อัมฮารา... สุดปลายทางที่ความรัก ตอนที่ 15 : เหตุคับขัน (สนพ.ที่รัก)
บทที่ 15 : เหตุคับขัน
เช้าวันใหม่สองหนุ่มสาวสะพายกระเป๋าเป้คนละใบออกมาเจอกันหน้าห้องตามเวลานัดหมาย คนสดใสในเช้านี้กลับเป็นคนป่วยที่เพิ่งฟื้นไข้ผิดกับคนเฝ้าที่กว่าจะกลับห้องได้นอนเต็มตาก็เกือบรุ่งสาง ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคุณ ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นสุดๆเลย หล่อนตอบยิ้มกว้าง ขอบคุณนะ ถึงว่า ภูบดีก้มหน้ามาใกล้สำรวจตรวจตรา หน้าตาดีไม่เป็นหมีแพนด้าแล้วนี่ หล่อนฟังแล้วค้อนขวับ หลบสายตาคมเข้มมองจ้อง พูดดีๆ ด้วยไม่ได้เลย ไปกินข้าวกันเถอะฉันหิวแล้ว อืม... ไปสิ ชายหนุ่มหอบกระเป๋าพาดไหล่ตะโกนไล่หลังเดินดีๆ ระวังจับกบล่ะ หญิงสาวชะงักกึกก่อนจะค้อนลมค้อนแล้งเดินจ้ำพรวดไม่หันกลับมาได้ยินแต่เสียงหัวเราะของชายหนุ่มตามหลังมาติดๆ ธารวารีมองถาดอาหารตรงหน้าแล้วตัดสินใจถามคนนั่งตรงข้ามที่เอาแต่หาวหวอดตลอดเวลาเขานั่งไขว่ห้างพิงพนักเก้าอี้ไม่มีทีท่าแตะอาหารต่อ กินไม่หมด เสียดาย ฉันขอก็แล้วกันนะ ภูบดีทำหน้าประหลาดเมื่อมองหล่อนแย่งเอนเจราในถาดเล็กไปเป็นของตัวหน้าตาเฉย เช้านี้คุณดูแปลกๆ กินเก่งอย่างกับยัดทะนาน ดวงหน้ากลมเหลือบมองคนถามครู่หนึ่งก่อนจะจิ้มแกงแกะคำสุดท้ายใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆแล้วหันไปเรียกพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมา ขอวูน่าค่ะ แมคคิอาโต้นะคะ พนักงานหยุดตรงหน้าโต๊ะในถาดมีกาแฟใส่ในภาชนะดินเผาแบบมีหูจับหลายชนิดแล้วแต่ลูกค้าจะเลือกหยิบเองตามอำเภอใจถ้าชอบร้อนจัดก็สามารถไปรอเอาจากซุ้มกาแฟเองได้ ยิ่งกลิ่นคั่วใหม่ที่สาธิตวิธีให้เห็นชัดๆ ตั้งแต่เมล็ดดิบสีเหลืองอ่อน คั่วในกะทะแบนด้วยทัพพีทรงโค้งที่หล่อนไม่เคยเห็นพอร้อนได้ที่จากสีเหลืองอ่อนก็เริ่มเข้มจนกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้แล้วนำมาตำในครกขนาดเล็กพิเศษกรองเมล็ดที่แตกเป็นผงเกล็ดลงในปากกาน้ำร้อนแล้วตั้งไฟด้วยเตาถ่านจนไอระเหยขึ้นมาส่งกลิ่นหอมยวนใจธารวารีก็อดใจไม่ไหวต้องต่อแก้วที่สองตามธรรมเนียม เพลาๆ บ้างนะคุณ อย่าให้หลายแก้วนัก คุณยังไม่หายดีหัวใจจะสูบฉีดทำงานหนักเกินไป เขาย้ำหล่อนถึงกับค้อนก่อนจะรีบจิบแมคคิอาโตแก้วเล็กชงเสร็จหมาดๆที่คนชงยื่นส่งแก้วที่สอง และหล่อนก็รับมาอย่างเต็มใจ ทั้งที่ชายหนุ่มแตะมือปรามไว้ไม่พอยังจะแย่งไปจากมือ อย่ามายุ่งน่า นายไม่รู้จักธรรมเนียมที่นี่ปกติเบาะๆต้องสามช็อตนะ นี่แค่สองเองถือว่ากำลังดี เป็นซะแบบนี้ ดื้อนัก เขาส่ายหน้ามองหล่อนจิบทีละนิดจนหมด ผมว่าคุณอย่าอยู่เอธิโอเปียนานกว่านี้เลย ทำไมล่ะ หล่อนย้อนถามสีหน้าสงสัย มันไม่ดีสำหรับคนติดกาแฟ เฮ้อ! หญิงสาวถอนใจแล้วทำหูทวนลมยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บภาพอิริยาบถและกรรมวิธีชงกาแฟของคนพื้นถิ่นอย่างสนอกสนใจไม่ใส่ใจชายหนุ่มที่มองจ้อง ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าหวังดีแต่วันนี้คู่หูหนุ่มทำตัวแปลกๆ หล่อนเองก็กระดากใจอยู่ไม่น้อยเมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่เขาคอยดูแลเป็นห่วงเป็นใยใช่ว่าหล่อนจะไม่มีสติจนไม่รู้เสียเมื่อไหร่ ไม่พูดไม่จาแสดงว่าดีขึ้นแล้วจริงๆ สินะ ถึงทำงานได้ เขายกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากหล่อนธารวารีถึงกับผงะ ยังมึนๆ แต่ดีขึ้นมากแล้วเมื่อวานตอนเย็นฉันไม่ได้กินอะไรเลย