Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
เที่ยวเมืองลุงชม 'ป่าอเมซอน' ลิ้มรส 'กะลาดินเนอร์' ปักษ์ใต้บ้านเรา

ภายหลังสภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวทั่วโลก ทำให้รัฐบาลไทยต้องหันมาส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยว ภายในประเทศ
ให้มากขึ้น เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวถือได้ว่า เป็นรายได้หลักของประเทศ ที่จะสามารถพยุงสภาวะเศรษฐกิจ
ที่ซบเซาใน ขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงพยายามออก แคมเปญการท่องเที่ยว เชิญชวน
นักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทยให้ท่องเที่ยวในเมืองไทย ด้วยสโลแกน “เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก”
พร้อมการส่งเสริมภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะแหล่ง ท่องเที่ยวใหม่

สำหรับภาคใต้ ดินแดนด้ามขวานทองแห่ง สยามเมืองยิ้ม ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลหลักในการที่จะกอบโกยรายได้
จากการท่องเที่ยว โดยแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ อยู่ที่ จ.พัทลุง หรือ เมืองลุง ด้วยคำขวัญ
ของจังหวัดว่า “เมืองหนังโนราห์อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน”
ที่หลายคนไม่ค่อย จะรู้จักมากนัก เพราะอาจจะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบริมเทือกเขาบรรทัด
อาชีพส่วนใหญ่ของคนเมืองลุง คือ เกษตรกรรม เช่น เลี้ยงสัตว์ ทำไร่ ทำนา แต่ในความเงียบสงบของจังหวัดนี้
ยังมีของดีหลากหลายที่จะอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาสัมผัส

เที่ยวเมืองลุงชม  ป่าอเมซอน ปักษ์ใต้บ้านเรา

โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวที่ หลายคนยังไม่เคยไป อย่าง ป่าดึกดำบรรพ์ หรือ ป่าเสม็ด
ที่ได้ชื่อว่า “อเมซอนเมืองไทย” รอคอยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกหนแห่งมา ยลโฉมสัมผัสความงาม
ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างให้เรา ด้วยการเดินทางมุ่งหน้าไปยัง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ต.พนางตุง อ.ควนขนุน
จ.พัทลุง ที่ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ป่าชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
มีดอกบัวนับล้านดอกหลายหลากสี แย่งกันเบ่งบานให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงาม
รวมถึงได้สัมผัสนกน้ำหลากหลายชนิด

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขตแรกของประเทศไทย ที่จัดตั้ง ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518
มีพื้นที่ ครอบคลุมบางส่วนของ 3 จังหวัด คือ จ.พัทลุง จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เนื้อที่ 285,625 ไร่
หรือ 457 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ประกอบด้วยป่าเสม็ดขาว ทุ่งหญ้า ทุ่งนา ป่ากก ป่าปรือ ชุมชนและทะเลน้อย
มีความหลากหลายทางชีวภาพ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ก่อให้เกิดวิถีชีวิตความเป็นอยู่
และการประกอบอาชีพของประชาชนที่แตกต่างกันตามสภาพพื้นที่ และท้องถิ่น

เที่ยวเมืองลุงชม  ป่าอเมซอน ปักษ์ใต้บ้านเรา

ก่อนจะเดินทางมุ่งหน้าไปตามถนนสายระโนด-ไสกลิ้ง เราจะได้พบกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเชิง
อนุรักษ์ที่จะมาให้ข้อมูล โดยการท่องเที่ยวที่นี่จะต้องลงเรือพายคยัค ล่องไปตามลำคลองนางเรียง เข้าไปสัมผัส
ธรรมชาติ ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่เมืองลุง “ป่าดึก ดำบรรพ์ หนึ่งเดียวในประเทศไทย” ในพื้นที่กว่า
1,000 ไร่ ด้วยการพายคยัคไปตามลำน้ำ ชื่นชมป่าเสม็ด ต้นกระจูด และเหล่านกน้ำ หลากหลายพันธุ์

รวมถึงชมควายน้ำ “อันซีนเมืองลุง” ที่มีที่เดียวในโลกเช่นกัน สัมผัสกับ ควายเผือก สิ่งมหัศจรรย์ที่น่าทึ่ง
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราจะพบเห็นควายอาศัยอยู่ตามท้องนา ตามคอก มีเจ้าของคอยดูแล
แต่ควายเหล่านี้อาศัย อยู่ในน้ำ โดยเฉพาะทะเลสาบ ดำรงชีวิตด้วยการกินหญ้าในน้ำ ด้วยการดำน้ำ
โดยใช้ขาหลังชี้ ขึ้นฟ้า ส่วนหัวดำลงไปใต้น้ำ เพื่อหาหญ้ากิน
ส่วนลูกควายนั้นจะดำน้ำลงไปทั้งตัวเพื่อหาหญ้าใต้น้ำกิน การดำน้ำแต่ละครั้งลูกควายสามารถทำได้ค่อนข้างนาน

เที่ยวเมืองลุงชม  ป่าอเมซอน ปักษ์ใต้บ้านเรา

หลังจากพายเรือออกจาก“ป่าดึกดำบรรพ์” แล้ว ล่องเรือชื่นชมความงามของดอกบัวหลายหลากสีสันกันอีกนิด
ก่อนจะเปลี่ยนการเดินทางไปเป็นการปั่นจักรยานชมความงามช่วง พระอาทิตย์ตกดิน ที่ “สะพานเฉลิมพระเกียรติ
80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เพราะมีความยาวถึง 6 กิโลเมตร
เชื่อมต่อระหว่างทะเลน้อย จ.พัทลุง กับ อ.ระโนด จ.สงขลา สัมผัสความงามของภูมิประเทศริมทะเลสาบแห่งเดียว
ของเมืองไทย ดู การทำประมงพื้นบ้าน ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น

