happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2561
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
10 เมษายน 2561
 
All Blogs
 
การทูตไทย-ฝรั่งเศสยุค "พี่หมื่น"




พระบรมสาทิสลักษณ์จาก กระทู้พันทิป









พระบรมสาทิสลักษณ์จาก กระทู้พันทิป



ประวัติศาสตร์ตามท้องเรื่องละคร"บุพเพสันนิวาส" นั้น "พี่หมื่น" ของแม่การะเกดกำลังนั่งเรือไปฝรั่งเศส หลายคนคงจินตนาการไม่ออกว่าจะกินอยู่กันอย่างไร เมาเรือหรือเปล่า ใช้เวลานานแค่ไหน โหดหรือไม่นึกภาพตามดู "พี่หมื่น" นั่งกำปั่นใหญ่ออกจากอยุธยา ล่องมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา ออกอ่าวไทย เลาะชายฝั่งลงไปยังภาคใต้ มาเลเซีย อ้อมเข้าอันดามันที่สิงคโปร์ เลาะไปเรื่อย ๆ จนสุดเกาะสุมาตรา จากนั้นลอยกลางมหาสมุทร จนไปถึงชายฝั่งทวีปแอฟริกา





ภาพจาก กระทู้พันทิป





ภาพจาก กระทู้พันทิป



จะได้ไปต่อหรือไม่ก็ตรงปลายแหลมกู๊ดโฮป เพราะบริเวณนั้นคือทะเลคลั่ง เรือลำไหนได้ไปต่อก็เลาะชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกาไปเรื่อย ๆ จนถึงปากทางเข้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถ้าจะไปอังกฤษ ฝรั่งเศสก็ดิ่งขึ้นไปอีก รอนแรมประมาณ ๕ เดือน ถ้าโชคร้ายเจอพายุตลอดทางก็ครึ่งปี หรือไม่ก็ไปไม่ถึงเรือล่มกลางทางเสียก่อน






ภาพจาก กระทู้พันทิป



ก่อนคณะ "พี่หมื่น" เดินทางไปฝรั่งเศส มีคณะของออกขุนชำนาญออกเดินทางไปโปรตุเกสก่อนเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๒๒๗ สมเด็จพระนารายณ์ฯ  ได้ทรงส่งออกขุนชำนาญ (Occun Chamnan) กับคนสยามรวมสิบคนไปเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ผ่านเมืองกัว โดยเรือรบของโปรตุเกสซึ่งมีลูกเรือ  ร้อยห้าสิบคน และบาทหลวงโปรตุเกสนิกายแซงต์โอกึสแตง





ขุนศรีวิสารวาจา วาดโดย Jean Hainzelman (ชอง ไฮเซลมาน)
จิตรกรเยอรมันที่พำนักในฝรั่งเศส
ภาพจาก matichon.co.th



วันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๒๙ เรือโปรตุเกสที่ทูตไทยโดยสารไปอับปางที่แหลมแดส์เอกีส์ (des  Aiguilles) ซึ่งเป็นสันทรายทางขวางกับแผ่นดินที่ตรงปลายแหลม (จะงอย) ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา  ห่างจากแหลมเดอบอนน์แอสเปรัวซ์ (แหลมกู๊ดโฮป) เป็นระยะทางประมาณ ๒๐ ลิเออ คนจมน้ำตายไปแปดคน ขุนชำนาญและคณะว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้ต้องกินใบไม้ งูย่างหมวกและรองเท้าเป็นอาหาร แล้วเดินด้วยเท้าในแอฟริกาอยู่สามสิบเอ็ดวันจึงพบคนป่าโอตังโดผิวดำ จึงได้นำพาไปหาชาวฮอลันดาที่แหลมกู๊ดโฮป แล้วอาศัยเรือฮอลันดากลับมาปัตตาเวีย ลงเรือใบกลับมาประเทศสยามเมื่อเดือนกันยายน จึงได้พบบาทหลวงตาชาร์ดและออกญาวิชาเยนทร์





