Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
ทอดน่อง รับลม ชมวิวที่ "สวนหลวงพระราม 8"


สวนหลวงพระราม 8 สวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา

อากาศดีๆ แบบนี้ หลายคนเลือกขึ้นเขาขึ้นดอย ไปสัมผัสสายลมสายหมอกให้เย็นยะเยือกผิวกายกันเหลือเกิน
แต่สำหรับชาวกรุงที่ไม่มีเวลาหยุดยาว
ฉันขอแนะนำสถานที่ ซึ่งจะได้สัมผัสสายลมเย็นสะท้านผิวกายและสวนสวยริมน้ำแบบ ชิลๆ

สถานที่ที่ฉันเกริ่นมาก็คือ "สวนหลวงพระราม 8" สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี
ที่ทางกรุงเทพมหานครดำเนินการก่อสร้างขึ้น
เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
และได้รับพระราชทานชื่อ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชว่า "สวนหลวงพระราม 8"


ผู้คมมักมาพักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายที่สวนหลวงพระราม 8

สวนหลวงพระราม 8 ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งถือเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง
ภายในยังมี "พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล" ขนาด 3 เท่าของพระองค์จริง
สูงประมาณ 5.4 เมตร ที่ประดิษฐานเป็นสิริมงคลแก่สวนแห่งนี้ด้วย นอกจากนั้น บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติ
ข้างใต้พระบรมราชานุสาวรีย์ ยังจัดให้มีห้องรวบรวมพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจขององค์รัชกาลที่ 8
เพื่อให้ประชาชน ที่สนใจพระราชประวัติเข้าไปศึกษาค้นคว้าเรื่องราวเกี่ยวกับ พระองค์

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ถึง 50 ไร่ แห่งนี้ ถูกใช้เป็นสวนอเนกประสงค์ ประชาชนทั่วไปสามารถใช้เป็นสถานที่
พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายภายใต้ บรรยากาศความร่มรื่นสองข้างเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับที่สวยงาม
รวมทั้งไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก และภูมิทัศน์ที่สวยงามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา


สวนหลวงพระราม 8 สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใต้สะพานพระราม 8 ฝั่งธนบุรี

ในเวลาเย็นย่ำขณะพระอาทิตย์ทอแสงอ่อนลงจนเกือบจะลับขอบฟ้า ที่สวนหลวงพระราม 8 จะคึกคักมีชีวิตชีวา
ไปด้วยผู้คนทุกเพศทุกวัย ฉันขอย้ำว่าทุกเพศทุกวัยจริงๆ ตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดง
บ้างมากับพ่อแม่ บ้างก็มากับคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย เป็นภาพที่ดูแล้วสดชื่นอบอุ่นดีจริงๆ

ส่วนนักเรียนวัยเอาะๆก็มีมากันเป็นกลุ่มเป็นก้อน บ้างก็มานั่งปิกนิคชมวิว บ้างก็มาซ้อมปอมปอมเชียร์
หรือเชียร์ลีดเดอร์กันอย่างคึกคักกระชุ่มกระชวย สำหรับพวกกีฬาก็มีทั้งแตะบอล สเก็ตบอร์ด เบรกแดนซ์
แล้วแต่อัทธยาศัยใครใคร่ทำอะไรก็ทำได้เต็มที่ เป็นการผ่อนคลายความเครียดได้ดีทีเดียว

ผู้ใหญ่บางคนก็มาเต้นลีลาศ มาวิ่ง มาแอโรบิก บ้างก็พาสุนัขมาเดินเล่นเข้าสังคมชมวิวอันสวยงาม
ฉันเจอกับสุนัขน่าจะพันธุ์โกเด้น ตัวใหญ่ขนสีน้ำตาลยาวสลวยพริ้วไปตามลมเดินคาบตะกร้าที่ใส่แปรงหวีขน
และอุปกรณ์ของเล่นต่างๆของตัวเองเดินไปมา ดูแล้วน่ารักแสนรู้เป็นที่ดึงดูดรอยยิ้มของผู้คนแถวนั้นเป็นอันมาก


อีกมุมหนึ่งของสวนสวยที่สวนหลวงพระราม 8

ยิ่งเมื่อก่อนพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ที่สวนแห่งนี้และที่บนสะพานพระ ราม 8 ก็คือเป็นจุดชมอาทิตย์อัสดง
ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วย และเมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้ว บรรยากาศของสวนหลวงพระราม 8 แห่งนี้
ก็เปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่งสวยงามด้วยแสงไฟริมทาง และไฟที่สะพานพระราม 8 ก็เป็นอีกแห่งหนึ่ง
ที่ดึงดูดพวกช่างภาพทั้งมือโปรมือสมัครเล่น ให้กดชัตเตอร์กันแชะ..แชะ..แชะ

