Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
~AMHARA~สุดปลายทางที่...ความรัก (บทที่...3)

“ที่ตะวันลาลับสายน้ำ...
ณ. จุดเริ่มต้นแห่งธารสีน้ำเงิน..บลูไนล์
แม่น้ำสายหลักที่หลอมรวมก่อเกิดเป็นแม่น้ำไนล์
อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลแห่งทวีปแอฟริกา
ดินแดนแห่งใบหน้าที่ถูกแสงแดดแผดเผา
ประเทศที่มีมรดกโลกมากถึง 9 แห่ง
ถิ่นกำเนิดทองคำสีดำที่รสชาติอร่อยไม่เป็นสองรองใคร
ประเทศที่แสงอาทิตย์สาดส่องชั่วฤดูกาลนานถึง 13 เดือน”

    “สถานที่แห่งนั้นคือ..อัมฮารา”

บทที่...3

             'ศิลปะของการถ่ายภาพ คือการรังสรรค์งานศิลป์ด้วยแสง ที่แตกต่างจากงานศิลปะแขนงอื่นอย่างเห็นได้ชัด..ภาพจะสวยหรือไม่ อยู่ที่เราจะสามารถสื่อสารกับแสงและเงาได้อย่างสมดุล...ฉะนั้นการเรียนรู้ศิลปะของการถ่ายภาพไม่ใช่เรื่องยาก  เพียงใส่ใจฝึกฝนจนชำนาญ คุณก็จะสามารถมีงานศิลป์สวยๆจากแสงและเงาได้...ด้วยตัวเอง’

        ธารวารีพึมพำอ่านทบทวนที่เขียนไว้ในสมุดโน้ต และหมุนปากกาในมือไปมาอย่างครุ่นคิด ดวงตากลมทอดมองไปยังสายน้ำไหลเอื่อยไม่แรงเหมือนเมื่อวาน วันนี้ท้องฟ้าใสไม่มีเค้าฝนแม้แต่น้อย ลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไปนักแม้แดดจะแรงกว่าทุกวัน

       “แสงและเงา..แสงและเงา..เอ จะเขียนต่อยังไงดีนะ ทำไมคิดไม่ออกเลยเนี่ย”

       “ทำอะไรอยู่ลูก”

       ธารวารีสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ถึงสัมผัสอุ่นที่บรรจงลูบศีรษะหล่อนแผ่วเบาอย่างเอ็นดู หญิงสาววางปากกาจากสมุดโน๊ตเล่มเล็กแล้วยิ้มให้มารดาที่ลงมานั่งข้างกันบนศาลาริมน้ำหลังเล็กโดยมีนมอุ่นและขนมขบเคี้ยวมาวางไว้ให้อย่างใส่ใจเช่นเคย

      “เขียนหนังสือจ้ะแม่ ศิลปะการถ่ายภาพ กลับมาคราวนี้หนูจะรวมเล่มแจกเป็นสเปเชียลอิดิชั่นสำหรับคนที่ซื้อภาพในงานนิทรรศการจ้ะ”

      ธารวารีว่าพลางพลิกสมุดโน้ตเล่มเล็กไปมา แต่ละหน้ามีรอยขีดเขียนเต็มไปหมด และร่องรอยดินสอที่วาดเป็นฉากคร่าวๆ ธารามองดูสีหน้ามุ่งมั่นของลูกสาวอย่างมีความสุข สายตาเหลือบมองแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กที่สวมติดมือลูกสาวแล้วจึงถามด้วยความห่วงใย

     “แน่ใจนะว่าบอกรุจแล้ว ไม่ใช่จะแอบไปไม่ให้เขารู้ตัวหรอกนะ แม่เป็นห่วงรู้มั๊ย”

     ธาราลูบศีรษะลูกสาวอย่างห่วงใย เป็นความรู้สึกห่วงอยู่ลึกๆ ลูกสาวคนเก่งของหล่อนอายุอานามไม่ใช่น้อยแล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะย่างสามสิบ อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาและเลิกตะลอนไปถ่ายภาพยังที่ไกลๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก แต่ก็ดูเหมือนจะห้ามได้ยากและลูกสาวหล่อนก็ทำงานนี้ได้ดีเสียด้วย

      “จ้ะ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ พี่รุจดีใจจะตายตอนหนูโทรไปบอกน่ะยังฝากความคิดถึงถึงแม่อยู่เลย พี่รุจเป็นสุภาพบุรุษ รับรองลูกสาวแม่ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนจ้ะ”

      ปดมารดาไปเพื่อความสบายใจแต่ใช่ว่าจะไม่หวั่นใจ ธารวารีรีบเสเปลี่ยนเรื่องก่อนที่มารดาจะจับความรู้สึกนึกคิดได้ มือบางทำทีเป็นหยิบแก้วนมอุ่นขึ้นมาจิบและเคี้ยวขนมอย่างเพลิดเพลิน

     “อืม ก็ดีแม่ค่อยสบายใจหน่อย ว่าแต่ลูกเถอะ วันนี้ทำไมไม่ขลุกอยู่ในสตูดิโอแบบทุกวันล่ะ”

