Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

ชมพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าที่ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ”


ตู้จัดแสดงสภาพแวดล้อมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น

เราเคยเรียนเคยท่องกันมาตอนเด็กๆใช่ไหมว่า ป่าของแต่ละภาคในประเทศไทย เป็นอย่างไร
ป่าพรุ ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน และอีกหลายๆป่าในประเทศล้วนแล้วแต่มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน
รวมทั้งสัตว์ป่า ที่อาศัยอยู่ก็ไม่เหมือนกันด้วย จำกันได้หรือยัง..
ถ้ายังฉันจะพาไปย้อนระลึกนึกถึงสิ่งที่เคยจำๆท่องๆกันมา เมื่อสมัยประถมกันที่
“พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของตึกเทียมคมกฤส
คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน โดยในราวปลายปี พ.ศ. 2516
หม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในสมัยนั้น มีดำริที่จะจัดตั้ง
พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาขึ้น ด้วยได้พิจารณาเห็นว่าประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติประเภทต่าง ๆ
เป็นจำนวนมากสมควรที่จะอนุรักษ์ให้เป็นสมบัติของชาติสืบไป ต่อมาในปี พ.ศ.2525
การจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ ก็ได้ถูกจัดให้เป็นกิจกรรมหนึ่งในการสมโภชน์กรุงรัตน โกสินทร์ 200 ปี
จึงเป็นที่มาของชื่อ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์” นั้นเอง


ตู้ที่จัดแสดงสัตว์ปีกจำพวกนกชนิดต่างๆ

วัตถุประสงค์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือเผยแพร่ และแสดงตัวอย่างทรัพยากรธรรมชาติ
ให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป คงประโยชน์ในด้านการวิจัยค้นคว้า
และเพื่อรักษาตัวอย่างทรัพยากรบางชนิดที่หายาก ทั้งยังเพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศ
และเพื่อประโยชน์ในด้านการส่งเสริม การท่องเที่ยวอีกด้วย คณะวนศาสตร์จึงได้จัดทำตู้จำลองสภาพธรรมชาติ
พร้อมทั้งได้รวบรวมตัวอย่างพืชและสัตว์ที่มีหลักฐานว่า เคยพบในบริเวณกรุงเทพ มหานคร อีกทั้งยังได้รวบรวม
สิ่งของบริจาค เช่น เขาสัตว์ กะโหลกสัตว์ หนังสัตว์ที่หายากและสิ่งของธรรมชาติอื่นๆ ไว้จัดแสดงด้วย

ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ช่างน่าสนใจและน่า เรียนรู้ยิ่งนัก
เกี่ยวกับสภาพธรรมชาติของประเทศไทยเรา ที่เคยอุดมสมบูรณ์ทั้งสัตว์ป่าและ พันธุ์พืช
แต่ในปัจจุบันกลับวิปริตผิดแปลกไปมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะในประเทศไทยแต่เป็นไปทั่วทั้งโลก
ดังข่าวที่เราได้เห็นกัน บ่อยๆ ซึ่งก็ไม่แน่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยของเราอาจจะมีหิมะตกก็เป็นได้
เฮ้อ...คิดแล้วสงสารโลก


นกสตัฟฟ์ภายในตู้จัดแสดงเรื่องของสัตว์ปีก

เอาล่ะ มาว่ากันต่อเรื่องของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ฉันเดินเข้ามาทางชั้นล่างของอาคาร ตามทางลาดขึ้นไป
จะมีตู้กระจกใสเรียงหลายมากมาย นั้นคือตู้จัดแสดงที่จำลองสภาพป่าลักษณะต่างๆในประเทศของเราไว้
และยังมี สัตว์ป่าที่ตายแล้วนำมาสตัฟฟ์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีอยู่ในป่าลักษณะนั้นๆ
ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้จัดลักษณะป่าตามสภาพพื้นที่คือ ป่าที่อยู่ในที่ลุ่ม ต่ำก็จะอยู่ด้านล่าง
ส่วนป่าที่อยู่ในที่ราบสูงก็จะอยู่ด้านบน เป็นการง่ายต่อความเข้าใจของผู้ที่เข้าชมด้วย

