Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
<<
กันยายน 2559
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
14 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
ตามรักแดนตะวัน (อัมฮารา) ตอนที่ 10







บทที่ 10


             ระยะทางจากห้องอาหารมาสระว่ายน้ำไม่ได้ไกลมากแต่ภูบดีรู้สึกไกลจนเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาจากร่างเขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้วนอกจากไปให้ถึงตัวธารวารีให้เร็วที่สุด

ภาพที่เห็นคือหญิงสาวนอนแน่นิ่งตัวเปียกปอนอยู่ริมสระใกล้กันเป็นชายหนุ่มในชุดพนักงานโรงแรมกำลังคุกเข่าท่าทีลนลานตั้งท่าจะปฐมพยาบาลแต่กลับเงอะงะและมองหาตัวช่วย

ภูบดีผ่อนฝีเท้าลงพร้อมเสียงหอบเหนื่อยเมื่อมาถึงที่หมายถลาลงนั่งฝั่งตรงข้ามทันที ทั้งสั่งและเอามือให้สัญญาณให้พนักงานถอยออกไป

“คุณไม่ต้องผมจัดการเอง”

ไม่รอให้หลีกชายหนุ่มก้มตัวเอาหูแนบฟังเสียงเต้นของหัวใจและอีกมือจับชีพจรที่ข้อมือหญิงสาว จัดแจงให้หล่อนนอนหงายเต็มที่บีบจมูกและริมฝีปากล่างเผยอแล้วก้มเป่าปากให้ลมเข้าไปภายใน กวินที่ลุ้นอยู่อดไม่ได้ที่จะถาม

“คล่องแคล่วมากเลยคุณพี”

ไม่มีคำตอบจากภูบดีเพราะเขาไม่ได้สนใจฟังเลยนอกจากสังเกตอาการของธารวารี กวินคุกเข่าตรงข้ามถามพนักงานหนุ่ม

“เกิดอะไรขึ้นทำไมเธอถึงตกน้ำได้”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับมีผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดลงไปช่วยเธอขึ้นมา แล้วผมกับเพื่อนเปลี่ยนกะกำลังกลับที่พักเจอเข้าพอดีผมก็เลยบอกเพื่อนอีกคนให้ไปแจ้งด้านใน”

“แล้วผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ”กวินถามข้องใจ

“หายไปไหนก็ไม่รู้แล้วครับผมไม่ทันสังเกต”

กวินกวาดตามองไปทั่วไม่เห็นเงาของหญิงคนที่ว่าส่วนภูบดีทั้งเป่าปาก ผายปอดธารวารีจนไม่ได้ร่วมวงสนทนา

“อย่าเป็นอะไรนะคุณรีกวินลุ้นอยู่ใกล้ๆ คอยเรียกชื่อหล่อนเป็นระยะ

ภูบดีผละออกแล้วก้มลงฟังเสียงหัวใจและจับชีพจรอีกครั้งก่อนจะสบถเบาๆ

“ใครมันตั้งใจทำแบบนี้กับเธอ มันทำไปทำไมกัน”

“ว่าอะไรนะครับคุณพี”กวินถามน้ำเสียงตื่นเต้น

“เปล่า...ไม่มีอะไรครับ” ภูบดีตอบแล้วหันไปหาพนักงานชาย สองมือผ่อนการปั๊มหัวใจถี่จนค่อยๆผ่อนมือเบาลง

“เธอไม่เป็นอะไรแล้ว คุณไปพักเถอะขอบคุณมากนะ”

“จะดีหรือครับ...ผมว่าแจ้งรถพยาบาลดีไหม”

พนักงานชายจะพูดต่อดีที่ไกด์หนุ่มสำทับอีกแรง เด็กหนุ่มจึงลุกผละไปอย่างลังเล

ภูบดียิ่งสงสัยเมื่อเห็นเศษกระดาษชื้นน้ำตกอยู่ข้างกายธารวารี รีบหยิบใส่กระเป๋าเสื้อเมื่อเห็นลายมือคุ้นตาพอหันมาอีกทีก็ต้องหน้าตื่นบอกกวิน

“เธอยังมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ”

“หมายความว่าไงคุณพีแล้วเธอจะเป็นอะไรมากไหม”

