|
มหัศจรรย์ปราสาทหิน ถิ่นอีสานใต้ จากพิมายถึงพนมรุ้ง
ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
ขอมคือใคร ? ใช่เขมรในปัจจุบันหรือไม่ ?
ณ วันนี้ ยังเป็นปริศนาและเป็นประเด็นให้นักวิชาการไทยบางคนถกเถียง แลกเปลี่ยนทัศนะ แสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง แต่ไม่ว่าขอมจะเป็นใคร อิทธิพลของ“อารยธรรมขอมโบราณ”เมื่อ ครั้งเรืองอำนาจสูงสุด ยังคงปรากฏให้เห็นในเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะบรรดาปราสาทหินทั้งหลายในแถบอีสานตอนใต้ ที่ถือเป็นอู่อารยธรรมขอม โบราณสำคัญของไทย ซึ่งถือเป็นมูลเหตุหลักจูงใจให้ “ตะลอนเที่ยว”ออกเดินทางไปในพื้นที่ 3 จังหวัดอีสานใต้ เพื่อย้อนรอยชื่นชมความน่าทึ่งของปราสาทหินเด่นๆในเมืองไทย
พิพิธภัณฑ์ฯพิมาย
โคราช... “นครราชสีมา”หรือ“โคราช”เมือง หน้าด่านอีสาน ถือเป็นด่านแรกของการเดินทางครั้งนี้ โคราชมี“ปราสาทหินพิมาย”ปราสาทชื่อดังเป็นไฮไลท์ แต่เพื่อความเข้าใจในอารยธรรมขอมให้ดีขึ้น “ตะลอนเที่ยว”จึงเลือกไปศึกษาเติมเต็มองค์ความรู้เกี่ยวกับขอมก่อนที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย” แหล่งเรียนรู้สำคัญแห่งดินแดนอีสาน
ประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในพิพิธภัณฑ์พิมาย พิพิธภัณฑ์ฯพิมาย ตั้งอยู่เชิงสะพานท่าสงกรานต์ห่างจากปราสาทหินพิมายราว 300 เมตร ภายในรวบรวมหลักฐานทางโบราณคดี จัดแสดงเรื่องราววัฒนธรรมอีสานในอดีต โดยมีโบราณวัตถุ-ศิลปวัตถุของขอมอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เทวรูป ทับหลังต่างๆที่ส่วนใหญ่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ศิวลึงค์ และที่ถือว่าเป็นงานไฮไลท์ระดับมาสเตอร์พีชคือประติมากรรมหิน พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ประทับนั่งแขนขาด 2 ข้าง มีอายุประมาณ พ.ศ. 1720-1780 นับเป็นรูปปั้นพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของจริงเพียง 3 แห่งในโลก ออกจากพิพิธภัณฑ์ฯพิมาย อารมณ์ปราสาทขอมถูกปลุกเร้าเต็มที่จากเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ ทำให้การตามต่อในอารมณ์ขอมโบราณที่ปราสาทหินพิมายของ“ตะลอนเที่ยว”นั้นไหล ลื่นมากขึ้น
ปรางค์ประธานปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพิมายตั้งอยู่ใน อุทยานประวัติศาสตร์พิมายในตัว อ.พิมาย เป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีลักษณะพิเศษคือสร้างหันหน้าไปทางทิศใต้(ต่างจากปราสาทหินทั่วไปที่จะหัน หน้าไปทางทิศตะวันออก) เพื่อหันรับกับเส้นทางที่ตัดมาจากเมืองยโศปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรขอมในยุคนั้น ปราสาทหินพิมายเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนามหายานและฮินดู สันนิษฐานว่าเริ่มสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ปลายพ.ศ. 16 และต่อเติมในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวต้น พ.ศ. 18 ตัวปราสาทเป็นศิลปะแบบบาปวน(ยุคแรก)เจือปนนครวัด(ยุคต่อเติม) ปราสาทแห่งนี้ มีสิ่งก่อสร้างเด่นๆชวนชม เริ่มจากทางเดินเข้าไป คือ สะพานนาคราช สะพานเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ตามคติจักรวาล สร้างเป็นรูปนาคราช 7 เศียรชูคอแผ่พังพานดูสวยงาม