     “อ๋อ..ใช่จ้ะ หนูลืมบอกแม่ไปว่าห้องมืดแอร์เสีย เนี่ยเรียกให้ช่างมาซ่อมแล้วยังไม่มาเลย พอดีรูปถ่ายของหนูแย่เลย  ถ้าช่างมาแม่ให้พี่นาพาไปที่สตูด้วยนะ เดี๋ยวหนูจะออกไปหาซื้อของจำเป็นสำหรับเดินทางซะหน่อย แม่รู้มั๊ยที่หนูจะไปนะ SPF 30 เอาไม่อยู่นะ เห็นว่าต้อง 50 ขึ้นเลยแหละ เดี๋ยวหนูพกไปเยอะๆให้รู้กันไปเลย”

     ธารวารีพูดจบก็หยิบสมุดเดินตัวปลิวออกไปจากศาลา ธาราจะเรียกไว้แต่ก็ไม่ทันได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดปรูดปราดรวดเร็ว

     “โธ่เอ๊ย..ยัยรี จะเอาไปเยอะๆแล้วมันขึ้นเครื่องได้ที่ไหนกันเล่า ตลกแล้วลูกคนนี้”

     “ใครตลกจ๊ะ คุณป้า” นา..แม่บ้านวัยแก่กว่าธารวารีห้าปีฉีกยิ้มมาแต่ไกล พร้อมทั้งมองตามสายตาธาราไปทางที่ธารวารีเดินจากไป อย่างงุนงง

     “บ้านมีกี่คนจ๊ะ..คุณนา”

     “คุณป้า น้องรี กับหนูค่ะ”

     “อืม..ก็นั่นแหละ ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ฉัน แล้วจะใคร”

      “น้องรี?” 

      “อืม ก็จะใครซะอีก ก็ยัยลูกสาวที่ไม่ยอมแต่งงานออกเรือนไปซะทีของฉันน่ะแหละ”

       ตอบกลับคำถามไปอย่างติดจะขันเล็กๆ กับคำตอบพาซื่อของนาที่เรียกเสียงหัวเราะให้ธาราได้เป็นอย่างดี  ความไม่สบายใจเมื่อครู่ละลายหายไปเป็นปลิดทิ้งแล้วเดินหนีเข้าบ้านไป ก่อนไปยังฝากฝังให้นาคอยดูเผื่อช่างแอร์มาซ่อมห้องมืดในสตูดิโอของธารวารีอีกด้วย    

  

      “อยู่ไหน!! หายไปไหน!! โอ๊ยทำไมหาไม่เจอเนี่ย”

     “ทำไงดี อีกไม่กี่วันก็ต้องเดินทางแล้ว เอาไปไว้ไหนแล้วนะ”

      ธารวารีโวยวายอยู่คนเดียวในห้องนอน ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายด้วยฝีมือตัวเอง  ของสำคัญที่จะเช็คความเรียบร้อยอยู่ๆก็หายไปไหนก็ไม่รู้ หญิงสาวนั่งกุมขมับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ คิดทบทวนไปมากว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

     "ที่รัก อยู่ที่แกแน่ๆ ใช่ๆ ลืมไปได้ยังไง"

     ไวเท่าความคิด ธารวารีวิ่งเร็วจี๋สวนเข้ากับมารดาที่เดินสวนเข้ามาจนต้องมองตามด้วยความสงสัย หญิงสาวสาละวนกับการรื้อค้นทรัพย์สินภายในรถที่มีไม่กี่มากน้อยอย่างหงุดหงิด แต่ก็หาไม่เจอ นาเยี่ยมหน้าเข้ามาด้อมๆมองๆด้วยความสงสัย ธารวารีเห็นนาก็เรียกไว้

     “พี่นา รีฝากเอากระเป๋าสะพายกับโทรศัพท์มือถือที่ห้องให้หน่อยสิจ๊ะ จะออกไปธุระสักหน่อย”

     ธารวารีเงยหน้าที่เหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้าขึ้นมาสบตา นาที่มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     “จ้ะ น้องรี เดี๋ยวแป๊บนึงนะ”

     นาหายเข้าไปในตัวบ้านสักครู่แล้วก็ออกมาพร้อมสิ่งของที่ธารวารีสั่งไว้ หญิงสาวไม่พูดพร่ำทำเพลงขับรถออกไปจากบริเวณบ้านทันที นาได้แต่มองตามอย่างงุนงงก่อนจะพึมพำออกมา

     “แล้วไปชุดนั้นเนี่ยนะน้องรี หน้าตาก็ไม่แต่ง แล้วดูแต่งตัวเข้า เฮ้อ..แปลกจริง”


      รถญี่ปุ่นราคาประหยัดรุ่นล่าสีดำสนิท ขับมาจอดหน้าประตูรั้วบ้านทันทีที่รถของธารวารีลับสายตาไป นากำลังจะปิดประตูเหลือบมาเห็นเข้าพอดี สีหน้าสงสัยเล็กน้อยแต่พอนึกอะไรได้ก็รีบกุลีกุจอเข้าไปทักทายคนที่กำลังเลื่อนกระจกรถลงครึ่งนึง

     “ที่นี่บ้านคุณธารวารีใช่มั๊ยครับ”

     “ใช่ค่ะ..ใช่ๆ โห...ช่างแอร์สมัยนี้เท่ห์ระเบิดไปเลย”

      นาพึมพำด้วยสีหน้าตื่นเต้น ตาประกายระริกอย่างถูกใจ ความคิดแล่นฉับพลันทันที รีบทักทายชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งสวมแว่นกันแดดสีชาอันโตกำลังมองตัวบ้านอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่

     “คุณ..ที่นัดไว้ใช่มั๊ยคะ ขับรถเข้ามาเลยค่ะ บ้านสวนเดินไกลเอารถเข้ามาสะดวกกว่าเยอะ เร็วๆค่ะ จะได้ปิดประตู”

     “เอ๊ะ..แต่ผมไม่ได้..”