ตู้จัดแสดงแรกที่ฉันเจอก็คือ “ป่าพรุ” ซึ่งเป็นผืนป่าประเภทไม้ผลัดใบ
เราจะพบป่าแบบนี้ในที่ลุ่มต่ำ หรือพื้นที่เป็นแอ่งน้ำมีน้ำขังตลอดปีในภาคใต้ ของประเทศไทย
พรรณไม้ในป่าประเภทนี้ จะเป็นพวกไม้ยืนต้นที่มีขนาดและความสูงต่างๆกัน
ส่วนไม้ชั้นล่างจะเป็นพวกไม้พุ่มและปาล์มที่ค่อนข้างหน้าแน่น
ปัจจุบันมีการขุดคลองระบายน้ำออกจากพื้นที่ป่าพรุ ทำให้ป่าเสื่อมสภาพลง
พื้นดินมีการยุบตัวและเมื่อแห้งแล้วก็จะกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้บางแห่งมีไฟไหม้บ่อยครั้ง


ตู้จัดแสดงเรื่องป่าชายเลน

สัตว์ป่าที่พบได้ทั่วไปในป่าพรุก็เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระรอก สัตว์เลื้อยคลานเช่น งู ตะกวด
และนกชนิดต่างๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังบอกไว้อีกว่า ป่าพรุที่สมบูรณ์แห่งสุดท้ายของประเทศไทยคือ ป่าพรุโต๊ะแดง
ในท้องที่อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงปาดี และอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส

ตู้ต่อไปจัดแสดงประเภท “ทุ่งหญ้า” ซึ่งในประเทศไทยทุ่งหญ้าเหล่านั้นเกิดจากการบุกรุกทำลายป่าในอดีต
จนทำให้เกิดเป็นพื้นที่โล่งกว้างแทรกอยู่ในป่าเดิม พบมากในบริเวณภูเขาทางภาค เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ
และในอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง พืชที่พบก็จำพวกหญ้าและกก และพืชจำพวกไม้ล้มลุกและไม้พุ่ม
สำหรับสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่เช่น สัตว์จำพวกฟันแทะ เช่น หนู กระต่ายป่า สัตว์จำพวกล่าหนูเป็นอาหาร เช่น
เหยี่ยวขาว พังพอน งู และสัตว์จำพวกนกที่กินเมล็ดหญ้าและนกจับแมลงอีกหลายชนิด


ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแบ่งการจัดแสดงเป็นสัดส่วน

ถัดมาเป็นตู้จัดแสดง “กรุงรัตนโกสินทร์สมัยต้น” คือในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 4
พื้นที่บางแห่งในกำแพงพระนครเองยังเป็นเรือกสวนและที่ทำไร่ทำนาบ้าง
ส่วนที่อยู่นอกกำแพงพระนครออกไปก็เป็นพวกสวน และท้องไร่ ท้องนา
ที่ไกลพระนครออกไปอีกเช่น แถวบางซื่อ บางเขน บางกะปิ พระโขนง และบางนา
ในสมัยนั้นยังเป็นป่าและมีสัตว์ป่าชนิดต่างๆอาศัยอยู่ เช่น ช้าง เสือ หมี หมูป่า รวมทั้งเนื้อสมัน
ซึ่งเป็นกวางที่มีเขาสวยงามมาก แต่ในปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปเรียบร้อยโรงเรียนไทยแล้ว

เดินต่อไปก็เจอกับตู้ที่จัดแสดง “เขาสัตว์” ที่ใหญ่โตและแตกกิ่งก้านสวยงามมาก
ซึ่งเขาสัตว์เหล่านี้เป็นของจริง ที่มีผู้มาบริจาคให้กับทางพิพิธภัณฑ์
ใกล้กับตู้เขาสัตว์ เป็นตู้ “ป่าชายเลน” ซึ่งเป็นป่าที่ขึ้นตามชายทะเลที่เป็นเลน
ไม้ที่พบได้แก่ ไม้โกงกาง ประสัก แสม ตะบูน ลำพู ลำแพง เหงือกปลาหมอ ปรงทะเล
และจากสัตว์ที่อยู่ตามเลนเช่น ปูแสม ปูก้ามดาบ ปูทะเล และปลาตีน เป็นต้น
และยังมีนกอีกหลายชนิดที่อาศัยทำรังในบริเวณนี้ เช่น นกกระยาง เหยี่ยวแดง นกยางทะเล นกกระเต็น เป็นต้น
ซึ่งนอกจากนกประจำถิ่นแล้ว ยังมีนกอพยพ