ภูบดีไม่ตอบถอนหายใจเฮือกประสานมือกดเป็นจังหวะอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่หนักอาศัยความรวดเร็วสลับกับเป่าปากอีกกวินหน้าตื่นเห็นท่าไม่ดี ลงนั่งบีบนวดปลายเท้าหญิงสาวด้วยความเป็นห่วงแล้วเขาก็สะดุ้งเมื่อลูกทัวร์หนุ่มยังคงปั๊มหัวใจต่อเนื่องและพูดกับหล่อนเหมือนตะคอก

“ตื่นขึ้นมายายบ้าเธอห้ามทำกับฉันแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ตื่นมาเดี๋ยวนี้ ถ้ายังอยากไปหาหมอนั่นเธอก็ต้องฟื้นได้ยินไหม

ภูบดีกดย้ำน้ำหนักเป็นจังหวะแล้วค่อยผ่อนลงเมื่อแนบหูและจับชีพจรแล้วสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กวินดูไปลุ้นไปเสียงสั่นเครือ

“ไหนเมื่อกี้ดีขึ้นแล้วไงคุณพี”กวินเสียงสั่น “อย่าเป็นอะไรไปนะคุณรีไม่งั้นผมแย่แน่ ๆ ที่ดูแลลูกทัวร์ไม่ดี”

“เธอไม่เป็นไร...เธอกลับมาแล้ว”

เขาตอบเสียงเบาจับหล่อนนอนพลิกตะแคงให้ใบหน้าเอียงลงเล็กน้อย น้ำไหลออกจากปากหล่อนคล้ายสำลักชายหนุ่มถอนหายใจทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นมองอย่างพอใจ

“เราจะทำยังไงต่อเธอยังไม่ได้สติเลย พาส่งโรงพยาบาลดีไหมครับ”

ภูบดีเหลือบตามองกวินชั่วครู่ก่อนจะหันไปทางหล่อน

“โรงพยาบาลอยู่ไกลไหมครับ”

“ก็ไกลพอสมควรครับแต่ถ้า…”

“งั้นไม่ต้องไป

“จะดีหรือคุณพีเกิดคุณรีเป็นอะไรไปผมแย่แน่”

ไม่ทันที่ไกด์หนุ่มใหญ่จะพูดจบก็ต้องตกใจลุกตามท่าทางเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเมื่อภูบดีช้อนตัวหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน

“ไว้ใจผม...ผมจะดูแลเธอให้เอง”

“แต่คืนนี้เธอน่าจะได้อยู่ในความดูแลของหมอ”

“ผมบอกว่าไม่ต้อง!อยู่กับผม เธอจะไม่เป็นอะไร”

ภูบดีตะคอกเป็นผลให้ไกด์หนุ่มหยุดชะงักหนุ่มเซอร์ถอนใจขี้เกียจอธิบาย แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่ดีของกวินก็เข้าใจว่าเขาต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของลูกทัวร์ทุกคนจึงพูดเสียงอ่อนลง

“ผมขอโทษนะคุณวินเอาเป็นว่าตอนนี้พาเธอขึ้นข้างบนก่อน ตัวเปียกนานแบบนี้เธอไข้จับเอาได้ง่ายๆ”

ภูบดีอุ้มธารวารีที่ยังคงไม่ได้สติเดินนำไปมีกวินเดินตามด้วยความสงสัย ไม่วายแสดงความรับผิดชอบ

“ผมว่าส่งให้อยู่ในความดูแลของหมอเถอะคุณไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ผมกลัวเธอจะเป็นอะไรมาก คุณนุชกับหมอนภัทรเอาผมตายแน่อุตส่าห์ฝากฝัง”

“ก็บอกแล้วไงให้เชื่อใจผม”ภูบดีตอบใจเย็น “เธอจะไม่เป็นอะไรถ้าอยู่ในความดูแลของผม”

แขกที่มาพักรวมถึงคณะทัวร์เลิฟไลค์ต่างพากันแตกตื่นมองตามด้วยความสนใจใคร่รู้ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่อุ้มหญิงสาวเดินแกมวิ่งเข้าลิฟท์ชั้นล่างกวินตามเข้าไปติด ๆ ฟังคำของชายหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจ พอลิฟท์ปิดก็ถามขึ้นทันที

“ดูคุณจะมั่นใจจังหรือว่า”

            “ผมเป็นหมอไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเธอก็ฟื้นแล้วครับ” ภูบดีสีหน้ายุ่งยาก “ขอโทษที่เพิ่งบอก”