หิวแทบตาย ก็คุณไข้ขึ้น ผมยิ่งไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะคอยเฝ้าคุณ เขาตอบอมยิ้มแล้วชี้นิ้วที่ใต้ตาตัวเอง แพนด้าที่ตาคุณเลยย้ายมาที่ผมแทนแล้วเนี่ย ธารวารีมองค้อนแต่ถึงกับกลั้นยิ้มไม่อยู่แกล้งทำหน้ามุ่ยใส่ นายไม่เห็นต้องลำบาก ฉันไม่เป็นไรมากซะหน่อย อย่าปากเก่งนักเลย ถ้าผมไม่เช็ดตัวให้ คุณจะไข้ลดได้มาเถียงฉอดๆแบบนี้รึไง เขาตอบหน้าตาเฉยแต่คนฟังถึงกับประหม่าหลบสายตา ก่อนจะเสเปลี่ยนเรื่อง ไข่คนนั้นไม่กินแล้วฉันขอนะ ไข่คนที่ไหนมี นี่มีแต่ออมเล็ต เขาแสร้งยียวนใส่อีก เอ๊ะ! นายนี่ไม่ลดราวาศอกให้คนป่วยบ้างเลย หล่อนถึงกับค้อนแล้วหยิบจานตรงหน้ามาเป็นของตัวเป็นจานที่สองแต่พอออมเล็ตเข้าปากคำแรกก็ถึงกับวางช้อน หน้ากลมเหยเกด้วยรสชาติเปรี้ยวเกินทน ใส่ซอสมะเขือเทศซะเยิ้มเชียวใครจะกินลง เสียดายของอร่อยเปรี๊ยวปรี๊ด ก็ผมชอบแบบนี้ไม่ได้ให้ใครมากินด้วยนี่เขาเถียงเสียงขึ้นจมูกนิด ๆ ธารวารีถึงกับชะงักรู้สึกคุ้นเคยคำพูดแบบนี้อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งน้ำเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจที่ได้ฟัง ยิ่งทำให้หล่อนอึ้ง เป็นอะไรไปคุณ ภูบดีโบกมือไปมาหน้าหล่อน ไม่รู้สิ อยู่ดีๆก็นึกถึงใครบางคนที่เคยรู้จักขึ้นมา หล่อนถึงกับใจลอยเมื่อนึกถึงคนในความคิดป่านนี้เขาจะไปอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร ล่าสุดรู้แต่เพียงว่าคู่แค้นแสนจะขี้น้อยใจคนนั้นเป็นถึงนักศึกษาแพทย์และป่านนี้คงเติบโตมีอนาคตหน้าที่การงานที่ดีโดยไม่คิดหวนคืนเมืองไทยแล้ว ใคร เขาถามท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันตาธารวารีมองท่าทางของชายหนุ่มแล้วยิ่งงงว่าเขาจะอยากรู้ไปทำไมหล่อนได้แต่ส่ายหน้าบอกปัดไปเรื่องอื่นเป็นการตัดบท ช่างเถอะ อย่าสนใจเลย แต่ผมอยากรู้ ภูบดีย้อนถามตั้งหน้ารอฟัง เขาเป็นใคร เรื่องอะไรจะบอกหล่อนแสร้งหงุดหงิดเมื่อโดนคาดคั้น ตอนนี้คิดก่อนดีกว่าจะทำยังไงต่อฉันติดต่อเพื่อนพี่รุจยังไม่ได้เลยถ้านายเบื่ออยากกลับไปรวมกับกรุ๊ปทัวร์ก่อนฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ ฉันอยู่ได้ ผมไม่ไป! ทำไมต้องคอยไล่กันเช้ากลางวันเย็นด้วย เสียงของเขาขุ่นขึ้นมาทันทีหญิงสาวมองตามหนุ่มเซอร์ลุกขึ้นเดินไปอีกทางเมื่อมีสัญญาณโทรศัพท์เข้า ครับ พี่... ได้ครับ ธารวารีมองตามเห็นภูบดีเหลือบมองหล่อนแล้วเดินถอยห่างไปเห็นแบบนี้ก็ยิ่งแปลกใจ บางทีเขาอาจจะมีธุระปะปังแล้วจะเห็นแก่ตัวให้มาติดอยู่ด้วยกันได้อย่างไรเผลอมองตามเพลินจนไม่รู้ตัวว่าชายหนุ่มเดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ธารวารีถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อเขาแตะไหล่หล่อนแล้วเขย่าเบาๆ เราไปจองตั๋วเครื่องบินไปบาฮีดาร์กัน สนามบินอยู่ใกล้แค่นี้เองได้เบาะแสมาว่าคณะแพทย์จากไทยน่าจะอยู่กันที่นั่นตอนนี้มาลาเรียระบาดหนักแถวทะเลสาปทานา ทำไมนายถึงแน่ใจ ไปได้แหล่งข่าวมาจากไหน หล่อนถาม หน้านิ่วคิ้วขมวด นึกสงสัยแปลก ๆ แต่ภูบดีลงนั่งประจำที่เดิมทำเป็นจิบกาแฟแก้วแรกที่ชืดไปแล้วหูทวนลมไม่ยอมตอบ ถามทำไมไม่ตอบ นายนี่มีอะไรน่าสงสัยอีกแล้ว ผมกำลังคิดเรื่องรถว่าจะเอายังไง จะฝากใครคืนผมขี้เกียจย้อนกลับไปฮาร์ราแล้วเสียเวลาชะมัด เขาบ่นพลางครุ่นคิดท่าทางหนักใจจนหล่อนต้องคิดตามแล้วธารวารีก็ดีดนิ้วเปาะล้วงหยิบเศษกระดาษในกระเป๋ากล้องออกมาให้เขาดู