Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
14 พฤศจิกายน 2561
 
All Blogs
 
หักเหลี่ยมร้ายซ่อนลายรัก บทที่ 4 / 1







“อาหยาง แม่มีเรื่องไหว้วานเจ้า ตามหาคนชื่อหยวนเฉินไปเอาของสิ่งหนึ่งให้แม่”

“ของหรือขอรับ

           “เป็นผ้าโบราณชนิดหนึ่งแม่ได้ข่าวว่าคนผู้นั้นอยู่ไม่ไกลจากโรงเก็บศพไร้ญาติทางหุบผาตะวันตกของฉางอัน”

“หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าต้องทำให้สำเร็จให้จงได้”

“เช่นนั้นแม่ก็เบาใจรอเจ้ากลับมา”

เขารับปากมารดาโดยไม่คิดว่าแท้จริงแล้วหยวนเฉินนั้นเร้นกายจากยุทธภพนานเพียงใดไม่ว่าจะหาเบาะแสจากไหนก็ราวไร้ตัวตน เขาเทียวหาแล้วหาเล่าแต่ไม่เคยขึ้นมาถึงป่าสนแห่งนี้สักครั้งครานี้นับว่าเขากับหลิวเสียะมีวาสนาต่อกันจึงดั้นด้นมาเพื่อของชนิดเดียวกัน

ไม่รู้หรอกว่ามันสำคัญต่อมารดาเพียงใด...

ทั้งที่รู้ว่าคุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือหมายปองผ้าโบราณนี้เช่นกันแต่หยวนเฉินเลือกที่จะมอบให้เขาเก็บมันไว้ตามคำร้องขอโดยให้ปกปิดเป็นความลับ

“นำมันติดตัวไปนะขอรับ ข้าขอมอบให้ด้วยความเต็มใจ”

“เหตุใดจึงให้ข้า... เจ้าก็รู้ว่าเพื่อนข้าก็ต้องการมัน”

หยวนเฉินคุกเข่ายื่นม้วนผ้าหยาบที่ห่อหุ้มผ้าทอโบราณส่งให้เขารับมาด้วยความสงสัยใคร่รู้แต่ตาเฒ่าหาได้แถลงไขนอกจากย้ำคำหนักแน่น

“มันเป็นของท่าน ข้าหยวนเฉินทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้วจากนี้ข้าคงนอนตายตาหลับมิมีสิ่งใดติดค้างในใจอีกแล้ว”

“เจ้าบอกว่าผ้าผืนนี้เป็นของอดีตพระสนมมิใช่รึ” อดีตขุนนางหนุ่มถามทวนคำ

“ขอรับ”

“แล้วเหตุใดจึงมอบของของนางให้ข้า”

ชายชราพยักหน้าหงึกหงักก่อนเอ่ยย้ำอีกครั้ง“ถึงเวลาท่านจะรู้เอง”

ถึงเวลาจะรู้เองงั้นรึ...

หยางซุนหยางเหยียดยิ้มก่อนจะนึกถึงดวงหน้ามารดาคำพูดของหยวนเฉินทำให้เขาแทบอดรนทนไม่ไหว อยากจะถามนางให้รู้เรื่องซึ่งคงมิใช่ดั่งที่ตาเฒ่าชราเข้าใจ...

พระสนมฟางหลิงผู้นั้นกับหยางฟางหลิงมารดาของเขา...อาจเพียงชื่อพ้องเท่านั้น

หยวนเฉินต้องวิปลาสไปแล้วจึงได้แต่งเรื่องเช่นนี้ขึ้น...

หยางฟางหลิง... มารดาของเขาเป็นหญิงอายุล่วงกลางคนแต่กระนั้นยังกระฉับกระเฉงอยู่มากผิวที่เคยเนียนราวหยกเนื้อดีเริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยดวงหน้านวลแม้เสี้ยวหนึ่งมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่แต่มิอาจทำลายเค้าความงดงามที่ยังหลงเหลืออยู่ได้

มีเพียงสิ่งเดียวที่ขาดหายไปและมิอาจเรียกกลับคืนมา...

ชีวิตของเขามีเพียงมารดาที่เป็นช่างฝีมือทอผ้าต่วนแพรความเป็นอยู่อัตคัดขัดสนอดอิ่ม แต่ยังดีมีบ้านให้พักพิงเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้มารดามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแต่วันนั้นกลับไม่เคยมาถึง เพราะเพียงบอกว่าจะรับราชการนางกลับเป็นเดือดเป็นร้อนหนักถึงขนาดทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเพราะเรื่องนี้

“เจ้าว่าอย่างไรนะ อาหยาง”

           “ข้าบอกว่าข้าได้เป็นขุนนางวังหลวงแล้วขอรับท่านแม่” หยางซุนหยางวัยหนุ่มบอกเล่าน้ำเสียงดีใจปิดไม่มิด“อีกหน่อยท่านแม่ไม่ต้องลำบากทำงานงก ๆ ส่งข้าร่ำเรียนแล้วนะขอรับ”

มารดาชะงักสับกี่ทอผ้าเสียงดังก่อนจะลุกยืนแล้วแบมือมาตรงหน้า“อะไรรึขอรับ”

“เอาจดหมายมาให้แม่”

“ท่านแม่จะเอาไปทำไมขอรับ”

           “เดี๋ยวนี้แม่บอกอะไรเจ้ามิสนใจแล้วรึ”

“เอาไปท่านแม่ก็อ่านมิได้อยู่ดี” ร่างสูงใหญ่บ่นพลางจ้องมารดาด้วยความสงสัยแต่นางกลับยังแบมือเช่นเดิมแทนคำตอบ “ขอรับท่านแม่”

เพียงกระดาษแผ่นบางถึงมือนางกลับขยำเป็นก้อนกลมไม่ต่างจากขยะแล้วเอ่ยเสียงเย็นเยียบ

“ใครใช้ให้เจ้าไปสมัคร แม่บอกเจ้าเหตุใดมิเคยจำ”

           ว่าที่ขุนนางหนุ่มถึงกับสะดุ้งเขาไม่เคยเห็นสีหน้ามารดาเคร่งเครียดเช่นนี้มาก่อนร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าหาเพียงสองมือแตะต้นแขนนางกลับสะบัดแล้วเบี่ยงตัวออกห่างก่อนจะตวาดลั่น

           “แม่ถาม!ไยเจ้าไม่ตอบแม่”

“ข้าเรียนจบแล้ว อีกอย่างใต้เท้าต่งเสนอชื่อข้าในฐานะลูกกตัญญูเข้ารับราชการทหารตามบัญชาฮ่องเต้ที่ต้องการรับสมัครทหารจากหัวเมืองต่างๆ แทนการฝากฝังเช่นเคยขอรับ”

           “แต่แม่ไม่ให้เจ้าเป็นเจ้าจะเป็นอะไรก็ได้ยกเว้นเป็นสุนัขรับใช้วังหลวง”

          “ท่านแม่

          “ไปลาออกเสียพรุ่งนี้เลย”

          “แต่ข้ารายงานตัวกับท่านเจ้ากรมไปแล้วข้ามิอาจทำตามท่านแม่บอกได้”

          “เจ้าไม่อาจขัดคำคนอื่นได้แต่เจ้ากล้าขัดคำสั่งแม่” นางย้ำเสียงเจ็บปวด มือเรียวขาวซีดปาก้อนกลมที่เคยเป็นหนังสือทางการใส่หน้าลูกชายอย่างแรงตามด้วยฝ่ามือเรียวบางที่ฟาดลงมาไม่ยั้งบนหน้าอกผึ่งผาย “แม่เลี้ยงเจ้าได้แต่ตัวปกป้องเจ้ามิได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเล่า”

          “ท่านแม่ขอรับฟังข้าก่อน

“เหตุใดทำเช่นนี้!ฟ้าดินลงโทษข้าเท่าใดจึงจะพอใจ

นางคร่ำครวญหลังจากทุบตีจนพอใจก็ทรุดนั่งคุกเข่ากลางพื้นบ้านแล้วทุบอกตัวเองน้ำตาไหลพราก

