเลที่จะนอนกับผู้ชาย เธออยากจะทำให้มันเสร็จๆไป เพราะเธอมีผู้หญิงที่เธอรักรออยู่ที่บ้าน แต่ดั่งโชคชะตาเล่นตลก เธอดันไปเจอกับผู้ชายโรคจิต เขาทรมานเธอ เธอต้องสู้ เธอยังไม่อยากตาย เธอบอกว่า “ฉันไม่อยากตายเพราะฉันคิดว่าเธอ(เซลบี้)อาจจะรักฉันได้” จุดพลิกผันของชีวิตมาถึงเมื่อเธอฆ่าเขาตาย …เสียงกรีดร้องเป็นดั่งความรู้สึกผิดบาป ความรู้สึกขยะแขยง และเป็นดั่งเสียงที่ปลุกให้ปิศาจในตัวเธอตื่นขึ้นมา

จากนั้นไอลีนก็เข้าสู่การเป็น “ฆาตกรต่อเนื่อง” (Serial Killer) อย่างเต็มรูปแบบ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม แต่เธอเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ “เลือก” เหยื่อ เธอฆ่าผู้ชายที่ชอบนอนกับเด็กๆ แต่เธอเลือกที่จะไม่ฆ่าชายอ้วนผู้ไม่ประสีประสา ดังนั้นคงไม่ผิดที่จะขานนามเธอว่า “ฆาตกรต่อเนื่องหญิงคนแรกในสหรัฐอเมริกา” แต่ผิดแน่หากจะเรียกเธอว่า “ฆาตกรโรคจิต” เพราะเธอยังมี “ความเป็นมนุษย์” อยู่ในตัว (และเธอก็ไม่ได้ชอบกินสมองคนผัดถั่วเหมือน ดร.ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ด้วย)

ระหว่างนั้นหนังก็แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ไอลีนกับเซลบี้ระเริงความสุขไปกับเงินที่ได้มา แต่บางคราวก็ต้องมานั่งประสาทเสียกับการกระทำของตนเอง มีบางเวลาทั้งสองดูรักกันปานจะกลืนกิน แต่ถัดมาก็ทะเลาะทุ่มเถียงกันอย่างจะฆ่ากันตาย นั่นเป็นสารหลักที่หนังต้องการนำเสนอคือความสัมพันธ์ของทั้งสอง ซึ่งมันแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนและมีมิติ ความดีจึงตกเป็นของนักแสดงนำทั้งสองอย่างไม่ต้องสงสัย รางวัลออสการ์ที่เธียรอนได้มาไม่น่าจะมาจากน้ำหนักตัวที่เพิ่ม ฟันปลอม หรือเมกอัพหนาเตอะ (เช่นเดียวกันนิโคล คิดแมนที่โดนค่อนขอดว่าได้ออสการ์จากเรื่อง The Hours เพราะจมูกปลอมแท้ๆ) แต่เพราะคราวนี้เธียรอนไม่ได้เล่นเป็นเธียรอนอีกต่อไป ใน Monster เธอคือไอลีน วัวร์นอสจริงๆ เธอทำให้เราลืมไปเสียสนิทว่าเธอคือชาร์ลิซ เธียรอน ผู้หญิงสวยๆที่เล่นหนังทีไรก็ถูกความสวยฆ่าตายทุกทีคนนั้น ส่วนคริสติน่า ริชชี่ก็ทำให้คนดูรำคาญได้จริงๆ เธอคือผู้หญิงที่สายตาหลุกหลิกตลอดเวลา เธอไม่มีความมั่นใจ อันมาจากการเลี้ยงดูที่เคร่งครัดเคร่งศาสนาของครอบครัว เธอเห็นแก่ตัว และบางทีเธอก็โง่ด้วย

ในความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองนั้นมีอยู่สองฉากที่น่าสนใจ

ฉากแรกคือฉากเลิฟซีน น่าชื่นชมว่าผู้กำกับแพตตี้ เจนกินส์สามารถถ่ายทอดฉากรักของผู้หญิงสองคน ได้ออกมาอย่างสวยงามและคนดูไม่รู้สึกกระอักกระอ่วน มันดูโรแมนติกและดูจริงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกใช้เพลงประกอบชนิดถูกที่ถูกทางด้วย