“โอว!อเมซิ่งมาก นอกจากจะหล่อออร่าแรงแล้วยังโปรไฟล์เลิศถึงว่าสิมืออาชีพขนาดนี้ แถมยังดุจนผมหงอแล้วนะครับ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจปิดคุณ”ชายหนุ่มตอบ ดวงตามุ่งมั่น “แต่ผมแค่ไม่อยากให้เธอรู้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับไม่ใช่หน้าที่ของไกด์ที่จะสอดรู้เรื่องของลูกทัวร์”

กวินพูดจบก็หัวเราะออกมาได้ท่าทางโล่งอกจนเห็นได้ชัด แต่ก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อฟังคำพูดต่อมาของชายหนุ่ม

“ที่บอกคุณว่าเธอมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ”

“ครับ!อันตรายมากไหม” กวินเสียงเครียด “จะเป็นอะไรมากรึเปล่า”

“มันเป็นอาการของคนไม่ได้สติก่อนจมน้ำ”ภูบดีเสียงเครียดไม่ต่างกัน “ผมคิดว่าเธอถูกทำร้ายผมอยากคุยกับคุณเมื่อเราถึงห้องพัก”

กวินพยักหน้ารับคำภูบดีมองไกด์หนุ่มหน้าซีดพูดไม่ออกแล้วเหลือบมองร่างอ่อนปวกเปียกในอ้อมกอดแล้วนึกหวั่นพอประตูลิฟท์เปิดออก ไกด์หนุ่มใหญ่รีบเดินแกมวิ่งนำไปเปิดประตูห้องพักของภูบดีแล้วพากันเข้าไปข้างใน

ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีดำยาวก้าวออกมาจากมุมมืดมองตามหลังไปหญิงสาวเนื้อตัวเปียกปอนก้าวออกมายืนด้านหลังพร้อมเสียงหยันในที

“คุณติดหนี้ฉันแล้วนะรักษาคำพูดด้วย”

ชายหนุ่มเหลือบมองร่างสูงเพรียวข้างกายแล้วหันกลับไปมองประตูห้องที่สามคนเพิ่งเข้าไป

“ไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรือไง”

“ไม่จำเป็น”

น้ำเสียงขุ่นเคืองและคำพูดสั้นๆ ทำให้หญิงสาวตวัดหางตามอง ดวงตาคมกริบเคืองขุ่นนึกอยากจะตอบกลับไปแรงๆ ให้สมกับที่เขาไม่แยแส แต่ไม่ทันเมื่อร่างสูงใหญ่ไม่รอฟังแล้วหันหลังกลับเข้าลิฟท์ตัวเมื่อครู่

“คุณพีคิดว่าไงครับ”

            กวินถามทันทีที่ยื่นกระดาษยับย่นให้ภูบดีรับมาเปิดอ่านแล้วถึงกับงง

          ทำไมถึงมีกระดาษโน๊ตสองแผ่น!

            ทั้งที่แผ่นหนึ่งเขาเก็บเอาไว้โดยที่ไม่มีใครรู้แต่กลับมีอีกแผ่นหนึ่งเพิ่มมาจากกวินและที่สำคัญกระดาษทั้งสองแผ่นยังต่างลายมือกัน แผ่นหนึ่งเป็นที่อยู่ที่เขาไม่รู้กับอีกแผ่นเป็นคำขู่!

           “นี่มัน

           “ผมเห็นตกอยู่ใกล้ ๆตรงที่คุณรีตกน้ำ ก็เลยคิดว่าต้องเป็นของเธอ แต่ที่ผมสงสัยคือมันมายังไงแถมลายมือเป็นภาษาไทยด้วยนะคุณ”

           “นั่นสิ” ภูบดีสีหน้ากังวล เหลือบมองธารวารี “มันต้องการอะไรจากเธอถึงได้บอกให้กลับไปไม่อย่างนั้นจะไม่ปลอดภัย”

           “มีคนปองร้ายคุณรีจริงๆหรือครับ”

            กวินหน้าเครียดจนภูบดีต้องรีบบอก

             “ผมก็ไม่แน่ใจ”

ชายหนุ่มลูบไรผมปรกหน้าคนนอนแล้วล้วงหยิบเศษกระดาษจากกระเปาเสื้อตนยื่นให้ไกด์หนุ่ม

“ที่อยู่นี่มันอยู่ในดิเรดาวา…ได้มายังไงครับ”

“ผมเก็บได้ที่สระน้ำ”

“แต่ลายมือไม่เหมือนกัน”กวินตั้งข้อสังเกต “พรุ่งนี้เรามีโปรแกรมไปที่นั่นพอดี”