“ท่านแม่

“เจ้ากำลังจะทำให้แม่อกแตกตาย”

“งานข้าไม่อันตรายหรอกท่านแม่ไว้ใจได้ทหารชั้นปลายแถวนอกเมืองเช่นนี้ไม่มีเรื่องหนักหนาหรอกขอรับ” ผู้เป็นลูกทรุดนั่งคุกเข่าตรงข้ามลูบแขนมารดาเกลี้ยกล่อม“ท่านแม่ก็รู้ว่าข้าไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อใครหน้าไหนหรอกขอรับ”

“แม่รู้ว่าเจ้าเก่งแต่ตัวเจ้าเองอาจพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา”

“ท่านแม่ข้า...” ซุนหยางนิ่งงันอับจนคำพูด

นางถอนหายใจหันหลังให้ตัวสั่นเทิ้มจนว่าที่ขุนนางหนุ่มตกใจเข้าไปกอดไว้จากด้านหลังแล้วเอ่ยเสียงเบา

“ข้าขอโทษ”

           “เก็บคำขอโทษของเจ้าแล้วไปทำบางสิ่งให้แม่”

           “อะไรหรือขอรับ”

ครานั้นมารดาน้ำเสียงหนักแน่นจนเขาอยากรู้แต่ไม่เคยคาดคิดว่าภารกิจที่สั่งให้ทำจะเป็นเรื่องตามหาผ้าโบราณในตำนานและตอนนี้มันมาอยู่ในมือเขาแล้วหลังจากผ่านไปนานถึงหกปี...

“นี่เจ้า... เจ้า

            อดีตขุนนางหนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัวความทรงจำในอดีตหวนเก็บคืนสู่ห้วงคำนึง ดวงตาเรียวหรี่ทอดมองหาเสียงเรียกพลันถอนใจเมื่อมือเล็กๆ ของอีกฝ่ายพาดไหล่ก่อนจะนั่งลงเคียงข้างด้วยสีหน้าแช่มชื่นราวกับไม่มีทุกข์ร้อนใด

           “อ้ะ...เอาไป”

           “อะไรของเจ้า”อดีตขุนนางหนุ่มเบี่ยงตัวแต่ไม่พ้นจึงรับบางสิ่งมาด้วยสีหน้างุนงง “เอามือเจ้าออกไปจากไหล่ข้า”

           “เจ้านี่เล่นตัวไปได้แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นมากเรื่อง” คุณชายน้อยแห่งหลิวซือซือหลุดหัวเราะ“สู้กับท่านตาจนสมองเสื่อมแล้วใช่หรือไม่”

“เอาผลท้อมาให้ข้า แล้วเจ้าเล่า”

           หยางซุนหยางเหลือบมองดวงหน้านวลแย้มยิ้มให้แล้วถอนหายใจนางไม่รู้ว่าเขารู้ว่านางเป็นสตรีแถมยังโฉมสะคราญราวกับนางในภาพวาดที่ได้มาจากหยวนเฉินถ้าหากนางรู้คงไม่ทำ อดีตขุนนางหนุ่มถอนใจเบา ๆกระชับม้วนผ้าที่เหน็บซ่อนไว้ในกางเกงมิดชิดราวกลัวคนข้างกายจะล่วงรู้

           หากนางรู้ว่าตอนนี้ผ้าโบราณที่ตามหาอยู่ที่เขาจะเกิดอะไรขึ้นนางจะผิดหวังหรือไม่หรืออันที่จริงนางไม่ได้คิดจริงจังกับมัน

           “ก็แบ่งคนละครึ่งกับเจ้า”นางยักคิ้วก่อนจะใช้เล็บจิกแบ่งผลท้อออกเป็นสองซีกก่อนจะกัดผลท้ออีกครึ่งเคี้ยวท่าทางเอร็ดอร่อยราวกับมันคืออาหารอันโอชะ“รีบกินเข้าสิ ยังดีที่ท่านตาเอาผลไม้คืนข้านะมิเช่นนั้นเราสองคนคงหิวแย่ ข้าอุตส่าห์หาแทบตาย”

