"อารมณ์สองขั้ว"มีผลถึงชีวิต รักษาได้ด้วยกำลังใจ
จากสภาวะเศรษฐกิจสังคม และปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ส่งผลต่อสภาพจิตใจทำให้เกิดความเครียดและซึมเศร้า สิ่งเหล่านี้ เป็นเหมือนภาพสะท้อนความสลับซับซ้อนของจิตใจ ที่จมอยู่กับบางสิ่งมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “อารมณ์สองขั้ว” โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ ซึ่งมีอยู่ 2 อาการ สลับกันเป็นช่วง ๆ
1. อารมณ์ดี ครื้นเครง อาการคือ พูดไม่หยุด ทำกิจกรรมตลอดเวลา คิดว่าตัวเองเก่งจนทำให้ใคร ๆ อิจฉา
2. ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจ เก็บตัว ไม่พูดคุยกับผู้คน เกิดอาการนอนไม่หลับ มองโลกในแง่ร้าย บางรายเอาแต่ร้องไห้
นพ.โกวิทย์ นพพร กรรมการบริหาร รพ.มนารมย์ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ว่า เกิดจากปัจจัยทางชีววิทยา และสาเหตุจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งปัจจุบันปริมาณคนป่วยเป็นโรคนี้กำลังเพิ่มมากขึ้น
โดยคนที่เป็นโรคนี้ มีความผิดปกติทางสมอง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยปกติแล้วคนทั่วไป จะมีพื้นฐานอารมณ์ของแต่ละคนเป็นตัวกำหนดว่า เข้ากับตัวเองและคนอื่นอย่างไร ซึ่งคนที่มีพื้นอารมณ์ปกติเรียกว่า คนสุข ภาพจิตดี จะมองโลกในแง่ดีสามารถปรับตัวเองให้เข้ากับ สังคมได้ แต่คนที่เป็นโรคนี้อารมณ์จะหลุดไปจากพื้นฐานอารมณ์ปกติคือ ขั้วหนึ่งตก อีกขั้วหนึ่งสูงกว่าพื้นอารมณ์ปกติ เช่น คนเคยมองโลกในแง่ดีก็มองโลกในแง่ร้าย หรือเคยมีความมั่นใจในตัวเองก็ไม่มั่นใจ ขณะที่บางคนเดิมเรียบร้อยกลายเป็นคนตลกเฮฮา ขยันผิดปกติ แต่คนไข้บางรายก็มีทั้งคึกคักสลับกับเศร้า ซึ่งคนใกล้ชิดจะรู้ว่าคน ๆ นั้นไม่เหมือนเดิม
ปัจจัยทางชีววิทยาที่ทำให้เกิดโรคนี้คือ ความผิดปกติของสารเคมีที่กระตุ้นอารมณ์ให้แต่ละคนมีความแตกต่างกัน เช่น ต่อมที่กระตุ้นความเศร้าหลั่งสารออกมามากกว่าปกติทำให้คน ๆ นั้นมีอาการซึมเศร้ามากกว่าคนปกติ คนปกติ ไม่ว่าจะมีอารมณ์ดี หรือเป็นคนอารมณ์นิ่งก็ตาม จะมีช่วงเวลาที่อารมณ์ขึ้นลงได้ แต่ถ้าคนไหนมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปเกิน 1-2 สัปดาห์ ถือว่าน่าสงสัย
แต่ก็มีกรณียกเว้น เช่น การสูญเสียคู่ชีวิตหรือคนในครอบครัวก็จะสามารถเศร้าได้นานถึง 6 เดือน แต่ถ้าเลยจากนั้นก็ถือว่ามากเกินไป คนซึมเศร้าจะรู้สึกว่าตัวเองไม่สบาย มักบอกกับคนอื่นว่ามีความเครียดมาก กลัวหาเงินไม่ทัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อยากตาย ตามสถิติ อาการซึมเศร้าจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เป็นเพราะมุมมองในการใช้ชีวิตของคนทั้งสองเพศไม่เหมือนกัน
ผู้หญิง อาจจะรู้สึกว่ายินดีที่จะได้รับการช่วยเหลือมากกว่า แต่ด้วยภาวะสังคมในปัจจุบันการช่วยเหลือต่าง ๆ มีน้อยลงทำให้เกิดความเครียด ส่วนผู้ชาย มักคิดว่าปัญหาสามารถแก้ไขเองได้ ขณะเดียวกันเด็กก็พบได้ แต่มักไม่แสดงอาการออกอย่างชัดเจน เช่น เด็กบางคนไม่มี สมาธิ ไม่สามารถเรียนหนังสือได้ ผลการเรียนตกต่ำก็ถูกพ่อแม่ ครูทำโทษ ทั้งที่ไม่มีการสอบถามถึงสาเหตุมาก่อน “โรคอารมณ์สองขั้วนี้ จะรักษายากทั้งสองประเภทเพราะคนที่เศร้ามาก ๆ จะดึงให้เขาหายเศร้านี่ยากมาก ส่วนคนที่คึกคักก็ไม่ยอมมารักษา เขาจะบอกว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากญาติ”
โรคนี้ มีโอกาสหายขาด หากผู้ป่วยยอมมารักษากับแพทย์ เพื่อวิเคราะห์หาว่าสารตัวใดที่ทำให้เกิดความบกพร่องและกินยาอย่างสม่ำเสมอ
นพ.โกวิทย์ ฝากทิ้งท้ายว่า เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันมีความเครียดตลอดเวลา ควรหมั่นสำรวจตัวเอง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปด้านอารมณ์ และเกิดความไม่แน่ใจให้ลองปรึกษาใครสักคนหนึ่งดูว่า ที่คิดอย่างนั้น อย่างนี้ถูกหรือไม่ แต่ในกรณีที่คนไข้ไม่รู้ตัวญาติเองต้องอธิบายให้คนไข้ฟัง ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องบังคับให้ไปพบจิตแพทย์ ซึ่งการไปพบจิตแพทย์ในสมัยนี้คนไข้สามารถไปพบได้ตามโรงพยาบาล โรคอารมณ์สองขั้วอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ขอเพียงคนใกล้ตัวเอาใส่ใจสักนิด.. ก่อนจะสายเกินไป.
ที่มา เดลินิวส์
Create Date : 30 มิถุนายน 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 16:55:43 น. |
Counter : 1721 Pageviews. |
|
|
|