“ผมถึงได้เป็นห่วงพรุ่งนี้เธอต้องไปตามที่อยู่ในแผ่นนี้แน่ผมคงต้องตามติดแต่ว่าจะทำยังไงให้ได้ไปกับเธอนี่สิ”ภูบดีถึงกับกุมขมับคิดหนัก

            จากที่เห็นวันนี้มีบางอย่างแปลกๆและเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรและต้องการอะไรถึงพุ่งเป้ามาที่ชีวิตของธารวารี

           “ดิเรดาวาเป็นที่แรกในโปรแกรมของเราพรุ่งนี้พอดีแต่ระยะทางไกลมาก ห้าร้อยกว่ากิโลใช้เวลาเกินครึ่งวันนั่นแหละถ้าขึ้นเครื่องไปอาจจะเร็วแต่ผมก็เป็นห่วงอีกช่วงนี้ฟ้าฝนไม่ค่อยดี แล้วเครื่องไม่ได้มีตลอดทุกวันทางที่ดีเธอควรไปพร้อมคณะทัวร์อยู่ใกล้สายตาผมน่าจะดีกว่า”

กวินยื่นข้อเสนอภูบดีฟังแล้วคิดหนักลังเลใจ

“อย่างที่คุณเห็นเธอค่อนข้างดื้อใช้ได้ ผมไม่รู้จะหาเหตุอะไรมารั้งเธอ”

“เอาน่าคุณหมอ”กวินตบไหล่ชายหนุ่ม “ให้เป็นหน้าที่ผม”

“ผมไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอีก”ภูบดีสีหน้าลังเล

“รอเธอฟื้นดูท่าทีไปก่อนแล้วเราค่อยคิดอีกทีน่าจะดีกว่า”

“ผมกลัวเธอจะถูกทำร้ายแบบวันนี้อีก” ภูบดีถอนใจหนักหน่วง “อยากขอแยกตัวไปกับเธอด้วยคุณวินคงไม่ว่านะครับ”

“ว่าแต่คุณพีแน่ใจแล้วหรือครับเรื่องที่คุณรีถูกทำร้าย ผมว่ามันเป็นอุบัติเหตุมากกว่ารึเปล่า”

           ภูบดีเหลือบมองหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติบนเตียงไม่อยากให้หล่อนได้ยิน แต่ดูแล้วธารวารียังนอนนิ่งไม่รู้ตัวจึงหันหากวิน

          “อย่างที่บอกเธอมีภาวะของคนหมดสติก่อนจมน้ำ ถ้ามาช้าอีกนิดเดียวอาจไม่ทันซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่าเธอจะเป็นลมแล้วหล่นลงไปในสระว่ายน้ำเอง เราคงต้องรอเธอฟื้นก่อนค่อยถามให้แน่ใจ”

กวินหน้าเสียท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อ

            “ถ้าทำขนาดนี้นี่หวังผลถึงแก่ชีวิตเลยนะครับพูดแล้วยังขนลุก ลำพังตกน้ำแบบมีสติก็ว่าแย่แล้วถ้าว่ายน้ำไม่เป็นแต่ถ้าถึงขนาดหมดสติก่อนนี่อาจตายได้”

            “นั่นแหละครับผมถึงอยากจะขอร้องคุณ”

ภูบดีเงียบไปครู่หนึ่งชั่งใจว่าควรจะบอกหรือไม่บอกแต่สุดท้ายเขาคิดว่าควรต้องให้กวินรับรู้ในฐานะผู้รับผิดชอบคณะทัวร์

            “คนที่คุณรีจะไปตามหาเขาคือพี่ชายของผม เพราะฉะนั้นผมคงปล่อยให้เธอไปคนเดียวไม่ได้ แล้วก็รบกวนอย่าบอกเธอว่าผมเป็นใครและทำอาชีพอะไร”

           “นั่นไงกวินตบเข่าฉาด “ผมนึกแล้วว่าคุณต้องรู้จักเธอมาก่อนจริงๆแล้วทำไมต้องไม่ให้เธอรู้ล่ะครับ”

            “ผมมีเหตุผลตอนนี้ให้เธอรู้แค่ว่าผมคือนายพีคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าก็พอแล้ว”

             กวินพยักหน้าก่อนจะให้คำมั่น

“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่รับรองว่าผมจะไม่บอกใคร”

            “ขอบคุณมากครับ”

