|
'โกษาเหล็ก' ผู้เป็นมากกว่าทหารเอกคู่ใจ 'เจ้าฟ้านารายณ์'

วัดไชยวัฒนาราม จ.อยุธยา ภาพจาก travel.mthai.com

'โกษาเหล็ก' ผู้เป็นมากกว่าทหารเอกคู่ใจ 'เจ้าฟ้านารายณ์'
ในละครบุพเพสันนิวาส "ขุนเหล็ก" เจ้าพระยาโกษาธิบดีเหล็กถูกโบยจนเสียชีวิตไปแล้ว พร้อม ๆ กับบทสนทนาระหว่าง เจ้าพระยาโกษาธิบดีเหล็ก กับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ท่อนที่ว่า
"ไอ้เหล็ก กูจะถามมึง....... มึงรับเงินสินบนมาจากไอ้พวกไม่อยากให้สร้างป้อมหรือไม่?" จนถึง...... "ไอ้เหล็ก มึงตอบกูมาอีกที ข้าจะถามเอ็งเป็นครั้งสุดท้าย.... เอ็งยังยืนกรานคำตอบเดิมอยู่ฤๅ?"
ได้สะท้อนสังคมไทยตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ในหลากหลายแง่มุม โดยเฉพาะความโปร่งใส ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบันโหยหาอย่างถึงที่สุด

มาทำความรู้จักขุนเหล็ก ทหารเอกคู่ใจแห่งเจ้าฟ้านารายณ์กันอย่างละเอียด เพราะบทบาทในละครบุพเพสันนิวาสนั้นเพียงน้อยนิด ขณะที่ขุนเหล็กกับเจ้าฟ้านารายณ์ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ว่ารู้จักกันตั้งแต่เยาว์ เป็นทั้งเพื่อน ทั้งนาย และเจ้าชีวิต ตลอดจนวาระสุดท้ายที่เราเห็นในบุพเพสันนิวาส
ขุนเหล็กเป็นบุตรชายคนโตของพระนมบัว ซึ่งมีเชื้อสายวงศ์พระร่วงและเป็นพระนมเอกในเจ้าฟ้านารายณ์ ขุนเหล็กมีน้องสาวคนรองชื่อ คุณแจ่ม และมีน้องชายคนเล็กชื่อ คุณปาน
เมื่อครั้งยังเยาว์วัย ขุนเหล็กเป็นพระสหายสนิทที่ร่วมเรียน ร่วมเล่น และร่วมซ้อมดาบ ร่วมซ้อมขี่ม้ากับพระนารายณ์และสหายคนอื่น ซึ่งต่อมาก็คือทหารเอกทั้ง ๙ ของเจ้าฟ้านารายณ์ ประกอบด้วย คุณทองคำ บุตรชายของพระนมเปรม เจ้าน้อย เจ้าชู และเจ้าสังข์ จนกระทั่งเข้าสู่วัยหนุ่ม ขุนเหล็กต้องเดินทางไปฝึกดาบและร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ กับครูเดช และเจ้าคุณชุ่มที่เมืองสวรรคโลก

จนเวลาล่วงเลยไปถึง ๗ ปี ขุนเหล็กได้ร่ำเรียนวิชาต่าง ๆ จนสำเร็จดีแล้ว และเมื่อได้รับสาส์นเรื่องที่ พระศรีสุธรรมราชา หมายที่จักชิงพระราชบัลลังก์จากการส่งข่าวของเจ้าปานแล้ว ขุนเหล็กจึงต้องเดินทางกลับกรุงศรีอยุธยาโดยทันที พร้อมด้วยเจ้าทิป บุตรชาย ออกยาเมืองสวรรค โลกที่มีความสามารถในเชิงทวนและเจ้าสอนเพื่อมาถวายตัวเป็นข้าในเจ้าฟ้านารายณ์
ต่อมาเมื่อ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สิ้นพระชนม์ ได้ทรงมอบพระขรรค์แสงไชยศรีแก่เจ้าฟ้าไชย พระโอรสองค์โตเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินต่อจากพระองค์นั้น ซึ่งได้สร้างความไม่พอพระทัยแก่พระศรีสุธรรมราชาผู้เป็นพระอนุชาของพ่อเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก พระศรีสุธรรมราชาจึงได้ทรงหารือกับเจ้าฟ้านารายณ์เรื่องที่จะชิงพระราชสมบัติจากเจ้าฟ้าไชย ซึ่งในการครานั้นขุนเหล็กและข้าในเจ้าฟ้านารายณ์คนอื่น ๆ ก็ร่วมปฏิบัติกิจในครั้งนี้จนสำเร็จ

