Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
29 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
เพลิดเพลิน 5 พิพิธภัณฑ์ แห่งเกาะรัตนโกสินทร์


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมาฉันได้ไปร่วมกิจกรรม "พิพิธพาเพลินเชิญเที่ยว ตอน เที่ยวย่านพิพิธภัณฑ์ ภาค 1"
ที่ทาง "มิวเซียมสยาม" เขาจัดขึ้นให้ผู้ที่สนใจได้ร่วมเดินทางโดยรถรางเพื่อเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจต่างๆ
ในเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งก็นับว่าตัดสินใจไม่ผิดเลยที่ขอร่วมเดินทางไปเที่ยวกันกับเขาด้วย
เพราะฉันได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ถึงห้าแห่งด้วยกัน แถมยังได้นั่งสบายๆบนรถราง
พร้อมทั้งมีมัคคุเทศก์คอยบรรยายสิ่งต่างๆที่น่าสนใจระหว่างทางให้ฟังกัน

เริ่มเดินทางไปชมพิพิธภัณฑ์แห่งแรก นั่นก็คือ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร"
พิพิธภัณฑ์ที่หลายๆคนเคยมาเที่ยวกันแล้ว แม้บ่อยครั้งจะได้ยินคนบ่นว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ทันสมัย
มีแต่ของเก่าไร้ชีวิตชีวา แต่ข้าวของหลายๆสิ่งภายในก็มีคุณค่าควรแก่การเข้าชม
อีกทั้งประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ก็น่าสนใจ โดยแต่เดิมนั้นบริเวณนี้เคยเป็น "วังหน้า"
หรือ "พระราชวังบวรสถานมงคล" ที่ประทับของวังหน้า หรือมหาอุปราช
แต่ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้ใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ


ป้อมพระสุเมรุ หนึ่งในสองป้อมที่ยังเหลือในพระนคร

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากจะมีข้าวของล้ำค่าจากหลายยุคหลายสมัย แล้ว
ก็ยังมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นโบราณสถานสำคัญอีกด้วย เช่น พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน
ซึ่งตอนนี้เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทย พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์
พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองไทย พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ที่เคยเป็นท้องพระโรงของวังหน้า หมู่พระวิมาน
หรือพระที่นั่งต่างๆ ของวังหน้าที่ใช้เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่ควรค่าแก่การชม

รถรางวิ่งต่อมาที่ "พิพิธภัณฑ์ป้อมพระสุเมรุ" ป้อม ปราการเก่าแก่ของกรุงเทพฯ
ที่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสองป้อมเท่านั้น (อีกป้อมหนึ่งคือป้อมมหากาฬ)
ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่สวนสันติชัยปราการ ตรงหัวมุมถนนพระอาทิตย์และถนนพระสุเมรุ

ป้อมพระสุเมรุนั้นสร้างขึ้นในปีที่สองของการขึ้นครองราชย์ของรัชกาล ที่ 1 พร้อมๆกับการสร้างกำแพงเมือง
และขุดคูรอบพระนคร มีลักษณะเป็นป้อมก่ออิฐถือปูนความสูงสามชั้น
ชั้นบนเป็นหอรบสูง มีเครื่องบนเป็นเครื่องไม้มุงกระเบื้องใช้ในการสังเกตการณ์ข้าศึกจากทิศเหนือ
และบริเวณโดยรอบ


ข้าวของต่างๆ ที่ขุดพบในการปฏิสังขรณ์ป้อมพระสุเมรุ

วันนี้ฉันได้ปีนขึ้นไปอยู่บนป้อมพระสุเมรุเลยทีเดียว ต่างจากวันอื่นๆ ที่ได้เพียงยืนมองอยู่เบื้องล่างเท่านั้น
โดยชั้นที่หนึ่งของป้อมนั้นเป็นลานป้อมรูปแปดเหลี่ยมด้านไม่เท่า มีกำแพงล้อมรอบ บนกำแพงมีใบเสมา
ซึ่งระหว่างใบเสมาเหล่านั้นก็จะมีปืนใหญ่ตั้งไว้เพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูที่ จะรุกรานเข้ามา
และบนชั้นที่สองก็มีปืนใหญ่เช่นเดียวกัน อีกทั้งที่กลางลานป้อมยังมีหอรบ ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ
แสดงประวัติของป้อมพระสุเมรุ รวมทั้งยังมีวัตถุโบราณต่างๆ ที่ขุดพบในการปฏิสังขรณ์แต่ละครั้งอีกด้วย