ต่อจากนั้นเที่ยวชมวิถีชีวิตของคนทะเลน้อย ชมการยกยอที่คลองนางยวน การทำประมงรูปแบบโบราณที่สืบทอด
กันมาตั้งแต่ยุคปู่ย่าตายาย ก่อนจะหวนกลับไปชื่นชมกลุ่มสานเสื่อกระจูดทะเลน้อย และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กระจูด
สินค้าโอทอปที่ขึ้นชื่อของเมืองลุง เดินดูชุมชนหมู่บ้านริมน้ำที่ใหญ่ที่สุดกว่า 6,000 ครัวเรือน

ปิดท้ายด้วยการรับประทานอาหารตามแบบฉบับปักษ์ใต้บ้านเรา ด้วยไฮไลต์ “กะลาดินเนอร์” ที่มีการนำผลิตภัณฑ์
กะลามะพร้าว สินค้าโอทอป อย่างถ้วยชาม ช้อน ถาด แก้วน้ำ มาเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ด้วยเมนูอาหารปักษ์ใต้
อย่าง แกงส้ม แกงไตปลา คั่วกลิ้ง และปลาร้าดุกร่า แกงจืดต้มซี่โครงหมูใบชะมวง “หรอยจังหู”
ตบท้ายด้วยอาหารหวาน กาละแมกวน กล้วยฉาบ และ ผลไม้ตามฤดูกาล

เที่ยวเมืองลุงชม  ป่าอเมซอน ปักษ์ใต้บ้านเรา

ในปี 2552 จ.พัทลุง ได้กำหนดให้เป็นปีท่องเที่ยว พัทลุง ตามแผนพัฒนาจังหวัด เพื่อต้องการยกศักยภาพด้าน
การท่องเที่ยวขึ้นมา ให้มีความเทียบเท่าจังหวัดอื่น ๆ ด้วยการเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีความสวย
สดงดงามในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะริมทะเลสาบ และบริเวณเทือกเขาบรรทัด
ชื่นชมวิถีชีวิตของชาวบ้านด้วยการดำรงอยู่ของเมืองเกษตรกรรมที่ได้ชื่อว่ามี ความอุดมสมบูรณ์ ในทุกด้าน
เราจึงพลาดไม่ได้เลยสักครั้งหนึ่งที่ต้องไปท่องเที่ยวเมืองลุง.

สีสันรายทาง
การเดินทางสู่จังหวัดพัทลุง จากกรุงเทพมหานครใช้เส้นทางสายเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 41)
เป็นระยะทางประมาณ 858 กิโลเมตร และตามเส้นทางรถไฟระยะทางประมาณ 846 กิโลเมตร

ฤดูกาลท่องเที่ยว ช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม
แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไป
เที่ยวต่อจากเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย คือ หาดแสนสุขลำปาอยู่เลย วัดวัง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยา
และ พระราชวังเก่าลำปา เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 4047 อีกประมาณ 2 กิโลเมตร
เป็นหาดทรายที่มีทิวสนร่มรื่นริมฝั่งทะเลสาบสงขลา มีศาลากลางน้ำ ชื่อ “ศาลาลำปาที่รัก”
สำหรับชมทิวทัศน์บริเวณทะเลสาบ และจาก บริเวณชายหาดมีสะพานเชื่อมไปยังเกาะลอย
ซึ่งเป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากน้ำลำปา

หลังจากนั้นเดินทางต่อมายัง เขาอกทะลุ สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของจังหวัดพัทลุง จากวัดคูหาสวรรค์ไปตาม
ทางหลวงหมายเลข 4047 จะพบเขาอกทะลุ ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านตะวันออกของสถานีรถไฟ
เขาอกทะลุเป็นสัญลักษณ์ ของจังหวัดพัทลุง มีความสูงประมาณ 250 เมตร
มีบันไดสำหรับขึ้นยอดเขาเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองพัทลุงได้ ลักษณะพิเศษของภูเขาลูกนี้คือ
มีโพรงทะลุมองเห็นอีกด้านหนึ่ง อยู่บริเวณเกือบตอนปลายของยอดเขา

เที่ยวเมืองลุงชม  ป่าอเมซอน ปักษ์ใต้บ้านเรา

เที่ยวเมืองลุงชม  ป่าอเมซอน ปักษ์ใต้บ้านเรา

จากนั้นมากราบนมัสการ พระพุทธนิโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ หรือที่เรียกกันว่า “พระ สี่มุมเมือง”
เป็นพระพุทธรูปประจำภาคใต้ และพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพัทลุง ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาจัตุรมุข
บริเวณด้านหน้าระหว่างศาลากลางจังหวัด กับศาลจังหวัดพัทลุง เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริดปางสมาธิ
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น
เพื่อทรงมอบให้ ไว้ประจำภาคต่าง ๆ ของประเทศทั้งสี่ภาค เมื่อ พ.ศ. 2511
สำหรับภาคใต้นั้น ได้พระราชทานไว้ที่จังหวัดพัทลุงดังที่เห็นในปัจจุบัน.

วิทยา สกลเจริญเวช
ที่มา : เดลินิวส์


Create Date : 14 มิถุนายน 2552
Last Update : 14 มิถุนายน 2552 12:02:53 น. 0 comments
Counter : 1714 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.