เมื่อพระศรีสุธรรมราชาได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา พระองค์ก็ไม่สามารถทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมได้ และยังได้ทรงกระทำการอันไม่สมควรต่อพระราชกัลยาณีผู้ที่เป็นพระนัดดาในสายโลหิตเดียวกัน ซึ่งสร้างความไม่พอพระทัยต่อเจ้าฟ้านารายณ์เป็นอย่างมาก พระองค์จึงมีรับสั่งให้ขุนเหล็กเรียกประชุมเหล่าขุนนางข้าราชการ เพื่อที่จะยกไพร่พลเข้าต่อตีชิงพระราชบัลลังก์จากพระศรีสุธรรมราชาคืน โดยที่พระองค์ได้ทรงเป็นกษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยาแทนสืบต่อมา
เมื่อกิจครานั้นผ่านไป เหล่าขุนนางข้าราชการและขุนศึกทั้งหลายก็ได้เลื่อนยศด้วยกันทั้งสิ้น คือ พระนมบัวได้เลื่อนยศเป็นเจ้าแม่วัดดุสิต พระนมเปรมเป็นท้าวศรีสัจจา คุณทองคำเป็นพระเพทราชา เจ้าสอนเป็นพระยาสุรสงคราม เจ้าทิปเป็นพระยาสีหราชเดโชไชย มีเพียงขุนเหล็กเท่านั้นที่ยังไม่ได้รับการเลื่อนยศแต่อย่างใด
แต่ขุนเหล็กก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาของเจ้าฟ้านารายณ์เสมอมา ขุนเหล็กมีภรรยา 1 คนคือคุณนิ่ม ซึ่งเป็นพี่สาวของคุณทิป และเป็นบุตรีของท่านพระยาเกษมสงคราม เจ้าเมืองสวรรคโลก

ต่อมาขุนเหล็กได้ควบคุมให้ทหารซ้อมกลศึกและสั่งให้ทหารนำไม้ไผ่ที่มีปลายแหลมปักลงดิน แต่มีทหารนายหนึ่งขัดคำสั่งไม่นำปลายแหลมของไม้ไผ่ปักลงดิน ขุนเหล็กจึงสั่งให้เอาทหารนายนั้นไปตัดหัวเสียบประจาน เนื่องจากไม่ยอมทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ด้วยความเที่ยงตรงและรอบรู้ทุกด้าน ต่อมาเมื่ออัครมหาเสนาบดี อับดูร์ ลัคซัค ได้กระทำผิด โดยที่ไม่ได้ตั้งใจทำราชการอย่างจริงจัง กลับใช้อำนาจข่มเหงรังแกขุนนางน้อยใหญ่ ชอบอวดอำนาจพกปืนไฟเป็นนิตย์ หากไม่พอใจใครก็ใช้ปืนไฟสังหาร สมเด็จพระนารายณ์จึงทรงให้นำไปลงทัณฑ์ แล้วแต่งตั้งให้ เจ้าคุณเหล็กเป็นพระยาโกษาธิบดีคนใหม่แทน
เมื่อกรุงอังวะได้ยกทัพมาต่อตีกับทัพกรุงศรีอยุธยา โดยในครานั้นกองทัพกรุงศรีอยุธยามีเจ้าพระยาโกษาเหล็กเป็นแม่ทัพใหญ่ได้ต่อตีทัพอังวะพ่ายกลับไป ทัพพระยาสีหราชเดโชไชยที่ดักรออยู่ด้านหลังก็เข้าตีซ้ำ จนไพร่พลทัพหน้าของอังวะล้มตายเสียเป็นอันมาก เมื่อกองทัพ เจ้าพระยาโกษาเหล็ก แลทัพ พระยาสีหราชเดโชไชยเข้ามาสมทบกันแล้ว จึงร่วมกันตามตีทัพอังวะไปจนถึงทัพหลวง มังสุรราชาแม่ทัพใหญ่พม่าจึงนำพลออกต่อสู้
แต่ด้วยไพร่พลเสียกระบวนทัพไปเสียแล้ว ประกอบกับมังสุรราชาถูกปืนไฟบาดเจ็บ กองทัพหลวงอังวะจึงแตกพ่าย เจ้าพระยาโกษาเหล็กแลพระยาสีหราชเดโชไชยเห็นเป็นทีจึงเข้าตีซ้ำ แลร่วมกันขับไล่กองทัพอังวะออกไปจนสุดขอบเขตขัณฑสีมา