     คนมาใหม่ถอดแว่นกันแดด เผยให้เห็นดวงตาคมกริบ ในมือถือเอกสารที่ต้องการจะมาส่งคืนเจ้าของ แต่แล้วก็ได้แต่ลังเล เมื่อเจอนารบเร้า ชายหนุ่มก็เลยตามน้ำ ขับรถเข้าไปอย่างงงๆ พร้อมทั้งโยนเอกสารนั้นไว้ข้างเบาะอย่างไม่ใส่ใจ โดยมีนาโบกไม้โบกมือให้แล่นรถเข้าไปอย่างเร็ว

     “เร็วๆสิคะคุณ คนเราสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้นะ จอดรถติดเครื่องเอาไว้ระวังโจรจะมาช่วยขับให้ไม่รู้ตัว ”

     “โอเค โอเค”

      ภูบดีตอบรับสั้นๆงงไม่หาย แต่ก็ขับรถเข้าไปภายในบริเวณบ้าน โดยมีนาที่ปิดประตูเรียบร้อยรีบวิ่งตามมา กลิ่นหอมของดอกลีลาวดีต้นใหญ่โชยมาเป็นระยะ ภูบดีก้าวลงมายืนข้างตัวรถพร้อมทั้งมองไปโดยรอบอย่างพินิจพิเคราะห์ สวนกุหลาบขนาดย่อมตลอดแนวทางเดินไปยังตัวบ้านสวยงามสีสันสดใส

     ชายหนุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆอย่างรู้สึกคุ้นเคย สายตาเหลือบมองไปยังศาลาริมน้ำและมองเลยผ่านไปยังอีกฝั่งแม่น้ำด้วยความรู้สึกโหยหา ก่อนจะถอนหายใจออกมาบางเบา จนไม่ทันสังเกตว่าใครเดินเข้ามาด้านหลัง

     “คุณคะทางนั้นไปเรือนไทย  สตูดิโอต้องไปอีกทาง อยู่ติดศาลาริมน้ำค่ะ”

     ภูบดีชะงักฝีเท้าทันที ดวงตาคมเข้มมีแววตื่นเต้นฉายชัด เขาจำได้น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก

     “คุณป้า”

     “คะ คุณว่าอะไรนะคะ”
 
     ธารา..จ้องมองแผ่นหลังสูงใหญ่ภายใต้เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีสีดำสนิท คล้ายจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น  คำพูดแผ่วเบาที่ฟังไม่ค่อยถนัดจนต้องถามซ้ำอีกรอบของชายหนุ่มดึงดูดความสนใจจนต้องถามออกไปด้วยความสงสัย ภูบดีค่อยๆหันกลับมาอย่างช้าๆ ทันทีที่พบหน้า ธารารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ภูบดีกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่อง

     “เปล่าครับ เอ่อ ผมบอกว่าดอกไม้ที่นี่สวยดี”

     “เหรอคะ รู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง เคยเจอที่ไหนมาก่อนรึเปล่าคะ” 

      ธารายิ้มน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนจะชวนคุยต่อ ภูบดีอึกอักเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของหญิงกลางคนที่มองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ ชายหนุ่มเสหลบตาแล้วมองไปยังสตูดิโอที่อยู่ติดกับศาลาริมน้ำแทน

      “ผมเคยมาที่นี่สองสามครั้งครับ” ยังไม่ทันที่ภูบดีจะพูดจบ นาก็เข้ามาพร้อมกับน้ำมะตูมลอยน้ำแข็งแก้วใหญ่ ยื่นส่งให้

       “คุณป้า ช่างแอร์ของน้องรีนี่หล๊อหล่อนะคะ เดี๋ยวพี่พาคุณไปนะคะ สตูดิโออยู่ด้านโน้นค่ะ”

       “อ่อ..ครับ แต่ว่า ผม” 

       ไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ภูบดีจำเป็นต้องเดินตามนาไปอย่างเสียไม่ได้  เมื่อข้อมือถูกจับจูงลากไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ศาลาริมน้ำสีขาวหลังเล็กมีทางเดินเล็กที่เชื่อมต่อกับบ้านปูนชั้นเดียวหลังใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้เลื้อยสกุลไทรพันธ์ใบเล็กด่างเต็มฝาผนังอิฐสีเทา สงบร่มรื่นน่ามองราวกับป่าขนาดใหญ่จนภูบดีเผลอยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

       “ที่นี่ค่ะ แต่ไม่เห็นคุณมีอุปกรณ์อะไรมาเลยนะคะ แปลกจัง” ภูบดีเหลือบมองนาที่มองมาอย่างกังขาเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มละลายให้สาวใหญ่ฝันค้าง 

       “ผมขอดูก่อนก็แล้วกันว่าเสียตรงไหนยังไง คุณไปพักผ่อนเถอะเดี่ยวถ้าเสร็จแล้วผมจะบอก”

      ภูบดีรับสมอ้างแต่กะจะดูให้จริงๆเพราะพอจะมีความรู้เรื่องช่างอยู่บ้างตามประสาเด็กหนุ่มที่เติบโตในต่างแดนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องพึ่งพาตนเองเสียเป็นส่วนใหญ่ งานเล็กน้อยในบ้านจึงไม่ใช่งานหนักหนาอะไร

      “ได้ค่ะ พี่ขอตัวไปทำกับข้าวกลางวันให้คุณป้าก่อนนะ วันนี้น้องรีไม่อยู่น่าจะทำอาหารง่ายๆ เดี๋ยวพี่จะทำเผื่อคุณด้วยนะคะ”

      “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้อง”

      ภูบดีรีบปฏิเสธ ไม่อยากอยู่นานแต่พอถูกคะยั้นคะยอมากเข้าจึงได้แต่พยักหน้าตอบตกลง พอนาลับสายตาไปจึงเปิดประตูบานเลื่อนกระจกสีดำของสตูดิโอเข้าไปภายใน

        ภายในสตูดิโอมีแสงลอดผ่านรำไรจากแนวปกคลุมของไม้เลื้อยพันธ์ไทร หลังคาที่มีช่องเปิดผ่านให้แสงเล็ดลอดเข้ามาทำให้ภายในห้องไม่มืดทึบจนเกินไป ภูบดีกวาดสายตามองไปรอบๆหาสวิสซ์ไฟ พอไฟในห้องเปิดสว่างก็ถึงกับตกตะลึง ผนังห้องตลอดแนวเต็มไปด้วยภาพถ่ายขนาดใหญ่กรอบสีน้ำตาลสวยโทนขรึม เป็นภาพทิวทัศน์ทั้งป่า ต้นไม้ พรรณไม้ยืนต้น ไม้ดอก น้ำตก ภูเขา เต็มผนังไปหมด ชายหนุ่มนึกทึ่งไม่น้อยกับความงดงามของแต่ละภาพ 

       ผนังฝั่งหนึ่งถูกดัดแปลงเป็นฉากหลัง มีอุปกรณ์ครบครันที่สตูดิโอถ่ายภาพขนาดใหญ่ควรมี มุมหนึ่งเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือท่องเที่ยวสารพัดชนิดรอบโลก คู่มือถ่ายภาพอย่างมืออาชีพปึกหนาหลายเล่ม บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของเป็นพวกใฝ่รู้ขนาดไหน บางสิ่งบางอย่างน่าสนใจวางอยู่กลางโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างสนใจ

       “โบรชัวร์บริษัททัวร์?”

       อ่านคร่าวๆ เสร็จแล้วจึงหากระดาษกับปากกาที่บนโต๊ะเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาจดอะไรบางอย่างแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ตก่อนจะวางกระดาษโน๊ตปีกเล็กและปากกาไว้บนโต๊ะไม่ได้เก็บเข้าที่เดิม
      
       วิชาช่างเป็นอีกอย่างที่ภูบดีสนใจ ช่วงเวลาที่อยู่นิวซีแลนด์เขาทั้งเรียนหนักและรับจ็อบสารพัดในช่วงเวลาว่างเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ตัวเอง โดยไม่พึ่งพาอาศัยครอบครัวของบิดามากเท่าไหร่นัก หลังจากบิดาเสียชีวิตในช่วงวัยรุ่น ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาเหมือนตัวคนเดียวต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านเกิดถ้าไม่มีลุงซึ่งเป็นพี่ชายของบิดา เขาก็อาจจะไม่ได้เรียนสูงถึงขนาดนี้

       ห้องมืดสนิทเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาโชยมาเกระทบจมูกป็นระยะ ภูบดีรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก อากาศในห้องร้อนอบอ้าวพอสมควรเพราะแอร์เสีย ชายหนุ่มควานสะเปะสะปะเรื่อยไปริมขอบประตูจนเจอสวิสซ์ไฟ แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมาบางจุดทำให้เห็นแสงเลือนลางภายในห้องพอจะคลำทางถูก ภาพถ่ายจำนวนมากถูกแขวนด้วยไม้หนีบเรียงเป็นแถวยาวเต็มไปหมด ภูบดีกวาดตามองไปทั่วทุกภาพอย่างสนใจ ก่อนจะหยิบภาพๆหนึ่งขึ้นมาดูด้วยความสนใจ

     “คุณแม่...พี่”
 
     ภาพแห่งความผูกพันของคนสองคนที่สายใยสัมพันธ์แน่นแฟ้น ภูบดีได้แต่มองด้วยดวงตาหม่นหมอง มือหนาปล่อยภาพนั้นหลุดร่วงหล่นลงพื้นไปแล้วดึงภาพอีกภาพหนึ่งที่อยู่ใกล้กันเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ตของตนแทน...