          “แล้วเจ้าทำเช่นไรจึงโดนหยวน...เอ่อ ท่านตาของเจ้าจับทำโทษที่ขโมยผลไม้ได้” ซุนหยางหยั่งเชิง

          คุณชายน้อยกัดผลท้อเข้าปากเคี้ยวคำสุดท้ายก่อนจะหันมาจ้องเขาเต็มตาหยางซุนหยางกลืนน้ำลายลงคอมองริมฝีปากอิ่มสีเหมือนผลท้อด้วยใจสั่นรัว

           ริมฝีปากนี้ที่เคยช่วยชีวิตเขาตอนจมน้ำความจำเขาไม่ได้เลือนจนไม่รู้ว่านางช่วยเขาเช่นไร...

           สัมผัสอบอุ่นจากริมฝีปากนางช่วยคืนชีพให้เขาเช่นนั้นต่อให้ขึ้นสวรรค์ลงนรกหรือบุกน้ำลุยทะเลเพลิง เขาทำได้เพื่อนาง...

          “ข้าต้องขอบใจเจ้าที่เข้าไปช่วยทีแรกนึกว่าข้าคงตายในถ้ำนั่นเสียแล้ว ท่านตาวรยุทธลึกล้ำจนข้าต้านทานมิได้แค่ไม่กี่กระบวนท่าข้าก็เสียทีแถมดาบข้ายังหักไปแล้วด้วยตอนนี้มีเพียงมีดสั้นเล่มเดียวช่างน่าละอายยิ่งนัก”

          “เจ้ายังอ่อนต่อโลกนักอาเสียะ” หยางซุนหยางว่าพลางหัวเราะ “ยังต้องฝึกวรยุทธอีกมากหากเจ้าอยากเป็นเจ้าสำนักการค้าที่ใหญ่โตที่สุดเช่นหลิวซือซือ”

          “ข้าแค่ครูพักลักจำไม่เคยร่ำเรียนวรยุทธเช่นเจ้า” นางเอ่ยเสียงเศร้า “ไม่รู้จะหาครูบาอาจารย์จากที่ใด”

           ซุนหยางหันขวับมามองสีหน้าเรียบเฉยก่อนถาม “เหตุใดต้องร่ำเรียน”

“อีกหน่อยเป็นเจ้าสำนัก ข้าต้องคุมขบวนสินค้าไปทำการค้าขายต่างเมืองหากป้องกันตัวเองมิได้ใครจะมาปกป้องข้าเล่า เจ้านี่ก็ช่างไม่รู้เรื่องเลย”

“เช่นนั้นให้ข้าเป็นมือขวาเจ้าดีหรือไม่ ลำพังคนจรเช่นข้ามีชีวิตอยู่มิรู้เพื่อสิ่งใด”

“เจ้าแน่ใจรึ” นางเอ่ยถามสีหน้าประหลาดใจ“เช่นนั้นข้าจะจำคำพูดเจ้าไว้นะ”

หยางซุนหยางพยักหน้าพลางกระตุกยิ้มกว้างร่างอรชรขยับออกห่างเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาระยิบระยับจากอีกฝ่ายส่งมา ไม่รู้ว่าสิ่งใดจริงหรือสิ่งใดคือเรื่องเล่นหัวของหนุ่มพเนจรตรงหน้ายิ่งนึกถึงคำของเฒ่าชรา สีหน้าสดใสเมื่อครู่ก็หมองลง

“แต่ข้าก็ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง ผ้าโบราณเป็นแค่คำร่ำลือหาได้มีอยู่จริงตามที่ได้ยินมา”


+++++++++++++++++++++++


ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า ^__^




Create Date : 14 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2561 16:03:40 น. 0 comments
Counter : 533 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณJinnyTent, คุณเริงฤดีนะ, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณhaiku, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณชีริว, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณSweet_pills, คุณRinsa Yoyolive, คุณmastana


lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.