สมเด็จพระนารายณ์โปรดให้เกณฑ์ไพร่พลจำนวนหกหมื่น ยกทัพขึ้นไปตีตอบโต้พม่าเยี่ยงสมเด็จพระบูรพกษัตริย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงกระทำไว้เป็นแบบอย่าง ในครานั้นโปรดให้กองทัพกรุงศรีอยุธยายกทัพไปเป็น ๔ ทาง คือ พระยารามเดโชคุมกองทัพเชียงใหม่ไปทางเมืองผาปูนทางหนึ่ง พระยากำแพงเพชรคุมกองทัพหัวเมืองเหนือยกไปทางด่านแม่ละเมาทางหนึ่ง
เจ้าพระยาโกษาเหล็ก เป็นแม่ทัพใหญ่ พระยาสีหราชเดโชไชย เป็นแม่ทัพหน้า พระยาวิชิตภักดี คุมยกกระบัตรทัพ พระยาสุรินทรภักดี คุมทัพเกียกกาย แลพระยาสุรสงคราม คุมทัพเป็นกองหลังยกไปทางด่านพระเจดีย์สามองค์ทางหนึ่ง แลให้พระยาเกียรติแลสมิงพระรามคุมกองมอญยกไปทางเมืองทวาย เพื่อป้องกันมิให้เมืองทวายตีโอบหลังอีกทางหนึ่ง
เจ้าพระยาโกษาเหล็ก จึงเรียกให้กองทัพทั้งหมดมาประชุมทัพกันที่เมืองเมาะตะมะ ก่อนยกทัพเข้าตีเมืองรายทางจนสำเร็จแล้วยกทัพไปต่อตีเมืองอังวะ แต่เจ้าเมืองอังวะไม่ยอมออกมาต่อตีด้วย ไม่ว่าเจ้าพระยาโกษาเหล็กจักเขียนจดหมายไปท้ารบเพียงใดก็ไม่ยอมออกมา เจ้าพระยาโกษาเหล็กจึงได้สั่งทหารให้ล่าทัพกลับกรุงศรีอยุธยา