     ธารวารีเดินแกมวิ่งเข้ามาภายในสถานเสาวภา ยามบ่ายคล้อยของวันกลางสัปดาห์แบบนี้ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก สีหน้าร้อนใจท่าทางลุกลนเป็นที่สนใจของใครบางคนที่เดินสวนกันไป

    “เอ๊ะ..นั่นเพื่อนคุณหมอภาวัฒน์นี่นา คุณคะ!! คุณ”

     เจ้าหน้าที่สาวเรียกเอาไว้แต่ธารวารีรีบร้อนจนไม่ทันได้ยิน ได้แต่มองตามจนหญิงสาวลับสายตาไปตรงมุมตึก ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ได้ใส่ใจ  ได้แต่ฉงนใจแล้วรีบเดินไปอีกทางหนึ่งอย่างรีบร้อนเพราะต้องนำเอกสารไปให้ที่ประชุม    

    “ขอโทษนะคะ วันนี้คุณหมอภาวัฒน์ไม่มาเหรอคะ”

     ธารวารีเยี่ยมหน้าออกมาถามพยาบาลสาวใหญ่ที่เดินผ่านหน้าห้องพักของภาวัฒน์ หน้าซีดเซียวผมเผ้าไม่จัดทรงเป็นระเบียบ พยาบาลสาวใหญ่มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วเอ่ยเสียงเข้ม

    “คุณเป็นใครคะ เข้าไปในห้องพักแพทย์ได้ยังไง”

    “เอ่อ..คือฉันเป็นเพื่อน เอ๊ยไม่ใช่สิ เป็นน้องสาวค่ะ”

     ธารวารีหน้าเสีย แก้เก้อไปแบบตะกุกตะกัก ซึ่งนั่นไม่เป็นที่ไว้วางใจของพยาบาลสาวใหญ่แม้แต่น้อย ดวงตาเรียงเล็กภายใต้แว่นกรอบหนาหรี่มองอย่างจับผิด

     “คือ.. พอดีฉันรีบค่ะ ลืมเอกสารไว้ที่นี่ คุณพอจะทราบมั๊ยคะว่ามีใครเก็บเอกสารซองสีน้ำตาล ที่มีพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน แล้วก็สมุดรับรองสีเหลืองที่ฉันมาฉีดวันก่อนบ้างมั๊ยคะ”

    “ดิฉันไม่ทราบ คุณคงต้องไปติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ แล้วคุณกรุณาออกจากห้องพักคุณหมอด้วยค่ะ คุณหมอภาวัฒน์วันนี้ไม่มามีรับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยค่ะ”

     ธารวารีถึงกับหน้ามุ่ยกับสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงเข้มเหมือนคุณครูกำลังดุลูกศิษย์เอาแต่ใจอย่างหล่อน หญิงสาวพยักหน้ายิ้มแหยเป็นเชิงขอโทษแล้วพาตัวออกมาจากห้องอย่างเร็ว นางพยาบาลสาวใหญ่มองอย่างพอใจแต่คิ้วยังขมวดมุ่นเมื่อเห็นสภาพโดยรวม

    “อันที่จริงมาติดต่อสถานที่นี้ ถ้าคุณจะเรียบร้อยกว่านี้อีกนิดหน่อยนะคะ ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”

    “คือ..ฉันรีบค่ะ ฉัน...” หน้าสวยมุ่ยเป็นคำรบสองเมื่อนางพยาบาลสาวใหญ่ไม่ฟังแล้วเดินฉากออกไปเลย ธารวารีมองสภาพตัวเองแล้วได้แต่หน้าเสีย

    “ก็ฉันรีบนี่นา แค่นี้ต้องตำหนิกันด้วย”

    “คุณมาทำไมคะ พี่ท็อปไม่อยู่วันนี้ หรือว่าติดใจอยากฉีดวัคซีนตัวไหนเพิ่มคะ”

    ยังไม่ทันได้ว่าอะไรต่อ เสียงใสที่วันนี้ไม่ค่อยผ่องใสของใครบางคนก็ดังขึ้น ธารวารีหันกลับไปมองสีหน้าตื่น แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงยิ้มออกมาได้

    “คุณหมอทิวา”

    “สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะ วันนี้มีอะไรรึเปล่าคะ ดูคุณจะรีบร้อน” ทิวายิ้มแย้มส่งให้แต่แววตาขบขันประหลาด ธารวารีหน้าเสียแต่ก็ไม่วายถามอย่างร้อนใจ    

    “คือฉันลืมเอกสารเอาไว้ที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอได้เก็บไว้หรือมีใครเอามาฝากไว้ให้บ้างมั๊ยคะ”

    “คุณยังไม่ได้รับเอกสารอีกเหรอคะเขาบอกว่าจะส่งให้ถึงมือคุณนี่” ธารวารีขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง"

    “เขา?..คือใครคะ”

    “คุณหมออีกท่านนึงค่ะ เขาเป็นคนเก็บเอกสารของคุณได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะหายหรือเอาไปทำอะไรนะคะ ป่านนี้เอกสารนั่นอาจจะส่งถึงบ้านคุณแล้วก็ได้”

