|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ภพผูกรัก บทที่ 7/1
 บทที่ 7/1 ยอมรับชะตา เสียงฟ้าคำรามนอกหน้าต่างตามด้วยเสียงร่ำไห้ในห้องที่ดังลอดออกมาถึงด้านนอก จมื่นพิภพโอสถที่เพิ่งขึ้นเรือนมาด้วยเรือนร่างเปียกปอนรีบปรี่ไปที่ประตูเปิดเข้าไปหาร่างระหงสั่นเทาราวกับลูกนกที่นอนกระสับกระส่ายเหงื่อกาฬแตกพลั่กอยู่บนที่นอน ครู่หนึ่งมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางซีดเผือดทำให้เขาต้องเงี่ยหูฟัง “พ่อจ๋า แม่จ๋า รุ้งอยู่นี่ไง ทำไมไม่เห็นรุ้ง” “พ่อจ๋า แม่จ๋า! รุ้งตะวันร้องสุดเสียงจนจมื่นพิภพโอสถต้องเอื้อมมือไปเขย่าแขนเธอเบาๆ เขาเห็นน้ำตาที่พรูพรั่งกับเสียงสะอื้นไม่หยุดแล้วพลันใจอ่อนยวบ ริมฝีปากหยักบางได้รูปกระตุกเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เจ้าตะวัน... ข้าอยู่นี่แล้ว... เจ้าตะวัน!” ครู่นั้นรุ้งตะวันจึงคลายอาการตระหนกแล้วปรือตามอง จมื่นพิภพโอสถถึงกับยิ้มออก พ่นลมหายใจหนักหน่วงด้วยความโล่งใจก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกครา “เอ็งเป็นกระไร ฝันร้ายรึ” “คะ... คุณภพ!” “ข้าเอง...” “ที่นี่ที่ไหนหรือคุณภพ” “เอ็งว่ากระไร ข้าไม่เข้าใจ” คนตัวโตกว่าถามกลับ ครุ่นคิดตามคำถามอีกฝ่ายไม่ทัน แม้ตัวเขาเองจะสงสัยไม่ต่างกันแต่เขาก็ต้องสืบสาวเอาความก่อนที่จะตัดสินอะไรลงไป “ที่นี่คือบ้านข้า” “ไม่ใช่ ฉันหมายความว่าที่นี่ที่ไหน” “ก็กรุงศรีอยุธยากระไรเล่า หรือเอ็งถูกเรือชนเอาจึ่งสติวิปลาสเสียแล้ว” จมื่นพิภพโอสถเริ่มรู้สึกประหลาดเข้าแล้ว เหตุใดนักโทษแหกตรุเยี่ยงมันผู้นี้จึงพูดจาไม่รู้ความแล้วยังทำกิริยากราดเกรี้ยวใส่เช่นนั้น แต่รุ้งตะวันกลับส่ายหน้าว่าต่อ “ฉันรู้ค่ะว่าที่นี่คืออยุธยา แล้วฉันก็ตกน้ำจริง แต่ฉันได้ยินพ่อกับแม่บอกว่าฉันจมน้ำหายไป ทำไม! เพราะอะไรหรือคุณภพ!” “พ่อกับแม่เอ็ง?” “ใช่ค่ะ เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน ฉันไม่เข้าใจแล้วทำไมพ่อกับแม่หายไปแล้วคุณมาจากไหน ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ “ก็นี่เรือนสมุนไพรของข้า” “แต่นี่มันก็บ้านเรือนไทยของฉัน!” เธอเถียงเสียงสั่น “นี่คือเรือนข้ามิใช่กระไรของเอ็ง” “แต่นี่บ้านของฉันจริง ๆ นะ ไม่เชื่อคุณก็...” “ข้าช่วยเพราะไอ้เฟื้องพายเรือชนเอ็งเข้า” จมื่นพิภพโอสถส่ายหน้าพลางค่อนว่าต่อ “แต่เอ็งคงสมองพิกลพิการไปแล้วจริงๆ เอาอย่างนี้รักษาตัวให้หายดีก่อนจากนั้นค่อยว่ากันเถิด วางใจได้ว่าข้าจะมิบอกผู้ใดเรื่องที่ข้าพบนักโทษแหกตรุอย่างเอ็ง” “โอ๊ย! ไม่ใช่นะคะ จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว โอ๊ย! ปวดหัว!” “ข้าบอกให้พักก็พัก อย่าพูดพร่ำทำเพลง” “ไม่! พักไม่ได้! ไม่ได้! นี่มันมหากาพย์แกล้งกันชัดๆ ซ่อนกล้องไว้ที่ไหนบอกมาเลยดีกว่า” “กล้องฤา” “ใช่สิ กล้องน่ะ กล้องถ่ายรูป กล้องวีดิโอ นี่คิดจะอัดคลิปแกล้งฉันใช่ไหม” “อัดคลิปกระไร” “โอ๊ย! ปวดหัว” รุ้งตะวันกุมขมับส่ายศีรษะไปมา พอร่างสูงใหญ่จะหมุนตัวหันหลังก็ถูกคว้าแขนไว้โดยมืออ่อนนุ่ม จมื่นพิภพถึงกับตกใจราวกับมีเข็มนับร้อยทิ่มแทงเนื้อตัวจนยอกแสยงปั่นป่วนไปทั่วกาย ยามที่ร่างระหงขยับตัวลุกแล้วโผเข้ากอดรอบเอวแนบหน้าร้องไห้ราวกับคนเสียสติ กว่าจะคลายจากอาการสะอึกสะอื้นดวงหน้ารูปไข่ซีดเซียวก็นองไปด้วยน้ำตา ปลายจมูกเชิดรั้นแดงก่ำที่เห็นทำให้หัวใจชายหนุ่มอ่อนยวบ “ข้าว่าเอ็งพักก่อนเถอะเจ้าตะวัน เอาไว้ข้าจะจัดยาหม้อต้มให้เอ็งกินจะได้หายเร็ววัน” รุ้งตะวันเสหลบดวงหน้าคมคายที่จ้องเธอด้วยความรู้สึกกระดากอาย เธอลืมไปแล้วว่าคนคนนี้แม้แต่ที่มาก็ยังไม่ชัดแจ้ง เขาเป็นใคร ต้องการอะไรจากเธอถึงได้แกล้งจัดละครโรงใหญ่หลอกลวงกันขนาดนี้ แต่ความสงสัยของรุ้งตะวันก็อยู่ได้ไม่นาน... บานประตูเปิดผางออกมาพร้อมการปรากฏตัวของหญิงกลางคนร่างอวบอัดสวมผ้าแถบสีฟ้าแกมทองคาดในโจงกระเบนสีน้ำตาลลายทองวิจิตรเคียนเอวด้วยเข็มขัดนาคเส้นงาม เนื้อตัวประดับเครื่องทองหยองเต็มตัว นางก้าวปราดเดียวก็มาถึงที่เตียงทันที “นี่มันบัดสีบัดเถลิงกระไรกันหรือพ่อภพ!” “แม่ท่าน!” จมื่นพิภพโอสถรีบแกะมือนุ่มนิ่มออกแล้วหันหน้ามาเผชิญมารดาโดยมีร่างระหงในชุดสีกรักนั่งตะลึงอยู่บนเตียงนอนนั่น... ฟ้าฝนผันผ่านในไม่กี่อึดใจต่อมาท้องฟ้ากลับมาสว่างใสไร้เมฆบดบัง แต่คนที่อยู่บนเรือนสมุนไพรทุกคนนั้นล้วนเต็มไปด้วยความตึงเครียดโดยเฉพาะคุณหญิงกำไลนั่งหน้าตึงไม่ยินดียินร้ายต่อหน้ารุ้งตะวันที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นชานเรือนเพื่อรับการสอบสวน โดยมีจมื่นพิภพโอสถบุตรชายนั่งข้างมารดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย กระทั่งความเมื่อยขบแล่นเข้าถามหา รุ้งตะวันรู้สึกชาไปทั้งขาแต่ไม่อาจกระดิกตัวไปไหนได้จึงลอบพรูลมหายใจแรงๆ ออกมาทำให้คุณหญิงกำไลชักสีหน้าใส่ก่อนจะกวักมือเรียก “เอ็งเข้ามาใกล้ๆ ข้า” หญิงสาวชี้นิ้วเข้าที่หน้าอกตัวเองก่อนถามเพื่อความแน่ใจ “เรียกหนูหรือคะ” “ก็ต้องเอ็งสิ จะให้เรียกหนูเรียกแมวได้กระไร” รุ้งตะวันลอบกลืนน้ำลาย แรกทีเดียวเธอคิดขัดขืนแต่เมื่อเห็นท่าทีน่าเกรงขามของสตรีวัยกลางคนตรงหน้า