แต่ก่อนที่จะล่าทัพกลับนั้น เจ้าพระยาโกษาเหล็กก็ได้ให้เชลยพม่านำหนังสือของท่านอีกฉบับหนึ่งเข้าไปส่งในเมืองให้พวกพม่าอ่านเล่นกัน จักได้เข็ดขยาดมิกล้าตามไปต่อตีถึงกรุงศรีอยุธยาอีกต่อไป และหลังจากเสร็จการศึกในกรุงอังวะและคืนกรุงศรีอยุธยามาแล้ว พระยาโกษาธิบดีเหล็กทหารเอกแห่งพระนารายณ์ก็ได้พบหน้าบุตรชาย ซึ่งเกิดจากภรรยาคนเดียวคือคุณหญิงนิ่ม และท่านได้กลับมารับราชการเป็นออกญาพระคลัง และกรุงศรีอยุธยาก็ปลอดจากการรุกรานของทัพพม่าต่อมาอีกเจ็ดสิบปี
เมื่อ เจ้าพระยาโกษาธิบดี ได้นำทัพขึ้นไปตีหักเอาเมือง จิตตอง สิเรียม ย่างกุ้ง หงสาวดี แปร จนมาถึงพุกามเมืองหน้าด่านสุดท้ายของกรุงอังวะ มังจาเลราชบุตรแห่งพระเจ้ากรุงอังวะ ก็ได้เกณฑ์ไพร่พลจากกรุงอังวะมาตั้งรับทัพกรุงศรีอยุธยาเสียสิ้น แลได้ให้แม่ทัพนายกองยกทัพออกมาต่อรบ กองทัพไทยพยายามตีเอาเมืองพุกามหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถตีหักเอาเมืองได้ เนื่องด้วยชาวเมืองต่างก็ช่วยกันป้องกันเป็นสามารถ เจ้าพระยาโกษาธิบดี เห็นไพร่พลต่างก็อดอยากล้มเจ็บเสียเป็นอันมากแล้ว จึงถอยทัพกลับกรุงศรี

เจ้าพระยาโกษาเหล็กจึงให้ทัพชาวเชียงใหม่ที่ติดตามไปด้วยเดินรั้งทัพอยู่เบื้องหลัง แลได้ให้เลิกทัพกลับไปโดยลำดับมารควิถี ตราบเท่าถึงเมืองหงสาวดีก็ให้หยุดยั้งทัพอยู่ที่นั้น ในเพลานั้นเองฝ่ายแสนท้าวพระยาเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเดินรั้งทัพหลังเห็นว่าทัพกรุงศรีอยุธยาตีเมืองอังวะมิได้อย่างเด็ดขาด ก็บังเกิดความเกรงกลัวพระเจ้าอังวะ จึงปลีกตัวแยกทัพหนีไปทางเมืองเชียงใหม่
เมื่อความทราบถึงเจ้าพระยาโกษาเหล็กผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ จึงได้บัญชาให้พระยากำแพงเพชรแลพระยารามเดโช (ชู) นำไพร่พลเมืองเหนือจำนวนสองหมื่นคนยกติดตามไปตีตอบโต้ถึงเมืองเชียงใหม่ เมื่อสำเร็จจึงยกทัพกลับและได้นำตัวเครือฟ้าคนรักของเจ้าคุณทิปเดินทางกลับมายังกรุงศรีอยุธยาหลังจากนั้น ๑๐ ปีต่อมาที่เมืองตะนาวศรี
พูดถึงฟอลคอน เดิมเป็นชาวกรีกเมื่ออายุ ๑๖ ปีได้ถูกพ่อนำมาขายให้เป็นกะลาสีเรือของชาวอังกฤษถึง ๑๒ ปี ต่อมาได้รับการชักชวนจากสหายคือ ริชาร์ดและไวต์ให้เข้ามาค้าขายและได้ลักลอบขายศาสตราวุธ ปืนไฟ และกระสุนดินดำให้พวกกบฏทางใต้ แต่เรือได้ประสบกับพายุจนเรือแตก