นี่ไง! ฉันมีเบอร์โทรคนเลี้ยงไฮยีนาคนนั้นเดี๋ยวจะลองโทรหาดูว่าเขาจะช่วยติดต่อเจ้าของรถให้ได้ไหม อืม... ก็ดีนะ แต่ว่าทีหลังเถอะ ไปจองตั๋วเครื่องบินก่อนยังไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่า ธารวารีพยักหน้าเห็นดีด้วย เป้าหมายสำคัญตอนนี้ที่ต้องไปคงไม่พ้นบาฮีดาร์ เมืองในตำนานอีกเมืองที่เป็นแหล่งกำเนิดแม่น้ำบลูไนล์แม่น้ำสายสำคัญของทวีปแอฟริกา สนามบินอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พักมากเท่าไหร่นักใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแต่ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเที่ยวบินไปบาฮีดาร์ทั้งสามเที่ยวบินต่อวันเต็มยาวไปอีกสามวันเพราะใกล้ถึงวันสำคัญของเอธิโอเปียก็คือวันขึ้นปีใหม่ สองหนุ่มสาวเดินออกมาด้วยสีหน้ายุ่งยากธารวารีคอตกหมดแรงเมื่อรู้ว่าหนทางเจิดจรัสเมื่อครู่ต้องถูกดับฝันลงในขณะที่ภูบดีเดินรั้งท้ายโทรศัพท์ติดต่อกับกวินแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ หญิงสาวยกมือป้องแสงแดดแผดเผารออยู่ที่รถเมื่อต้องยืนรอคู่หูง่วนกับโทรศัพท์ไม่มีทีท่าว่าจะเดินมาสักทีแม้อากาศไม่ได้ร้อนจัดเท่าตอนไปดีเวลแต่แดดร้อนๆ ตอนกลางวันก็ทำให้หล่อนหัวหมุนติ้วมองชายหนุ่มเป็นภาพซ้อนก่อนจะพยุงตัวไม่อยู่ ก้าวขาจะหลบแดดก็สั่นเสียจนเดินต่อไม่ไหวทรุดลงกลางพื้นคอนกรีตข้างประตูรถ ธารวารี! ภูบดีตะโกนร้องสุดเสียง รีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้ววิ่งมาช้อนตัวหล่อนหญิงสาวคอพับคออ่อนหมดสติไปแล้ว รี! รี! ฟื้นสิ ธารวารี! ทั้งเรียกชื่อทั้งตบแก้มหล่อนเบาๆ แต่คนในอ้อมแขนไม่มีอาการตอบสนองแถมตัวหล่อนยังร้อนจัดจนเขารู้สึกได้ ภูบดีก้มฟังเสียงอัตราการเต้นของหัวใจรู้สึกถึงความผิดปกติ ยายบ้าเอ๊ย! แน่แล้ว! หล่อนมีอาการของคนเป็นลมแดด ร่างสูงใหญ่รีบช้อนร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นนั่งเบาะข้างคนขับแล้วถอดเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาที่ทำให้ความร้อนในตัวหล่อนพุ่งสูงขึ้นโยนทิ้งไปด้านหลังก่อนจะปรับเบาะจนเอนสุดมือหนึ่งหยิบน้ำเย็นขวดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาราดไปบนตัวหญิงสาวจนหมดขวด อีกมือควานหาเสื้อยืดในกระเป๋าเป้ของตนมาเช็ดหน้าตาเนื้อตัวของหล่อนลดอุณหภูมิในร่างกายก่อนจะเปิดแอร์แรงสุดเท่าที่จะแรงได้แล้วออกรถไปในเวลารวดเร็ว ธาราลุกพรวดพราดจากที่นอนทันทีที่ได้ยินเสียงนาเคาะประตูดังต่อเนื่องไม่หยุดร่างท้วมหยิบชุดคลุมมาสวมก่อนจะเปิดประตู เจอแม่บ้านสาวยืนหน้าตื่นอยู่หน้าห้องเปิดฉากถามทันที คุณป้าเป็นอะไรคะ!ร้องลั่นบ้าน หนูตกใจหมด ไม่มีอะไรหรอก ธาราถอนหายใจเฮือกก่อนจะหันกลับเดินไปนั่งที่เตียงสีหน้ากังวลจนคนช่างสังเกตแบบนาคงรู้สึก ถึงได้ถามอีกรอบทั้งเข้ามานั่งข้างเตียงนวดเฟ้นแขนขาเอาใจ ฝันร้ายหรือคะคุณป้า อือ... อยู่ดีๆก็ฝันถึงยายรี ฝันไม่ค่อยดีเลย ฝันว่าอะไรคะเผื่อหนูจะได้ไปซื้อหวย นาตั้งหน้ารอคำตอบธาราถึงกับค้อน ย่ะ เห็นอะไรเป็นไม่ได้ต้องซื้อหวยแต่ไม่บอกหล่อนหรอกเพราะฉันลืมหมดแล้ว จะบอกได้อย่างไรว่าฝันไม่ดีเกี่ยวกับลูกสาว ธาราส่ายหน้าไล่ความคิดว้าวุ่นก้มหน้าซบฝ่ามือขับไล่อาการปวดหัวที่แล่นเข้ามาเยือน ว้า! เสียดายจัง ไม่เป็นไรนะคะคุณป้า คิดซะว่าฝันไม่ดีแปลว่าจะมีเรื่องดีนะคะ นาตอบเอาใจ หกโมงเช้าแล้วใส่บาตรกันไหมคะคุณป้าเผื่อจะได้สบายใจ ธาราพยักหน้าแล้วเหลือบมองนาฬิกาติดฝาผนังบ่งบอกเวลาหกโมงเย็นสิบห้านาที