อัมฮารา...สุดปลายทางที่ความรัก บทที่ 14 (สนพ.ที่รัก)
บทที่ 14 : คนไกลหรือคนใกล้
ดีเวล เมืองชายแดนติดประเทศจิบูติ ที่ธารวารีและภูบดีได้มาเห็นกับตาช่างแห้งแล้งไร้สิ่งจรรโลงใจโดยสิ้นเชิงไม่มีแหล่งชุมชนบ้านเรือนตลอดทางที่ผ่านมีเพียงตึกสูงไม่เกินสามชั้นลักษณะคล้ายแฟลตขนาดเล็ก มองจากเนินสูงที่จอดรถ เหมือนภาพกล่องไม้ขีดเรียงกันสองแถวตัดผ่านกลางด้วยถนนดินแดงตลอดทางเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งไปทั่วจนตัวตึกเต็มไปด้วยสีหม่นขมุกขมัว ที่นี่เหมือนไม่ใช่โลกเรา ฉันนึกว่ากำลังอยู่บนผิวดวงจันทร์ซะอีก ธารวารียกมือป้องแดด ท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง ดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ภูบดีลงจากรถมายืนเคียงข้างเสียงถอนหายใจหนักหน่วงทำให้หญิงสาวหันมอง เหมือนไม่ค่อยมีบ้านคนเลยนอกจากตึกแถวสองตึกกับบ้านหลังเล็กหลังน้อยกับกระโจมเล็กๆ ที่ชายแดนนั่น ผมไม่แน่ใจว่าเราจะได้อะไรจากการมาที่นี่ ภูบดีพูดจบ เหลือบมองหญิงสาวข้างกายขนาดไม่สบายหล่อนยังมีแก่ใจพกกล้องลงมาถ่ายรูปเก็บภาพได้อีก ต้องได้สิ อย่างน้อยก็ต้องมีเบาะแสของพี่รุจ ธารวารีตอบไม่มอง แต่ใจฝ่อเมื่อมองไปไม่เห็นสักอย่างที่บ่งบอกว่ามีลักษณะเป็นค่ายองค์การแพทย์ไร้พรมแดน นอกจากสิ่งปลูกสร้างกระจัดกระจายท่ามกลางทะเลทรายสีน้ำตาลเข้มขุ่นไม่มีแม้แต่ร่องรอยว่าเคยอยู่มาก่อน ยิ่งมองข้ามชายแดนไปที่ราบฝั่งจิบูติยิ่งแล้วใหญ่เหมือนทะเลทรายแห้งแล้งไร้ผู้คน ฝั่งโน้นก็ไม่ต่างกันเลย สีทะเลทรายแปลกๆ ไม่เหมือนที่อื่น ธารวารีมองตาม ฉุกใจคิด นี่ละมั้งผลของความแห้งแล้งที่มาจากภูเขาไฟดัลลอว์ทางทิศเหนือ เป็นไปได้นะ ภูบดีพยักหน้าเห็นด้วย แม้แต่ต้นไม้ยังไม่มี อย่าคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยเลย ฉันว่าเราน่าจะเข้าไปถาม เผื่อมีเบาะแส หล่อนหันมาถามมือยังถือกล้องค้าง ไม่มั่นใจสักนิดว่าสิ่งที่เห็นจะเรียกว่าบ้านมันเหมือนซากปรักหักพังของสิ่งที่เคยมีอยู่แต่ถูกรุกราน หรือไม่ก็เป็นกระโจมผู้อพยพมากกว่า ช่างแห้งแล้งและไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าศิวิไลซ์ทั้งที่เป็นประเทศติดทะเล ผมจะลองไปถามตรงนั้นดู รอที่นี่ก็แล้วกันนะ ฉันไปด้วย หล่อนตอบสั้นๆ เก็บกล้องใส่กระเป๋าท่าทางอ่อนระโหยไม่กระตือรือร้นมากอย่างเคยแถมตาลอยจนเขานึกเป็นห่วง คุณรอที่นี่เถอะเดี๋ยวผมมา เขาตอบก่อนจะยกหลังมือขึ้นตั้งท่าแตะหน้าผากวัดไข้ธารวารีสะดุ้งยกมือปัดแล้วถอยห่างไปจนชนกระโปรงหน้ารถ ไม่ต้องหรอกฉันไม่เป็นไร อย่าดื้อ ภูบดีแตะหลังมือที่หน้าผากหญิงสาวอีกรอบ ไข้ขึ้นแบบนี้ไม่เป็นไรได้ไง ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ธารวารีตอบเสียงแผ่ว ไปด้วยกันดีกว่าจะได้ช่วยกันคิด หล่อนตั้งท่าจะออกเดินนำภูบดีคว้าแขนเรียวไว้แล้วดึงหล่อนหมุนตัวกลับมา อะไร ผมว่าผมไปดูก่อนดีกว่า แต่ฉันอยากไป หล่อนดื้อแพ่ง แต่สีหน้าเหนื่อยอ่อน อย่าเลยคุณเป็นผู้หญิง มันอันตราย แต่ฉัน... ธารวารีแย้ง แต่เมื่อสบตาชายหนุ่ม หล่อนก็ถอนใจยอมจำนน แต่รอที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่เป็นภาระนาย ภูบดีสบตาหล่อนชั่วครู่ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังกลุ่มชายหญิงที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่บนม้านั่งริมทางหน้าเพิงเล็กๆ ลักษณะเหมือนร้านขายของ ชายหญิงพื้นถิ่นผิวดำสามคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคนเมืองบ่งบอกลักษณะว่าไม่ใช่ชาวเผ่า ทำให้ภูบดีลดความหวาดระแวงลงได้บ้างชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าเมื่อทั้งสามคนหันมาและหญิงกลางคนหนึ่งเดียวในกลุ่มผุดลุกเดินหายเข้าไปด้านในบ้านเก่าคร่ำคร่า ชายชราหนึ่งในสองลุกยืนจังก้าเมื่อภูบดีเข้ามาใกล้สีหน้าหวาดระแวงและหันไปพูดกับชายอีกคนที่อ่อนวัยกว่าเป็นภาษาถิ่นทำให้ภูบดีถึงกับหน้านิ่ว เขาฟังไม่รู้เรื่องและไม่แน่ใจว่าทั้งสองจะฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องหรือไม่ แต่ก็เปิดปากพูดออกไป ไม่ทราบว่าค่ายองค์การแพทย์ไร้พรมแดนอยู่ที่ไหนครับภูบดีถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนฟังจึงรีบต่อ ผมหมายถึงแพทย์MSF น่ะครับ ชายชราขมวดคิ้วมุ่นเหลือบมองชายอีกคนก่อนตอบ จะไปทำไม ภูบดีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเมื่อได้ฟังแสดงว่าชายชราตรงหน้าต้องรู้ ผมมีคนป่วยมาด้วยในรถเธอไม่สบายมากและต้องการหาหมอที่ใกล้ที่สุด ได้ยินว่าที่นี่มีหน่วยแพทย์อาสาอยู่ก็เลยรีบมา ที่นี่เคยมี ชายชราตอบ เคยมีเท่ากับว่าตอนนี้ไม่มี! คิดทบทวนคำชายชราแล้วทำให้ภูบดีหน้าเสีย แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะครับ ย้ายไปชายแดนเอริเทรียกับที่อื่นๆหมดแล้ว ชายชราตอบ ชายอ่อนกว่าลุกตามมาคุยแล้วเสริมต่อเหมือนรู้ดีกว่า โดนระเบิดเมื่อปีกลายน่ะคุณหมดเลยไม่เหลืออะไรเลย โรงพยาบาลเล็กๆ เหลือแต่ซากปรักหักพังตรงโน้นไง ภูบดีมองตามใจหายวาบเมื่อภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือซากตึกเก่าที่พังไม่มีชิ้นดีและทรุดโทรมตามกาลเวลาจนดูไม่รู้ว่าที่แห่งนั้นเคยเป็นสถานพยาบาลมาก่อน แล้วหมอคนไทยล่ะครับภูบดีระล่ำระลักถาม