ต่อมาพระยาสุรสงครามและฮาจิจึงมาพบเข้าและได้ช่วยเหลือเอาไว้ จากนั้นพาทั้งสามมาพบกับเจ้าพระยาโกษา ท่านเห็นว่าฟอลคอนผู้นี้เป็นกะลาสีเรือของชาวอังกฤษมาหลายปี น่าจะรู้เล่ห์เหลี่ยมของชาววิลาศที่มาค้าขาย น่าจะเป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินจึงนำตัวเข้ามาช่วยดูแลบาญชีต่าง ๆ จนได้รับความดีความชอบ เนื่องด้วยสามารถจับผิดเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของพวกแขกมัวร์ได้
สมเด็จพระนารายณ์ จึงทรงแต่งตั้งให้ฟอลคอนเป็นออกหลวงคอยช่วยงานเจ้าพระยาโกษาเหล็ก และเป็นคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์ ถึงกับได้ตามเสด็จฯ พระองค์พร้อมด้วยเจ้าฟ้าน้อย (พระอนุชา) กรมหลวงโยธาเทพ (พระราชธิดา) ไปทอดพระเนตรการสร้างพระราชวังที่เมืองลพบุรีด้วย
แต่ต่อมาเจ้าพระยาโกษาเหล็กก็ถูกสมเด็จพระนารายณ์มีพระบัญชาสั่งให้ลงราชทัณฑ์จนอาการสาหัส เนื่องด้วยฟอลคอนมาเท็จทูลฟ้องว่า เจ้าพระยาโกษาเหล็กรับสินบนจากชาวบ้านให้มาทูลขอพระนารายณ์ให้ทรงยกเลิกการสร้างป้อมปราการ
ซึ่งในระหว่างนั้นได้มีคณะราชทูตจากพระเจ้ากรุงปารีสเข้ามาถวายพระราชสาส์นเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีด้วย หลังจากนั้นเจ้าพระยาโกษาเหล็กถึงแก่อสัญกรรมลงเนื่องจากแผลติดเชื้อ และในเพลาต่อมาเจ้าคุณทิปก็ตรอมใจตายตามไปอีกคน

เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ทรงสูญเสียแม่ทัพเหล็กผู้เป็นเสาหลักแห่งกรุงศรีอยุธยาไปแล้ว ก็ทรงเศร้าโศกพระราชหฤทัยเป็นยิ่งนัก ใคร่จักระงับพระราชหฤทัยด้วยทิพย์รสแห่งกานท์กวี เป็นเหตุให้ทรงรำลึกถึงศรีปราชญ์รัตนกวีคู่พระราชหฤทัยขึ้นมาได้
จึงโปรดให้นำตัวเจ้าศรีปราชญ์คืนมายังกรุงศรีอยุธยา แต่หาได้ตัวกลับคืนมาไม่ ด้วยศรีปราชญ์ได้ถูกเจ้าพระยานครกุมเอาตัวไปล้างเสียแล้ว จึงทรงพิโรธ มีพระราชบัญชาให้พระยารามเดโชนำทัพไปกุมเอาตัวเจ้าพระยานครล้างเสียด้วยดาบเล่มเดียวกันกับที่ใช้ประหารศรีปราชญ์เพื่อให้ตายตกไปตามกัน.
ภาพและข้อมูลจาก ryt9.com khaosod.co.th partiharn.com broadcastthai.com drama.kapook.com maewmongna.com truststoreonline.com หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๑

บีจีจากคุณญามี่ banner โหวตบล็อกจากคุณ oranuch_sri
Free TextEditor
Create Date : 26 มีนาคม 2561 |
Last Update : 26 มีนาคม 2561 22:45:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3189 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณAppleWi, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณโอพีย์คุณนายกุ๊งกิ๊ง, คุณmcayenne94, คุณก้นกะลา, คุณวลีลักษณา, คุณALDI, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmoresaw, คุณกะว่าก๋า, คุณmambymam, คุณkae+aoe, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณชมพร, คุณRinsa Yoyolive, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณmariabamboo, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณอุ้มสี, คุณJinnyTent, คุณnewyorknurse, คุณmastana, คุณล้งเล้งลัลล้า, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5** |
|
|
|
|