ป่านนี้ที่โน่นคงใกล้เที่ยงแล้ว ธารวารีจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้พอฝันไม่ดีแบบนี้ก็เริ่มอยากคุยโทรศัพท์กับลูกสาวตัวดีได้ฟังเสียงสักนิดหล่อนคงคลายใจ นาไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะมาหน่อยสิฉันจะโทรหาลูก ค่ะ คุณป้า นากุลีกุจอไปหยิบโทรศัพท์ยื่นส่งให้ธาราไม่รอช้ารีบกดโทรออกหาลูกสาวทันที ยายรี ทำอะไรอยู่ลูกทำไมรับโทรศัพท์ช้าจริง น้ำเสียงคุ้นเคยดังมาตามสายโทรศัพท์ภูบดีฟังแล้วได้แต่นิ่งไป เจ้าของเครื่องยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงพยาบาล เขาจะกล้าตอบได้อย่างไรในเมื่อคนโทรมาคือป้าธาราถึงแม้ธารวารีปลอดภัยดีแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถจะรับโทรศัพท์ได้และคงให้ป้ารู้ไม่ได้ว่าหล่อนไม่สบาย ถ้าไม่ติดเสียงที่ฟังดูร้อนรนแสดงความเป็นห่วงลูกสาวมากมายเขาคงจะตัดสายทิ้งไปแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ ได้ยินแม่รึเปล่า รีแม่ไม่ได้ยินหนูเลย สงสัยสัญญาณระหว่างประเทศจะไม่ค่อยดี รีไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวไปครับ...คุณป้า เอ๊ะ! นี่ใคร! รุจหรือลูก แม่ตกใจหมดเลยที่เป็นเสียงผู้ชายลืมไปว่าเราสองคนนัดเจอกัน ขอโทษนะที่จำไม่ได้ ชายหนุ่มนิ่งไปอีกอึดใจยังไม่ทันได้ตอบธาราก็ถามซ้ำ รุจ! ถ้าน้องกลับมา ให้โทรหาด้วยนะ ได้ยินรึเปล่า แม่ฟังรุจพูดไม่ค่อยได้ยินเลย ฟังอยู่ครับ แต่สัญญาณไม่ค่อยดีเลยครับคุณป้าไม่ต้องห่วง รีสบายดีครับ เดี๋ยวนี้พูดจาห่างเหินจังเรียกแม่เหมือนเดิมสิจ๊ะ ธาราเอ่ยน้ำเสียงใจดีแต่ภูบดีหัวใจกระตุกวูบตอบกลับเสียงเบาลืมไปเสียสนิทว่ารุจิภพเป็นคู่หมั้นของธารวารีจะแปลกอะไรถ้าหากธาราจะเรียกพี่ชายของเขาแบบถือสนิทตามลูกสาวตัวเอง ครับคุณแม่ พูดไปแล้วก็กระดากปากเขาเกือบพลาดให้ธาราจับได้แค่คำพูด เดี๋ยว! ลูกอย่าลืมบอกน้องโทรหาแม่ด้วยนะ อะไรนะครับ! ผมไม่ได้ยิน เอาไว้จะบอกให้โทรกลับนะครับ เขาแกล้งทำเสียงอู้อี้ดังไปตามสายเป็นการตัดบทเพราะกลัวความแตกแล้วก็ได้ผลเมื่อธาราตอบรับและวางสายไปในเวลารวดเร็ว ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจพรูโล่งอกหันไปมองหญิงสาว กลัวอะไรวะไอ้ภูก็แค่โกหกให้ป้าสบายใจ แกไม่ได้รับสมอ้างเป็นพี่รุจสักหน่อย ภูบดีพึมพำกับตัวเองมองร่างบอบบางในชุดคนไข้นอนนิ่งมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงรยางค์ แล้วคว้าเก้าอี้มานั่งข้างเตียงมองดวงหน้ากลมซีดเซียวหลับไม่รู้เรื่องเหมือนคนหมดแรงเอื้อมมือไปสัมผัสดวงหน้าปัดปอยผมตกลงมาให้เข้าที่เข้าทาง ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากไม่งั้นผมคงไม่รู้จะตอบป้ายังไง คุณนี่ท่าทางแข็งแรงซะเปล่าเป็นอะไรไม่เป็นมาเป็นลมแดดที่นี่อ่อนแอเหยาะแหยะเหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด อวดเก่งชอบให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เขาบ่นหล่อนรู้ว่าบ่นไปธารวารีก็ไม่ได้ยิน ราวกับโลกทั้งโลกมีเพียงเขาและหล่อน ภูบดียกมือเล็กซีดเซียวขึ้นมาจูบเบาๆให้ไออุ่นไม่ทันได้สนใจมองว่าพยาบาล เจ้าหน้าที่ ทั้งผู้คนวิ่งกันขวักไขว่ผ่านไปมาหน้าห้องที่ธารวารีนอนให้น้ำเกลืออยู่รวมกับผู้ป่วยรายอื่นที่แน่นขนัดทุกเตียงในห้องฉุกเฉิน ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกพร้อมเตียงที่บุรุษพยาบาลกระวีกระวาดเข็นคนเจ็บเข้ามาตามมาด้วยเสียงจอแจของคนแต่งกายคล้ายชนเผ่าที่เขาเห็นเมื่อวานตามเข้ามาติดๆหลายคนจนเต็มห้อง