ภาพจาก matichon.co.th



วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๒๒๗ สมเด็จพระนารายณ์ฯ กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาแห่งอาณาจักรสยามได้ทรงส่งออกขุนพิไชยวาทิตและออกขุนพิชิตไมตรีโดยสารเรือของอังกฤษ เดินทางไปเป็นคณะราชทูตเข้าเฝ้าฯ พระเจ้าชาลส์ที่ ๒ แห่งอังกฤษ และพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ แห่งฝรั่งเศสที่กรุงปารีส โดยมีบาทหลวงวาเชต์ (Monsieur Vachet) อดีตศาสนทูตแห่งประเทศญวนใต้เป็นล่าม เพื่อสืบหาคณะทูตชุดแรกที่นำโดย  ออกญาพิทักษ์ราชไมตรีซึ่งสูญหายไปเมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๓





ซ้าย - ออกพระวิสูตรสุนทร ราชทูต
กลาง - ออกหลวงกัลยาราชไมตรี อุปทูต
ขวา - ออกขุนศรีวิสารวาจา ตรีทูต
ภาพจาก khaosod.co.th



คณะราชทูตไทยชุดนี้ได้เดินทางกลับมาประเทศสยามพร้อมกับราชทูตฝรั่งเศสชื่อ เชอร์วาเลียร์  เดอ โชมองต์ (Chevalier de Chaumont) นายทหารชื่อ เชอวาลิเยอร์ ฟอร์แบง นายทหารชื่อ เดอ โบเรอการ์ด และบาทหลวงคณะเยซูอิตชื่อ อับเบ เดอ ชัวซีย์ (เดอชัวสี) บาทหลวงตาชาร์ด บาทหลวงฟอนเต อเนย์ บาทหลวงเลอคองต์ บาทหลวงเกอบิยองต์ บาทหลวงวิสเดอลู และนิโคลัส แซร์แวส โดยทั้งหมดออกเดินทางจากท่าเรือเมืองแบรสต์ของฝรั่งเศสเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ถึงปากอ่าวสยามเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ. ๒๒๘ ด้วยเรือรบหลวงชื่อ ลัวโซ (L'Oyseau) ซึ่งเป็นเรือใบขนาดเล็กต่อด้วยไม้บุทองแดง มีลูกเรือ ๑๓๒ คน และเรือฟริเกตชื่อ ลามาลีญ





เมื่อคณะฑูตสยามมาถึงปารีสได้พักอยู่ที่ "บ้านรับรองท่านฑูต" อยู่ตรงถนนตูนง Tournon
ภาพจาก กระทู้พันทิป



สิ่งของที่คณะทูตของฝรั่งเศสนำมาถวายพระเจ้ากรุงสยามคือ กระจกเงาหนึ่งพันบาน อำพันเม็ดสิบสองปอนด์ กระจกแก้วสีสามร้อยแผ่น ปืนคาบศิลาหนึ่งร้อยกระบอก นาฬิกาแขวนสองเรือน อานม้าหนังตะทองคำสิบอาน ในครั้งนี้มีช่างทำแผนที่ชื่อ เดอ ลามาร์ ร่วมคณะมาด้วยเพื่อทำแผนผังตัวเมืองชายฝั่งที่ผ่านไปและแผนที่ประเทศสยาม เพื่อส่งกลับไปถวายพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส





Tuileries Palace วังตุยเลอรีย์ (ปัจจุบันไม่เหลือแล้ว เพราะเพลิงไหม้)
ภาพจาก กระทู้พันทิป



สำหรับบาทหลวงเดอชัวสีที่ร่วมคณะมาครั้งนี้ ต่อมาภายหลังได้เดินทางกลับมายังอาณาจักรสยามอีกหลายครั้ง บาทหลวงเดอชัวสีผู้นี้เป็นคนครึ่งหญิงครึ่งชาย กระตุ้งกระติ้ง ได้เขียนบันทึกไว้ในหนังสือ  "การเดินทางไปสู่ประเทศสยาม" มีความว่า "ข้าราชการสยามหลายคนพูดภาษาโปรตุเกสได้ เพราะเป็นภาษากลางที่ใช้กันทั่วไปในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึงอินเดีย"





เกาะลาซิเต้ ใจกลางกรุงปารีสในยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
ภาพจาก กระทู้พันทิป



วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ คณะราชทูตสยาม (ชุดที่ ๓) จำนวน ๔๐ คนได้ออกเดินทางไปฝรั่งเศสกับคณะราชทูตของเชอร์ วาเลียร์ เดอ โชมองต์ ครั้งนี้ได้ส่งนักเรียนไทย ๑๒ คน (แต่หาชื่อได้เพียง ๑๐ คนเท่านั้น) เพื่อเตรียมเข้าเรียนในโรงเรียนหลุยส์เลอกรังที่มีชื่อเสียง แล้วเตรียมให้เรียนวิชาทำน้ำพุ วิชาก่อสร้าง และวิชาช่างเงินช่างทอง คือ พี Pierre Emmanuel, เพ็ชร Jean Baptiste Olite, อ่วม Paul Artus, ชื่น Louis, ไก่ ช่างทอง Francois Xavier, มี Henri Oliver, ด่วน ช่างก่อสร้าง Philippe, สัก Francosis, เทียน Thomas และวุ้ม Nicolas (จากจดหมายเหตุของคณะบาทหลวงฝรั่งเศส, ประชุมพงศาวดารเล่ม ๒๐) เรือลัวโซกับเรือลามาลีญของคณะราชทูตเดินทางถึงท่าเมืองแบรสต์ในฝรั่งเศสเมื่อ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๒๒๙ ที่เมืองแบรสต์นี้ภายหลังได้มีการตั้งชื่อถนนสยาม Rue de Siam เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปานหรือโกษาปาน) ได้เป็นราชทูตของประเทศสยามไปเยือนฝรั่งเศส และคณะราชทูตได้ถึงกรุงปารีสเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๒๒๙





คุกบาสตีย์
(ซึ่งอีกร้อยปีต่อมาเป็นฉากสำคัญของปฏิวัติฝรั่งเศส และได้ถูกรื้อทิ้งไปในยุคนั้น)
ภาพจาก กระทู้พันทิป



คณะราชทูตชุดนี้มีออกพระวิสูตรสุนทร   (โกษาปาน) เป็นราชทูต หลวงกัลยาณราชไมตรี และขุนศรีวิสารวาจา พี่หมื่นของเราเป็นทูต มีเจ้าอาวาสวัดเดอลีอองเป็นล่าม คณะราชทูตทั้งหมดเดินทางจากปากแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านไปยังเกาะสีชัง จากนั้นเดินเรือตรงไปต่อถึงช่องแคบปังกา ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะบังกาและเกาะสุมาตรา





มหาวิทยาลัยซอร์บอน ปารีส
ภาพจาก กระทู้พันทิป



๑๑ มกราคม ๒๒๒๙ เรือของคณะราชทูตจอดทอดสมอที่เมืองบันตัม เมืองท่าบนเกาะชวาเพื่อซื้อเสบียงสำหรับการเดินทาง กวีบรรยายความไว้ว่ามีชาวชวามาขายผลไม้ต่าง ๆ มากมาย เช่น ทุเรียน  มังคุด ส้ม จากนั้นมุ่งเดินทางต่อไปทางทิศตะวันตก ซึ่งจากบันทึกพบว่าคณะเดินทางชุดนี้ต้องพบเจอกับคลื่นลมในมหาสมุทรมากมาย





มหาวิทยาลัยซอร์บอนในปัจจุบัน
ภาพจาก alamy.com



๑๓ มีนาคม ๒๒๒๙ เดินทางถึงเมืองกาบ เมืองท่าบริเวณแหลมกู๊ดโฮป สภาพของเมืองเป็นตึกใหญ่สีขาวมีกำแพงล้อมรอบ ทั้งยังมีคูน้ำและป้อมปราการ เมืองนี้มีอ่าวลึกใช้จอดท่าเรือสำเภามากมายเพื่อขนถ่ายสินค้า ภายในมีสัตว์เลี้ยงมากมาย เช่น ม้าป่า หมูน้ำ นกหลายชนิดเช่นนกกระจอกเทศ ทั้งยังบรรยายถึงชาวเมืองว่าเป็น "พวกหัวพริก" เนื่องจากมีเส้นผมหยิกหยอย ตัวเปล่าเล่าเปลือย





ราชทูตไทยสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากซ้าย ‘ออกพระวิสุทธสุนธร’
ซึ่งรู้จักกันต่อมาในนาม ‘พระยาโกษาธิบดี (ปาน)’ ราชทูต,
ออกหลวงกัลยาราชไมตรี อุปทูต และออกขุนศรีวิสารวาจา ตรีทูต
ภาพจาก matichon.co.th



หลังทอดสมออยู่ ๑๕ วัน เรือออกเดินทางต่อผ่านมหาสมุทรที่คลาคล่ำไปด้วยปลามากมาย ทั้งปลาฉลาม ปลาโอ โลมา ปลากระเบน จากนั้นราว ๒ เดือนจึงเดินทางถึงเกาะตาปลา เกาะใหญ่ที่ใช้พักเรือขนส่งสินค้า ในบันทึกได้บรรยายถึงความว้าเหว่เอาไว้ เมื่อผ่านจากเกาะตาปลาแล้ว เรือคณะทูตได้ผ่านไปยังหมู่เกาะอีกหลายเกาะ เช่น เกาะดอกไม้ที่มีน้ำตกหลายชั้นลดหลั่นลงสู่ทะเล





หนังสือออกพระวิสุทธสุนธรถึงเมอร์สิเออร์ เดอ ลายี
ภาพจากฐานข้อมูลจา่รึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
ภาพจาก matichon.co.th



และเมื่อเดินทางอีก ๑๕ วันจึงถึงเมืองแบรสต์ หมุดหมายของคณะทูต รวมระยะเวลาการเดินทาง ทั้งสิ้นกว่า ๕ เดือน เป็นระยะทางรวม ๖๘,๘๐๐ กิโลเมตร จากบันทึกเล่าว่า เมื่อเดินทางถึงเมืองแบรสต์ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๒๒๙ เจ้าเมืองพากันออกมาต้อนรับ มีการยิงสลุตคำนับและแต่งเรือที่ประดับประดาอย่างงดงาม คณะราชทูตไทยได้เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๒๒๙ และเดินทางกลับเมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๒๓๐ รวมเดินทางไปกลับอยุธยาฝรั่งเศสทั้งหมด ๑ ปี ๙ เดือน





ภาพเขียนฝีมือ Jacques Vigoureux Duplessis
ภาพจาก matichon.co.th



ต่อมาวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๓๐ พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสได้ส่งราชทูตซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de  La Lubere) เจ้าหน้าที่กระทรวงทหารเรือ บาทหลวงตาชาร์ด (Pere Tachard) บาทหลวงเดอเบส (de  Betz) และบาทหลวงเยซูอิตรวม ๑๒ รูป และพร้อมด้วยทหารฝรั่งเศส ๖๓๖ คน ภายใต้การนำของนายพลเดส์ฟาร์ช (Desfarges) ออกจากท่าเรือเมืองแบรสต์เพื่อมายึดบางกอกและป้อมมะริด โดยอ้างว่าจะมาอารักขาพระเจ้าแผ่นดินสยามจากการรุกรานของอังกฤษและฮอลันดา โดยมีการปิดความลับอย่างสุดยอด





ภาพจาก khaosod.co.th



กองเรือ ๖ ลำของฝรั่งเศส ซึ่งมีเรือรบเลอกัยยาร์ (le Gaillard) ติดปืนใหญ่ ๕๔ กระบอก ลูกเรือ ๑๕๐ คน เรือรบลัวโซ (l'Oyseau) ติดปืนใหญ่ ๔๖ กระบอก (เรือลำนี้เคยเดินทางมาสยามก่อนแล้ว) เรือลานอร์มังด์ (la Normande) เรือเลอโดรมังแดร์ (le Dromandaire) และเรือลำเลียงยุทโธปกรณ์ลาลัวร์  (la Loire) ส่วนเรืออีกลำชื่อลามาลีญ ขนเสบียงมาส่งแค่แหลมกู๊ดโฮปแล้วก็กลับฝรั่งเศส