    “แต่..แต่ว่า คือฉันขอเบอร์คุณหมอท่านนั้นได้มั๊ยคะ เผื่อจะได้ติดต่อขอไปรับเอง กลัวคุณหมอท่านจะไม่สะดวกค่ะ”คำพูดติดจะเกรงใจ น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น ทิวาได้แต่ถอนใจ ก่อนจะเอ่ยแกมรำคาญนิดๆ

    “ก็ได้ค่ะ แต่ว่าอย่างพยายามติดต่อเขาก่อนนะคะ เพราะคุณหมอภูไม่ชอบให้ใครวุ่นวาย นอกเสียจากว่าเขาจะติดต่อคุณก่อน” ทิวาจดยุกยิกในกระดาษโน้ตเล่มเล็กแล้วฉีกยื่นให้ไปอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ธารวารีรับมาดูอย่างตื่นเต้น

    “ขอบคุณมากๆนะคะ.คุณหมอทิวา”ธารวารีอ่านชื่อที่ทิวาจดไว้ให้ด้วยความตื่นเต้น

     “นายแพทย์ภูบดี พี.บอร์ด?..เอ๊ะ คุณหมอเป็นลูกครึ่งเหรอคะ”

     ถามออกไปหวังว่าจะได้คำตอบที่ต้องการ แต่ธารวารีก็ต้องขยาดเมื่อเห็นสายตาแปลกๆจากทิว จึงได้แต่ขอบคุณก่อนจะขอตัวกลับโดยมีทิวามองตามจนลับสายตาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้


      ทิวา..โยนแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะทำงานของตนด้วยความหงุดหงิด ลมหายใจพรูออกมาอย่างระบายความรู้สึกอัดอั้น สักพักจึงหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก เป้าหมายไม่ใช่ใครคือ ‘เขา’ คนที่อยู่ในบทสนทนาของตนกับธารวารีเมื่อสักครู่นั่นเอง

      “วันนี้ไปไหน ภู” น้ำเสียงเข้มกว่าปกติจนภูบดีที่กำลังขับรถออกจากบ้านธารวารีต้องจอดเข้าข้างทางเพื่อคุยกับหล่อน 

      “เอาเอกสารมาคืนเจ้าของเขา วามีอะไรบอกแล้วไงว่าเราจะไปรับสี่โมงเย็น” ภูบดีกรอกเสียงตามสายไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิทเช่นกัน 

      “แล้วคืนเรียบร้อยรึยัง เอกสารน่ะ”

      “ฝากแม่เขาไว้แล้ว ว่าแต่วามีอะไร ถ้าไม่มีอะไรเราจะวางแล้ว เจอกันสี่โมงเย็นนะ”

       ภูบดีพูดเสียงอ่อนโยน และตัดบทอย่างไม่ใส่ใจนักเมื่อได้ยินน้ำเสียงคาดคั้นมาตามสาย จากคำพูดที่ได้ยินบ่งบอกให้รู้ว่าหญิงสาวคุ้นเคยอารมณ์ไม่ปกติเท่าไหร่ ทิวาเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนรักที่เขาจำต้องถนอมน้ำใจหล่อนให้มาก 

      “ภู..เมื่อไหร่ภูจะเริ่มงานใหม่ล่ะ เราได้ข่าวว่าภูจะไม่ทำงานที่เดียวกับเราเหรอ ทำไม ไหนทีแรกบอกว่า..”

      “เราเป็นศัลยแพทย์หัวใจนะวา จะดีกว่าถ้าเราได้ทำงานในโรงพยาบาลเฉพาะทาง แล้วอีกอย่างเรายังจะไม่เริ่มงานตอนนี้หรอก”
ทิวาถึงกับงงกับความหมายที่ปลายสายบอก นอกจากจะไม่ทันตั้งตัวเรื่องที่ภูบดีตัดสินใจแล้ว หล่อนยังต้องงงงวยไปอีกเมื่อเขาเปลี่ยนแผนกระทันหัน

      “ทำไม? จะทำอะไรเหรอ ถึงยังไม่เริ่มงาน”

      “เราจะไปต่างประเทศสักสองเดือน”

      ภูบดีตอบก่อนจะตัดบทวางสายไป มือหนาหยิบหมายเลยโทรศัพท์บริษัททัวร์ที่จดมาจากในสตูดิโอของธารวารีมาดูแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย  เอกสารสำคัญของหล่อนถูกส่งถึงมือมารดาอย่างเรียบร้อย ธาราได้แต่งงแต่เขาไม่ได้อธิบายอะไรบอกแต่เพียงว่าถ้าหล่อนเห็นก็จะรู้ได้เองว่าคืออะไร เขาจะยังไม่รีบร้อนเพราะถึงอย่างไรธารวารีก็จะต้องเจอกับเขาในไม่ช้า..


โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ^^

ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆจากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ด้วยนะคะ

ขอบคุณภาพและเพลงเพราะๆจากอินเตอร์เนตด้วยค่ะ

ขอบคุณพี่ๆสำหรับคอมเมนท์+ไลค์+โหวตในตอนที่แล้วด้วยค่ะ

ขอให้อ่านนิยายอย่างมีความสุขนะคะ




Create Date : 15 สิงหาคม 2556
Last Update : 15 สิงหาคม 2556 1:14:07 น. 32 comments
Counter : 1000 Pageviews.

