Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
9 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
เที่ยวสุราษฎร์ ไหว้พระธาตุไชยา-เข้าสวนโมกข์ ท่องโลกธรรม

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
พระธาตุไชยา งานศิลปกรรมศรีวิชัยอันสมบูรณ์หมดจดหนึ่งเดียวในไทย

"พระบรมธาตุคู่เมือง รุ่งเรืองพุทธศาสน์ พุทธทาสปราชญ์โลก สวนโมกขพลาราม
ลือนามศรีวิชัย ผ้าไหมพุมเรียง ทะเลเคียงหาดทราย แหล่งซื้อขายไข่เค็ม"

นั่นคือคำขวัญประจำ"เมืองไชยา" อำเภอสำคัญแห่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งทริปนี้ "ตะลอนเที่ยว" ถือฤกษ์งามยามดีในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ล่องใต้เดินทางไปยังอำเภอไชยา
ดินแดนเก่าแก่ที่นอกจากจะมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แล้วยังมีความสำคัญทาง พุทธศาสนาอีกด้วย

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
พระพุทธรูปหินทราย 3 พี่น้อง

และเพื่อเป็นการเข้าใจในไชยา เราขอพูดถึงความสำคัญของดินแดนแห่งนี้
เพื่อเรียกน้ำย่อยความจำในวิชาประวัติศาสตร์กันเสียหน่อย

"ไชยา" ชื่อนี้ ตามทัศนะของนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าหมายถึง "ชัยชนะ"
น่าจะมาจาก "ศรีวิชัย" หรือ "ศรีวิชยะ" ก่อนจะกร่อนเสียงเป็น"ไชยา"ดังปัจจุบัน ด้านชาวบ้านเชื่อว่า
"ไชยา" น่าจะมาจาก "ไทรหยา" หรือ "ไซหยา" อันหมายถึงต้นไทร(ไทร-ไซ)ที่ใช้กินเป็นยา(หยา)
ซึ่งมีมากในภูเขากั้นเขตแดนระหว่าง อ.ไชยา กับ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง

ในอดีตไปเมื่อพันกว่าปีที่แล้ว สมัยอาณาจักรศรีวิชัย (ราวพุทธศตวรรษที่ 11-18 )
เรืองอำนาจในดินแดนสุวรรณภูมิ ไชยาถือเป็นเมืองสำคัญของอาณาจักรนี้

นักวิชาการสายหนึ่งเชื่อว่าเมืองไชยา คือ ศูนย์กลางของอาณาจักรศรี วิชัย
(ส่วนอีกสายหนึ่งเชื่อว่า เมืองปาเล็มบัง(สุมาตรา-อินโดนีเซีย) คือ ศูนย์ กลางของอาณาจักรนี้)
เพราะมีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากในเมืองนี้

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
ลานหินโค้ง

ปัจจุบัน อ.ไชยาหลงเหลือร่องรอยความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรศรีวิชัยให้ชมกันอยู่ในบางพื้นที่
โดยจุดที่สำคัญที่สุดก็เห็นจะเป็นที่ "วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรมหาวิหาร" หรือ "วัดพระธาตุไชยา"
อันเป็นที่ประดิษฐาน"พระบรมธาตุไชยา"สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองสุราษฎร์
ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ของวัดทรงคุณค่าแห่งไชยา ที่เราไปเยือนในทริปนี้

ยลศิลปะศรีวิชัย ไหว้พระธาตุไชยา

พระบรมธาตุไชยาหรือพระธาตุไชยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13 ตามคติมหายาน
มีความสูง 24 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขซ้อนชั้นลดหลั่นกันไป
องค์พระธาตุมีสถูปขนาดเล็กอยู่ตามมุมสี่เหลี่ยมรวมทั้งหมด 24 องค์ ตรงกลางมีมุขหน้าบัน
ลวดลายปูนปั้นสีทองรูปร่างต่างๆประดับประดา อาทิ เทพพนม ช้างเอราวัณ นกยูง สิงห์ เหรา ฯลฯ
ซึ่งยามต้องแสงอ่อนยามเช้า-เย็น จะมลังเมลืองเหลืองอร่ามงดงามยิ่งนัก

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
รูปเคารพท่านพุทธทาสในสวนโมกข์

ภายในพระธาตุไชยาบรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า เป็นส่วนใดพระธาตุองค์นี้
ถือเป็นงานศิลปกรรมศรีวิชัยต้นแบบที่สวย งาม สมบูรณ์แบบ หมดจด และสุดยอดทอดตาทั่วแผ่นดินไทย
คงไม่มีที่ใดเกิน ไม่เพียงเท่านั้นในความงดงามสมส่วน
องค์พระธาตุยังมีปริศนาธรรมแฝงซ่อนอยู่กับรหัส 481 อีกด้วย


4 คือ เจดีย์ 4 องค์ 4 มุม 4 ฐาน เปรียบดัง"อริยสัจ 4"
8 คือ เจดีย์บริวารชั้นละ 8 องค์ เปรียบดัง "มรรค 8 ผล 8"
ส่วน 1 คือ ยอด 1 เดียวของพระบรมธาตุที่เปรียบดัง "นิพพาน" การหลุดพ้น

ส่วนฐานพระธาตุถือว่าแปลกไม่เบา เพราะมุมหนึ่งมีบ่อน้ำเล็กๆส่องสะท้อนเงาองค์พระธาตุอย่างสวยงาม
ซึ่งตามข้อมูลของวัดได้กล่าวถึงบ่อน้ำแห่งนี้ว่า สมัยก่อนองค์พระธาตุเกิดการทับถมพื้นดินมากกว่า 1 เมตร
ชาวบ้านที่นี่จึงช่วยกันขุดคูน้ำล้อมรอบ เพื่อไม่ให้แผ่นดินทับถมฐานของพระธาตุ
ปัจจุบันจึงเหลือไว้ให้ดู 1 จุดด้วยกัน


ในขณะที่ตำนานของชาวบ้านเชื่อว่านี่คือ"ปาฏิหาริย์แห่งพระธาตุ" เพราะสมัยก่อนมีปีหนึ่ง
เมืองไชยาประสบภัยแล้งหนักไม่มีน้ำท่าดื่มกิน แต่แล้วกลับมีเหตุเหลือเชื่อขึ้น
เมื่อจู่ๆเกิดมีตาน้ำผุดขึ้นมาทั่วมุมฐานพระธาตุ จนชาวบ้านสามารถนำไปแก้ปัญหาภัยแล้งได้
ต่อมาได้มีการปิดตาน้ำลง 3 ตา เพราะเกรงว่าพระธาตุจะทรุดตัวหลงเหลือไว้ให้ดูเป็นอนุสรณ์ 1 ตาน้ำ
แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่ง ยังเชื่อว่านี่คือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคภัย ไข้เจ็บต่างๆได้
ซึ่งปัจจุบันน้ำในนี้จะนำไปใช้ในพิธีสำคัญๆต่างๆ

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์

พระพุทธรูป 1 ใน 180 องค์ ที่ระเบียงคด

นอกจากองค์พระธาตุไชยาแล้ว ในเขตพระธาตุที่ระเบียงคด
ยังมีพระพุทธรูปแกะสลักหินทรายสีแดงประดิษฐานอยู่ ถึง 180 องค์ แต่ละองค์ล้วนต่างมีสรีระอ่อนช้อย
พระพักตร์อ่อนโยนเปี่ยมเมตตา ดูแล้วให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก

ในขณะที่ลานด้านนอกข้างๆโบสถ์ก็มีพระพุทธรูปหินทราย 3 พี่น้องประดิษฐานอยู่ด้วย
สรีระสมส่วนขรึมขลังเปี่ยมศรัทธา อีกทั้งยังมีต้นโพธิ์โบราณแผ่สยายกิ่งก้านให้ความร่มเย็น
ฝั่งตรงกันข้ามของต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติไชยา"(เปิดวันพุธ-อาทิตย์)
ที่มีศิลปวัตถุน่าสนใจให้ชมกันไม่น้อยเลย

ในวันนั้นก่อนจากลาวัดพระธาตุไชยา "ตะลอนเที่ยว" มีโอกาสได้พูดคุยกับพระรูปหนึ่งในวัด ทราบว่า
วัดพระธาตุไชยานั้น"ท่านพุทธทาสภิกขุ" เคยมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเข้าทางอารมณ์ของเราพอดี เพราะวัดที่จะไปเยือนต่อไปนั้น คือ
"สวนโมกข์"หนึ่งในแดนธรรมสำคัญของเมืองไทย