ภาพจาก thairath.co.th



กองเรือฝรั่งเศสได้พากันออกจากท่าเมือง  แบรสต์เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๓๐ ผ่านแหลมกู๊ดโฮป  ช่องแคบซุนดา เมืองบันตัม ปัตตาเวีย ช่องแคบบังกา ถึงอ่าวสยามสันดอน แม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๒๓๐ และถึงกรุงศรีอยุธยาเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๒๓๐





ซ้าย หลวงกัลยาณราชไมตรี กลาง ออกพระวิสูตรสุนทร(โกษาปาน) ซ้าย ขุนศรีวิสารวาจา
ภาพจาก oknation.nationtv.tv



ในการเดินทางครั้งนี้ปรากฏว่าอาหารในเรือนั้นมีคุณภาพไม่ดี จึงทำให้เกิดการเจ็บป่วยในเรือมาก ทหารฝรั่งเศสบางคนมาตายในเมืองสยาม เพราะกินน้ำตาลเมาที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าวมากเกินไป รวมทหารฝรั่งเศสมาสยามครั้งนี้มีจำนวน ๖๓๖ คน ระหว่างเดินทางนั้นได้ตายไป ๑๔๓ คน





ซ้าย พระเจ้าหลุยส์ที่๑๔ ขวา ออกพระวิสูตรสุนทร
พระบรมสาทิสลักษณ์จาก oknation.nationtv.tv



ขณะที่พำนักอยู่เมืองสยามนั้นปรากฏว่าตายไปอีกราวร้อยคน จึงอยู่รักษาเมืองมะริด ๑๕๐ คน ลงเรือตระเวนตามชายทะเล ๕๐ คน และเหลือรักษาป้อมบางกอกราว ๒๐๐-๒๕๐ คน ราชทูตลาลูแบร์อยู่ในสยามเป็นเวลา ๓ เดือน ๖ วัน จึงเดินทางออกจากสยามในวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๒๓๐ กลับถึงท่าเมืองแบรสต์ในวันที่ ๒๕  พฤษภาคม พ.ศ. ๒๒๓๑ การเดินทางของลาลูแบร์นั้นไม่ได้รับการต้อนรับจากประเทศสยามดีนัก เพราะขุนนางสยามยังสงสัยในพฤติกรรมของฝรั่งเศสที่นำทหารมาด้วยถึง ๕ ลำเรือรบ





ภาพเหมือนของท่านโกษาปาน วาดโดย จิตรกรประจำราชสำนักฝรั่งเศส Charles le Brun
ภาพจาก oknation.nationtv.tv



โดยเฉพาะพระเพทราชานั้นไม่พอใจและคัดค้านอย่างเปิดเผย จนลาลูแบร์และทหารถูกฟอลคอนสั่งห้ามลงจากเรือ จนกว่าจะได้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อองค์ สมเด็จพระนารายณ์ และฟอลคอนเสียก่อน  ทหารฝรั่งเศสได้ขึ้นพักที่ป้อมวิชาเยนทร์ (ป้อมวิไชยประสิทธิ์) ด้านตะวันตกของบางกอกเมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๒๓๐ ทหารฝรั่งเศสจึงไม่มีโอกาสยึดบางกอกตามที่วางแผนไว้.





ภาพจาก oknation.nationtv.tv





จาก กระทู้พันทิป



ข้อมูลจาก
กระทู้พันทิป
thaipost.net
mgronline.com
คอลัมน์ "กาลครั้งหนึ่ง"
นสพ.แทบลอยด์ไทยโพสต์ ๑-๗ เมย. ๒๕๖๑







บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่

Free TextEditor





Create Date : 10 เมษายน 2561
Last Update : 10 เมษายน 2561 21:35:05 น. 0 comments
Counter : 2552 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtoor36, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณmambymam, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmoresaw, คุณกะว่าก๋า, คุณInsignia_Museum, คุณJinnyTent, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณวลีลักษณา, คุณmastana, คุณmariabamboo, คุณSweet_pills, คุณALDI, คุณสองแผ่นดิน, คุณล้งเล้งลัลล้า, คุณเริงฤดีนะ, คุณnewyorknurse, คุณไวน์กับสายน้ำ


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.