มาสวนหลวงพระราม 8 แล้วก็ต้องพูดถึง "สะพานพระราม 8" (Rama VIII Bridge)ที่สวยงามใหญ่โตแห่งนี้ด้วย
โดยสะพานแห่งนี้ เกิดขึ้นจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อ เดือนกรกฏาคม 2538
ให้กรุงเทพมหานครก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง
เพื่อบรรเทาการจราจรบนสะพานพระปิ่นเกล้า รองรับการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี
และเป็นจุดเชื่อมต่อโครงการพระราชดำริตามแนวจตุรทิศ


สะพานพระราม 8 สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 13

สะพานแห่งนี้ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งที่ 13
มีแนวสายทางเชื่อมต่อกับทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ข้ามแม่น้ำบริเวณโรงงานสุราบางยี่ขัน
บรรจบกับปลายถนนวิสุทธิกษัตริย์ ใกล้กับธนาคารแห่งประเทศไทย
แบ่งเบาภาวะการจราจรจากสะพานพระปิ่นเกล้า และสะพานซังฮี้ได้มากทีเดียว

สะพานพระราม 8 มีความยาวรวม 475 เมตร สูงเท่าสะพานพระปิ่นเกล้า ลาดชันไม่เกิน 3%
เป็นสะพานหลักช่วงข้ามแม่น้ำ 300 เมตร สะพานยึดช่วงบนบก 100 เมตร
และสะพานช่วงโครงสร้างยึดเสา 75 เมตร มีรูปแบบโดดเด่นสวยงาม
เพราะได้ออกแบบเป็นสะพานขึงแบบอสมมาตร ซึ่งหมายความว่ามีเสาสะพานหลักเสาเดียวบนฝั่งธนฯ
และมีเสารับน้ำหนัก 1 ต้นบนฝั่งพระนคร จึงไม่มีเสารับน้ำหนักตั้งอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา
ทำให้ไม่มีปัญหาต่อการสัญจรทางน้ำ ช่วยป้องกันน้ำท่วมและระบบนิเวศนวิทยาในน้ำ
รวมทั้งไม่กระทบต่อการจัดตั้งขบวนเรือพระราชพิธี


พระแม่ธรณีบีบมวยผมที่วัดบางยี่ขัน

การรับน้ำหนักของสะพาน ได้ติดตั้งสายเคเบิลระนาบคู่ 28 คู่ขึงยึดพื้นช่วงข้ามแม่น้ำ
และใช้สายเคเบิลระนาบเดี่ยว 28 เส้น ขึงยึดรั้งกับโครงสร้างยึดเสาสะพานบนฝั่งธนฯ
เคเบิลแต่ละเส้นประกอบด้วยสลิงตั้งแต่ 11-65 เส้น เมื่อเกิดปัญหากับเคเบิลสามารถขึงหรือหย่อนได้ง่าย
ไม่จำเป็นต้องปิดการจราจรเหมือนสะพานพระราม 9 อีกทั้งสายเคเบิลของสะพานพระราม 8
ยังมีสีเหลืองทอง เมื่อสะท้อนแสงจะส่องประกายสวยงามโดยเฉพาะในยามค่ำคืน

ความโดดเด่นสวยงามเกิดขึ้นจากการผสมผสานไปด้วยศิลปะแบบไทย ๆ จากแนวคิดในการสร้าง
เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์เฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 8 กรุงเทพมหานครจึงได้อัญเชิญ "พระราชลัญจกร"
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ มาเป็นต้นแบบในการออกแบบทางสถาปัตยกรรม

ส่วนประกอบต่าง ๆ ของสะพานเน้นความโปร่งบาง เรียบง่าย และสวยงาม
วัสดุที่ใช้ในโครงสร้างของสะพานเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น ในส่วนสะพานเสาสูงรูปตัว Y คว่ำ
เป็นเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำหน้าที่หิ้วส่วนโครงสร้างสำคัญอื่น ๆ ของสะพาน
ซึ่งมองเห็นได้ในระยะไกล ๆ ได้ออกแบบโดยใช้เค้าโครงมโนภาพของเรือนแก้ว


ศาลาจตุคามรามเทพที่วัดบางยี่ขัน

ราวกันตก ซึ่งทำจากโลหะออกแบบเป็นลวดลายที่วิจิตรและอ่อนช้อย จำลองมาจากดอกบัวและกลีบบัวเสา
โครงสร้างใต้แผ่นพื้นตกแต่งด้วยลวดลาย ที่จำลองจากดอกบัวใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา
มีคุณสมบัติช่วยสะท้อนแสงลงสู่ผิวจราจรใต้ทางยกระดับ ช่วยเพิ่มความสว่างบริเวณใต้ทางยกระดับ
และประหยัดไฟฟ้าในเวลากลางคืน

นอกจากสะพานพระราม 8 จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ช่วยแบ่งเบาภาวะการจราจรและสวยงามแล้ว
ยังเป็นสะพานขึงแบบอสมมาตรที่ติดอันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว รองจากประเทศเยอรมนี
ซึ่งติดอันดับถึง 3 สะพาน และเนปาล โดยนับจากความยาวช่วงของสะพาน ส่วนสะพานพระราม 9
ซึ่งเป็นสะพานขึงตัวแรกแต่เป็นแบบสมมาตร เพราะมี 2 เสาถือว่าอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก


อุโบสถและซุ่มประตูอันสวยงามของวัดอมรคีรี

นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงกับสะพานพระราม 8 และสวนหลวงพระราม 8
เดินต่อออกไปทางสี่แยกอรุณอัมรินทร์ จะเจอกับ “วัดอมรคีรี” หรือแต่เดิมชื่อว่า “วัดสามกุฏิ”
สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่คาดว่าที่ได้ชื่อนี้เพราะแต่เดิมคงมีการสร้างกุฏิสงฆ์ในวัดเพียง 3 หลัง
แต่เริ่มมีการบูรณะปฏิสังขรณ์มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2507 เป็นต้นมา จนมีสภาพเป็นระเบียบเรียบร้อยดังปัจจุบัน
ภายในมีพระอุโบสถช่อฟ้าใบระกาหางหงษ์ก่ออิฐถือปูน
ศาลาการเปรียญเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ กุฏิสงฆ์ และหอระฆัง

จากวัดอมรคีรีเยื้องๆกันนั้นเป็น "วัดน้อยนางหงษ์" ตามคำบอกเล่ากล่าวไว้ว่าวัดแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อใด
ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ ชัด คาดว่าประมาณ พ.ศ.2350 ในปลายสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โดยมีพระอาจารย์ปิ่น (ไม่ปรากฏฉายา) เป็นลูกวัดแห่งสำนักวัดดาวดึงษารามได้มาซื้อที่ดิน และได้เริ่มสร้างเป็น
สำนักที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ขึ้น โดยมีวัตถุประสงฆ์เพื่อให้เป็นที่อยู่บริวาสกรรมของพระสงฆ์
เพราะเห็นว่าเป็นที่เงียบสงบ ประกอบกับมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง


วัดน้อยนางหงษ์คาดว่าสร้างในสมัย ร.1

ส่วนชื่อของวัดคาดว่า นายน้อย และนางหงษ์ เป็นผู้มีจิตศรัทธาออกทุนทรัพย์สร้างวัดหรืออาจจะเป็นเจ้าของที่ดิน
จึงได้ตั้งชื่อวัดว่าวัดน้อยนางหงษ์เพื่อเป็นอนุสรณ์ ภายในด้านหน้าของพระอุโบสถ
ประดิษฐานพระพุทธรูปปางเลไลย์ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ ศาลาบำเพ็ญกุศล เป็นต้น

จากวัดน้อยนางหงษ์ข้ามกลับมาฝั่งวัดอมรคีรี เดินต่อไปหน่อยจะเจอกับ "วัดบางยี่ขัน" หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า
"วัดมุธราชาราม" เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3
พระอุโบสถเป็นอาคารฝีมือช่างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ก่ออิฐถือปูนมีหน้าบันและคันทวยเป็นไม้แกะสลัก
ใบเสมารอบอุโบสถทำด้วยศิลาทรายแดง


อุโบสถอันวิจิตฝีมือช่างสมัยอยุธยาที่วัดบางยี่ขัน

ภายในมีจิตกรรมฝาผนังภาพเทพชุมนุมและภาพทศชาติชาดกฝีมือคงแป๊ะ อดีตนักโทษประหาร
ซึ่งเป็นจิตรกรเอกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระประธานในอุโบสถเป็นพระศิลาทราย ปางสมาธิ
สมัยอยุธยา พระพุทธรูปปางมารวิชัย 2 องค์ และพระพุทธรูปปางต่างๆ จำนวนกว่า 100 องค์เลยทีเดียว
นอกจากนี้ด้านนอกยังมีศาลาจตุคามรามเทพ พระแม่ธรณีบีบมวยผม
และศาลาจีนซึ่งภายในมีพระสังกัจจายน์ และพระพุทธรูปของจีนอีกหลายองค์ให้ฉันได้กราบไหว้ขอพร
ตามแบบฉบับคนไทยที่ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนไม่ห่างไกลวัด

สำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาไปรับหนาวที่บนยอดดอย ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาเดินทอดน่องรับลมเย็นสบาย
ที่สวนหลวงพระราม 8 และพ่วงเที่ยวสถานที่ใกล้เคียงไปด้วย ก็คุ้มไม่น้อยเลยเชียวหล่ะ


พระพุทธรูปของจีนภายในศาลาเก๋งจีนวัดบางยี่ขัน


โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ที่มา : //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000146148


Create Date : 05 มกราคม 2553
Last Update : 5 มกราคม 2553 13:05:56 น. 1 comments
Counter : 2310 Pageviews.

 
สวัสดีครับแวะมาทักทาย
เพิ่งเคยไปสวนหลวงพระราม ๘
ดอกไม้สวยมาก บรรยากาศ
ริมเจ้าพระยาโล่งมาก


โดย: pragoong วันที่: 25 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:10:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.