เขาสัวต์ป่าที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้รับบริจาค

ตู้ “สภาพธรรมชาตินอกกรุงรัตนโกสินทร์”
จัดแสดงสภาพความเป็นอยู่ และการทำมาหากินของราษฏร์ในกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในสมัยต้นนั้น
เป็นไปในลักษณะที่พึ่งตนเอง ปัจจัยที่จำเป็นต่อการยังชีพก็แสวงหามาจากป่าหรือทำขึ้นมาใช้เอง เช่น
บ้านที่ทำขึ้นมาจากไม้ในป่าเช่น แฝก หรือจากที่ใช้มุงหลังคาก็ได้จากใบหญ้าคา
เครื่องใช้ในครัวเรือนก็ใช้ดินเหนียวปั้นแล้วเอาไปเผาเป็นหม้อ ไห ใช้ไม้ไผ่มาสานเป็นตะกร้า กระบุง
ข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักก็ปลูกขึ้นมา และเก็บเกี่ยวไว้ในยุ้งฉาง
มีการปลูกฝ้ายเพื่อเอามาปั่นเป็นเส้นด้ายแล้วนำมาถักทอเป็นผ้า เป็นต้น
ซึ่งสภาพเหล่านี้เป็นภาพที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีในสมัยเด็กๆ

ต่อมาเป็นตู้จัดแสดง “นกกาฮัง หรือ นกกก” ซึ่งเป็นนกป่าที่มีขนาดใหญ่ พบได้ตามป่าดงดิบเกือบทุกภาค
ยกเว้นบริเวณตอนกลางของประเทศ นกชนิดนี้กินลูกไม้ต่างๆเป็นอาหารรวมทั้งสัตว์ขนาดเล็กด้วย
นกกาฮังจะสร้างรังและวางไข่อยู่ในโพรงไม้ใหญ่ ที่สูงจากพื้นดินประมาณ 12-22 ม. หลังผสมพันธุ์ 2-3 วัน
นกตัวเมียจะเข้าไปทำความสะอาด และเริ่มปิดปากโพรงด้วยดิน และวัสดุอื่นๆจนเหลือเป็นช่องแคบๆไว้สำหรับ
รับอาหารจากตัวผู้ ตลอดระยะเวลาที่วางไข่หลังจากนั้นแม่นกจึงจะออกมาช่วยหาอาหาร
ฉันดูแล้วรู้สึกประทับใจในความรักใคร่สามัคคีของครอบครัวจริงๆ


นกกาฮังจะสร้างรังและวางไข่อยู่ในโพรงไม้ใหญ่

นอกจากนี้ยังมีตู้จัดแสดง “หินงอกหินย้อยภายในถ้ำ” ตู้จัดแสดงต่อมาเป็นเรื่องของ “ป่าเบญจพรรณ”
ซึ่งมีอยู่ตามภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
พบในที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,000 ม. สภาพป่าจะแตกต่างกันมากในช่วงฤดูฝนกับฤดูแล้ง
โดยในฤดูแล้งไม้ยืนต้นจะผลัดใบและเกิดไฟไหม้ป่าบ่อยครั้ง
แต่ในฤดูฝนก็จะผลิใบออกมาใหม่ทำให้ป่าดูทึบและสวยงามไปอีกแบบ
ไม้ยืนต้นในป่าเขตนี้ก็มีหลายชนิด เช่น สัก ประดู่ ตะแบก ไผ่ และไม้จำพวกปาล์ม ซึ่งป่าชนิดนี้
เหมาะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าชนิดต่างๆ เช่น ช้างป่า กวางป่า กระทิง เก้ง วัวแดง และนกหลากชนิด เป็นต้น

ป่าชนิดต่อไปคือ “ป่าเต็งรัง” ซึ่งจะพบในพื้นที่ทั้งบนเขาและพื้นราบ
โดยจะขึ้นปกคลุมเป็นบริเวณกว้างบนเทือกเขาทางทิศตะวันตก ทิศตะวันออก และทิศเหนือของประเทศ
ลักษณะเป็นป่าโล่งมีต้นไม้ขนาดเล็กและขนาดกลางกระจายทั่วพื้นที่
ไม้ยืนต้นที่ขึ้นได้แก่ ยาง มะกอก รัง เต็ง และพวกไม้พุ่มขนาดเล็ก และยังมีไม้ล้มลุกและกล้วยไม้ดิน


ตู้จำลองสภาพในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย

“ป่าดิบชื้น” พบในจังหวัดจันทบุรีและทางภาคใต้ในจังหวัดตรัง ยะลา และนราธิวาส
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลจากมรสุมมีฝนตกมาก พืชที่พบ เช่น ยาง ตะเคียนทอง จำปีป่า มะไฟ ปาล์ม
จำพวกไม้ก่อ จะสังเกตว่าไม้เกือบทุกต้นจะมีพวกมอส เฟิน และกล้วยไม้ขึ้นคลุมเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันถูกทำลายลงไปมาก เพราะมีไม้เนื้อแข็งหลายชนิดที่มีค่าทางการค้า