เข้าสวนโมกข์ ท่องโลกพุทธธรรม

"สวนโมกข์" หรือชื่อเต็ม "สวนโมกขพลาราม" แดนธรรมแห่งนี้
ก่อตั้งโดยท่านพุทธทาสภิกขุในปี พ.ศ. 2475 เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและจรรโลงพระพุทธศาสนา

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
สุดท้ายคือความว่าง(วงกลม)สีขาวที่โรงหนัง

สวนโมกข์ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า"วัดธารน้ำไหล" เพราะในอดีตมีธารน้ำใสเย็นไหลผ่าน
แต่ปัจจุบันป่าต้นน้ำถูกทำลาย ลำธารเหือดแห้งหาย ดีแต่ว่าวันนี้ยังมีสวนโมกข์ ที่เป็นดังผืนป่ากลายๆอันร่มรื่น
เขียวครึ้มตั้งตระหง่านเป็นดังโอเอซิสแห่ง โลกยุคใหม่ในบริเวณนี้
ที่ให้ทั้งความร่มเย็นทางกายและความชุ่มชื่นทางใจแก่ฆราวาสที่สนใจใฝ่ธรรม

สวนโมกข์ เป็นวัดที่หยุดพัฒนาทางวัตถุ แต่หันไปพัฒนาทางจิตใจและการปฏิบัติธรรม
เพื่อให้เป็นไปตามปณิธาน 3 ข้อของท่านอาจารย์พุทธทาส
ที่ได้ดำเนินการมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยที่มีชีวิตอยู่ นั่นก็คือ
1. ให้ทุกคนพยายามเข้าถึงหัวใจแห่งศาสนาของตน
2. ทำความเข้าใจหลักสำคัญระหว่างศาสนา
3. เปลื้องตนออกจากวัตถุนิยม

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
เงาพระธาตุไชยาในตาน้ำ

"ตะลอนเที่ยว"เพียงย่างก้าวเข้าสู่สวนโมกข์ก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้หลุดเข้ามาอยู่ ณ อีกดินแดนหนึ่ง
เป็นดินแดนแห่งธรรมที่ห่างไกลจากความวุ่นวายใดๆ

จากประตูวัดเราเดินผ่านต้นไทรไปตามถนนสายธรรม ความร่มเย็นจากสภาพพื้นที่ได้แผ่พลังเข้ามาในจิตใจ
ให้สงบเย็นมากขึ้น พร้อมๆกับสมาธิอันจดจ่อแน่วแน่ที่มากขึ้น(อย่างประหลาด)

จุดน่าสนใจแรกในสวนโมกข์เราเข้าไปยังอาคารพุทธทาส 100 ปี ที่มีเรื่องราวของท่านพุทธทาส
ข้อมูลสวนโมกข์ หลักธรรมคำคม ปรากฏให้ขบคิดอยู่ทั่วไป

จากนั้นเราจึงใช้ข้อมูลที่ได้รับ เป็นเข็มทิศเคลื่อนไปสัมผัส รับรู้ ในจุดน่าสนใจเด่นๆของวัด เริ่มด้วย ลานหินโค้ง
ลานอเนกประสงค์ของวัด ที่ใช้ทำวัตรเช้า-เย็น แสดงปาฐกถา อบรมพระ ประชุมสัมนาฆราวาส
ทำบุญเลี้ยงพระ ฯลฯ มีลักษณะเป็นดินทรายเสริมก้อนหินเป็นแนวลานโค้งครึ่งวงกลมดูแปลกตาไม่น้อย

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
ปริศนาธรรมภาพเซนในโรงหนัง

ถัดจากลานหินโค้งไป เป็น "โรงมหรสพทางวิญญาณ" หรือ "โรงหนัง" อาคารสีขาว 2 ชั้น
ภายในปราศจากซึ่งหนังฮอลลีวูด ไทย ฮ่องกง เกาหลี หากแต่มีภาพปริศนาธรรม คำคม ข้อคิด
นำเสนออยู่ทั่วไปในโรงหนัง ทั้งที่ผนัง เสา ใต้บันได มีทั้งที่คิดขึ้นมาใหม่และนำมาจากของเก่า
แบ่งเป็น กลุ่มภาพเซน กลุ่มภาพโลกและปรัชญา กลุ่มภาพสุภาษิต กลุ่มภาพเกี่ยวกับโทสะ โมหะ เป็นต้น
ซึ่งท่านพุทธทาสเคยปรารภไว้ว่า "ดูให้ออกสักเรื่องก็คุ้มค่าที่มาที่นี่"