ในยามปกติหากเปรียบไปแล้วไอลีนเป็นดั่งผู้ชาย เป็นผู้นำครอบครัวที่มีหน้าที่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว คอยปกป้องดูแลผู้หญิงอย่างเซลบี้ แต่เวลาที่ทั้งสองร่วมรักกันเซลบี้กลับเป็นผู้อยู่ในตำแหน่ง “ผู้ชาย” แทน (ชวนให้นึกไปถึงเรื่อง Japanese Story ที่นางเอกสวมบทบาทเป็นผู้ชายในฉากเลิฟซีน) นี่เป็นลูกเล่นของหนังที่ทำให้ผู้ชมขบคิดตีความหลายอย่าง (รวมถึงการให้ไอลีนเป็นคนตัวใหญ่ และเซลบี้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ) ฉากนี้คงมีนัยว่าแท้จริงแล้วเซลบี้ต่างหากที่เป็นผู้อยู่เหนือกว่า

อีกฉากคือฉากที่ทั้งคู่ไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน อยู่ดีๆเซลบี้ก็หนีไปกับทอมคนอื่น แต่ไอลีนกลับไม่ว่าอะไร เธอได้แต่แสดงสีหน้าเจ็บปวดพร้อมกับพูดในใจว่า “ไม่เป็นไร ฉันเชื่อใจในตัวเธอ” ถัดมาเซลบี้ถูกทอมคนนั้นเมิน เธอกลับมาหาไอลีน ทั้งคู่ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน ไอลีนบอกว่าตอนเด็กๆเธอไม่เคยขึ้นชิงช้าสวรรค์ได้เลย แต่กับเซลบี้เธอขึ้นมันได้ เธอแสดงสีหน้าดีใจ มันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเซลบี้คือคนที่ไอลีนเฝ้าตามหาและรอคอยมาแสนนาน ชิงช้าสวรรค์ที่ขึ้นสูง พร้อมกับความสุขที่ล้นปรี่ เปรียบว่าความสัมพันธ์ทั้งสองได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว

…แต่ทั้งคู่คงลืมไปว่าชิงช้าสวรรค์เมื่อขึ้นไปถึงยอดสูงสุด ไม่ช้ามันก็จะกลับลงมาที่จุดต่ำสุดอีกครั้ง

จำนวนคนที่ฆ่ามากขึ้น ก็ทำให้ไอลีนใกล้เคียงกับปิศาจเข้าไปทุกที กับผู้ชายคนที่พยายามจะช่วยเหลือเธอจริงๆ (เขาบอกว่าจะขับรถไปส่งเธอ จะให้ที่พักกับเธอ) เธอคิดจะปล่อยเขาไป แต่โชคร้ายเขาเห็นปืนของเธอ ทำให้ไอลีนต้องตัดสินใจฆ่าเขาเสีย วินาทีที่ไอลีนเหนี่ยวไก คนดูบางคนรู้สึกจงเกลียดจงชังเธอ บางคนตกใจ บางคนเจ็บปวด เช่นเดียวกันไอลีนก็เจ็บปวดกับเหยื่อรายนี้ของเธอเหลือเกิน ต่างกับที่ผ่านมาเธอร้องไห้ให้กับเหยื่อรายนี้

หากสงสัยว่าทำไมหลังจากนั้นไอลีนไม่หยิบปืนมาจ่อหัวตัวเอง แล้วก็ฆ่าตัวตายหนีปัญหาไปเสีย น่าจะเป็นเพราะเธอยังมีผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักสุดหัวใจรออยู่ที่บ้าน เธอยังมิอาจตายได้เพราะเธอต้องดูแลต้องปกป้องเซลบี้ต่อไป และตัวไอลีนก็ให้คำตอบกับเราไว้ว่า “ฉันมิอาจอภัยให้กับตัวเอง แต่เซลบี้อาจจะช่วยฉันได้ เพราะเธอให้อภัยแก่ฉัน”