ภูบดีลุกขึ้นยืนมองด้วยความสนใจทันทีที่ได้ยินเสียงพูดโต้ตอบกันเป็นภาษาท้องถิ่นที่เขาฟังไม่เข้าใจแต่ดูจากลักษณะและน้ำเสียงเกรี้ยวกราดคล้ายออกคำสั่งกลายๆ ของคนหนุ่มที่สุดในกลุ่มแล้วก็ได้แต่สังเกตอาการชายชราบนเตียงไปด้วยความสงสัย ตัดสินใจคว้าแขนพยาบาลสาวที่โดนโวยใส่จนหน้าซีดตัวสั่นจะออกไปจากห้อง เคสนี้เป็นอะไรมา... คุณพยาบาลเขาถามด้วยภาษาอังกฤษ คิดว่าหล่อนคงเข้าใจ นางพยาบาลที่หน้าซีดอยู่แล้วถึงกับสะดุ้งกระซิบบอกเบาๆ พ่อเฒ่าเผ่ามูร์ซีเกิดอุบัติเหตุระหว่างทะเลาะวิวาทกับเผ่าเชอร์มาค่ะ แล้วอาการเป็นยังไง ลูกชายบอกว่าพ่อเขามีอาการอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วค่ะดิฉันเกรงว่าจะแย่ แล้วหมอยังไม่มานี่นะดูคนไข้อาการไม่ค่อยดีเลย เช็คละเอียดรึยัง อย่าปล่อยไว้นาน ชายหนุ่มเหลียวมองคนไข้เห็นแต่คนมุงเต็มเตียงจนไม่สามารถมองเห็นได้ถนัด คนไข้เข้ามารักษาฉุกเฉินกับเราค่ะตอนนี้กำลังเช็คประวัติการรักษาย้อนหลังอยู่นางพยาบาลตอบสีหน้าเครียด แต่เอ๊ะ! คุณถามทำไมคะหรือว่าคุณเป็นหมอ เปล่าๆ ผมก็แค่สงสัย ภูบดีบอกปัดยังคงมองคนป่วยที่อยู่เตียงในสุดด้วยสายตาพินิจ ผมว่าเอกซเรย์ช่องท้องก่อนดีกว่ามั้งท่าทางไม่ธรรมดา คุณหมอติดเคสหนักอยู่ในไอซียูเรากำลังตามตัวคุณหมออีกท่านอยู่ค่ะ แต่พอดีเป็นวันหยุดก็เลยติดขัดไปหมด พยาบาลตอบแต่สีหน้าไม่ดี ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ หล่อนรีบออกไปจากห้องภูบดียังคงติดใจมองผู้เฒ่าไม่วางตา บรรยากาศห้องฉุกเฉินที่แออัดเป็นปกติอยู่แล้วยิ่งแทบหายใจไม่ออกเมื่อเต็มไปด้วยญาติพ่อเฒ่าดูว่าคนป่วยน่าจะเป็นคนสำคัญ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ญาติจะเข้ามาวุ่นวายในห้องฉุกเฉินแล้วส่งเสียงดังรบกวนคนป่วยเตียงอื่นๆแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่เขาก็ได้แต่คิด! เมื่อมองสบดวงตาคมของหนุ่มร่างสูงหนึ่งในกลุ่มที่ดูจากการแต่งกายแล้วน่าจะแตกต่างจากคนอื่นมากพอดู ไม่ทันจะกลับไปเฝ้าธารวารีต่อร่างสูงบึกบึนเจ้าของดวงตาคมผิวเข้มในชุดชนเผ่าก็ก้าวออกมาจากกลุ่มมายืนขวาง ภูบดีถึงกับชะงักก่อนจะเดินหลบอีกทางไปที่เตียงคู่หู ธารวารีส่ายหน้าน้อยๆ สะลึมสะลือแต่ยังไม่รู้สึกตัวดี ภูบดีเห็นดังนั้นก็ไม่สนใจไยดีชายหนุ่มตรงหน้ารีบเบี่ยงหลบปรี่เข้ามาข้างเตียงจับมือหล่อนไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างลูบผมหล่อนเบาๆ คุณเป็นยังไงบ้าง ฉัน หล่อนตอบเสียงอ่อนระโหยโรยแรง ฉันจะไปหาพี่รุจ พอฟื้นขึ้นมาหล่อนก็จะไปตามหาพี่ชายของเขาทันทีภูบดียิ้มเยาะตัวเองก่อนตอบหล่อนเสียงขุ่น ฟื้นมาก็จะหาแฟนเคยห่วงตัวเองบ้างไหม ก็... ฉันดีขึ้นแล้วและก็ไม่อยากเสียเวลานานไปกว่านี้ สุขภาพตัวเองคิดว่าเป็นเรื่องเสียเวลามากรึไง เขาประชดเข้าให้ด้วยความหมั่นไส้หล่อนไม่ต้องเถียงเลย ถ้าวันนี้ยังไม่ดีขึ้นก็อย่าหวังจะได้ไปต่อผมเหนื่อยที่จะต้องดูแลคุณแล้วนะ ธารวารีหน้าเสียมองชายหนุ่มด้วยสายตาผิดหวังหล่อนก้มหน้าไม่พูดไม่จาอีก ภูบดีส่ายหน้าเมื่อเห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากไม่ใช่เพราะเห็นหล่อนเป็นตัวภาระ แต่ที่ต้องพูดแบบนี้เพื่อให้ธารวารีรู้ตัวไม่ดื้อแพ่งทำอะไรไม่ประเมินสภาพของตัวเองอีกอย่างน้อยชีวิตหล่อนก็สำคัญกว่าสิ่งใด ถ้าหากวันนี้เขาพาหล่อนมาไม่ทันหรือปฐมพยาบาลไม่ถูกลักษณะ เป็นไปได้ว่าหล่อนอาจจะช็อกตายเพราะโรคลมแดดเป็นแน่ ถ้าอย่างนั้นน้ำเกลือหมดเราเดินทางกันต่อเลยนะนายภูหล่อนต่อรองหน้าจ๋อย ฉันขอร้อง ภูบดีส่ายหน้าปฏิเสธแทบไม่ต้องคิด งั้นตกลงตามนี้ห้ามเถียง ภูบดียื่นคำขาด คุณต้องรักษาตัวเองให้แข็งแรงก่อนพรุ่งนี้เราค่อยเดินทางต่อ แต่ว่า ช้าไปสักวันสองวันแฟนคุณไม่หนีไปไหนหรอกน่า ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ลูกชายพ่อเฒ่ามูร์ซีที่กำลังเดินตรงเข้ามาหน้าตาถมึงทึง ชายหนุ่มผิวเข้มประกาศก้องทั่วห้องฉุกเฉินด้วยภาษาถิ่นสักพักก็เดินเข้ามาตะคอกใส่ภูบดีเสียงเข้มเป็นภาษาอังกฤษ เจ้า! เป็นหมอรึเปล่า ภูบดีเลิกคิ้วมองจ้องไม่หลบสายตาแบบคนอื่นดวงตาคมของลูกชายพ่อเฒ่าน่าเกรงขามนัก ร่างหนาบึกเปลือยแผ่นอกผิวเข้มเต็มไปด้วยแผลเป็นในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยแบบชนเผ่าหน้าคาดแถบสีสดสามเส้น ซีกหน้าขวาเต็มไปด้วยรอยวาดสีขาวเป็นรูปจุดขนาดเล็กๆเป็นลายโค้งไปมาตามรูปหน้า สวมสร้อยลูกปัดสีสดรุงรังเต็มคอนับสิบเส้นทรงผมครึ่งหัวอาบน้ำมันจนมันวับ เส้นผมสั้นติดหนังหัวเคลือบไปด้วยสีน้ำตาลมันวาว ดูแปลกตาและน่าเกรงขามจนคนโดนถามนิ่งไปชั่วอึดใจ ว่าไง! ข้าถามทำไมไม่ตอบ แล้วจะถามทำไม...ภูบดีตอบไม่เต็มเสียง เจ้ารู้วิธีรักษา ชายผิวเข้มตะคอก ข้าได้ยินที่พูดกับพยาบาล อย่ามาโกหก! ภูบดีตาวาวกำหมัดแน่น มองธารวารีคิดหนัก คุณเข้าใจผิดแล้วเขาตอบขึงขังประหยัดคำ โกหก! ข้าได้ยินกับหู หนุ่มผิวเข้มเสียงขึงขัง ภูบดีถึงกับสะอึกพูดไม่ออกเพราะสายตาของธารวารีที่จ้องทั้งเขาและลูกชายหัวหน้าเผ่าไม่วางตาหล่อนไม่พูดอะไรเลยแต่พยายามถอดสายน้ำเกลือและชันตัวลุกขึ้นนั่งจะลงจากเตียง จะทำอะไรธารวารี! ฉันหายแล้วจะไปหาพี่รุจ หล่อนหลบตาวูบง่วนกับการแกะเทปที่ยังคาอยู่ข้อพับแขนจนมือสั่น ภูบดีปรี่เข้าไปปัดมือ แล้วตะคอกหล่อนเสียงเข้ม อย่าแกะคุณทำเองไม่ได้ ฉันทำไม่ได้แล้วนายทำได้รึไงหล่อนตอบเสียงขุ่นไม่แพ้กัน ภูบดีส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะค่อยๆแกะเทปและถอดเข็มออกเมื่อเห็นว่าน้ำเกลือไม่หลงเหลืออยู่ในสายแล้ว ธารวารีจ้องมือชายหนุ่มที่ค่อยๆแกะเทปให้อย่างเบามือ หล่อนไม่พูดไม่จาแต่น้ำตาคลอ เมื่อแกะเทปเรียบร้อยภูบดีก็ทรุดนั่งข้างเตียง เจ็บไหม เขาถามแล้วลูบเรือนผมหล่อน ขอโทษ ที่ผมตะคอกคุณ นายเป็นหมอจริงๆ สินะ หล่อนพึมพำสายตาผิดหวัง ภูบดีรีบปฏิเสธ มันจะสำคัญอะไร สำคัญสิ มันสำคัญที่ความเชื่อใจหล่อนตอบแล้วเหลือบตามอง ภูบดีนิ่งงันไปเขาควรจะตอบหล่อนว่าอย่างไรดีในเมื่อความจริงมันค้ำคอ เขาไม่ได้ตั้งใจปดหล่อนแค่ไม่ตอบความจริงแค่นั้น ลูกชายผู้เฒ่ามูร์ซีมองสบตาภูบดีที่หันมาพอดีก่อนจะวิ่งกลับไปยังเตียงพ่อเพราะเสียงโวยวายจากผู้ติดตามร้องเรียกหมอและพยาบาลให้มาดูอาการ ภูบดีมองตามนึกเป็นห่วงอาการพ่อเฒ่าซึ่งนั่นไม่พ้นจากสายตาธารวารี ทำไมต้องโกหกกัน หล่อนถามเสียงสั่น เป็นหมอไม่ดีตรงไหนได้ช่วยเหลือคนอย่างพ่อเฒ่าคนนั้นถ้านายเป็นหมอจริงไม่คิดจะไปดูหน่อยหรือไง ผมอยากช่วย แต่... งั้นก็ช่วยสิ หล่อนเงยหน้าสบตา ดวงตาเหือดแห้งเหมือนเก็บกักน้ำตาสำเร็จ หรือชีวิตชาวเผ่าที่ต่างจากเราดูไม่มีความหมายพอที่นายจะช่วย ไม่ใช่อย่างนั้นอย่าวัดคนที่ชาติพันธุ์สิ ภูบดีถอนหายใจหน้าเครียด เอาไว้ผมค่อยอธิบาย เมื่อไหร่ล่ะหรือต้องรอให้ตายก่อน ยังไม่ทันที่ภูบดีจะตอบพยาบาลก็วิ่งเข้ามาพร้อมแพทย์ประจำบ้านที่เข้ามาตรวจอาการด้วยท่าทางตื่นกลัว ลูกชายหัวหน้าเผ่าถอยออกมายืนข้างเตียงมองการรักษาไม่วางตาพร้อมประกาศเสียงลั่นว่าจะปิดโรงพยาบาลเมื่อคุณหมอหนุ่มอธิบายความไม่ได้อย่างใจและไม่จริงใจในการรักษา สองหนุ่มสาวถึงกับมองหน้ากันเมื่อฟังจบภูบดีแสดงอาการไม่พอใจอย่างมาก ลุกพรวดทำให้ธารวารีรีบลงจากเตียงแต่ก็ได้แต่มองเพราะเขาเดินเข้าไปหาลูกชายผู้เฒ่าแล้วเปิดฉากถามทันที นี่ถึงขนาดจะล้อมปิดโรงพยาบาลเพื่อกดดันให้หมอมารักษาพ่อนี่นะมันจะเกินไปรึเปล่า แล้วเจ้า...