Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ท่อง 2 เมือง "บุรี" สุขีทุ่งทานตะวัน


ทุ่งทานตะวันลพบุรี-สระบุรี สามารถชมได้ตังแต่วันนี้ถึงราวๆเดือน ก.พ.ปีหน้า

แสงแดดในฤดูหนาวนั้นมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แม้ว่าอากาศที่เราสัมผัสในเมืองกรุงนั้น
อาจจะไม่ค่อยได้บรรยากาศความ หนาวเหน็บแห่งเหมันต์ฤดูเท่าไหร่ แต่ยังไงๆแสงแดดหน้าหนาว
โดยเฉพาะยามเช้าและเย็นนั้น มันก็เย้ายวนชวนให้"ตะลอนเที่ยว"อยากเดินทางท่องเที่ยวไม่น้อย

ไม่เพียงเท่านั้นแสงแดดหน้าหนาวยังช่วยขับ และปลุกเร้าดอกไม้หลายชนิด ให้สวยงามโดดเด่นมากขึ้น
โดยเฉพาะกับดอกทานตะวันที่เบ่งบานตามแสงแดด ซึ่งตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงราวเดือนกุมภาพันธ์
แถวสระบุรี-ลพบุรี กำลังเหลืองอร่าม พราวสะพรั่งไปด้วยท้องทุ่งดอกทานตะวัน
ที่ได้ฤกษ์ออกดอกผลิบานให้นักท่อง เที่ยวได้ชื่นชมส่งท้ายปีกันอีกครั้ง

นั่นจึงทำให้ทริปนี้เราตั้งเข็มทิศการเดินทางตรงไปยังจังหวัดไม่ไกล กรุงเทพฯอย่างลพบุรี-สระบุรี
ก่อนจะมุ่งหน้าเดินทางไปเสพความงามของทุ่งทานตะวัน และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอื่นๆ
เพื่อสัมผัสในเสน่ห์ของ 2 เมืองบุรี ที่หลายๆคนมักจะมองว่าเป็นเมืองผ่าน
แต่ว่าถ้าค้นหาให้ลึกลงไปแล้ว 2 เมืองบุรีนี้มีสิ่งน่าสนใจให้เที่ยวชมกันไม่น้อยเลย


หอคอยเฉลิมพระเกียรติ

จากกรุงเทพฯเราออกเดินทางตอนสายๆ มาแวะกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารใกล้ๆเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฝั่งลพบุรี
ที่มีเมนูอันขึ้นชื่อเป็นปลาตะเพียนไร้ก้าง หลังอิ่มเอมกับอาหารกลางวัน เรามุ่งหน้าสู่"หอคอยเฉลิมพระเกียรติ"
ที่อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนเท่าไหร่ สำหรับหอคอยนี้สร้างขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า
ที่ทรงพระคุณอันประเสริฐแก่จังหวัดลพบุรีมาตั้งแต่โบราณกาล

หอฯเฉลิมพระเกียรติ เปิดเมื่อวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 มีความสูง32 เมตร 40เซนติเมตร
ทางจังหวัดลพบุรีกำลังโปรโมทให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ สำหรับผู้มา เยือนเขื่อนป่าสักฯ
อีกทั้งยังหวังให้เป็นจุดชมวิว และจุดพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว

สำหรับหอฯแห่งนี้ เมื่อเดินเข้าไปทางซ้ายมือด้านล่างจากประตูทางเข้า
มีการจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับการเฉลิมพระเกียรติบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ เกี่ยวข้องกับลพบุรี ประกอบด้วย
พระบรมรูปของพระนางเจ้าจามเทวี สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระบรมฉายาลักษณ์ของจักรีวงศ์ทั้ง9พระองค์


สวนเฉลิมพระเกียรติเมื่อมองจากด้านบนหอคอยฯ

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงสินค้าที่ผลิตขึ้นในจังหวัดลพบุรี
เพื่อการประชาสัมพันธ์ และขายเป็นของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมด้วย
ส่วนชั้น2-7จะติดภาพเกียรติประวัติบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทั้ง4 ชุด
ให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบในพระมหากรุณาธิคุณกัน

"ตะลอนเที่ยว"เมื่อ เดินดูด้านล่างจนครบแล้ว เราก็ขึ้นลิฟต์ไปบนจุดชมวิวของหอคอยฯ เพื่อชมทิวทัศน์บนนั้น
ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะสามารถมองเห็นวิวได้รอบตัวแบบ 360 องศา
โดยเฉพาะวิวของเขื่อนป่าสักนี่ สามารถมองเห็นผืนแผ่นน้ำได้กว้างไกลสุดลูกหู ลูกตา
สมกับเป็นเขื่อนที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเกษตรกรภาคกลางจริงๆ


รูปปั้นบูรพมหากษัตริย์ฯที่เกี่ยวข้องกับลพบุรี

หลังจากที่เราได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพจนอิ่มแล้ว
เราสลับอารมณ์ด้วยการออกเดินทางไปยัง พระปรางค์สามยอด โบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองลพบุรี
ที่เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณพระปรางค์ เหมือนกับว่าเราแยกตัวออกมาอีกโลกหนึ่ง
เพราะบริเวณล้อมรอบพระปรางค์นั้นขวักไขว่ไปด้วยรถรา แต่ในพื้นที่พระปรางค์กับขวักไขว่ไปด้วยเจ้าถิ่น
นั่นก็คือฝูงลิงที่ออกมาซุกซนอยู่ทั่วไป จนวันนี้ลิงกับพระปรางค์สามยอดกลายเป็นของคู่กันไปแล้ว

สำหรับพระปรางค์สามยอดแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินดินด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟใกล้กับศาลพระกาฬ
ลักษณะเป็นปรางค์เรียงต่อกัน 3 องค์ มีทางเดินเชื่อมต่อกัน ปรางค์องค์กลางสูงประมาณ 21.5 เมตร
เป็นศิลปะขอมแบบบายน มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ก่อด้วยศิลาแลงและตกแต่งลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม


พระปรางค์สามยอดโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองลพบุรี

พระปรางค์สามยอดนี้เดิมคงเป็นเทวสถานของขอมในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นเทวสถาน โดยมีฐานศิวลึงค์ปรากฎอยู่ในองค์ปรางค์ทั้ง 3 องค์
จนกระทั่งถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา
แล้วสร้างพระวิหารก่อด้วยอิฐ ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาผสมแบบยุโรปในส่วนของประตู
และหน้าต่างภายในวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ศิลปะแบบอยุธยาตอนต้น
เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่ผสมผสานแต่ละยุคสมัยได้อย่างลงตัวทีเดียว

ไหนเมื่อมาพระปรางค์สามยอดแล้ว เราจะไม่ไปเดินชมเจ้าลิงจอมซนและจอมกวนมันก็จะกระไรอยู่
ว่าแล้ว "ตะลอนเที่ยว" จึงออกเดินไปดูเจ้าจ๋อ วิ่ง กระโดด โลดเต้น ปีนป่ายปราสาทราวกับเจ้าของยังไงยังงั้น


เจ้าจ๋อ จอมซน จอมกวน

หลังชื่นชมกับบรรยากาศของพระปรางค์ในยามเย็นแสงที่พระอาทิตย์สาดแสง คล้อยต่ำลงมา
กระทบองค์พระปรางค์ทั้งสามเป็นสีทองอร่าม เราก็เดินทางสู่ที่พักที่จับจองไว้
เพื่อเข้านอนแต่หัววัน เพราะต้องเก็บแรงไว้ตะลอนเที่ยวกันต่อในวันรุ่งขึ้น...

