Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
11 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
เสน่ห์แห่งสังขละ เมืองบาดาล กลางสายน้ำ



สังขละบุรีในมิติการรับรู้ทั่วไปคือ เป็นดินแดนชายขอบแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี
และมีเรื่องราวมากมายเล่าขานเป็นตำนานผ่านคนรุ่นหนึ่งสู่คนรุ่นหนึ่ง ที่เป็นแม่เหล็กเรียกความ
สนใจจากนักท่องเที่ยวคือ ผืนน้ำกว้างสุดตาของทะเลสาบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขื่อนเขาแหลม
รวมทั้งวัดวังก์วิการาม และชุมชนมอญที่ยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
จะมีนักท่องเที่ยวหาโอกาสไปพักผ่อน ณ ดินแดนแห่งนี้มากในช่วงปลายฝนต้นหนาว



แต่ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของดินแดนแห่งนี้คือ ตำนานแห่งวังวังก์วิเวการราม ที่จมอยู่ในผืนน้ำ
ซึ่งมีแค่ช่วงมีนาคม-เมษายนเท่านั้น จึงจะเห็นเมืองบาดาลดังกล่าว
เพราะเป็นช่วงที่น้ำในเขื่อนลดลงต่ำสุด



"เมืองบาดาลในอดีตเป็นวัดเก่าของหลวงพ่ออุตตมะหรือพระครูอุดมสังวรเถระ
ที่ชาวบ้านในอำเภอสังขละบุรีให้ความนับถือเป็นอย่างมาก

"ปัจจุบัน วัดถูกน้ำเข้าท่วมในช่วงที่สร้างเขื่อน ทำให้จมอยู่ใต้น้ำมานานกว่า 30 ปีแล้ว
โดยในช่วงน้ำลดจะสามารถสังเกตเห็นตัวโบสถ์ของวัดได้อย่างชัดเจน
แต่ในช่วงน้ำขึ้นน้ำจะท่วมสูงเกือบทั้งหมดเหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็นเท่านั้น"



นั่นคือข้อมูลคร่าวๆ ที่เรารู้จากเอกสารแนะนำการท่องเที่ยวฯ ในการทำความรู้จักกับเมืองบาดาล
แห่งนี้ แม้จะเป็นข้อความสั้นๆ ไม่กี่ประโยค แต่ก็กระตุ้นความน่าสนใจ
กระทั่งทำให้เราตัดสินใจเดินทางมาที่ดินแดนชายขอบแห่งนี้....



และเพื่อให้สัมผัสกับบรรยากาศจริงๆ คายัคสีสันสะดุดตา 5 ลำ ลอยลำเหนือลำน้ำทะเลสาบ
กลางวันแดดใส จึงเป็นพาหนะที่เราใช้เพื่อการชมวัดที่อยู่ใต้ผืนน้ำดังกล่าว



โดยภารกิจในวันนั้นคือ สำรวจอดีตและความยิ่งใหญ่ของชุมชนชาวมอญและวัดวังก์วิเวการาม
ที่บัดนี้จมอยู่ใต้ผืนน้ำเบื้องล่างแห่งเขื่อนเขาแหลม กว่าครึ่งชั่วโมงจากเรือนไม้ชายน้ำอันเป็นที่พัก
เราพายเรือไปถึงโบสถ์เก่าของวัดวังก์ฯ เป็นจุดแรก...

30 ปีที่ผ่านมา วัดวังก์ฯ เคยอยู่บนพื้นที่ที่เป็นแหล่งเพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของอำเภอ
แห่งนี้ ซึ่งสามารถปลูกข้าวเลี้ยงอำเภอทองผาภูมิทั้งอำเภอ ก่อนจะถูกสายน้ำท่วมขัง
เพราะสร้างเขื่อนตามกระแสการพัฒนาประเทศโดยมองข้ามมิติทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน

ทันทีที่เรามาถึง ...ยอดโบสถ์เก่าที่โผล่พ้นน้ำในช่วงหน้าน้ำซึ่งเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่
จะเห็นเจนตานั้น ถูกแทนที่ด้วยโบสถ์เก่าทั้งหลังที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเราขณะนี้

แม้กาลเวลาจะผ่านมาแล้ว 3 ทศวรรษ แต่ร่องรอยความยิ่งใหญ่
และพลังศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อศูนย์กลางชุมชมอย่างวัดวังก์ฯ แห่งนี้ ก็ยังมีปรากฏให้เห็น

น่าเสียดายที่ ข้อมูลที่มีจากการท่องเที่ยวฯ ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่า วัดเดิมจมน้ำ
และต้องย้ายขึ้นไปทางฝั่งตะวันตกบนเนินเขา ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบได้
ซึ่งบริเวณที่แม่น้ำสามสาย คือห้วยซองกะเลีย ห้วยบิคลี่
และห้วยรันตีมาบรรจบกัน แล้วไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย ตรงที่เรียกว่า "สามประสบ"



อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น และไม่มีข้อมูลมากนัก แต่เราก็เชื่อว่า
ภายใต้ผืนน้ำและดินแดนแห่งนี้ มีความยิ่งใหญ่และมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน
อาทิ เป็นถิ่นฐานของชนชาติมอญ ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยผืนแผ่นดินไทยในการดำรงชีวิต

รวมทั้งในอดีต ก็เคยเป็นเส้นทางเดินทัพตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
หรือที่เรียกว่า สามสบท่าดินแดง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่สังขละถึงไทรโยค ริมแม่น้ำแควน้อย
จึงเชื่อว่า นอกจากเมืองบาดาลที่จมภายใต้เขื่อนแล้ว ยังมีเจดีย์ต่างๆ สมัยอยุธยาอีกเป็นจำนวน
มาก ที่อยู่ตามเส้นทาง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์และอารยธรรมต่างๆ
ต้องจมไปกับกระแสการพัฒนาประเทศ

การเดินทาง
จากตัวเมืองกาญจนบุรีไปตามทางหลวงหมายเลข 323 สายกาญจนบุรี-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี
แล้วเช่าเรือหางยาวท่องเที่ยวในทะเลสาบรวมทั้งไปเยี่ยมชมเมืองบาดาลได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่ ททท.ภาคกลาง เขต1
โทร. 0-3451-1200, 0-3451-2500

ที่มา GM


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2552 12:43:28 น. 1 comments
Counter : 1145 Pageviews.

 
เป้นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และอยากไปอีกที่เลยทีเดียวครับ


โดย: tiensongsang วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:14:23:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.