Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
27 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ล่องคลองแสนแสบแบบใสๆ ใน "มีนบุรี"


คลองแสนแสบสภาพสดใสที่มีนบุรี

มองเห็นคลองแสนแสบทีไร ฉันก็นึกภาพไม่ออกทุกทีว่า
ไอ้ขวัญกับอีเรียมแห่งทุ่งบางกะปิจะลงไปเล่นน้ำใน คลองกันได้ยังไง ด้วยความที่มันช่างเน่าสนิทเสียจริง
แต่มีคนพูดให้ฟังบ่อยๆว่า อย่าเพิ่งเอาภาพที่เห็นมาตัดสินว่าคลองแสนแสบจะเน่าสนิทไปทั้งสาย
เพราะคลองแสนแสบน้ำใสๆ มีปลาแหวกว่ายสำราญใจนั้นก็มีให้เห็น แถมอยู่ในกรุงเทพฯเสียด้วย
แต่เป็นกรุงเทพฯชั้นนอกที่ "มีนบุรี" นั่นเอง

สำหรับเมืองมีนบุรีนั้น มีความเป็นมาที่ยาวนาน และยังเป็นเมืองสำคัญในอดีตอีกด้วย
โดยแต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น ทรงโปรดเกล้าฯให้รวมเอาท้องที่อำเภอคลองสามวา อำเภอแสนแสบ
อำเภอเจียรดับ และอำเภอหนองจอก รวมเป็นเมืองเดียวกันและมีฐานะเทียบเท่าจังหวัด
ขนานนามว่าเป็น "เมืองมีนบุรี" ซึ่งหมายถึงเมืองปลา เพื่อให้คู่กับเมืองธัญบุรี หรือเมืองข้าวนั่นเอง


ความเป็นธรรมชาติที่ยังมีในกรุงเทพฯ

แต่มาภายหลังได้มีการยุบท้องที่เมืองมีนบุรีลง ให้เหลือฐานะเป็นเพียง อำเภอ
และต่อมาเมื่อได้มีการรวมจังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีเข้าด้วยกัน
อำเภอมีนบุรีก็เปลี่ยนฐานะมาเป็นเขตมีนบุรีอย่างในปัจจุบัน

เรามาเรียนรู้เรื่องราวของเมืองมีนกันก่อนที่ "พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเมืองมีนบุรี" ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณสำนักงานเขต
มีนบุรี ในอาคารไม้ยกพื้นหลังใหญ่ ซึ่งเคยใช้เป็นศาลาว่าการเมืองมีนบุรีมาก่อน แต่ปัจจุบันอาคารหลังนี้
ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากร และใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ให้เราได้เข้าไปชมกัน


อาคารพิพิธภัณฑ์เมืองมีนบุรี ในสำนักงานเขตมีนบุรี

ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นห้องต่างๆ บอกเล่าเรื่องราวแต่ละอย่าง
เช่น ประวัติศาสตร์การตั้งเมืองมีนบุรี เขตมีนบุรีในปัจจุบัน
ส่วนจัดแสดงเฉลิมพระเกียรติ ที่มีเก้าอี้ที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ
เมื่อคราวที่พระองค์เสด็จมาเยือน ตั้งจัดแสดงไว้

นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนการแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในอดีตของผู้ คนในย่านนี้ ทั้งเครื่องมือเกี่ยวกับการเกษตร
เครื่องมือจับปลา รวมไปถึงข้าวของในบ้านเรือนอย่างโทรศัพท์ นาฬิกา พัดลมหน้าตาโบราณๆ อีกด้วย


ข้าวของที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์เมืองมีนบุรี

เดินชมข้าวของเหล่านี้ไปแล้วฉันก็ไปสะดุดกับช่องเล็กๆบนพื้นอาคาร ที่มีขนาดให้คนพอลอดลงไปได้
ทีแรกนึกว่าเป็นช่องระบายอากาศจากใต้ถุนเบื้องล่าง แต่ที่ไหนได้ ช่องเล็กๆนี้กลับเป็นช่องทางลงไปยังคุก
ซึ่งอยู่ใต้ถุนของอาคาร เคยใช้ขังนักโทษเมื่อในอดีตที่ยังเป็นเมืองมีนบุรีอยู่นั่นเอง