จากป่าดิบชื่น เป็น “ป่าดิบเขา” ป่าพวกนี้จะกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้าง ในพื้นที่ที่มีความสูงเกินกว่า 1,000 ม.
จากระดับน้ำทะเล มีความชื้นสูง และมีฝนมาก
ป่าแบบนี้ประกอบด้วยพืชพรรณจำพวกต้นก่อ เกาลัด จำปีดง กุหลาบพันปี ขึ้นรวมอยู่กับไม้จำพวกสน เป็นต้น


ตู้จัดแสดงเกี่ยวกับป่าดิบเขา

นอกจากนี้ตรงโถงกลางยังจัดเป็นนิทรรศการชั่วคราวเรื่องของสัตว์ปี จำพวกนกต่างๆ ด้วย
แต่ฉันว่าที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังขาดอีกหนึ่งตู้แสดงก็คือ “ตู้ป่าคอนกรีต”
ที่มีให้เห็นอยู่มากมายหลากหลายแบบบุกรุกไปทุกพื้นที่ ซึ่งก็น่าเห็นใจลูกหลานในอนาคตที่เมื่อเกิดมา
อาจจะมีโอกาสเห็นและศึกษา ลักษณะของป่าแบบต่างๆในประเทศไทยของเรา
ได้แค่จากในตู้ภายในพิพิธภัณฑ์ก็เป็น ได้ หากคนไทยยังขาดจิตสำนักรักษ์ธรรมชาติอย่างเช่นปัจจุบัน


บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเป็นนิทรรศการถาวร

* * * * * * * * * * *

“พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา กรุงรัตนโกสินทร์” ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของตึกเทียมคมกฤส คณะวนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เข้าชมฟรีทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.00 น.
หากเข้าชมเป็นหมู่คณะโปรดติดต่อล่วงหน้าเพื่อเตรียมวิทยากร สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2579-0170


โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
ที่มา : //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000153495




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2552
5 comments
Last Update : 30 ธันวาคม 2552 12:13:30 น.
Counter : 1923 Pageviews.

 

ปีเก่าใยเจ้ายังจำ
วันคืนดื่มด่ำไม่วาย
เวลาผันเปลี่ยนเวียนไป
ย่างวัยก้าวพ้นประสบการณ์

วันเวลาได้มาเปลี่ยนแล้ว
ขอจงผ่องแผ้วสุขสันต์
ยังจำสิ่งดีนิรันดร์
แม้วันผ่านมาเนิ่นนาน

แม้เวียนเปลี่ยนไปอีกปี
ความดียังมีสสาร
ไม่เคยอ้างวางยาวนาน
ขอให้พบกาลยั่งยืน

สุขภาพแข็งแรงยิ่งนัก
มันสมองป้องปักสร้างเสริม
เป็นกำลังความคิดริเริ่ม
เพิ่มเตื่มหน้าที่การงาน

ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี
ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
ความรักเชื่อมั่นยาวนาน
ตลอดกาลไม่ว่าปีใด

 

โดย: chabori 30 ธันวาคม 2552 12:17:31 น.  

 

แวะมาสุขสันต์วันปีใหม่นะค้าบ พรุ่งนี้ก็จะได้หยุดงานแว้ว เดินทางไปเที่ยวก็ขอให้ปลอดภัย ปีใหม่หน้าที่การงานรุ่งเรือง รายได้ดีๆ ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง คิดอะไรสมปรารถนาทุกประการครับ

 

โดย: ไม่รวยสักที 30 ธันวาคม 2552 12:30:48 น.  

 

ว้าววว น่าไปจังเลย ขอบคุณที่นำรีวิวมาให้ดูนะครับ

ไม่รู้ปีใหม่เค้าปิดรึเปล่าน้ออ จะได้พาครอบครัวไปเที่ยว

Glitter Graphics

Happy New Year Glitter Pictures



สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆๆๆ และสมหวังในทุกสิ่งนะครับ

 

โดย: oneshot 30 ธันวาคม 2552 13:16:05 น.  

 

แวะมาสุขสันต์วันปีใหม่นะคะ เดินทางไปเที่ยวก็ขอให้ปลอดภัย ปีใหม่หน้าที่การงานรุ่งเรือง รายได้ดีๆ ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง คิดอะไรสมปรารถนาทุกประการค่า

 

โดย: โซดาบ๊วย 31 ธันวาคม 2552 0:13:09 น.  

 

วิเศษไปเลย ต้องไปชมบ้างแล้ว ความรู้ทั้งนั้น

 

โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา 4 มกราคม 2553 20:31:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.