…และเช่นเดียวกับตัวไอลีน สังคมก็ไม่ให้อภัยให้แก่เธอเช่นกัน

ในที่สุดไอลีน วัวร์นอสถูกตำรวจจับได้ เซลบี้ให้การซัดทอดไอลีน และเธอก็ให้คำสารภาพว่าเธอเป็นคนทำแต่เพียง “ผู้เดียว” เธอถูกขังในเรือนจำอยู่ 12 ปี และเข้ารับการประหารชีวิตในวันที่ 9 ตุลาคม 2002
------------------------------------------------
ทีนี้กลับมาตอบคำถามที่ว่าไว้ข้างต้น

ไอลีน วัวร์นอสคือปิศาจ?
ก็เพราะสังคมมิใช่หรือที่ทำให้เธอต้องหาเงินด้วยการขายตัว เพราะผู้ชายมิใช่หรือที่ทำให้เธอพลั้งฆ่าคน เพราะเธอถูกข่มขืนมิใช่หรือเธอถึงกลายเป็นเช่นนี้ (เธอไม่เคยลืมเลยว่าเธอถูกข่มขืน เพราะเมื่อศาลตัดสินโทษประหารชีวิตให้กับเธอ เธอตะโกนกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะศาลที่แกกำลังจะส่งผู้หญิงที่ถูกข่มขืนไปแดนประหาร ไปลงนรกซะ!”)

ทำไมไอลีนที่ฆ่าคนไป 7 คนกลับดูเป็นคนผิดบาป แต่กับเกรซ (นิโคล คิดแมน ในเรื่อง Dogville) เธอสั่งฆ่าคนไปทั้งหมู่บ้าน แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าเธอผิด ทั้งที่ทั้งสองโดนข่มขืนเหมือนกัน โดนคนทำร้ายเหมือนกัน โดนกดขี่เหมือนกัน เพราะอะไร? เพียงเพราะเกรซหน้าตาสะสวย แต่ไอลีนหน้าตาอัปลักษณ์อย่างนั้นหรือ

ฉากที่ปวดร้าวที่สุดคงจะเป็นฉากตอนท้ายที่เซลบี้ให้การในศาลว่าไอลีนเป็นผู้ลงมือทำ เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมชี้มาที่ไอลีน ไอลีนพยักหน้าเห็นชอบกับสิ่งนั้น แต่เธอก็หลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด

…“น้ำตา” ที่เห็นคงไม่ใช่น้ำตาของปิศาจ แต่เป็นน้ำตาของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง

ดังนั้นหากจะให้สรุปความ…
ปีศาจไม่น่าจะมีน้ำตา
ปีศาจไม่น่าจะกรีดร้องตกใจเมื่อฆ่าคนตาย
ปีศาจไม่น่าจะเลือกฆ่าหรือไม่ฆ่าคน
และ…ปีศาจไม่น่าจะรู้จักความรัก

มีแหล่งข้อมูลบางแห่งระบุว่าตลอดเวลาที่ผู้กำกับแพตตี้ เจนกินส์หาข้อมูลเรื่องของไอลีน วัวร์นอส เจนกินส์ใช้วิธีเขียนจดหมายไปหาไอลีนในคุก ทั้งสองเขียนโต้ตอบกันเป็นเวลานาน โดยที่ไอลีนไม่ยอมให้เธอเข้าพบ แต่อย่างไม่คาดคิด หนึ่งคืนก่อนวันประหารไอลีนเรียกตัวให้เจนกินส์ไปพบในคุก สิ่งที่เจนกินส์เห็นก็คือกองจดหมายสองกอง กองหนึ่งคือที่เจนกินส์ส่งมา อีกกองหนึ่งเป็นจดหมายที่เขียนโต้ตอบกับเซลบี้คนรัก พร้อมกันนั้นไอลีนอนุญาตให้เจนกินส์สร้างหนังเกี่ยวกับตัวเธอได้ แต่ขอร้องว่าอย่านำเซลบี้มาเกี่ยวข้อง อย่าไปสัมภาษณ์เซลบี้ … นั่นคงเป็นที่มาของประโยคที่ขึ้นมาท้ายเรื่องว่า “จากนั้นไอลีนและเซลบี้ไม่เคยพูดคุยกันอีกเลย” ตาม “คำขอสุดท้าย” ของนักโทษประหารอย่างไอลีน ใช่…ทั้งสองไม่เคยพูดคุยกันอีกเลย แต่ทั้งสองเขียนจดหมายหากัน