ปริศนาธรรมที่นี่ บางภาพเราดูแล้วสามารถตีความเข้าใจได้ง่ายๆอย่างภาพ ต้นไม้ที่อธิบายว่า
ในโลกนี้มีพุทธศาสนาเพื่อเข่นฆ่าสิ่งเหล่านี้มิให้เหลือ อาทิ เข่นฆ่าความเมาตำรา เมาอาจารย์ ความหลอกลวง
เมาโชคชะตาราศี เป็นต้น หรือภาพ “นางเบ็ด”ที่ดูอีโรติกนิดๆพร้อมคำอธิบายข้างหลังภาพที่สะท้อนความจริง
ในสังคมยุคนี้ให้เห็น ส่วนบางภาพแม้จะดูไม่รู้เรื่อง แต่ว่ากลับเป็นภาพที่มีคุณค่าทางศิลปะไม่น้อยเลย

ในขณะที่ภาพซึ่งถือเป็นศูนย์รวมเป็นที่สุดก็คือ ภาพวงกลมสีขาวที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่"ความว่าง"เท่านั้น
แต่ในความว่างนั่นแหละ คือ ธรรมอันสูงส่ง ที่ท่านพุทธทาสเน้นอยู่เสมอ

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
ลวดลายปูนปั้นประดับองค์พระธาตุไชยา

ออกจากโรงหนังแบบอิ่ม(ปริศนา)ธรรม เราก็ไปต่อยัง "สระนาฬิเกร์" ที่มีสภาพเป็นสระกว้าง
ตรงกลางมีเกาะ ปลูกมะพร้าวไว้ต้นหนึ่ง สร้างขึ้นเป็นปริศนาธรรม
เปรียบมะพร้าวต้นเดียวแทนนิพพานท่ามกลางห้วงทุกข์
โดยท่านพุทธทาสได้แนวคิดนี้มาจากเพลงกล่อมเด็กของคนใต้

นอกเหนือจากจุดหลักๆที่กล่าวมาแล้ว สวนโมกข์ยังมีจุดสนใจและจุดศึกษาธรรมเด่นๆชวนให้ไปสัมผัส อาทิ
สวนหินแบบเซน หอระฆัง ยอดเขาพุทธทองอันเป็นโบสถ์ธรรมชาติของสวนโมกข์ เป็นต้น
ซึ่งแทบทุกจุดล้วนมีหลักธรรมและปริศนาธรรมแฝงซ่อนอยู่
เพียงแต่ว่าใครจะมองเห็นธรรมนั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ธรรมมะที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเฝ้าเพียรเผยแพร่เป็นเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ นั้น
ถือว่าทรงคุณค่าอย่างยิ่งต่อมวลมนุษย์ชาติ

พระธาตุไชยา,สวนโมกข์
อาคารโรงหนัง

ฉะนั้น ใครที่คิดจะไปวัดเพื่อขอเลขหวยรวยเบอร์ เครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล คงต้องไปหาที่วัดอื่น
เพราะสวนโมกข์ไม่มีให้ มีแต่หลักธรรมคำสอนที่จะยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น
เมื่อจิตใจมนุษย์สูงขึ้น โลกนี้ไยมิใช่น่าอยู่มากขึ้น

* * * * *

วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร
ตั้งอยู่เลขที่ 50 หมู่ที่ 3 ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากตัวเมืองสุราษฎร์ประมาณ 54 กิโลเมตร
ละแวกวัดพระธาตุไชยายังมีกลุ่มโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ประกอบด้วย วัดเวียง วัดหลง และวัดแก้ว

"สวนโมกขพลาราม"หรือ "วัดธารน้ำไหล"
ตั้งอยู่บริเวณริมเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 14 บริเวณหลักกม.ที่ 134 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ผู้สนใจเที่ยว อ.ไชยา และ จ.สุราษฎร์ฯ
สามารถสอบถามการเดินทางและรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี โทร. 0-7728- 8818-9

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


Create Date : 09 กรกฎาคม 2552
Last Update : 9 กรกฎาคม 2552 12:15:26 น. 0 comments
Counter : 3183 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.