ปลอดภัยรึเปล่า ชายสองคนมองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันเล่า หมอประจำก็ตายไปหลายคน เราไม่ได้ยินว่ามีหมอคนไทยตายนะแล้วที่เอริเทรียก็ไม่มีหมอไทย ชายชราตอบ ว่าแต่คุณถามหาหมอคนไทยทำไม ภูบดีอึกอักคิดหาคำตอบแต่เห็นสายตาสงสัยดูระแวดระวังของชายทั้งสองแล้วตัดสินใจบอกไปตามจริงเขาต้องรู้ให้ได้ว่าพี่ชายหายไปไหน คือหมอคนหนึ่งในคณะเป็นเพื่อนของเราครับคุณรู้จักไหม ภูบดีหยิบภาพถ่ายจากในกระเป๋าเสื้อยื่นส่งให้ ชายชราก้มมองภาพแล้วพยักหน้า ดร.รุจ เรารู้จัก ชายอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย เขาใจดีมากมาดูแลฉีดวัคซีนให้พวกเราและพวกแถบโซมาลีเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ ภูบดีเสียงขาดห้วง ทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ตามเบาะแสมาจนใกล้ขนาดนี้ เขาเป็นยังไงบ้าง อยู่ที่ไหน ผมอยากเจอ ตอนระเบิดหมอก็อยู่ที่นี่แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ ไม่มีรายชื่อหมอในกลุ่มผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บด้วย พอจะรู้ไหมครับว่าเขาอยู่ไหน เรารู้แค่ว่าหมอที่เหลือย้ายตามค่ายไปอยู่เอริเทรียแต่ที่นั่นไม่มีหมอไทยและเราก็ไม่แนะนำให้คุณไปเพราะชายแดนเอริเทรียอันตรายมากต้องผ่านทางจิบูติเข้าไปเพราะเส้นทางฝั่งเราเป็นแนวลาวาภูเขาไฟดัลลอว์มันอันตรายมาก ชายชราเป็นคนอธิบายส่วนชายอีกคนทำหน้าครุ่นคิดแล้วย้ำเสียงหนักแน่น อย่าได้คิดไปทางนั้นเลยนะคุณอันตรายมากเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ ภูบดีได้ฟังแล้วยิ่งคิดหนักดีที่ธารวารีไม่ได้ลงมาฟังด้วย ไม่อย่างนั้นมีหวังหล่อนคงยอมเสี่ยง เขาได้แต่เก็บข้อมูลไว้ในหัวสมองละเอียดยิบแล้วรู้สึกหนักใจไม่น้อย หรือหนทางจะตันเสียแล้ว... แล้วผมควรจะไปที่ไหนดี ชายหนุ่มทอดถอนใจ แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้เพราะชายสองคนก็ไม่รู้เช่นกันจึงได้แต่ขอปันซื้ออาหาร สักพักหญิงชราอีกคนก็ออกมาจากบ้านพร้อมสิ่งที่เขาต้องการ
ครู่ใหญ่ชายหนุ่มจึงกลับมาที่รถพร้อมของในมือเป็นน้ำหลายขวดแป้งเอนเจรากับน้ำแกงไข่เครื่องเทศ แกะย่างหนึ่งถุงใหญ่ และขนมปังก้อนอีกบางส่วนพอขึ้นนั่งประจำที่คนขับก็เหลียวมองหญิงสาวที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว ได้ความว่าไงนายภูหล่อนเปิดปากถามทันที คุณเป็นไงบ้าง เขาตอบไม่ตรงคำถามแล้วยื่นหลังมือแตะหน้าผากหล่อน ไหนวัดไข้หน่อยซิ ธารวารีเบี่ยงหน้าหลบบ่นพึมพำอีกแล้ว ผมเป็นห่วงนะ เขาบอกพร้อมกับแกะถุงอาหารให้ นี่เหมามาหมดเลยเอาไว้เป็นเสบียงกลางทาง