หากเรื่องข้างต้นนี้เป็นเรื่องจริง มันแสดงว่าไอลีนยังรักและห่วงใยเซลบี้จนถึงคืนสุดท้ายของชีวิต ถ้าเราลองย้อนตรวจสอบการกระทำของไอลีนดู เธอฆ่าคนด้วยเหตุผลหนึ่งคือเงิน เธออยากได้เงินไปให้เซลบี้เพราะอยากให้เซลบี้มีความสุข เธออยากให้เซลบี้มีความสุขก็เพราะเธอรักเซลบี้

ไอลีนกล่าวว่า “ทุกคนมองฉันเป็นปิศาจ แต่ฉันไม่อยากให้เซลบี้มองเช่นนั้น”

ดังนั้นถ้าไอลีน วัวร์นอสคือปิศาจ…เธอก็กลายเป็นปิศาจเพราะ “ความรัก”

เซลบี้คือปิศาจ?
เพราะเธอหักหลังไอลีน? … จอห์น ล็อก กล่าวไว้ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานเป็นของ “ตนเอง” มันก็คงจะเป็นสิทธิของเซลบี้ที่จะเอาตัวรอด (และไอลีนก็เห็นชอบการกับกระทำนั้นของเธอ ไอลีนจะยิ่งเจ็บช้ำถ้าเซลบี้ต้องมารับโทษด้วย เพราะนั่นหมายถึงเธอปกป้องเซลบี้ไม่ได้) หากว่าด้วยเรื่องของสิทธิ ก็น่าคิดว่า แล้วไอลีนกับเกรซล่ะ เป็นสิทธิของทั้งสองหรือเปล่าที่จะฆ่าคนที่มากระทำระยำตำบอนกับพวกเธอ

ถ้าไอลีนคือรถที่พัง จนสุดท้ายต้องไปสุสานรถยนต์ เซลบี้ก็คือรถใกล้พังอีกคันที่ยังไม่ยอมเข้าสุสาน แต่เลือกหนีไปอีกทาง

สังคมคือปิศาจ?
มันเป็นเรื่องจริงที่บ่อยครั้งกระแสสังคมเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความต้องการของเรา เด็กคนหนึ่งต้องเข้าคณะแพทย์เพราะมันดูมีเกียรติ ทั้งที่ความจริงเขาอยากเรียนนิเทศ, คนสมัยนี้ต้องมีมือถือไม่งั้นจะกลายเป็นคนนอกวงโคจร, ผู้กำกับ (โดยเฉพาะในประเทศที่ชื่อว่า “ไทย”) ต้องทำหนังตลก-ผี-กะเทย ไม่งั้นนายทุนไม่ออกเงินให้ มันทำให้ “ทางเลือก” ที่เรามีน้อยอยู่แล้วยิ่งน้อยลง

แต่สำหรับไอลีนเมื่อเธอพลาดไปแล้ว เธอไม่ยอมหยุด เธอยิ่งวิ่งเข้าไปในทางนั้น คนที่เหนี่ยวไกยิงเหยื่อรายที่สองไม่ใช่ “สังคม” หากแต่เป็นตัวเธอเอง

ผู้ที่ตัดสินคนอื่นคือปิศาจ?
ถ้าเราได้ยินว่าไอลีน วัวร์นอสคืออีตัวที่ฆ่าผู้ชายไปถึง 7 คน แน่นอน…เรามองเธอเป็นปิศาจ เป็นคนผิดบาปและสมควรตาย! แต่เมื่อเราดูหนังเรื่อง Monster ความคิดแรกของเราอาจจะตกไป และกลั่นกรองเป็นความคิดที่สอง หรือไม่ความคิดของเราก็จะอยู่ก้ำกึ่งระหว่างความคิดที่หนึ่งกับสอง

ฮารูกิ มูราคามิ กล่าวไว้ในสปุตนิก สวีตฮาร์ท (Sputnik Sweetheart) ว่า “การแสดงความรู้สึกของตนให้ผู้อื่นรับรู้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สุด แต่การตัดสินคนแปลกหน้านั้นมันง่ายมาก” ใช่! มันง่ายเหลือเกินที่เราจะตัดสินคนแปลกหน้า สมมติวันพุธหนังสือพิมพ์เสนอข่าวว่า “ตุ๊กตุ๊กโฉดข่มขื่นนักท่องเที่ยวสาวชาวฮ่องกง” เราตัดสินคนขับตุ๊กตุ๊กไปแล้วว่ามันเลว มันชั่ว แต่พอวันพฤหัสข่าวออกมาว่า “หมวยฮ่องกงจอมปลิ้นปล้อน เรื่องตุ๊กตุ๊กข่มขื่นโกหกทั้งเพ” เราจะรู้สึกผิดหรือไม่ ที่ด่าสาดเสียเทเสียเขาไปเมื่อวาน แล้วเราจะรู้สึกยังไงกับหมวยฮ่องกงจากเดิมที่เราสงสารเธอจับใจ ที่สำคัญถ้าเราไม่ได้อ่านข่าวเมื่อวันพฤหัสล่ะ? ถ้าวันศุกร์เราไปเจอคนขับตุ๊กตุ๊กคนนั้นบนถนนเราจะวิ่งไปต่อยเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวไหม?

นี่คือการ “เลือก” รับ “สื่อ” ทั้งหลาย เราควรจะมีข้อมูลให้มากพอก่อนที่ตัดสินใจคนแปลกหน้าสักคน การอ่าน-ดู-ฟังสื่อทุกชนิดต้องเป็นการอ่านระหว่างบรรทัด (read between the lines) ดังเช่นที่วินทร์ เลียววาริณกล่าวไว้ว่า “การอ่านระหว่างบรรทัดเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง ในสังคมที่เต็มไปด้วยเปลือก และการสร้างภาพอย่างบ้านเราตอนนี้” นั่นเป็นเพราะว่า “สรรพสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้จักถ่องแท้แล้วจะแฝงซ่อนอยู่ด้วย "ตัวแปรไม่รู้ค่า" ในปริมาณมากเท่าเทียมกัน” ฮารูกิ มูราคามิ คนเดิมกล่าวไว้

อย่างไรก็ตาม ถ้าถือตามที่จอห์น ล็อกว่า เราก็น่าจะมีสิทธิตัดสินบุคคลหนึ่งๆได้ และในฐานะคนดูเราก็น่าจะตัดสินได้ว่าตัวละครใน Monster ตัวใดผิด ตัวใดถูก ตัวใดควรจะได้รับชื่อปิศาจไป เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราจะต้องมีคือ “วิจารณญาณ” และต้อง “ใจกว้าง”

ย้อนมามองวงการภาพยนตร์บ้านเรา
ถ้าโรงหนังบ้านเราใจกว้างกว่านี้เราคงไม่ต้องทนสภาพที่ Harry Potter เข้าโรงที 10 โรง มีรอบทุกๆ 15 นาที ในขณะที่หนังบางเรื่องเข้าฉายแค่โรงเดียว มีแค่สองรอบคือ สิบโมงเช้ากับสี่ทุ่ม

ถ้านายทุน-ค่ายหนัง-คนจัดจำหน่าย รวมไปถึงคนดูในบ้านเราใจกว้างกว่านี้หนังเรื่อง Last Life in the Universe (เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล) ของเป็นเอก รัตนเรืองคงได้ฉายมากโรงกว่านี้จนไม่ต้องกลายเป็น “เรื่องรัก น้อยนิด เจ๊งมหาศาล” และหนังเรื่องสัตว์ประหลาด! ที่อุตส่าห์หอบหิ้วรางวัลจูรี่ ไพรซ์มาจากเทศกาลหนังเมืองคานส์คงจะได้ฉายในไทยมากกว่า 3 โรง

กลับมาที่ Monster …
จากคำตอบข้างบน อันล้วนประกอบไปด้วยความขัดแย้งกันเองนั้น เราคงสรุปไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็น “ปีศาจ” แต่…ตัว “เรา” ที่เฝ้าแต่ตัดสินคนอื่นล่ะ เราเป็นปิศาจด้วยหรือเปล่า?