พระพุทธรูปปางนาคปรกในเรือนธาตุปราสาทหินพิมาย ถัดเข้าไปเป็นซุ้มประตูหรือโคปุระชั้นนอกและกำแพงแก้ว จากนั้นเป็นชาลาทางเดินที่มองเห็นซุ้มประตูชั้นใน สร้างรายรอบตัวปราสาท ซึ่งเมื่อผ่านพ้นโคปุระชั้นนี้เข้าไป จะพบกับความยิ่งใหญ่ของปรางค์ประธาน ที่ถูกขนาบข้างด้วย ปรางค์หินแดง และปรางค์พรมทัตที่ภายในประดิษฐ์รูปเคารพของพระเจ้าชัยวันมัน ที่ 7 (ปัจจุบันคือองค์จำลอง องค์จริงถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธฯภัณฑ์พิมาย) ซึ่งชาวบ้านในอดีตเชื่อว่านี่คือรูปปั้นของ“ท้าวพรหมทัต”ที่พวกเขานับถือ สำหรับองค์ปรางค์ประธานนั้น สร้างขึ้นราว พ.ศ. 16-17 ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญคือเรือนธาตุและมณฑป มีลวดลายประดับตามส่วนต่างๆมากมายทั้งภายนอก ภายใน อาทิ ภาพศิวนาฏราช พระกฤษณะ ภาพเรื่องราวรามเกียรติ์ เรื่องราวทางพุทธศาสนา ส่วนภายในเรือนธาตุเป็นห้องครรภคฤหะ ที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปรางค์นาคปรกรูปเคารพสำคัญ(พุทธมหายาน) อีกทั้งยังมีร่องรอยท่อโสมสูตร ที่ใช้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาให้เห็น กันแบบพองาม และนั่นก็เป็นสิ่งน่าสนใจของปราสาทหินพิมาย ซึ่งในโคราชยังมีปราสาทขอมขนาดเล็กๆ อาทิ ปราสาทหินพนมวัน ปราสาทเมืองแขก ให้ผู้สนใจได้ศึกษาในอารยธรรมขอมโบราณกันอีก “ตะลอนเที่ยว”หลังเต็มอิ่มกับปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในไทยอย่างพิมาย แล้วก็ออกเดินทางตามรอยปราสาทขอมต่อไปยัง จ.สุรินทร์ ถิ่นเมืองช้างอันลือลั่นก้องฟ้าเมืองไทย
ปราสาทศีขรภูมิ กะทัดรัด สมส่วน
สุรินทร์...
สุรินทร์นอกจากจะเป็นเมืองช้างแล้ว ยังเป็นเมืองแห่งปราสาทขอมที่น่าสนใจเมืองหนึ่งของไทย เมืองนี้มีปราสาทสำคัญขึ้นชื่ออยู่ 2 แห่งด้วยกัน ซึ่งล้วนต่างเป้าหมายของการย้อนรอยปราสาทขอมทั้งคู่ สำหรับปราสาทแห่งแรกคือ“ปราสาทศีขรภูมิ” ในเขตชุมชนโบราณบ้านปราสาท ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทขนาดเล็ก เป็นศิลปะขอมแบบบาปวนผสมนครวัด สร้างขึ้นราวปลาย พ.ศ.16 ถึงต้น พ.ศ. 17 เป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย(นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด) มีอยู่ด้วยกัน 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันยกพื้นสูง มีบารายล้อมรอบ 3 ด้าน วัสดุก่อสร้างปราสาทมีทั้งหินทราย ศิลาแลง และอิฐ ซึ่งเป็นการแยกให้เห็นถึงยุคสมัยในการก่อสร้าง และการบูรณะอย่างชัดเจน ตัวประสาทประธานองค์กลาง ถือเป็นศูนย์รวมผลงานมาสเตอร์พีชระดับสุดยอดแห่งสยามอยู่ 2 แห่งด้วยกัน
รูปสลักนางอัปสราปราสาทศีขรภูมิที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในเมืองไทย แห่งแรกคือภาพสลักนางอัปสรา ถูกยกย่องว่าสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทย ในบริเวณกรอบประตูทั้ง 2 ด้านของปราสาทประธาน เป็นภาพนางอัปสราแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามสมส่วน มีทวารบาลอยู่ถือกระบองประกบอยู่ด้านข้างทั้ง 2 นาง แห่งที่สองคืออยู่ ทับหลังสลักเป็นเรื่องพระศิวะ 3 ตอนที่ได้ชื่อว่าสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย แกะสลักอย่างสวยงามประณีตอ่อนช้อย ดูแล้วได้อารมณ์ยิ่งนัก นับได้ว่าปราสาทเล็กๆอย่างศีขรภูมิ ในด้านของความงามนั้นถือว่ายิ่งใหญ่เกินตัวไม่น้อยเลย
ปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา เพียงไม่กี่ 10 เมตร จากศีขรภูมิเราเดินทางต่อไปยังชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อไปชมกลุ่มปราสาทตาเมือน บริเวณช่องตาเมือน บ้านหนองคันนา ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก สร้างบนเส้นทางคมนาคมโบราณเชื่อมเมืองพระนคร (เมืองหลวงอาณาจักรขอมโบราณ ปัจจุบันคือเสียมราฐหรือเสียมเรียบ)และเมืองพิมาย(นครราชสีมาในปัจจุบัน) กลุ่มปราสาทแห่งนี้ประกอบด้วยปราสาทขอม 3 หลัง ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ประกอบด้วย ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทใหญ่ที่สุดในกลุ่ม อยู่ใกล้ชายแดนที่สุด คาดว่าน่าจะสร้างราว พ.ศ. 16 ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ ปรางค์ประธานใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง สร้างบนลานหินธรรมชาติ ภายในห้องครรภคฤหะของปราสาทปรางค์ประธาน มีศิวลึงค์ธรรมชาติที่ปัจจุบันหักไป เหลือเพียงร่องรอยให้ชมกันพอได้จินตนาการ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เป็นอโรคยาศาล(บ้างว่าเป็นโรงพยาบาลหรือสุขศาลา บ้างว่าเป็นศาลในโรงพยาบาล) ในสมัยพระเจ้าชัยวรมัน(พ.ศ.1721-1763) ยังคงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาเมือน สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อเป็นที่พักคนเดินทาง(ธรรมศาลาหรือบ้านมีไฟ) ตามเส้นทางจากเมืองพระนครเมืองหลวงสู่เมืองพิมาย เป็นปรางค์องค์เดียวมีห้องยาวเชื่อมต่อมาทางด้านหน้า ด้วยความที่ปราสาทตาเมือนตั้งอยู่ห่างชายแดนเพียงไม่กี่ 10 เมตร นั่นจึงทำให้การเที่ยวชมต้องไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตชด.เพื่อนำชม เพราะพื้นที่แห่งนี้เพิ่งมีกรณีพิพาทเรื่องปัญหา ชายแดนมาเมื่อไม่นาน ทั้งๆที่หากดูตามชัยภูมิกันสร้างปราสาทนั้นอยู่ในบ้านเราชัดเจน อีกทั้งกรมศิลป์ของเรา ยังขึ้นทะเบียนปราสาทตาเมือนเป็นโบราณสถานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2478 และทำการบูรณะซ่อมแซมมาเป็นสิบปีจนเป็นรูปเป็นร่างมาจนถึงทุกวันนี้ แต่อนิจจาด้วยปัญหาชายแดนและ(เกม)การเมืองระหว่างประเทศทำให้การ บูรณะต้องหยุดชะงักลง ทิ้งกลุ่มปราสาทตาเมือนไว้ให้เราได้ชื่นชมในความสำคัญ กันเท่าที่จะสามารถบูรณะได้
ปราสาทเมืองต่ำอันสุดคลาสสิค บุรีรัมย์... จังหวัดสุดท้ายของการเดินทางในทริปนี้ อยู่ที่“บุรีรัมย์”หนึ่งในเมืองปราสาทหินสำคัญของเมืองไทย เมืองนี้มีปราสาทหินในระดับสุดยอดของเมืองไทยอยู่ถึง 2 ปราสาทด้วยกัน ปราสาทแรกคือ“ปราสาทเมืองต่ำ”อ.ประโคน ชัย ที่สันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มสร้างในราว พ.ศ.16 ตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกายด้วยศิลปะแบบบาปวน เพื่อเป็นศาสนสถานประจำเมือง มีจุดเด่นตรงสระน้ำรอบตัวปราสาท ที่มีรูปสลักพญานาคทอดยาวไปตามแนวขอบสระ เป็นนาค 5 เศียร หัวโล้นเกลี้ยงเกลาแบบบาปวน
โคปุระปราสาทเมืองต่ำ
หลายคนเรียกสระนี้ว่า“สระหัวนาค”ที่ เปรียบดังมหาสมุทรที่รายล้อมเขาพระสุเมรุศูนย์กลางจักรวาล (ตามคติจักรวาล )ที่แทนด้วยตัวปราสาทที่มีปรางค์อิฐกะทัดรัดสมส่วน 5 องค์ ตั้งตระหง่านอยู่ในนั้น ขณะที่ตามทับหลังและหน้าบันของซุ้มประตูและปรางค์ปราสาท สลักหินเป็นลวดลายสวยงามอ่อนช้อย เรื่องราวในศาสนาฮินดู อาทิ ภาพพระอินทร์ประทับบนหน้ากาล พระอิศวรและพระอุมาทรงโค และด้วยองค์ประกอบความงามของปราสาทแห่งนี้ที่ถือว่าเป็นเลิศเอกอุ จน ททท. ยกให้เป็น 1 ใน อันซีนไทยแลนด์ ในขณะที่ผู้นิยมปราสาทขอมต่างยกให้เป็นปราสาท“สุดคลาสสิค” อันทรงเสน่ห์ยิ่งนัก