 
เข้ามาอ่านนิยายสายแพทย์ท่องเอธิโอเปียครับ เคยอ่านบทนำแป๊บๆมาถึงตอนสามแล้วเหรอเนี่ย

ลุ้นระทึกกับช่วงหมอทิวาโทรจิก โชคดีบินหนีทัน อิอิ


โดย: ชีริว วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:2:51:34 น.  

 
หวัดดียามเช้าจ้าน้องนุ่น ขอบคุณนะครับที่ติดตามอ่านครับ แหวนเพชรถ้าได้สวมบนนิ้วนางคงสุดยอดนะน้องนุ่นอิอิ


โดย: หนี่งหน่อง วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:5:30:49 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:6:26:23 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณนุ่น เก่งจังเลยนะคะที่เขียนนิยายได้ อ้อ รอชม How to เรื่องเสื้อผ้าอยู่นะคะ


โดย: ร้อยคืนหมื่นวัน วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:9:40:20 น.  

 
สวัสดีค่ะ ...

ยังไม่ได้ตามอ่าน ... เรื่องราวเลยค่ะ
แต่ว่าเห็นชื่อตัวเอง "ธารวารี" แปลกใจอีกแล้วค่ะ
เพราะว่า ช่วงนี้เราจะวนเวียนกับชื่อนี้
ในหัวมากเพราะว่าหนังสือที่อ่านสามเล่ม
ก็จะเป็นชื่อนี้ทั้งนั้น

ธารวารี
ธารารินทร์
ธาราวดี ...


พอมาเจอบล็อกนี้อีกชื่อตัวเองเลยคิดว่า เอ่อมันบังเอิญ
จังกับชื่อค่ะ อารมณ์ว่าถ้าหากว่าธารามาเจอยามนี้คงดีเลยค่ะ
เพราะว่าจะได้เย็นใจกับสายน้ำมากกว่าแสงแดดตอนนี้ค่ะ



โดย: JewNid วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:10:08:05 น.  

 


มาติดตามนะจ๊ะ เรื่องนี้น่าอ่านจังเลย แค่หัวข้อก็ชวนให้ฝันหาแล้วหล่ะคุณนุ่น....วันนี้บล็อคเขียวขาวสบายตาจังค่ะ มีความสุขมากๆ นะค่ะ พรุ่งนี้หวยออกด้วยหล่ะ แหะๆๆ


โดย: Pikake วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:10:27:39 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องนุ่น


แวะมาทักทายที่นี่ก่อนนะคะ ตอนนี้เพิ่งกลับมาถึงสุวรรณภูมิ

คิดถึงนะคะ^^


โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:12:55:32 น.  

 
แวะมาอ่านครับ


โดย: ravio วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:16:53:51 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาลงชื่ออ่านครับ พอได้อ่านเรื่องนี้แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าตัวผมเองก็ยังแต่งเรื่องยาวค้างไว้อยู๔่เหมือกนันครับ ยังแต่ได้ไม่กี่ตอนเองครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:20:53:06 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Literature Blog ดู Blog

ข้ามาถึงบทที่3 ตอนที่3 เลขที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวพอดีเลยครับ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:21:00:27 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

lovereason Literature Blog ดู Blog



แวะมาทักทายคุณนุ่นค่ะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 15 สิงหาคม 2556 เวลา:22:09:03 น.  

 
แค่เริ่มเรื่องมาได้สามบท ก็ชวนติดตามแล้วค่ะ
สงสัยจะติดเรื่องนี้ของน้องนุ่นอีกแล้วหละ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Literature Blog ดู Blog


โดย: ฝากเธอ วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:0:22:57 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ^^
ไปเยี่ยมบล็อคพี่ๆได้แค่ครึ่งเดียว
เดี๋ยวพรุ่งนี้นุ่นมาตามเก็บอีกทีนะคะ

ขอบคุณมากๆค่า ^^


โดย: lovereason วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:2:16:59 น.  

 
มาเยี่ยมคุณนุ่นค่ะ
เขียนนิยายเก่งมากๆ
ต้องออกตัวว้าไม่ได้ติดตามอ่านแต่แรก
เสียดายจังเลย

ขอบคุณมากที่แวะไปเยี่ยมชมเมี่ยงแหนมค่ะ

โหวตหมวด liturature นะคะ


โดย: anigia วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:4:35:27 น.  