ถ้าคนหนึ่งดู Monster แล้วคิดว่าไอลีนผิด-เลว-สุดแสนชั่วและสมควรตาย คนๆนั้นเป็นปิศาจ
ถ้าคนหนึ่งดู Monster แล้วคิดว่าไอลีน น่าบูชา น่าหลงใหล น่าเอาเยี่ยงอย่าง คนๆนั้นเป็นปิศาจ
เพราะฉะนั้น Monster…
ไม่ใช่หนังฆาตกรรม
ไม่ใช่หนังฆาตกรต่อเนื่อง
ไม่ใช่หนังเฟมินิสต์ (feminist)
แต่มันคือหนังที่ให้เราต้องย้อนกลับมาตรวจสอบตัวเอง! (ดูละคร แล้วย้อนดูตัว)

ดังนั้นหากจะถามว่า Monster หมายถึงอะไร
Monster ก็คือ “พวกเราทุกคน”
…เพราะทุก ๆ คนมีปิศาจอยู่ในตัวเองทั้งนั้น!

ขอมอบข้อความนี้แด่ ไอลีน วัวร์นอสและทุกผู้คนที่กลายเป็นปิศาจเพราะความรัก

“ความรักไม่เคยปราณีใคร มันจะวิ่งตรงเข้าหาคุณอย่างรวดเร็วและรุนแรงเกินกว่าที่คุณจะตั้งตัวรับมือกับมัน ความรักสามารถพาคุณไปในที่ที่คุณไม่คิดว่าจะมีโอกาสไป ที่ซึ่งคุณอาจจะคิดว่าไม่มีอยู่จริงในโลกอันโหดร้ายใบนี้ รักจะพาสิ่งที่น่าตื่นเต้นและสิ่งที่ไม่อาจคาดฝันมาสู่ทุกคนที่มีรักได้ตลอดเวลา จงเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองให้ดี หากคุณเป็นคนๆหนึ่งที่เชื่อและศรัทธาในความรัก” - ตูน Bodyslam




ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
//www.monsterfilm.com/
//www.imdb.com/title/tt0340855/

บทความที่เกี่ยวข้อง
Bioscope ฉบับที่ 27 (กุมภาพันธ์ 2547) – บทวิจารณ์ Monster โดย ไกรวุฒิ จุลพงศธร
Pulp ฉบับที่ 9 (มีนาคม 2547) – Monster อย่าบอกว่าเธอบาป โดย กำพล วีระกุล
Pulp ฉบับที่ 10 (เมษายน 2547) – บทวิจารณ์ Monster โดย กำพล วีระกุล

เพิ่มเติม
- นิยายเรื่อง Sputnik Sweetheart ของ ฮารุกิ มุราครามิ เป็นเรื่องของรักสามเส้า สองหญิงหนึ่งชาย ที่มีตัวละครหนึ่งเป็นเลสเบี้ยน นี่เป็นนิยายของมุราคามิเรื่องแรกที่ผมอ่าน โฆษณาชวนเชื่อให้ว่า “พิศวง งงงวย แต่มีเสน่ห์อย่างรุนแรง” ครับ

**หลังจากให้นักศึกษาชมภาพยนตร์เรื่อง Monster แล้ว อาจารย์ประจำวิชาก็ได้เชิญจิตแพทย์ (ขออภัยจดชื่อคุณหมอไม่ทัน) มาพูดคุยถึงหนังเรื่องนี้ มีประเด็นน่าสนใจจากคุณหมอดังนี้ครับ**