“ถ้ายังไงขอฝากเธอด้วยนะครับถ้าคุณไปด้วยผมคงสบายใจมากขึ้น” กวินสำทับ

            สองหนุ่มยังคุยกันไม่ทันจบธารวารีขยับตัวเล็กน้อย ทำให้ภูบดีพุ่งตัวเข้าไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง คิดห่วงกังวลโทษตัวเองทั้งที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

กวินลุกตามมาโแล้วผละออกห่างเมื่อเห็นชายหนุ่มกุมมือหญิงสาวแน่น

“ผมขอตัวไปดูลูกทัวร์สักครู่นะครับไม่รู้ขึ้นห้องพักผ่อนเรียบร้อยกันรึยัง”

ภูบดีพยักหน้าแล้วหันกลับไปมองหญิงสาวตามเดิมหล่อนไม่รู้สึกตัวแต่เหงื่อผุดพราวบนดวงหน้าทำให้นึกเป็นห่วงเอามืออังหน้าผากก็ไม่ได้ตัวร้อนแต่อย่างใด

หล่อนอาจจะฝันร้ายเพราะท่าทางทุรนทุรายนั้น แล้วภูบดีก็สะดุ้งเมื่อหล่อนเพ้อเสียงดังแล้วผุดลุกขึ้นนั่ง

“ช่วยด้วย!ช่วยรีด้วย! ภู

ธารวารีหอบจนตัวโยนหลับตาปี๋ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาเมื่อเขาจับหัวไหล่หล่อนทั้งสองข้างยึดไว้

“คุณเป็นยังไงบ้าง

            “ฉันฝัน หล่อนลืมตามองเขาเต็มตา “ที่นี่ที่ไหน”

            “ห้องผม”

            “ห้องนาย ธารวารีถามเสียงสูง “ฉันจะกลับห้อง”

หล่อนพยายามชันตัวลุกขึ้นภูบดีโอบประคองร่างบอบบางให้ลงนอนตามเดิมแต่หล่อนขัดขืนจนเขาต้องพูดขู่

“ถ้าไม่นอนพักพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องเดินทางต่อหรอก”

“ใครมาเห็นฉันอยู่กับนายเข้ามันจะไม่ดี”หล่อนก้มหน้าหลบตา “ฉันจะกลับห้อง”

ภูบดีถอนหายใจกับความดื้อลุกขึ้นยืนเปิดทางให้ธารวารีชันตัวลุกขึ้นยืนแต่พลันแข้งขาอ่อนแรงจนชายหนุ่มต้องประคองไว้

ร่างหอมกรุ่นในอ้อมกอดและปลายจมูกสัมผัสเข้ากับแก้มนวลหอมละมุนทำให้ภูบดีทำตัวไม่ถูก ไม่เพียงแต่เขา ธารวารีเองก็ถึงกับนิ่งไปทีเดียว

กวินเปิดประตูเข้ามาถึงกับเก้ๆกังๆ อยู่หน้าประตู ส่งเสียงกระแอมมาก่อนตัวจนสองหนุ่มสาวผละออกจากกัน

“คุณกวินสองหนุ่มสาวเอ่ยเรียกไกด์หนุ่มขึ้นพร้อมกัน

            “ฟื้นแล้วหรือครับคุณรี”กวินยิ้มกว้างเดินตรงมาแทรกกลาง “มีผมอยู่ด้วยคุณรีไม่ต้องกังวล แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับแบบว่าคือ เอ่อ ทำยังไงถึงตกน้ำไปได้”

            “ฉันจำได้ว่ามีคนเดินมาชนเอาจดหมายใส่มือ ฉันอยากรู้ก็เลยวิ่งตามไปจนคลาดกันที่สระว่ายน้ำ แล้วอยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนโดนฟาดเข้าที่หลังแล้วก็จำไม่ได้แล้วค่ะ”

หล่อนส่ายหน้าสีหน้าลังเลแต่ไม่พูดเรื่องคำขู่หรือที่อยู่ในกระดาษทั้งสองแผ่น

           ภูบดีและกวินมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายด้วยความสงสัยกับสิ่งที่หล่อนพูดยิ่งตอกย้ำว่าที่เขาคิดนั้นมีส่วนถูกไม่น้อย หล่อนโดนทำร้าย และไม่ยอมเล่าเรื่องจดหมายอีก

           “อ้อ!แต่ฉันลืมบอกไปว่าตอนไปหาพี่รุจที่อพาร์ทเมนท์มีคนบอกฉันว่าพี่รุจไปดิเรดาวาตั้งแต่หกเดือนที่แล้วฉันว่าพรุ่งนี้จะขอแยกกับคณะทัวร์เลย ฉันจะไปตามหาเขาค่ะ”