ได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์คร่าวๆ ของเมืองมีนบุรีกันแล้ว คราวนี้ไปดูบรรยากาศโดยรอบกันบ้างดีกว่า
จากสำนักงานเขตเราเดินข้ามฝั่งถนนมายังสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9
ซึ่งด้านหลังสวนอยู่ติดกับคลองแสนแสบ


ศาลเจ้าเจียวตี่เหล่าเอี๊ย

สำหรับประวัติของคลองสายนี้คร่าวๆ ก็คือ คลองแสนแสบเป็นคลองที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3
เพื่อเป็นเส้นทางเดินทัพไปทำสงครามกับญวน เป็นการขุดเชื่อมคลองหลายๆแห่งเข้าด้วยกัน
ตั้งแต่บริเวณวัดสระเกศ ภูเขาทอง ไปจนถึงบางปะกง ฉะเชิงเทรา เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง
และยังมีประโยชน์ต่อเนื่องในการคมนาคมมาจนปัจจุบัน
และเส้นทางคลองแสนแสบนี้ ก็เคยเป็นเส้นทางเสด็จประพาสของรัชกาลที่ 5
รวมถึงสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็เคยเสด็จล่องคลองแสนแสบนี้ด้วยเช่นกัน

สำหรับชื่อที่มาของ "คลองแสนแสบ" นั้น ส่วนมากจะเชื่อตามคำบันทึกของนายดี.โอ.คิง
นักสำรวจชาวอังกฤษที่บันทึกไว้ว่า "...คลองนี้ยาวถึง 55 ไมล์ เชื่อมนครกรุงเทพฯกับแม่น้ำบางปะกง...
คนพื้นเมืองเป็นคนเชื้อสายมาเลย์ ...ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ มือข้างหนึ่งจะต้องใช้ปัดยุงเสมอ..."
จึงเป็นที่มาของชื่อแสนแสบ เพราะยุงเยอะจนต้องเกาแสบไปทั้งตัว


ตลาดเก่ามีนบุรีที่วันนี้เป็นตลาดร้าง

แต่มีที่มาอีกอย่างหนึ่งที่กล่าวไว้น่าสนใจว่า คำว่าแสนแสบนั้นน่าจะมาจากภาษามลายูมากกว่า
เพราะเมื่อมีการขุดคลองนี้ขึ้น ก็ได้มีการอพยพคนจากทางใต้มาอาศัยอยู่แถบนี้กันมาก
และคนมลายูก็เรียกคลองสายนี้ว่า "สุไหงแซนแญบ" หรือคลองที่เงียบสงบ
โดยสุไหงแปลว่าคลองหรือแม่น้ำ และแซนแญบหมายถึง เงียบสงบ ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนกันไปเป็นแสนแสบ

ในมีนบุรีนี้เองที่ทำให้ฉันเริ่มเห็นภาพคลองสวยน้ำใส แทนภาพคลองดำน้ำ เน่า แม้จะน้ำไม่ใสแจ๋วราวกับกระจก
แต่ก็ต้องถือว่าคุณภาพน้ำบริเวณนี้อยู่ในขั้นดี วัดได้จากการที่มีปลามีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
ริมน้ำยังมีชาวบ้านลงทอดแห ยกยอจับปลา ยังมีคนลงแหวกว่ายอยู่ในคลอง ก็ต้องถือว่าน้ำในคลองนี้
ยังมีคุณภาพดีอยู่ หากเทียบต้นคลองกับปลายคลองแล้ว ก็แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นคลองสายเดียวกัน


บรรยากาศในตลาดเก่ามีนบุรี

และในช่วงต้นปีหน้า ทางเขตมีนบุรีเขา ก็มีโครงการจะทำตลาดน้ำเมืองมีนบุรีอยู่ในคลองแสนแสบ
บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แห่งนี้ ก็เชื่อว่าจะดึงดูดให้หลายๆคนมาท่องเที่ยวภายในเขต
ชมคลองแสนแสบสวยๆ ในบรรยากาศดีๆกันมากขึ้นแน่นอน