 
สวัสดียามเช้าวันศุกร์
วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะ..
- Happy Friday - คะ.ヽ( ´ー`)ノ




โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:5:41:20 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่าคุณนุ่น
ว้าาาา ผิดคาดเลยอ่ะค่า
นึกว่าคุณนุ่นจะชอบเมนูแกงไตปลานะเนี่ย
แบบว่าเหนชอบสะตอ นึกว่าชอบอาหารใต้ 55
เพิ่งจะรู้อีกหล่ะว่าแกงใส่ไข่ไก่รึไข่นกกระทากได้ด้วย
เด๋วคราวหน้า จะจัดไข่นกกระทาลงหม้อแกงไตปลาด้วยเลยค่า
เสียดายรู้ช้าไปนิ๊ดดด ไม่งั้นหม้อนี้ได้จัดไปแว้วว


มีความสุขกับงานตลอดทั้งวันค่า
พรุ่งนี้หยุด ไปเที่ยว พักผ่อนอย่างมีความสุขนะค่า



โดย: พริ้วไหวไปตามลม วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:6:34:32 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น

พี่ก๋าอยู่เชียงใหม่จนชิืน
ให้ไปอยู่กรุงเทพก็ไม่ไหวครับ
เคยเจอรถติด 3 ชั่วโมงครึ่ง

ระยะเวลาเท่านี้
ขับรถเที่ยวจากเชียงใหม่ไปเชียงรายได้เลยครับ 5555






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:6:35:59 น.  

 

ว้าวววว พระเอกแน่ๆ เลย
นายแพทย์ภูบดี พี.บอร์ด อย่างเท่ห์

ว่าแต่ภูบดีและธารวารีต้องเคยรู้จักกันมาก่อนแน่เลย
รอติดตามชมตอนต่อไปนะคะคุณนุ่น




โดย: แค่ได้รู้จัก_ก็เพียงพอ วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:7:25:35 น.  

 
ขออภัยที่ไม่ได้อ่านนะคะ แหะๆ


เห็นที่ไปเม้นท์เอนทรี่ข้าวซอยบ้านคุ้มเลยต้องมาถามว่า ที่พักแถวนั้นคือที่ไหนคะ แล้วดีมั้ยเอ่ย?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:9:54:59 น.  

 
สวัสดีครับ
เรื่องอ่านเพลินเรื่องเดินกระชับดี
ชอบครับ ทั้งๆที่ไม่ค่อยชอบอ่านนิยายเท่าไหร่
เพราะอ่านแล้วติดอ่ะครับ


โดย: moresaw วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:13:07:46 น.  

 
มาติดตามอ่านและโหวตให้ด้วยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เริงฤดีนะ Sports Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:14:59:12 น.  

 
มาเยี่ยมคุณนุ่นครับ


โดย: yyswim วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:16:14:55 น.  

 
พี่ชอบเรื่องนี้จ้ะนุ่น จริงๆ นิยายนุ่นก็สนุกทุกเรื่องแหละ พี่อาจจะชอบนางเอกธารวารีมัง




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:18:56:09 น.  

 
เรื่องราวความรักและชีวิตคู่
พี่ก๋าว่ามันเป็นตำราที่เรียนรู้ไม่จบสิ้นจริงๆครับน้องนุ่น




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:19:29:14 น.  

 
มาเยี่ยมบ้านนักเขียนครับ
เพิ่งจะเห็นว่าเก็บแมวไปแล้ว



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:19:46:28 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณนุ่น ขอบคุณมากนะคร้าที่แวะไปเยี่ยมชม
งานโครงการหลวง...งานนี้คุณผู้หญิงช้อปเพลินกันเลย
ผัก-ผลไม้น่ากินทุกอย่างคร้า...
ส่งกำลังใจให้ จขบ.เขียนเรื่องสั้นที่ใจรัก กดไลค์ให้ก่อนค่ะ


โดย: tui/Laksi วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:20:12:12 น.  

 

สวัสดียามค่ำจ้าคุณนุ่น

ปอมมีน้ำส้มมาฝากนะคะ




นอนหลับฝันดีนะคะ



โดย: กาปอมซ่า วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:21:44:58 น.  

 
มาช้าดีว่าไม่มา

วันนี้ยายเก๋าไม่อยู่บ้าน กลับบ้านเกือบห้าโมง เพิ่งเปิดคอมเมื่อสักครู่เอง
ไปดูโปรแกรมทัวร์ที่ศูนย์ศิริกิติ์
แต่ทุกทัวร์ส่วนมากจะไปคู่ ยายเก๋าหาคู่ไปด้วยไม่ได้เพราะเพื่อนๆก็แก่เกินจริงจึงไม่มีใครไปด้วย



โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:22:20:22 น.  

 
สวัสดีครับ แวะมาอ่านและโหวตให้งานเขียนดีๆครับ


โดย: หมอหว่อง วันที่: 16 สิงหาคม 2556 เวลา:23:31:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ..

แวะมาอ่านงานวรรณกรรม ก่อนงานตะพาบนะค่ะ

มีความสุขมากๆในวันหยุดนะค่ะ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 17 สิงหาคม 2556 เวลา:8:10:21 น.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 6
พี่อุ้มมานั่งอ่านต่อน้องนุ่นเข้าใจคลายปม
ค่อยเขียนขยายได้น่าสนใจ
แหล่มจ๊ะ
แวะมาโหวตงานเขียน จขบ. ให้จ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 19 สิงหาคม 2556 เวลา:7:19:15 น.  

 
ดีจ้า้องนุ่น

มาตามอ่านจ้า

หาที่ถนนไม่เจอ

เรื่องนี้บทละมุนละไมหอมกลุ่นเสน่ห์. น่าติดตามมากค่ะ


โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 23 สิงหาคม 2556 เวลา:20:27:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.