...เช้าวันใหม่
หลังจากอาหารเช้าแล้ว เราไม่รีรอเดินทางไปยังสถานีรถไฟสระบุรีในทันที
เพื่อจะให้ทันนั่งรถไฟในขบวนลอยน้ำข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และขบวนเที่ยว ทุ่งทานตะวัน แบบ 2 เด้งไปเลย


เจ้าจ๋อ เจ้าถิ่นแห่งพระปรางค์สามยอด

ครั้นเวลาประมาณ 7.50น. เมื่อรถไฟเคลื่อนขบวน เราถือโอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
ที่มองเห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน ทุ่งหญ้า บ้านเรือนต่างๆ ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลย

เมื่อ"ตะลอนเที่ยว"นั่ง รถไฟมาได้สักพัก ขบวนรถก็มาถึงยังบริเวณทุ่งทานตะวัน
ที่ทางการรถไฟเขาแวะจอดให้นักท่องเที่ยว ได้ลงไปชื่นชมความงามของดอกทานตะวัน ชุดแรกๆแห่งฤดูกาล
ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่าดอกทานตะวันจำนวนมหาศาลต่างแข่งกันชูช่อบานเหลืองเต็มทุ่ง
โดยแต่ละดอกต่างหันไปรับแสงแดดยามเช้า เมื่อกวาดตาไปทั่วๆเหมือนเราอยู่ท่ามกลางผืนกว้างอร่ามตาจริงๆ


ขบวนรถไฟลอยน้ำข้ามเขื่อนป่าสักฯ

ที่ทุ่งทานตะวันแห่งนี้ เราใช้เวลาถ่ายภาพกับมวลหมู่ดอกทานตะวันอย่างหนำใจ
ก่อนจะขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางต่อไปยัง เส้นทางลอยน้ำข้ามเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เมื่อรถไฟแล่นไปจนเข้าเขตเขื่อนป่าสักฯแล้ว
เราเริ่มเห็นโค้งที่เขาว่ากันว่า เมื่อมองไกลๆแล้วเหมือน รถไฟกำลังลอยน้ำ
อย่างที่เราได้เห็นตามโทรทัศน์หรือในหนังสือ Unseen Thailand มาบ้างแล้ว

แล้วรถไฟหยุดเพื่อให้เราได้ถ่ายภาพกัน ซึ่งขอบอกว่าสวยงามจริงๆเพราะว่าข้างหลังเป็นวิวของผืนน้ำกว้าง
และเมื่อเรา เดินไปหัวขบวนและมองไปที่รถไฟก็เหมือนว่ารถไฟมันลอยน้ำจริงๆ
เพราะว่ารางของมันนั้นสร้างอยู่เหนือผืนน้ำที่เมื่อมองออกไป
หรือว่าถ่ายรูปนั้นมีน้ำ และฟ้ากว้างอันเป็นวิวประกอบข้างหลังเราอยู่


ทานตะวันเบ่งบานสู้แสงตะวัน

เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณว่าได้เวลาต้องขึ้นแล้ว "ตะลอนเที่ยว"ก็ ยืนมองสั่งลา ก่อนขึ้นรถไฟเดินทางกลับ
อันเป็นจุดสิ้นสุดของทริปนี้ ที่แม้จะเป็นเพียงทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน
แต่ด้วยความน่าสนใจและมนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
มันก็ทำให้เรานอกจากจะได้รับความประทับใจกลับไปแล้ว ยังได้เชื้อไฟเติมพลังแห่งชีวิตกลับไปอีกด้วย

* * * * * * *

หอคอย เฉลิมพระเกียรติ เขื่อนป่าสัก เสียค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
และสำหรับผู้สนใจเที่ยวชมทุ่งทานตะวัน และท่องเที่ยวในจังหวัดสระบุรี-ลพบุรี
สามารถสอบถามข้อมูลทางการท่องเที่ยวได้ที่ ททท.ลพบุรี(ดูแลพื้นที่สระบุรีด้วย) โทร. 0-3642-2768-9


//www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000157228




Create Date : 29 ธันวาคม 2552
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 13:33:50 น. 2 comments
Counter : 1384 Pageviews.

 
รูปลิงจ๋อนั่น ดูดีจังเลย


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:10:04:47 น.  

 


โดย: นายหัว (nindhua ) วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:10:14:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.