ว่ากันเรื่องคลองมาเสียยาว เกือบลืมพาไปเที่ยวเสียแล้ว
เราเดินเท้าจากสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 มาทางตลาดมีนบุรี
แล้วเดินข้ามสะพานมายัง "ศาลเจ้าเจียวตี่เหล่าเอี๊ย" ศาลเจ้าเล็กๆ แต่งดงาม และเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในย่านนี้

บริเวณด้านหลังศาลเจ้านั้น เป็นที่ตั้งของ "ตลาดเก่ามีนบุรี"
ตลาดเก่าแก่อายุร่วมร้อยปีริมคลองแสนแสบ ที่เคยเป็นแหล่งค้าขายคึกคักในอดีต
บริเวณนี้เป็นตลาดขนาดใหญ่กว่า 200 ห้อง
และไม่ได้มีหน้าตาเป็นห้องแถวไม้ริมน้ำ เหมือนตลาดเก่าอื่นๆที่เราเคยเห็นกัน บ่อยๆ
แต่ตลาดห้องแถวที่นี่เป็นห้องแถวก่อด้วยอิฐไม่ฉาบปูน สร้างเป็นแถวยาวเรียงกันเป็นล็อกๆ


มัสยิดกมาลุลอิสลาม หรือสุเหร่าทรายกองดิน

แต่ตอนนี้บรรยากาศของตลาดเก่ามีนบุรีกลายเป็นตลาดร้าง เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่
ในปี พ.ศ.2538 สร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในตลาดเป็นอย่างยิ่ง
หลายๆคนจึงไม่อยากพักอาศัยอยู่ที่เดิม ต่างพากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ปิดบ้านไว้เฉยๆ
แวะเวียนมาดูแลบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้ภายในตลาดที่เคยคึกคักหลงเหลือแต่เพียงร้านขายของชำ 3-4 ร้าน
และมีผู้คนอาศัยอยู่กันบางตา ส่วนตัวตลาดก็ได้ย้ายไปเปิดที่ใหม่บริเวณฝั่งตรงข้ามคลองแสนแสบ
เรียกชื่อว่าตลาดใหม่มีนบุรี

แม้จะเป็นตลาดร้าง แต่ฉันว่าที่ตลาดเก่ามีนบุรีนี้ก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เดินชมบรรยากาศของห้องแถวก่ออิฐนี้ไปสักพัก ก็ชักเริ่มรู้สึกคล้ายกับไปเดิน อยู่ในเมืองจีน
นี่ถ้าเปลี่ยนจากหลังคาสังกะสีเป็นหลังคากระเบื้องแบบจีน แล้วมีสะพานอิฐโค้งข้ามคลองเสียหน่อยก็ใช่เลย
นอกจากนั้นที่นี่ยังใช้เป็นฉากถ่ายหนังถ่ายละครหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผีๆ
เพราะบรรยากาศของตลาดบางส่วนก็ดูเงียบสงัดเอาเสียจริงๆ


ผลิตภัณฑ์น้ำพริกนานาชนิดจากบ้านตาลเดี่ยว

ถ่ายรูปตลาดเก่าเป็นที่ระลึกไปพอสมควร คราวนี้ก็ได้เวลาสัมผัสคลองแสนแสบกันอย่างใกล้ชิดกันแล้ว
โดยจากบริเวณตลาดเก่า เราจะลงเรือล่องไปชมมัสยิดกันต่อ
การนั่งเรือในคลองแสนแสบบริเวณนี้ ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาหรือเอามือคอยบังกลัว น้ำกระเซ็นมาโดนแต่อย่างใด
เพราะอย่างที่บอกแล้วว่าน้ำในคลองบริเวณนี้ไว้ใจได้
สองข้างทางระหว่างนั่งเรือ ก็ยังได้ชมบ้านเรือนริมน้ำสลับกับต้นไม้ใหญ่ร่ม ครึ้มเป็นระยะๆ
สังเกตว่าหลายๆบ้านจะทำกระชังเลี้ยงปลา และมียอขนาดใหญ่สำหรับจับปลา
แสดงให้เห็นว่าลำคลองบริเวณนี้ยังคงสะอาดจริงๆ