- ตัวละครอย่างไอลีน วัวร์นอสฝันในสิ่งที่ไม่อาจจะเป็นจริง เธอฝันตามในสิ่งที่สังคมหล่อหลอมขึ้นมา (สวย รวย มีชื่อเสียง) การที่ยึดติดในความฝันนั้นทำให้เธอเป็นคนที่จิตใจอ่อนแอ ภายใต้รูปลักษณ์ที่แข็งกร้าว นี่คือเหตุของเรื่องทั้งมวล

- การฝันต้องฝันชนิดอยู่ในโลกแห่งความจริง ถ้าคุณอยู่ในโลกแห่งความฝัน (โลกของตัวเอง) จุดหมายปลายทางของคุณก็คือ โรงพยาบาลบ้า

- ไอลีนและเซลบี้ คือคนสองคนที่มา ‘เติมเต็ม’ ให้ซึ่งกันและกัน แต่แท้จริงมันเป็นการเติมที่ ‘ไม่เต็ม’ อันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

- มนุษย์เรามีข้อพลาดที่ว่า เรามีสามารถพร้อมรับความรักได้ ยอมรับความสุขจากความรักได้ แต่มิอาจยอมรับจากความทุกข์จากความรักได้เลย…




 

Create Date : 03 มกราคม 2548
10 comments
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 18:44:45 น.
Counter : 3809 Pageviews.

 

ความคิดเห็นบางส่วนจาก pantip.com กระทู้ A3210871 (มกราคม 2548) และ bioscopemagazine.com

ชอบครับ

ขอบคุณครับ

จากคุณ : น้องคนนี้ - [ 3 ม.ค. 48 05:18:54 A:61.90.6.215 X: TicketID:009452 ]

เห็นด้วยกับคำว่า ให้ดูหนังแล้วย้อนกลับมาตรวจสอบตัวเองครับ


ชอบบทวิจารณ์ของคุณ merveillesxx จัง

จากคุณ : being's lover - [ 3 ม.ค. 48 08:42:01 ]

มีmonsterอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน
สิ่งเลวร้ายจะไม่เกิดถ้าเราควบคุมมันได้


จากคุณ : evermind - [ 3 ม.ค. 48 09:02:03 ]

ชอบค่ะ
ดูหนังเรื่องนี้จบด้วยความรู้สึกหดหู่มากๆ
และจะไม่ดูหนังเรื่องนี้ซ้ำอีกแน่ๆ
ไม่ใช่เป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดี
แต่เป็นเพราะตัวเราเองที่ไม่สามารถดูสิ่งที่น่าหดหู่นี้ซ้ำได้อีก

จากคุณ : -Hen-Ry- - [ 3 ม.ค. 48 11:11:32 ]

คมคายเหมือนเดิมนะครับพี่ merveillesxx

(^ ^ )

อ่านแล้วนึกถึงกาตูนเรื่อง Monster (คนเขียนคนเดียวอะ

20th century boy) มนุษย์ทุกคนมีปีศาจหมดและครับ

เพียงแต่ว่าเทพเจ้าที่ควบคุมอยู่จะแข็งแรงแค่ไหนเท่านั้น

เอง

ปล. ติดตามผลงานของพี่ merveillesxx มานานละ แต่ไม่

เคยอ่านชื่อ ออกซักที เมอ-วิว-เลส xx เหอๆ
จากคุณ : Mr. Konga - [ 3 ม.ค. 48 14:26:46 ]

ชอบเรื่องนี้สุดๆเลย

ในจิตใจมนุษย์ ย่อมมีMonster ในตัว

จากคุณ : ฉลอง (หล่อ)เทียนลิตร - [ 3 ม.ค. 48 15:43:19 A:203.209.90.61 X: TicketID:013851 ]

ปีศาจที่แท้จริงคือผู้ชายที่ข่มขืนเธฮ ทำร้ายเธอ

จากคุณ : pyramidas - [ 14 ม.ค. 48 15:08:07 ]