มีปัญหาหรือยังไง หนุ่มเข้มร่างกำยำเดินเข้าหา จิ้มที่หน้าอกภูบดีอย่างแรง คุณจะกักขังใครไว้แบบนี้ไม่ได้ พวกเราไม่ใช่ตัวประกันของคุณเรามีธุระต้องเดินทางไปบาฮีดาร์วันนี้ นายภู! ใจเย็นๆ ไม่วายที่ธารวารีจะเข้าไปยื้อไว้เพราะกลัวอันตรายแต่ก็ไม่ทันเมื่อภูบดีสะบัดแขนแล้วเข้าประชิดตัวลูกชายพ่อเฒ่า พวกเราจะไปนายหรือใครก็กักขังไม่ได้ ถ้าหาหมอมารักษาพ่อข้าไม่ได้ก็อย่าหวัง ลูกชายพ่อเฒ่ายื่นข้อเสนอหน้าตาขึงขัง งั้นผมรักษาเอง พอใจรึยัง ภูบดีหลุดปากเมื่อเหลือบมองอาการพ่อเฒ่าแล้วน่าวิตกกว่าที่คิด ภูบดีมองนิ่งไม่หลบสายตาน่าเกรงขามสักนิด ธารวารีตามติดเกาะแขนเขาแน่นด้วยความตื่นกลัวกระซิบชายหนุ่มเสียงเบา แน่ใจนะนายพี ถ้าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาละจะทำยังไง ไหนเมื่อกี้คุณเพิ่งด่าว่าผมว่าไม่สนใจชีวิตคนจะเป็นจะตาย ฉันก็แค่ถามให้แน่ใจว่านายไหวแน่นะ ไม่ได้ด่านายซะหน่อย ธารวารีกระซิบ สีหน้าเหยเกเมื่อมองสบลูกชายพ่อเฒ่า ภูบดีกระชับมือหล่อนไว้ข้างตัวและกระซิบข้างหูเขาจะไม่ตายถ้าฝากชีวิตไว้ในมือผม แต่ว่า... หล่อนเริ่มคิดหนักเมื่อเห็นท่าทีขึงขังของชายกำยำชาวเผ่าที่กรูเข้ามาใกล้ เชื่อใจผม ไม่ว่าคุณหรือพ่อเฒ่า จะไม่มีใครเป็นอันตราย สองหน่มสาวยืนชิดติดกันระแวงระวัง มองรอบกายเจอแต่ชายผิวเข้มในชุดชาวเผ่าก้าวเข้ามาเป็นวงล้อม คิดนานขนาดนี้ แสดงว่ารังเกียจที่จะรักษาพ่อข้าสินะลูกชายหัวหน้าเผ่าเข่นเขี้ยว ข้าเข้าใจแล้ว มนุษย์ซีกโลกไหนก็เหมือนกันหมดเห็นแก่ตัว ปกป้องตัวเองไม่สนใจว่าใครจะตายลงตรงหน้า ขอแค่ตัวเองไม่เดือดร้อนก็พอ ผมไม่ได้บอกสักคำว่าจะไม่ช่วย ภูบดีอดใจอ่อนไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำแต่การทำอะไรโดยไม่คิดถึงผลดีผลร้ายที่จะตามมาก็ไม่ได้เช่นกัน งั้นถ้านายเป็นหมอก็ช่วยพ่อข้าด้วยหมอคงมีจรรยาบรรณพอคงไม่ปล่อยให้คนไข้ตายไปต่อหน้า แต่หมอทั้งดิเรดาวาคงมีสักคนที่สามารถรักษาพ่อคุณได้ภูบดียังสงสัยแล้วหันไปถามหมอประจำบ้านที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา ใช่ไหมหมอ เอ่อ... คือว่า หมอหนุ่มอึกอัก เหงื่อโซมกาย เกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นครับ หมอคนนี้บอกว่าต้องรอหมอเฉพาะทางโรคหัวใจกำลังเดินทางมาจากแอดดิส-อบาบากว่าจะมาถึงพ่อข้าคงตายก่อน ถ้าข้าไม่ยื่นคำขาดว่าจะปิดโรงพยาบาลแบบนั้นมันคงไม่มารีบมา จริงหรือหมอ เป็นไปได้ยังไงกันภูบดีขมวดคิ้วถามเสียงเครียดเมื่อไม่ได้รับคำตอบมีเพียงกิริยาพยักหน้าเป็นคำตอบ แล้วโรงพยาบาลอื่นในเมืองนี้ล่ะ คือ ก็มีเหมือนกันค่ะแต่ว่าเราส่งต่อไม่ได้เพราะหมอฝรั่งติดเคสหนักมากเช่นกันค่ะ อยากรักษาต้องรอค่ะ พยาบาลที่พอจะควบคุมความกลัวได้โพล่งตอบแทนหมอประจำบ้านที่ยืนตัวลีบในวงล้อม ภูบดีฟังแล้วถอนหายใจหน้าเครียดกว่าเดิมมือกระชับแน่นหญิงสาวไม่ยอมปล่อย นี่มันมัดมือชกชัด ๆภูบดีสบถ หันไปสั่งพยาบาล งั้นเตรียมห้องผ่าตัดเลยผมจะทำเอง