เนื้อแกะย่างพอกินได้ใช่ไหมคุณ ได้ทั้งนั้นฉันไม่เรื่องมากหรอก แล้วที่ไปถามได้ความว่ายังไงบ้าง หล่อนกระตือรือร้นอยากรู้มากกว่าที่จะสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้า งั้นก็กินก่อนแล้วผมจะบอก ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มยัดเยียดขนมปังกับเนื้อแกะย่างถุงเล็กใส่มือหล่อน แล้ววางขวดน้ำไว้ให้ข้างกายธารวารีหน้ามุ่ยแต่ก็จำยอมเพราะหน้าตาขึงขังของภูบดีที่บ่งบอกความห่วงใย ฉันยังไม่หิวเลย กินไปเถอะ คุณต้องได้ยาอีกหน้ายังซีดอยู่ พอดีเป็นลมแดดยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย ธารวารีบิขนมปังก้อนกลมเนื้อเหนียวเป็นชิ้นเล็กเข้าปากแล้วหยิบเนื้อแกะย่างหั่นชิ้นเล็กตามหน้ากลมเหยเกแต่ก็พยายามเคี้ยวคำแรกผ่านไป แล้วหน้ามุ่ย ฝืดคอสงสัยฉันจะแย่แล้วนายภู กินอะไรก็ไม่อร่อย หล่อนหน้านิ่วหันมองแล้ววางขนมกับถุงแกะบนตักพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฉันจะตายก่อนเจอพี่รุจไหมเนี่ย เว่อร์ไป ภูบดีลูบผมหล่อนเบาๆด้วยความสงสาร ธารวารีถึงกับผงะหน้ามุ่ย กินสักหน่อยเถอะผมหาให้คุณได้เท่านี้ เอาไว้เราค่อยหาอาหารดีๆ กินกัน ฉันไม่ได้อยากกินอาหารดีๆหรอก แค่รู้สึกขมปากขมคอนิดหน่อย เพราะป่วยไง ภูบดีต่อให้ มองหน้าหญิงสาวนิ่ง แต่คุณควรกลั้นใจกินให้หมด ทำอย่างกับเป็นหมอส่วนตัว นายไม่ใช่หมอซะหน่อยจะมารู้ดีกว่าตัวฉันได้ยังไง หล่อนบ่นพึมพำแต่เขาไม่ทันได้สนใจเพราะมัวแต่เปิดฝาขวดน้ำให้คนป่วยแล้วยื่นส่งให้อีกธารวารีรับมาก่อนจะรีรอไม่ยอมกินยา ชายหนุ่มต้องคะยั้นคะยอรอบสอง กินเสร็จก็รีบกินยาตามทันทีท้องจะได้ไม่ว่างเร็วสิคุณอย่าให้ต้องปากเปียกปากแฉะ ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไรนายนี่เซ้าซี้เจ้ากี้เจ้าการกับฉันเหมือนใครสักคนนะ หล่อนขึ้นเสียงสูงหน้ามุ่ยพูดค่อนขอด ภูบดีถึงกับชะงัก เหมือนใคร เขาเป็นเพื่อนฉันตอนเด็กนายไม่รู้จักหรอก หล่อนตอบแล้วเปลี่ยนเรื่อง แล้วได้เรื่องอะไรบ้างไหม ตึกนี้เป็นของพนักงานรถไฟเฉพาะคนที่ทำงานขนส่งข้ามประเทศ ไม่มีคนนอกเพราะอยู่กันไม่ไหว คนท้องถิ่นแถบชายแดนติดโซมาเลียอพยพไปหมดแล้วปีนี้แล้งจัดแม้แต่อาหารยังหายากเลย นี่ผมขอแบ่งซื้อมา บอกว่ามีคนป่วยมาด้วยอยากขอปันอาหารพวกเขาก็มีน้ำใจให้มา อ้าว แล้วเอามาหมด พวกเขาจะพอกินหรือ คงพอมั้งไม่งั้นคงไม่ให้มาหลายอย่างแบบนี้เห็นว่าพรุ่งนี้รถไฟมาก็จะได้วัตถุดิบปรุงอาหารส่งมาจากการรถไฟเหมือนกัน ค่อยยังชั่วไม่อยากเบียดเบียนพวกเขา หล่อนไม่วายห่วง แล้วค่ายกักกันโรคล่ะ ทำไมไม่เห็นมีเลย