ชมป้อมพระสุเมรุและสวนสันติชัยปราการกันแล้ว รถรางพาเรามาต่อกันที่ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์"
แหล่งรวมผลงานศิลปะทั้งแบบไทยประเพณีและศิลปะร่วมสมัยชิ้นสำคัญของไทย
แต่เดิมนั้นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์เคยเป็นพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายวังหน้า มาก่อน
และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้มีการรื้อถอนพระตำหนักเพื่อสร้างเป็นโรงกษาปณ์สิทธิการ หรือโรงงานผลิต
เงินเหรียญ ก่อนจะกลายมาเป็นหอศิลป์แห่งชาติ หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ อย่างในปัจจุบัน


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์เจ้าฟ้า

ห้องจัดแสดงนิทรรศการถาวรของที่นี่นั้นมีผลงานชิ้นสำคัญหลายชิ้นด้วย กัน
ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6
ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน พระบรมสาทิสลักษณ์ของกษัตริย์ที่วาดโดย
จิตรกรชาวต่างประเทศ จิตรกรรมพุทธศาสนาวาดบนผืนผ้า หรือที่เรียกว่าพระบฎ อีกทั้งยังมีผลงานภาพวาดและ
ประติมากรรมของศิลปินแห่งชาติ และศิลปินผู้มีชื่อเสียงของไทยอีกหลายท่านด้วยกัน

ในส่วนของนิทรรศการหมุนเวียนนั้นก็จะมีผลงานศิลปะของศิลปินทั้งชาว ไทยและชาวต่างประเทศมาจัดแสดง
ให้ชมกันตลอดทั้งปี ประมาณเดือนละ 2 นิทรรศการ ซึ่งนิทรรศหมุนเวียนหนึ่งที่กำลังจัดแสดงอยู่ในตอนนี้ก็คือ
นิทรรศการของผู้ ที่ได้รับคัดเลือกจากโครงการประกวดจิตรกรรมร่วมสมัยพานาโซนิค ครั้งที่ 11
ซึ่งจะเปิดให้ชมกันได้ถึงสิ้นเดือนนี้


พระรูปของรัชกาลที่ 6 ภายในพิพิธภัณฑ์ รัชกาลที่ 6

รถรางวิ่งผ่านวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังมาที่อาคารราชวัลลภ ของหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง
หรือกรมการรักษาดินแดนเดิม เพื่อมาชม "พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6"
พิพิธภัณฑ์ที่มีสิ่งของเครื่องใช้ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก

พิพิธภัณฑ์รัชกาลที่ 6 นี้ แบ่งเป็นสองห้องด้วยกัน โดยใน "ห้องพระบารมีปกเกล้า" นั้น จะเป็น 5 ส่วน ได้แก่
ส่วนจัดแสดงการเทิดพระเกียรติ รัชกาลที่ 6 ซึ่งประดิษฐานพระบรมรูปจำลองรัชกาลที่ 6 ทรงเครื่อง
ทรงพระมหาพิชัยยุทธเป็นสีแดงทั้งองค์ ถูกต้องตามตำราพิชัยยุทธนาการโบราณราชประเพณี
ส่วนพระราชประวัติ รัชกาลที่ 6 ส่วนจัดแสดงพระราชกรณียกิจ ส่วนจัดแสดงพระปรีชาชาญด้านการทหาร
และส่วนจัดแสดงประวัติความเป็นมาของหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง


ฉลองพระองค์แบบต่างๆของรัชกาลที่ 6

และห้องจัดแสดงอีกห้องหนึ่งนั้นก็คือ "ห้องรามจิตติ" ซึ่งเป็นห้องที่จัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ ได้แก่
ฉลองพระองค์ ฉลองพระบาท พระมาลา และเครื่องหมายต่างๆ ซึ่งหน่วยบัญชาการกำลังสำรองได้รับมอบจาก
สำนักพระราชวัง และเพื่อเป็นการรักษาของใช้ส่วนพระองค์เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
โดยฉลองพระองค์เหล่านี้มีจำนวนนับร้อยๆเลยทีเดียว ส่วนด้านในสุดของห้องก็จัดจำลองห้องทรงงานของ
รัชกาลที่ 6 ที่มีลายพระหัตถ์ของพระองค์ทั้งในภาษาไทย และภาษาอังกฤษให้ได้ชมกัน

มาปิดท้ายการเที่ยวย่านพิพิธภัณฑ์กันที่ "มิวเซียมสยาม" พิพิธภัณฑ์ที่เน้นเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย
ด้วยการเรียนรู้ที่เน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆในการชมพิพิธภัณฑ์
และยังตั้งใจให้เด็กและเยาวชนไทยสร้างสำนึกในการรู้จักตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน
และรู้จักโลกผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์นั้นไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป


มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์เพื่อการเรียนรู้

การเที่ยวชมมิวเซียมสยามนั้นถือว่าเป็นเรื่องสนุก ต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่นๆที่มักจะมีป้ายห้ามถ่ายรูป ห้ามจับ
แต่ที่แห่งนี้สามารถสัมผัสได้ทุกสิ่งแบบไม่หวงห้าม อีกทั้งยังเล่นสนุกกับอุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ ที่มีไว้ให้
สนุกกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียว โดยเนื้อหาภายในมิวเซียมสยามนี้ก็แบ่งออกเป็น 17 ห้อง
ที่เล่าเรื่องราวความเป็นมาของประเทศไทยตั้งแต่ยังเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ จนมาถึงสยามประเทศ
ก่อนจะมาเป็นประเทศไทยอย่างในปัจจุบัน

นอกจากพิพิธภัณฑ์ทั้ง 5 แห่งที่ฉันได้ไปเที่ยวมาวันนี้แล้ว พิพิธภัณฑ์ในเกาะรัตนโกสินทร์นี้ยังมีอีกมากมาย
หลากหลายแห่ง และนี่ก็เป็นการเที่ยวย่านพิพิธภัณฑ์ภาคแรกเท่านั้น เชื่อแน่ว่าน่าจะมีภาคสองตามมาในไม่ช้านี้
ผู้ที่สนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมก็ต้องติดตามข่าวสารจากมิวเซียมสยามกันต่อไป


ความรู้มากมายในมิวเซียมสยาม

* * * *

สนใจกิจกรรมต่างๆ ของทางมิวเซียมสยาม สามารถโทรสอบถามได้ที่.0-2225-2777
หรือดูรายละเอียดที่ //www.ndmi.or.th

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ที่มา ผู้จัดการ


Create Date : 29 กรกฎาคม 2552
Last Update : 29 กรกฎาคม 2552 13:48:05 น. 3 comments
Counter : 1290 Pageviews.

 
"ปีใหม่โล้ชิงช้า ชาวอาข่า"
ทัวร์เริ่มวันที่ ๒-๓-๔ กันยายน ๕๒
ความงดงามทางวัฒนธรรมของชนเผ่า และประเพณีที่หาดูได้ยากยิ่งในสมัยนี้
ร่วมสัมผัสประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวชนเผ่าอาข่าที่แฝงไว้ซึ่งความสวยงาม และเคารพในธรรมชาติ
ผู้ประสานงาน somsakbannok@yahoo.com
Tel 081-7655352 ;053-737373
www.hilltribeguide.com
//www.hilltribeguide.com/autopage/show_page.php?h=1&s_id=5&d_id=4


โดย: พรานไพร ณ.ดอยบ่อ (guide doi ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:21:05 น.  

 
น่าสนใจมากเลยค่ะ


โดย: porvie วันที่: 30 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:23:02 น.  

 
ยังไม่เคยไปเยี่ยมชมเลยค่ะ


โดย: อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที วันที่: 1 สิงหาคม 2552 เวลา:12:12:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.