ก็ประหม่าหวั่นเกรงจึงค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหาอย่างจำนน กระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าคุณหญิงที่จ้องเธออย่างไม่เป็นมิตรนักก็ยิ่งหวั่นใจเมื่อถูกอีกฝ่ายยื่นมืออวบมาเชยคาง “หน้าตารึช่างประพิมพ์ประพายละม้ายคล้ายหญิงยิ่งนัก เป็นลูกเต้าเหล่าใคร มาจากบ้านไหนกัน” “เอ่อ... คือ” เธอพูดไม่ออกไม่รู้ว่าหญิงกลางคนที่วัยไม่น่าจะห่างจากมารดาเธอสักกี่มากน้อยจะมาไม้ไหนจึงได้แต่อ้ำอึ้งจนถูกตั้งคำถามซ้ำ “ข้าถามว่าเอ็งเป็นลูกเต้าเหล่าใคร” รุ้งตะวันเริ่มกระวนกระวายกำลังจะอ้าปากบอก จมื่นพิภพโอสถที่จับตามองอยู่นานเห็นแล้วกระแอมทันใดจึงตอบแทน “มันเป็นหลานของตาเอิบบ้านอยู่ชายคลองขอรับ” “ตาเอิบรึ” คุณหญิงกำไลทวนคำพลางกลอกตาขึ้นฟ้าครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงถามต่อ “ตาเอิบที่ทำสวนสมุนไพรน่ะรึ แม่เพิ่งรู้ว่ามีหลาน” “ขอรับ” รุ้งตะวันปรายตามองจมื่นพิภพโอสถที่พูดปดหน้าตาเฉยแล้วได้แต่นึกในใจ พลันริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูระเรื่อก็ยกขึ้นเล็กน้อย คุณหญิงเห็นดังนั้นก็กระแอมใส่ ”ว่าแต่เอ็งเป็นหญิงหรือชายกันแน่” “ก็... คือว่าฉันเป็น...” ไม่ทันตอบอย่างที่ใจคิด รุ้งตะวันก้ต้องชะงักเพราะสายตาพิฆาตจากจมื่นพิภพโอสถที่ส่งมาให้เธอหยุดพูดและหันหามารดาแทน “มันเป็นชายขอรับแม่ท่าน ลูกคิดจะให้มันมาเป็นลูกมือช่วยทำโรงสมุนไพร แต่บังเอิญว่ามันตกน้ำแล้วโดนเรือลูกชนเข้าให้จึงหมดสติไป” “มิน่า... สติมันจึงไม่สมประดี” คุณหญิงว่าพลางพยักหน้ารับรู้แล้วปรายตามองรุ้งตะวันอย่างสังเวชใจก่อนลองเชิงถาม “ว่าแต่มันเป็นชายแน่รึ” “ขอรับแม่ท่าน” หา! หญิงสาวถึงกับตาค้างที่จู่ๆ ก็ถูกมัดมือชก หน้าตาของเธอไม่ได้คล้ายผู้ชายสักนิดเพียงแค่ทรงผมสั้นตัดเกรียนไถข้างอย่างที่เผลอจิ้มภาพในหนังสือให้ร้านตัดให้เมื่อไม่กี่วันก่อน กับรูปร่างผอมสูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเท่านั้น อยากจะบอกเหลือเกินว่าเธอน่ะเป็นหญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์! แต่... “เป็นชายก็ดีแล้ว มิฉะนั้นข้าคงให้เอ็งอยู่ที่เรือนนี้มิได้” คุณหญิงกำไลเอ่ยพลันส่งยิ้มพอใจไปที่บุตรชายก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนกว่าเดิมมาก “เจ้าก็กระไรเอาแต่อ้ำอึ้งให้แม่ไล่เบี้ยมันอยู่ได้” “ลูกคิดว่ามิได้มีเรื่องสลักสำคัญอันใด จึงมิได้ให้เฟื้องไปบอกแม่ท่าน” คุณหญิงถึงคราวค้อนบุตรชายแต่พอเห็นดวงหน้าพริ้มเพราของรุ้งตะวันชัดก็ให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกจึงเอ่ยถาม “แล้วเอ็งชื่อกระไร” “ฉันชื่อรุ้ง เอ๊ย!” เธอยั้งคำพูดได้ทันก่อนตอบ “ชื่อตะวันเจ้าค่ะ เอ๊ย! ตะวันขอรับ” “เอ๊ย อ๊ายกระไรกัน เจ้านี่พูดจาหารู้ความไม่” “ไม่เอ๊ยก็ได้... เอ่อ... ก็ได้ขอรับ” “ยังมีหน้ามาต่อปากต่อคำอีก” “เปล่าสักหน่อย” รุ้งตะวันตอบพลันหลบสายตาตำหนิ จมื่นพิภพเห็นท่าไม่ดีรีบปราม “หุบปากได้แล้วเจ้าตะวัน แม่ท่านเป็นผู้ใหญ่กว่า เอ็งเถียงผู้ใหญ่ไม่ดี” “ก็ได้” รุ้งตะวันพรูลมหายใจอย่างจำนนเพื่อจะไปให้พ้นจากตรงนี้เพราะหากอยู่นานกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าเธอจะอดทนดูสองแม่ลูกเล่นละครแหกตาเธอได้นานเท่าไร “งั้นฉันขอลงไปข้างล่างก่อน” จมื่นพิภพโอสถหรี่ตามองพลันเหลือบเห็นสายตาจับผิดของมารดาก็ได้แต่กระแอมก่อนตอบ “อยู่แถวนี้ล่ะ อย่าไปไหนไกลตา” รุ้งตะวันไม่ตอบแต่ยักไหล่แล้วรีบปรี่ลงบันไดไป แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นบันไดเรือนไปด้านล่างก็ต้องชะงักเพราะคำพูดต่อมาของคุณหญิงที่ดังแว่วเข้าหูเสียก่อน “ไม่รู้มันจะเป็นนักโทษแหกตรุอย่างที่ไอ้เฟื้องมันว่าหรือไม่” จมื่นพิภพโอสถฟังแล้วเกิดอาการสำลักน้ำลอยดอกมะลิที่กำลังยกดื่มฉับพลัน ดวงตาคมกล้าตวัดมองร่างระหงที่ลอบฟังอยู่บนกระไดขั้นถัดไปจึงถลึงตาใส่ แต่รุ้งตะวันที่ยังตาค้างอยู่ไม่นำพา “แม่ท่านฟังคำไอ้เฟื้องได้กระไร มันผีเจาะปากก็พูดไปเรื่อย” “แต่แม่ว่าระวังไว้ก็บ้าง ดีไม่ดีมันจะนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้” “จริงเจ้าค่ะคุณภพ บ่าวเห็นด้วยกับเแม่นายเจ้าค่ะ” รุ้งตะวันลอบชะเง้อมองคนมาใหม่จากทางขึ้นหลังเรือนก็มุ่นคิ้วด้วยความสงสัย เห็นท่าทีพินอบพิเทาของร่างอวบอัดที่แต่งกายด้วยผ้าแถบสีน้ำเงินเข้มสวมทับด้วยโจงกระเบนผ้าป่านสีน้ำตาลไหม้เมื่อครู่ด้วยความสงสัย แต่ครั้นเห็นกิริยาท่าทางหมอบราบเยื้องไปด้านหลังคุณหญิงกำไลจึงได้รู้เป็นนัยว่าคือข้าเก่าเต่าเลี้ยงของเจ้าเรือนนั่นเอง “บ่าวเห็นมันกำเริบเสิบสานกับแม่นายแล้วอยากตบให้สักฉาดประไร...” “หุบปากนังแส” คุณหญิงปรามเสียงขรึม “ก็มัน!” “แส” จมื่นพิภพโอสถปรามอีกคน “เจ้าค่ะ” นางแสรับปากรับคำแล้วตวัดหางตามองรุ้งตะวันที่หลุดหัวเราะให้ได้ยิน แต่กระนั้นก็มิอาจทำอะไรได้นอกจากคลานเข่าถอยหลังไปหลายก้าวนั่งเงียบอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว “พ่อภพคิดจะให้มันอยู่ที่เรือนนี้จริงฤา” “ขอรับ” จมื่นพิภพโอสถรับคำแล้วพลันหลบตา