ขอบคุณ! ของคุณมากนะหมอ พวกเราเผ่ามูร์ซีสัญญาว่าจะทำให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ ขอเพียงให้พ่อของข้ารอดทุกคนในโรงพยาบาลจะปลอดภัย แต่ถ้าไม่คนของข้าก็ล้อมไว้หมดแล้ว ปล่อยคนอื่นๆก่อนอย่ามาต่อรองชีวิตคนด้วยวิธีนี้ ให้คนของคุณถอนกำลังออกไปให้หมด แล้วผมจะช่วย ไม่ได้! ถ้าเกิดหมอไม่รักษาคำพูด หนุ่มผิวเข้มบอกน้ำเสียงขึงขัง เคสนี้ไม่ถึงตายหรอกถ้าได้รับการผ่าตัด แต่ถ้าปล่อยไว้นานไปอาจช็อคถึงตายได้ ภูบดีบอกขึงขัง รู้ได้ยังไงว่าไม่โกหกหมอไม่แม้แต่จะดูอาการพ่อข้าด้วยซ้ำ ถ้าไม่เชื่อผม จะปล่อยให้พ่อคุณตายก็ตามใจ ภูบดีเสียงขุ่นไม่รู้ตัว ธารวารีมองท่าทางขึงขังเอาการเอางานของชายหนุ่มแล้วรู้สึกแปลกๆ จนต้องเดินหนีไปตรงหน้าต่าง เห็นประตูด้านหน้าถูกปิดและควบคุมไว้โดยคนของเผ่าและผู้คนแตกตื่นหนีออกมาออกันเต็มหน้าประตูรั้วหล่อนถึงกับตกใจหันมาบอกภูบดี นายพี! ฉันว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ภูบดีชะโงกหน้าออกไปมองสีหน้ายุ่งยากทันทีเมื่อเห็นรถพยาบาลเปิดไซเรนเสียงดังลั่นจะเข้ามาด้านในแต่ไม่สามารถเข้าได้ทั้งผู้คนแตกตื่นออเต็มไปหมด ทั้งนักข่าวที่เริ่มไหวตัวเตรียมมารอทำข่าวเขาหันไปหาลูกชายหัวหน้าเผ่าแล้วยื่นข้อเสนอ เท่าที่ดูอาการภายนอก คนไข้เหมือนมีเลือดตกในน่าจะต้องผ่าตัด ก่อนอื่นตอนนี้ต้องพาไปเอกซเรย์ดูช่องท้องโดยเฉพาะหัวใจอาการแบบนี้อาจเป็นลิ้นหัวใจรั่วหรือไม่ก็ผนังหัวใจรั่ว หมอแน่ใจนะว่าพ่อข้าจะหาย ลูกชายหัวหน้าเผ่าสีหน้าลังเลขึ้นมา ภูบดีถอนหายใจเฮือกยื่นคำขาด คุณเอาแต่ถามมากแบบนี้พ่อคุณคงอาการหนักก่อน ว่าไง จะให้ผมรักษารึเปล่า หนุ่มผิวเข้มนิ่งไปอึดใจก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้ผู้ติดตามออกไปจัดการพวกที่ล้อมหน้าประตูรั้วโรงพยาบาลส่วนภูบดีหันไปคุยเรื่องวางแผนการรักษาก่อนที่พยาบาลสาวจะรีบวิ่งออกไปพร้อมกับบุรุษพยาบาลสวนเข้ามาในห้องและเข็นเตียงคนไข้ออกไปอย่างเร่งรีบ ธารวารีอึ้งไปเลยเมื่อได้ยินคำพูดทุกคำที่นายพีมาดเซอร์พูดกับลูกชายผู้เฒ่าเขาเป็นหมอจริงๆ หมอโดยอาชีพ ไม่ใช่นายพีคนจรไม่มีหัวนอนปลายเท้าหรือนักท่องเที่ยวแบบที่หล่อนเข้าใจ มิน่า...เขาถึงช่วยชีวิตหล่อนหลายครั้งหลายคราโดยไม่เคยเฉลียวใจ! ธารวารีตามออกไปเห็นแผ่นหลังชายหนุ่มลิบๆแล้วก็รู้สึกแปลก เป็นครั้งแรกที่มองนายพีในอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยเห็น จู่ๆก็รู้สึกใจหายที่เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่หล่อนเข้าไม่ถึง เวลาผ่านไปพักใหญ่ท่ามกลางความอึมครึมของผู้คนในโรงพยาบาลและความอึดอัดใจของธารวารีที่เหมือนเป็นตัวประกันระหว่างพ่อเฒ่าเผ่ามูร์ซีเข้ารับการรักษา ภูบดีออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปลอดเชื้อยืนนิ่งหน้าห้องผ่าตัดด้านในมองผ่านกระจกประตูออกมา ธารวารีลุกขึ้นมายืนตรงหน้าประตูด้านนอกส่งสายตาให้กำลังใจครู่ใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะหันหลังกลับเข้าไปด้านใน หญิงสาวถอนหายใจหนักหน่วงแล้วมานั่งเก้าอี้หน้าห้องลูกชายหัวหน้าเผ่ามานั่งลงข้างๆ สีหน้าหวาดหวั่นไม่แพ้กัน เขาเหลือบมองหล่อนก็ยิ้มแหยไม่กล้าคุยด้วย ต่างคนต่างเงียบอยู่ในภวังค์ของตัวเองโดยไม่มีใครพูดอะไรสักคำ...
Create Date : 24 มกราคม 2560 |
Last Update : 24 มกราคม 2560 16:51:26 น. |
|
28 comments
|
Counter : 1763 Pageviews. |
|
|