ใช้เวลาไม่นานนักเราก็มาถึง "มัสยิดกมาลุลอิสลาม" หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า "สุเหร่าทรายกองดิน"
การก่อตั้งมัสยิดแห่งนี้เริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยชาวอิสลามที่มาจากไทรบุรีตั้งแต่สมัยเริ่มขุดคลอง
แต่ในสมัยนั้นจะใช้บ้านของคหบดีมุสลิมเป็นสถานที่ประกอบกิจทางศาสนา
และต่อมาได้มีดำริจะสร้างมัสยิดขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวบ้านได้นำทรายกองใหญ่มากองไว้
เพื่อเตรียมก่อสร้าง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสผ่านมายังบริเวณนี้
พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นก็ทรงตรัสถามว่ากองทรายไว้บนดินทำไม
เมื่อทรงทราบคำตอบก็ได้พระราชทานทราย สำหรับก่อสร้างมัสยิดเพิ่มเติมให้ด้วย
ชาวบ้านจึงเรียกกันต่อมาว่า สุเหร่าทรายกองดิน


ตลาดเก่าหนองจอก

จากนั้นเราลงเรือกันต่อไปยัง "ชุมชนโซะมันร่วมพัฒนา" ที่นี่เราจะได้ซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ แต่อร่อยลิ้น
อย่างน้ำพริกปลาดุกฟู น้ำพริกเผากุ้ง น้ำพริกปลาย่าง น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกุ้งกรอบ น้ำพริกรวมมิตร ฯลฯ
รวมถึงของกินเล่นอย่างกล้วยหยี กล้วยชิพ ถั่วสมุนไพร โดยทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของกลุ่มแม่บ้านตาลเดี่ยว
ที่ร่วมมือกันเป็นกลุ่มเล็กๆผลิตอาหาร และขนมต่างๆเพื่อเป็นรายได้เสริม
กลุ่มแม่บ้านคอนเฟิร์มมาว่า น้ำพริกต่างๆเหล่านี้ไม่ใส่ผงชูรสและไม่ใส่สารกันบูด
และฉันรับรองว่าอร่อยถูกลิ้นแน่นอน

เรามาปิดท้ายเส้นทางท่องเที่ยวกันที่ "ตลาดเก่าหนองจอก" ตลาดห้องแถวไม้ริมน้ำที่กำลังโรยรา
แต่ก็มีเสน่ห์น่าชมไม่น้อย ในตลาดมีร้านยาจีน ยาสมุนไพร ร้านขายของชำของใช้สารพัดอย่าง
หรือหากไม่ต้องการซื้ออะไรก็แค่เข้ามาเดินเล่นชมบรรยากาศเก่าๆ
เก็บภาพประทับใจของสายน้ำคลองแสนแสบ ที่ไม่แสบเหมือนชื่อเลยสักนิดที่มีนบุรีแห่งนี้

* * * * *

ติดต่อ สอบถามเรื่องเรือท่องเที่ยวได้ที่
คุณพีรพงษ์ ประธานชุมชนโซ๊ะมันร่วมพัฒนา โทร.08-1434-5795
สำนักงานเขตมีนบุรี โทร.0-2540-7901, 0-2540-7160 ต่อ 6687
และกองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร โทร.0-2225-7612 ถึง 5


โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ที่มา //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000110986


Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2552 13:37:55 น. 2 comments
Counter : 873 Pageviews.

 
ได้ความรู้เพิ่ม ดีทีเดียว ค่ะ ขอบคุณ


โดย: kongnun IP: 125.27.232.58 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:11:26 น.  

 
คลองแสนแสบใส ๆ แบบนี้แจ่มเลยครับ
แต่อย่าไปมองแสนแสบที่น้ำดำ ๆ นะ สุด ๆ อะ อิอิ


โดย: นายหัว (nindhua ) วันที่: 28 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:22:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.