คุณหญิงกำไลมิใช่ไม่รู้เรื่องกิจการงานของบุตรชายเพราะต้องดูแลบ่าวไพร่หลังจากผู้เป็นสามีที่เป็นหมอยาแผนโบราณต้องเสียชีวิตด้วยโรคประหลาด ครานั้นแม้ยศถาบรรดาศักดิ์ถึงขั้นพระยาก็มิอาจรักษาชีวิตสามีไว้ได้ นางเห็นบุตรชายมีลับลมคมนัยอีกทั้งข่าวลือเรื่องนักโทษแหกตรุเริ่มกระพือโหมรุนแรง มิใยที่นางจะต้องทดสอบให้รู้แน่ว่ามันมิได้มาแบบไม่ประสงค์ดี ดังนั้นก่อนที่จมื่นพิภพโอสถจะลุกออกไปนางจึงเรียกไว้อย่างตัดสินใจได้ “ถ้าพ่อภพคิดให้มันอยู่ช่วยงานแม่ก็ไม่ห้าม หากว่ามันมีความรู้ความสามารถเพียงพอ” “เช่นนั้นแสดงว่าแม่ท่านเห็นดีกับลูกแล้วฤาขอรับ” คุณหญิงเห็นท่าทีกระตือรือร้นของบุตรชายจึงพยักหน้าก่อนเหลือบมองรุ้งตะวันที่นั่งหลบมุมอยู่ที่ตีนบันไดชั้นบนก่อนเอ่ยเสียงดังฟังชัดเผื่อแผ่ให้เข้าหู “แต่มันต้องผ่านด่านทดสอบของแม่ก่อน”
++++++++++++++++++++++++
เอาหน้าปกนิยายเล่มมาให้ดูก่อนค่ะ แต่ส่งพิสูจน์อักษรกับจัดหน้านิยายอยู่ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ตอนนี้มาทำงานที่ปัตตานีกลับค่ำๆ ใช้คอมไม่สะดวกเลย ค่อยตามไปเยี่ยมบล็อกพี่ๆ เพื่อนๆ นะคะ
Create Date : 31 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 31 ตุลาคม 2564 10:58:36 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1301 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณ**mp5**, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณmultiple, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณเริงฤดีนะ, คุณชีริว, คุณกะว่าก๋า, คุณSertPhoto, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณSweet_pills |
โดย: **mp5** วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:11:43:12 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:16:33:30 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 31 ตุลาคม 2564 เวลา:18:55:00 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:20:42:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2564 เวลา:22:43:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:5:23:08 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:5:41:37 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:20:47:25 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 2 พฤศจิกายน 2564 เวลา:21:59:35 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 4 พฤศจิกายน 2564 เวลา:20:21:17 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา:0:48:46 น. |
|
|
|
|
|
|
|