หล่อนบอกแข็งขันจะก้าวออกจากห้องแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อก้มมองดูสารรูปตัวเองพบว่าเป็นชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม หล่อนหน้าซีดเผือดจนภูบดีสังเกตเห็นและกวินรีบบอก

“คุณรีไม่ต้องห่วงครับเมื่อครู่ตอนพาคุณขึ้นมา ผมไปขอให้คุณป้าที่ร่วมโต๊ะกับคุณรีเมื่อค่ำช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณไม่ใช่พวกเราหรอกครับ”

“ขอบ...ขอบคุณมากนะคะ” หล่อนตอบตะกุกตะกัก หน้าแดงก่ำ “แต่... เอ๊ะ! แล้วกระดาษที่จดที่อยู่พี่รุจละคะคุณเห็นไหมมันหายไปแล้ว”

              “อยู่ที่ผม”ภูบดีตอบน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้านิ่งเฉย

              เขาไม่มีทางคืนให้หล่อนเพราะอย่างน้อยที่อยู่พี่ชายก็เป็นตัวประกันให้ได้ติดตามหล่อน

             “ขอให้ฉันค่ะ”หล่อนเสียงหนักแน่น “ฉันจะไปตามหาเขา”

             “คืนให้ก็ได้แต่พรุ่งนี้คุณต้องให้ผมไปด้วย” เขาต่อรองหน้าตาเฉย

              ธารวารีทำหน้างงุนงงเหมือนไม่เข้าใจแต่เขาไม่มีวันให้หล่อนแน่ถ้าหากไม่ได้ไปด้วย

              “งั้นไม่เป็นไรดีที่ฉันพอจะจำได้” หล่อนบอกปัดสีหน้ายุ่งยาก

ภูบดีถอนหายใจที่หล่อนไม่ตอบรับนึกอยู่แล้วว่าธารวารีทนอยู่เฉยไม่ได้แน่ หล่อนจะต้องออกตามหาถึงแม้ไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

          ไม่ใช่ว่าหล่อนจะไม่สงสัย...

ธารวารีทั้งหวาดระแวงและรู้สึกแปลกตั้งแต่ที่ใครคนนั้นทิ้งเบาะแสในการตามหารุจิภพไว้ให้มันตรงกับที่คนดูแลอพาร์ทเมนท์เล่าให้ฟังเมื่อตอนกลางวันเรื่องรุจิภพย้ายไปดิเรดาวาเพราะเพื่อนที่พักอยู่ด้วยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อหกเดือนก่อนที่ค่ายชายแดนติดกับรอยต่อจิบูติและโซมาเลีย

ทั้งที่การคมนาคมไปจิบูติไม่ได้อันตรายมากหรือเพราะอยู่ติดโซมาเลีย หล่อนอยู่เฉยไม่ได้ต้องรีบตามหาเขาให้เร็วที่สุดไม่อย่างนั้นคงหาสบายใจยาก

ที่สำคัญหล่อนยังไม่แน่ใจว่าคนที่ให้จดหมายลับมาจะเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายหล่อนหรือไม่

             แล้วเขาทำไปเพื่ออะไร! มีอะไรไม่ชอบมาพากลกับการหายตัวไปของรุจิภพ

             ทำไมชายคนนั้นจึงมีดวงตาที่คล้ายกับคู่หมั้นของหล่อนจนน่าตกใจ       เสียดายที่ตามไปไม่ทันและมาเกิดเหตุที่สระว่ายน้ำเสียก่อน

             ธารวารีคิดหนักขณะนอนพักหลังจากภูบดีและกวินเดินมาส่งที่ห้องยอมรับว่าหล่อนกลัวที่จะอยู่คนเดียวหลังจากโดนลอบทำร้ายแต่ความกลัวก็ไม่ชนะความต้องการเจอตัวรุจิภพไปได้ 

             หล่อนตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้หลังจากเดินทางไปกับคณะทัวร์ถึงดิเรดาวาหล่อนจะขอแยกไปแบบวันนี้และถ้าไม่เจออีกคงต้องขอแยกจากคณะทัวร์ไปแบบถาวร

            ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ

^_____^ 

บล็อกนี้ปิดเมนท์ก่อน ค่อยมาใหม่งานตะพาบค่า




Create Date : 14 กันยายน 2559
Last Update : 14 กันยายน 2559 1:48:19 น. 0 comments
Counter : 1001 Pageviews.

lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.