เส้นทางเดินสู่ปราสาทพนมรุ้ง ทิพยวิมานบนเขาไกรลาส จากปราสาทเมืองต่ำเราเดินทางไปต่อยัง“ปราสาทพนมรุ้ง” อ.เฉลิมพระเกียรติ ปราสาทที่ได้รับการยอมรับว่า งดงามที่สุดในเมืองไทย สร้างขึ้นบนภูเขาไฟที่ดับสนิท ราว พ.ศ. 15 โดยสันนิษฐานผู้สร้างน่าจะเป็น “พระเจ้านเรนทราทิตย์” แห่งราชวงศ์มหิทธรปุระ เพื่อให้เป็นดังทิพยวิมานของพระศิวะบนเขาไกรลาส และเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพ ของพระองค์หลังสิ้นชีวิต ความงดงามและเสน่ห์ของปราสาทพนมรุ้งนั้นมีมากหลาย ตั้งแต่เส้นทางเดินสู่ปราสาท ที่เป็นดังสะพานเชื่อมโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์ ครั้นถึงยังตัวปราสาทหินทรายสีชมพูอันยิ่งใหญ่งดงาม ในพื้นที่แห่งนี้จะมีสิ่งน่าสนใจให้ชื่มชมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น องค์ปรางค์ประธาน ตัวเรือนธาตุที่ภายในมีห้องครรภคฤหะ ประดิษฐานศิวลึงค์รูปเคารพสำคัญของลัทธิไศวนิกาย โดยมีท่อโสมสูตร หรือร่องรับน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากพิธีกรรมเซ่นสังเวยองค์ ศิวเทพต่อยาวมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ภาพสลักทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ แห่งพนมรุ้ง สำหรับไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของพนมรุ้ง ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ก็คือ ลวดลายสลักหินตามทับหลัง หน้าบัน และส่วนต่างๆที่ถือเป็นงานช่างโบราณระดับเอกอุ ฝีมือชั้นเทพ โดยภาพที่โดดเด่นที่สุด หนีไม่พ้นภาพทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ และศิวนาฏราชที่อยู่เคียงคู่กัน นับได้ว่าความงามและเสน่ห์ของปราสาทขอมที่เราเดินทางไปสัมผัสนั้น คือมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของ บรรพบุรุษที่ตกทอดสืบต่อกันมา ด้วยเหตุนี้คนไทยจำเป็นต้องช่วยกันดูปกปักรักษา มรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้
******************** การ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดเส้นทางท่องเที่ยว “ตามรอยอารยธรรมขอม เที่ยวมหัศจรรย์...แดนปราสาทหิน” ในถิ่นอีสานใต้ขึ้นรูปแบบแพ็คเกจทัวร์ขึ้น โดยให้ 4 สมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งผู้สนใจสามาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส.ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ 0-2270-1505-8 ส.ไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย 0-2393-5855 ส.ส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย 0-2961-2204-5 ส.ผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย 0-2998-0744 ส่วนผู้สนใจรายละเอียดของปราสาทและการเดินทางสู่ปราสาทขอมใน 3 จังหวัดอีสานใต้ สามารถสอบถามข้อเพิ่มเติมได้ที่ ททท.นครราชสีมา(ปราสาทหินพิมาย) 0-4421-3666, 0- 4421-3030 ททท. สุรินทร์(ปราสาทศีขรภูมิ-ตาเมือน-พนมรุ้ง-เมืองต่ำ)0-4451-4447
ที่มา //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000104638
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 7:49:45 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2779 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ThaMN วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:45:50 น. |
|
|
|
โดย: nuorn IP: 210.213.38.178 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:55:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ปราสาทหินจากสามจังหวัดอีสานใต้ ได้ไปมาแล้ว 2 แห่ง คือ พิมาย (อันนี้ต้องได้ไปอยู่แล้ว เพราะเป็นคนพื้นที่ - ฮา) และ พนมรุ้ง (อยู่ใกล้บ้าน ^ ^)
แต่ว่าไม่ได้มีความรู้มากเท่านี้หรอกค่ะ แต่ไปทีไรก็อดขนลุกไม่ได้ มันขลังอยู่ในที นึกแล้วก็อยากไปอีก