ผมว่านะครับ โดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากๆเพราะว่าเป็นหนังที่ให้อารมณ์เขัมๆและเป็นหนังที่ดูง่ายเรื่องหนึ่งคือมันไม่มีบทหนังที่ตัดกลับไปกลับมาทำให้เวียนหัวเพียงแค่ใช้ความสามรถของนักแสดงหญิงที่ยอมรับว่าสุดยอดมากๆครับสุดยอดจริงๆ
ใครคือปีศาจ ผมว่านะครับความรักและความรู้สึกดีๆของคนนี้แหละครับมันคือปีศาจเพราะนางเอกของเรื่องเธอ เป็นคุณตัวของเธออยู่ดีๆ
จู่ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำให้เธอเกิดอยาก
"รับผิดชอบ"และถามว่าความรู้สึกรับผิดชอบนี้
มันเกิดมาจากความรักใช่หรือไม่ มันเป็นหนังที่ทำให้เรามองโลกในแง่ร้ายครับหนังเื่รื่องนี้
จากคุณ : เอก หนองคาย : - [ 10 มค. 2005 09:04:23 ]

บทความชวนขนลุกมากอ่ะ ชอบ ยังไม่ได้ดู กลับจากเขาชนไก่จะรีบหามาดูให้ได้
เขียนบทความได้สุดยอดมากคั้บ


จากคุณ : Get : - [ 13 มค. 2005 22:17:37 ]

 

โดย: merveillesxx 23 มกราคม 2548 17:19:11 น.  

 

ชอบบทวิจารณ์ของคุณจังเลยค่ะ

เราดูหนังเรื่องนี้ไม่จบ

แต่มาอ่านที่คุณเขียนนี่แล้วรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ดูค่ะ

 

โดย: หนูหิ่น อินเตอร์ฯ IP: 203.170.144.13 17 มีนาคม 2548 9:21:23 น.  

 

วิจารณ์ได้ดีจริงๆ ค่ะ ^^



 

โดย: sleepless.cs 17 มีนาคม 2548 16:48:15 น.  

 

แต่เอ๋... มีคำถามถึง Mervilessx

.ไอลีนและเซลบี้ คือคนสองคนที่มา ‘เติมเต็ม’ ให้ซึ่งกันและกัน แต่แท้จริงมันเป็นการเติมที่ ‘ไม่เต็ม’ อันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

...มันน่ากลัวอย่างไร

 

โดย: ฉลอง(หล่อ)เทียนลิตร IP: 203.209.117.157 16 เมษายน 2548 15:34:53 น.  

 

ประมาณ
เพี้ยน + เพี้ยน = ยิ่งเพี้ยน
ผีเน่า + โลงผุ = ยิ่งเน่าทั้งคู่

 

โดย: merveillesxx 18 เมษายน 2548 1:17:00 น.  

 

มันเป็นเรื่องที่หน้าขนหัวลุกมา

 

โดย: คิขุก IP: 203.155.194.206 13 ตุลาคม 2548 13:30:23 น.  

 

ขอบคุณมากที่เขียนถึงเรื่องนี้ หนังดีมากอย่างที่กล่าว

 

โดย: rock IP: 125.25.77.225 6 พฤษภาคม 2551 22:49:24 น.  

 

วิจารณ์ได้ดีมากค่ะ ขอบคุณนะคะ

 

โดย: Anna_Molly IP: 124.120.63.231 1 มีนาคม 2552 19:11:40 น.  

 

สังคมแย่ลงทุกวันคับวิจาร์ณดีมาก ผมว่าไม่มีใครเป็นปีศาจทั้งไอ้ลีน เซลบี เพราะนี้แหละคือโลกของเราคับ
ลองคิดดูนะผมหมายความว่ายังไง สังคมเราวันนี้

 

โดย: เอ่อหร๋อ IP: 222.123.146.236 2 มีนาคม 2552 2:17:51 น.  

 

ดีไม่จบ เพราะหลับก่อน แต่ได้มาอ่านบทวิจารณ์แล้วเหมือนกับว่าได้ดูมาเองเลย ขอบคุณค่ะ ชอบๆ

 

โดย: kp IP: 117.47.13.106 5 พฤษภาคม 2553 10:27:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.