|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ภพผูกรัก บทที่ 6/2
เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยคำกึ่งเกรงใจกึ่งประกาศความเป็นเจ้าเรือน คนถูกถามอึกอักครู่หนึ่งจึงปรายตามองร่างระหงในชุดสีกรักสกปรกแล้วพยักหน้าให้คนถาม “มันเป็นใคร” “มันเป็นคนของข้า ว่าแต่พี่เพิ่มมาที่นี่มีกิจธุระอันใด” “มีเรื่อง แต่ไปคุยกันที่อื่น...” เจ้าของเสียงทรงอำนาจเอ่ยเพียงนั้นก็เงียบไป แววตาหม่นแสงทำให้ผู้เป็นน้องฉุกใจคิด “ได้” “แต่มัน...” จมื่นพิภพโอสถมองตามสายตาจึงพรูลมหายใจก่อนเอ่ย “เอ็งรออยู่ตรงนี้อย่าลงจากเรือนไปเพ่นพ่านที่ใด” “นี่พวกคุณเล่นอะไรกันอยู่คะ ให้ฉันรู้ด้วยคนสิ” “อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่!” หา! แต่เธอก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ รุ้งตะวันถูกคนในความฝันตวาดเช่นนั้นก็ถึงกับงงงันจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะถูกผลักไสออกจากอกไม่ทันได้ตั้งตัว จมื่นพิภพโอสถพ่นลมหายใจอึดอัดก่อนคว้าแขนเธออีกครั้งแล้วลากไปอีกทาง “นั่งลงกงนี้” “แต่ฉันไม่เมื่อย...” “หุบปาก มิเช่นนั้นข้าจะส่งเอ็งกลับไปรับโทษทัณฑ์กับมือ” จมื่นพิภพโอสถว่าจบหันหลังเดิมตามผู้พี่เข้าไปในห้องแล้วงับประตูปิดเสีย ทำให้รุ้งตะวันที่เดินแกมวิ่งตามชะงักเพราะถูกประตูห้องปิดใส่หน้า “นี่เล่นอะไรกันอีกเนี่ย” หญิงสาวคลำหน้าผากป้อยๆ เจ็บหางคิ้วไม่พอยังถูกประตูกระแทกหน้าไม่หูอื้อตาลายก็เห็นทีจะไม่ได้ เธอทรุดลงคุกเข่ากับพื้นก้มหน้าเท้าแขนอย่างคนไม่รู้ทิศทางกระทั่งมีนิ้วเหี่ยวๆ มาจิ้มที่ต้นแขนหลายครั้งจึงรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมองแล้วถึงกับตาค้าง กรี๊ด! กรี๊ด! รุ้งตะวันถึงกับผงะหงายหลังผึ่งเพราะเสียงกรีดร้องของคนตรงหน้าที่ดังแข่ง เพียงอีกฝ่ายยื่นหน้าเข้าหา ดวงตาโตเบ้าตาลึก แก้มหย่อนขยับหยุบหยับกระทั่งครู่หนึ่งจึงแย้มริมฝีปากกว้างเห็นฟันเต็มไปด้วยคราบสีแดง รุ้งตะวันก็ตัวสั่นเทายกมือไหว้ท่วมหัวทันที “พ่อแก้วแม่แก้ว พ่อจ๋าแม่จ๋า เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้าบ้านเจ้าเรือนช่วยลูกช้างด้วย ไม่เอาแล้ว ฝันแบบนี้ไม่เอาแล้วนะสาธุ” เธอร่ำร้องหลับตาปี๋สองมือพนมยกขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะลดระดับลงมาเทียมอกแล้วลืมตา ฉับพลันดวงหน้านวลก็ซีดเผือดอับจนคำพูดเมื่อดวงหน้าเหี่ยวย่นอยู่ใกล้ในระยะแค่คืบ “เอ็งเป็นใคร” “ฉะ... ฉะ... ฉัน ชะ ชื่อ ชื่อ...” “เป็นติดอ่างฤา” “หา! อะไรนะ” “ข้าถามว่าเอ็งติดอ่างฤา” “ไม่นะ ไม่ใช่!” รุ้งตะวันสั่นหน้าปฏิเสธพลันน้ำตาคลอเพราะเริ่มไม่มั่นใจตัวเองแล้วว่าตกลงฝันหรือจริงหรืออะไรกันแน่ แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายเธอก็ลอบถอนใจเอ่ยตอบอยางหมดอาลัยตายอยากทันที “ฉันชื่อรุ้งตะวัน เรียกรุ้งก็ได้ค่ะ” “ผู้ชายกระไรชื่อเหมือนผู้หญิง ฤาเอ็งมาแต่ใด” “โอ๊ย! ฉันก็ไม่รู้ค่ะ งั้นเรียกฉันว่าตะวันก็ได้... เอ้า!” เธอพูดจบก็มุ่นคิ้วด้วยความขัดเคือง หญิงชราถอนใบหน้าออกห่างยืดตัวเต็มความสูงแล้วหรี่ตามองครุ่นคิด ปากเคี้ยวหยับ ๆ กระทั่งเอ่ยออกมาอีกคราถึงน้ำหมากกระเด็น “แล้วมาทำกระไรที่เรือนนี้ฤา” “ก็...” รุ้งตะวันพูดแค่นั้นก็ปาดน้ำหมากที่กระเด็นใส่ใบหน้าแล้วออกอาการผะอืดผะอมแต่ยกมือปิดปากได้ทัน เธอมองปราดทั่วร่างหญิงชราจึงพบว่านางแต่งกายด้วยผ้าแถบสีน้ำตาลอ่อนสวมทับด้วยโจงกระเบนสีน้ำตาลอมแดงเคียนเอวเป็นปมไร้เครื่องประดับอาภรณ์ ทรงผมยกพุ่มแสกกลางด้านข้างเกรียนสั้นราวกับหลุดออกมาจากหนังหรือละครย้อนยุคก็ไม่ปาน เฮ้อ! ว่าแต่ยายคนนี้บทแตกนะเนี่ย! รุ้งตะวันยกฝ่ามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ แล้วถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บสุดท้ายก็ไม่ได้อะไรจึงทรุดนั่งกุมขมับอยู่กลางลานแห่งนั้นกระทั่งหญิงชราทรุดนั่งยองๆ ตรงข้ามอีก “เอ็งไปทำกระไรมา เหตุใดคุณภพจึ่งได้ตรากตรำทำยาเคี่ยวให้ เอ็งรู้หรือไม่ว่าคุณภพไม่เคยปรุงยาตำรับวิเศษให้ผู้ใดมาก่อน มีแต่เอ็งนี่ล่ะ...” รุ้งตะวันนิ่งฟังพลางหรี่ตามองจับคำพูดหญิงชราแล้วยิ่งไม่เข้าใจ นอกจากอาจารย์จะเล่นใหญ่ทุ่มทุนสร้างฉากอลังการแล้วยังหานักแสดงประกอบหน้าตาโบราณปานหลุดมาจากกรุงศรีอยุธยาขนาดนี้มาได้อย่างไรกัน เหลือเชื่อจริงๆ หญิงสาวผุดลุกยืนหันรีหันขวางตั้งใจจะไปถามอาจารย์ทินพัฒน์ให้รู้ความ แต่ไม่ทันเดินไปถึงหน้าประตูห้องที่ทั้งสองหายเข้าไปด้วยกันประตูก็เปิดออกพร้อมกับสองหนุ่มที่เดินหน้าเครียดออกมาด้วยกัน รุ้งตะวันเห็นดังนั้นจึงปรี่เข้าเกาะแขนอีกฝ่ายทันที “อาจารย์! นี่มันเรื่องอะไรกันคะ!” “เอ็งเป็นบ้าหรือกระไร! พูดจาฤาก็แปลก” ชายหนุ่มปัดมือนุ่มซีดเซียวออกพลันหันหาจมื่นพิภพโอสถด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “ไปเก็บมันมาจากที่ใดกัน แลดูสติวิปลาสนัก” “เอ่อ... คือ” จมื่นพิภพอึกอักอยู่ครู่จึงแค่นยิ้มก่อนตอบ “มันออกไข้ ไม่สบายสติจึงฟั่นเฟือน ข้าจึงเอาตัวมันมารักษานึกว่าเอาบุญมิต้องห่วงหรอกคุณเพิ่ม มันมิได้อันตรายกระไรต่อข้า” “เช่นนั้นก็ดีระวังตัวเจ้าไว้...” คุณเพิ่มที่หน้าเหมือนอาจารย์ทินพัฒน์ราวกับขุดออกมาจากเบ้าพิมพ์เดียวกันปรายตามองรุ้งตะวันก่อนกระตุกยิ้มหยันแล้วเดินจากไปด้วยท่าทีขึงขังจนรุ้งตะวันที่มองตามได้แต่ตาละห้อย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย! เธอได้แต่หันรีหันขวางกระทั่งเสียงขึงขังของจมื่นพิภพโอสถดังขึ้นจึงได้สติหันกลับไปมองหญิงชราที่หมอบราบลนลานอยู่แทบเท้าอีกฝ่ายด้วยความสนใจ “วันนี้ข้าจะไม่อยู่ มีธุระที่เรือนพี่เพิ่ม” “เจ้าค่ะ” “ฝากดูแลมันด้วย” เยื้อนพยักหน้าแล้วลอบค้อนหญิงสาวก่อนเอ่ย “ให้คนแก่ ๆ อย่างเยื้อนดูแลเด็กหนุ่มอ่อนกว่าตั้งหลายรอบเช่นนี้ได้กระไรเจ้าคะคุณภพ ฟ้าจะผ่าเอา” “เยื้อน” จมื่นพิภพโอสถปรามพลันเหลือบมองรุ้งตะวันที่ยิ้มแห้งๆ พอรู้ตัวว่าเผลอมองรอยยิ้มของร่างระหงในชุดสีกรักก็รีบละสายตาจากดวงหน้าเธอไปที่ยายเยื้อนตามเดิม “ห้ามบอกใครว่ามันอยู่ที่เรือนนี้ แม้แต่แม่ท่านก็ห้ามบอก” “เจ้าค่ะ” นางก้มหน้าตอบแต่ยังไม่คลายสงสัยจึงถามอย่างกลัวๆ กล้าๆ “แล้วคุณภพจะไปเลยหรือเจ้าคะ รับสำรับอาหารก่อนดีหรือไม่บ่าวจะได้ให้ไอ้อีด้านล่างจัดสำรับขึ้นมาให้บนเรือนนี้ หรือจะกลับเรือน” “ไม่ต้อง” “เจ้าค่ะ” “เอาสำรับขึ้นมาเผื่อมันด้วย” เยื้อนที่ตั้งท่าคลานเข่าถอยหลังไปถึงกับชะงักเหลียวมองร่างระหงตาตั้ง “คุณภพจะร่วมสำรับกับมันหรือเจ้าคะ” “แล้วมีกระไร” “ไม่มีเจ้าค่ะ” “ก็ไป” “เจ้าค่ะ” คราวนี้รุ้งตะวันถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อเห็นเยื้อนมีท่าทีหวาดกลัวผู้เป็นนาย เธอชะเง้อมองหญิงชราเดินลับตาลงบันไดข้างเรือนที่เป็นทางลงไปสู่ครัวไฟกระทั่งเสียงกระแอมดังขัดจึงหันมาหาต้นเสียงพบว่าอีกฝ่ายจ้องเธอเขม็งจึงได้แต่ยิ้มแห้งแล้งแทน “ชื่อตะวันฤา” “คะ?” เธอถามกลับตั้งหลักไม่ทัน จมื่นพิภพโอสถมือไพล่หลังก้าวเข้ามาช้าๆ มองเธอศีรษะจรดปลายเท้าก่อนมุ่นคิ้วแล้วหรี่ตามองอย่างจับผิด รุ้งตะวันถอยหลังตามจังหวะการก้าวของชายหนุ่มจนเสียหลักชนกระถางต้นไม้ล้มก้นจ้ำเบ้าทันที “โอ๊ย!” “เป็นกระไรไหม เจ้าตะวัน!” “เป็นสิคะ ฉันเจ็บนะบอกให้! แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณเรียกฉันเจ้าตะวันหรือคะ?” “ใช่ เอ็งบอกเองว่าชื่อตะวันหรือมิใช่” รุ้งตะวันถึงบางอ้อทันที แสดงว่าคนคนนี้ได้ยินที่เธอพูดกับยายเยื้อนนั่นเอง... เอ๊ะ! ว่าแต่คุณภพคนนี้ทำไมทั้งชื่อและหน้าตาเหมือนคนในภาพวาดที่เธอเห็นอย่างกับแกะ! “คุณคือคุณภพจริงๆ หรือคะ” ”อืม...” “อ๋อ...” รุ้งตะวันสบตาอีกฝ่ายเห็นสีหน้าจริงจังใต้โครงหน้าหล่อเหลาก็เผลอยิ้มแห้งแล้วพึมพำกับตัวเอง “เออ... หรือเพราะฉันเล่าให้ยายเพิ้งฟังก็เลยหาคนหน้าเหมื้อนเหมือนมาแกล้งฉัน เล่นใหญ่เล่นโตนะเพื่อนบ้า” “เอ็งทำกระไรจึงตกน้ำไปเช่นนั้น” “ฉันก็เล่นตามบทไงคะ” เธอตอบตาใสไม่พอยังคว้ามือชายหนุ่มมาจับเขย่า “เลิกเล่นได้แล้วค่ะ คุณได้ค่าตัวเท่าไรถึงแกล้งฉันแบบนี้ บอกฉันสิคะว่ายายเพิ้งจ้างคุณมาใช่ไหม” “จ้างมาหรือ เอ็งพูดกระไรข้าหาเข้าใจไม่” “แน่ะ! ยังไม่เลิกเล่นอีก บอกฉันทีเถอะค่ะว่าทีมงานไปไหนกันหมด ฉันไม่เห็นใครแล้วก็ทำไมพร็อพอะไรต่อมิอะไรมันมาจากไหนกัน” เธอว่าพลางบีบมืออีกฝ่ายอย่างลืมตัว มิใยที่จมื่นพิภพโอสถจะดึงมือออกแต่ไม่สามารถทำได้กระทั่งมีเสียงฝีเท้าย่ำขึ้นเรือนมา จมื่นพิภพโอสถถือโอกาสปลดมือทำให้ร่างระหงที่ไม่ทันระวังตัวเซหงายหลังอีกครั้งอย่างหมดท่า ไม่ทันได้โอดครวญเสียงทุ้มแฝงความขุ่นข้องก็โพล่งขึ้น “กินข้าวเสียแล้วอยู่ที่นี่ เยื้อน!” “เจ้าคะ” เยื้อนวางสำรับแล้วรีบเข้ามา จมื่นพิภพโอสถพ่นลมหายใจอึดอัดก่อนปรายตามองรุ้งตะวันอีกครั้งก่อนหันไปสั่งการหญิงชราทันที “เฝ้ามันไว้ กลับมาข้าจะชำระความ” “เจ้าค่ะ” เยื้อนรับคำแข็งขันแล้วหันมาทางเธอแล้วเอ่ย “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเอ็งเป็นใครมาจากไหน แต่เพลานี้เกิดเหตุการณ์โกลาหลขึ้นในพระนคร รอคุณภพกลับมาก่อนเถิดค่อยว่ากัน” “เกิดอะไรขึ้นหรือยาย” “เกิดเหตุอาเพศใหญ่ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแต่ข้าก็ไม่รู้หรอกต้องรอให้คุณภพกลับมาก่อนจึ่งรู้ความ...” รุ้งตะวันยิ่งงงหนักกับคำพูดของหญิงชราเคี้ยวหมากปากแดงที่พูดจบก็จัดแจงสำรับให้ เธอได้แต่เดินตามไปนั่งที่กลางลานอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย เท่าที่จำได้เธอแค่ตกน้ำตามบทบาทที่ได้รับเท่านั้น... กระทั่งอาหารหมดสำรับด้วยความหิวโหย รุ้งตะวันจึงก้าวเข้ามาในห้องที่เยื้อนจัดเตรียมไว้ให้ระหว่างที่เธอกำลังเอร็ดอร่อยกับสำรับประดามีที่บรรจงปรุงอย่างดีจนเธออิ่มหนำสำราญโดยไม่ได้ฉุกใจคิดเลยว่ามันช่างแตกต่างกับข้าวหม้อแกงหม้อที่อาจารย์ทินพัฒน์สั่งมาสำหรับแต่ละมื้อให้ทีมงาน มันดีเกินไป... ดีจนไม่เหมือนกับข้าวทีมงานที่เธอเคยกินทุกครั้งเลย... รุ้งตะวันปิดประตูห้องพลันพรูลมหายใจหนักหน่วง ดวงตาหวาดระแวงมองปราดไปทั่วห้องอย่างระมัดระวัง เท้าก้าวเดินตรงไปยังเตียงนอนไม้สักแกะสลักลวดลายทองบรรจงแล้วลงนั่งพักด้วยความเหนื่อยอ่อนกระทั่งเหลือบไปเห็นสายสร้อยทองคำสลับลูกปัดสีดำบนตั่งหัวนอนจึงยกมือขึ้นลูบไล้ที่ลำคอของตัวเองทันที “สร้อยฉัน! นั่นสร้อยฉันนี่ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้” หญิงสาวโน้มตัวไปเอื้อมหยิบสร้อยมาสำรวจจึงพบว่าที่ลูกปัดสีดำเม็ดที่สองจากปลายขอเกี่ยวบิ่นแตกไปเล็กน้อยก็นึกเสียดายรีบสวมใส่กลับคืนตามเดิมก่อนจะล้มตัวลงนอนพลางลูบคลำสายสร้อยบนคอไปพลางกระทั่งหลับไปในที่สุด... แอ๊ด... รุ้งตะวันก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปภายใน เมฆหมอกหนาทึบจนดูไม่ออกว่าเธออยู่ในสถานที่ใดกันแน่ คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกันอาศรมคุณปู่แต่ไม่ใช่ แล้วคือที่ใดกัน! ฉับพลันมีเสียงสะอื้นลอยมา รุ้งตะวันวูบไหวในอกจนซวนเซแต่ก็ยังก้าวเดินต่อไปกระทั่งถึงบานประตู เธอได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในนั้นจึงแนบหูฟังกับบานประตู เสียงสะอื้นที่ดังแว่วออกมาให้ได้ยินเมื่อครู่แจ่มชัดขึ้นทันที รุ้งตะวันงันไปกระทั่งเสียงพูดคุยดังขึ้น “อย่าร้องให้ไปเลยคุณ” “คุณจะให้ฉันทำยังไงในเมื่อลูกเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้” “คุณก็ได้ยินอาจารย์บอกแล้วไม่ใช่หรือ” “แล้วยังไงคะ จะให้ฉันเชื่อว่าลูกยังมีชีวิตทั้งที่แกจมน้ำหายไปต่อหน้าคนนับร้อยจนป่านนี้ยังหาตัวไม่เจองั้นหรือคะ ฉันทำไม่ได้!” เสียงพ่อกับแม่? “พ่อจ๋า แม่จ๋า” รุ้งตะวันร้องเรียกแต่กลับมีเพียงเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นตามมา ทันใดก็ตัวแข็งค้างเพราะคำพูดของมารดา “ฉันอยากไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ลูก เผื่อผลบุญจะส่งผลให้ลูกไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี” เกิดใหม่! เกิดใหม่อะไรกัน! รุ้งยังไม่ตาย! รุ้งอยู่นี่! รุ้งตะวันร่ำร้อง รีบผลักประตูเข้าไปจึงเห็นว่าบิดากำลังโอบประคองมารดาของเธอที่ในมือกอดกรอบรูปรับปริญญาของเธอไว้ร่ำไห้กับอก เธอรีบวิ่งเข้าไปหา ทว่า... พอถึงตัวมารดาเธอกลับคว้าไว้ไม่ได้ ทุกอย่างสลายหายไปในพริบตา เหลือเพียงความรู้สึกวูบโหวงในอกกระทั่งเสียงหนึ่งร้องเรียกเธออีก “เจ้าตะวัน... เจ้าตะวัน...” เสียงคุณภพ! รุ้งตะวันลืมตาขึ้นมาแล้วถึงกับตัวชาเมื่อพบว่าน้ำตาไหลอาบนองแก้มทั้งสองโดยไม่รู้ตัว...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอฝากนิยายด้วยค่า ตอนนี้อีบุ๊คเล่ม 2 (เล่มจบ) วางที่เม็บแล้วค่ะ ราคาโปร 109.- ค่ะ ส่วนรูปเล่ม กำลังส่งตรวจพิสูจน์อักษรกับจัดหน้าอยู่ค่ะ จะเปิดจองต้นเดือน พ.ย. ค่ะ ขอฝากคุณภพกับเจ้าตะวันด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า
Create Date : 18 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 18 ตุลาคม 2564 0:22:39 น. |
|
37 comments
|
Counter : 1041 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnewyorknurse, คุณเริงฤดีนะ, คุณmultiple, คุณกะว่าก๋า, คุณอุ้มสี, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณkae+aoe, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtuk-tuk@korat, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณSweet_pills, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณThe Kop Civil, คุณNoppamas Bee, คุณชีริว, คุณดาวริมทะเล, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณ**mp5**, คุณมยุรธุชบูรพา, คุณกิ่งฟ้า |
โดย: อุ้มสี วันที่: 18 ตุลาคม 2564 เวลา:6:24:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ตุลาคม 2564 เวลา:6:26:00 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 ตุลาคม 2564 เวลา:6:30:30 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 18 ตุลาคม 2564 เวลา:7:32:32 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 18 ตุลาคม 2564 เวลา:15:49:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ตุลาคม 2564 เวลา:22:44:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ตุลาคม 2564 เวลา:6:11:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ตุลาคม 2564 เวลา:6:23:04 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 19 ตุลาคม 2564 เวลา:21:37:30 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 20 ตุลาคม 2564 เวลา:0:44:26 น. |
|
|
|
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 20 ตุลาคม 2564 เวลา:16:51:01 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 ตุลาคม 2564 เวลา:20:09:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 ตุลาคม 2564 เวลา:20:54:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 ตุลาคม 2564 เวลา:5:57:54 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 23 ตุลาคม 2564 เวลา:13:38:25 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 ตุลาคม 2564 เวลา:1:15:38 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 ตุลาคม 2564 เวลา:8:11:07 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 27 ตุลาคม 2564 เวลา:6:29:53 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 28 ตุลาคม 2564 เวลา:11:52:32 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 ตุลาคม 2564 เวลา:21:32:33 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:2:14:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ตุลาคม 2564 เวลา:6:29:35 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 30 ตุลาคม 2564 เวลา:10:41:08 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 30 ตุลาคม 2564 เวลา:20:28:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เพราะถือว่าช่วงโควิด
อะไร save ก็ save
คนเดินทางปรับเปลี่ยนตามกาละเทศะ