เห็นว่าย้ายขึ้นไปแถวชายแดนเอริเทรียนานแล้วเพราะที่นี่เจอเหตุระเบิดเข้าไปคราวก่อน เลยจำเป็นต้องย้ายค่ายเพื่อความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมสักเท่าไหร่ เพราะฟังคำบอกเล่าจากพนักงานรถไฟถึงได้รู้ว่าเรื่องบานปลายระหว่างเอธิโอเปียกับเอริเทรียที่ภายหลังแยกตัวออกมา แต่ยังมีปัญหาแย่งดินแดนกันอยู่เนืองๆ หนำซ้ำไม่พอยังมีปัญหากับโซมาเลียที่อยู่ขนาบจิบูติอีกทำให้ค่ายกักกันต้องย้ายออกเพราะเหตุกระทบกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน แล้วพี่รุจของฉันล่ะฉันจะหาพี่รุจได้ที่ไหนกัน เขายังอยู่ดีรึเปล่า หรือว่า... เสียงหล่อนเครือทันทีที่ฟังจบภูบดีจับมือหล่อนปลอบใจเมื่อเห็นท่าทางกระสับกระส่ายร้อนรน เขาไม่เป็นอะไรแต่... แต่อะไรนายภู ธารวารีระล่ำระลักถาม แต่ว่าย้ายไปที่อื่นตั้งนานแล้ว ย้ายไปไหน! หล่อนตาโต เสียงสั่น พวกเขารู้จักพี่รุจใช่ไหมฉันจะได้ไปถาม หล่อนจะลงไปจริงๆ แต่ภูบดีคว้าข้อมือไว้ทัน แม้แต่แขนของหล่อนยังรู้สึกถึงไอร้อน บอกว่าไม่ต้องไปไงผมถามมาแล้วตอนนี้ที่อยู่ค่ายชายแดนเอริเทรียมีแต่หมอชาติอื่น ไม่มีคนไทยสักคน พวกนั้นจะรู้ได้ยังไง มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฉันจะไปถามให้รู้เรื่อง บอกว่าไม่ต้องไปก็ไม่ต้องไปสิ!ภูบดีเสียงเข้มใส่ ดื้อไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เป็นแบบนี้จะฟังกันบ้างได้ไหมธารวารี ฉันก็แค่ หล่อนชะงักแล้วจ้องตา ท่าทางสับสน นายพูดแปลกๆเหมือน เลิกสนใจว่าผมเหมือนใครเถอะเอาเวลามาห่วงตัวเองได้ไหม! เขาตะคอกหล่อนเข้าให้ธารวารีถึงกับอึ้ง คอตก เหมือนพลังความกระตือรือร้นหดหาย ภูบดีตบไหล่หญิงสาวปลอบใจนึกเคืองที่เผลอดุและยังตกใจกับคำพูดของหล่อนเมื่อครู่ไม่หาย เมื่อกี้หล่อนพูดเต็มปากเต็มคำ...พี่รุจของฉัน... ฟังแล้วน่าโมโห หัวใจแกว่งแปลก ๆ พี่ชายของเขาช่างเป็นคนสำคัญสำคัญจนน่าอิจฉา ขนาดยังหาตัวไม่เจอหล่อนยังกระวนกระวายคร่ำครวญ ไม่เหมือนตอนที่เขาหายไปจากชีวิตของหล่อน พี่รุจ ตอนนี้พี่รุจไปอยู่ที่ไหนรีเป็นห่วงพี่รุจนะ ธารวารีซบหน้ากับฝ่ามือชายหนุ่มได้แต่ลูบผมปลอบ ใจเย็นๆเราต้องหาตัวแฟนคุณเจอแน่ๆ ภูบดีกังวลไม่ต่างกันเมื่อมองสุดลูกหูลูกตาที่ยืนอยู่มุมสูงตอนนี้มันช่างเวิ้งว้างไปด้วยทะเลทรายอันที่จริงแล้วต้องบอกว่าทะเลดินแดงมากกว่า ไม่นับกับที่ได้ฟังมาจากพนักงานรถไฟเมื่อครู่ว่าหนทางไปเอริเทรียช่างลำบากเพราะต้องผ่านลัดเข้าทางจิบูติที่ชายแดนอันตรายไม่แพ้กันแต่ถ้าคิดจะเลียบชายแดนไปก็ยังไม่มีถนนตัดผ่าน เพราะเป็นแหล่งน้ำกำมะถันคุกรุ่นยิ่งกว่าบ่อน้ำพุร้อนผสมทะเลลาวาของภูเขาไฟดัลลอร์ทางตอนเหนือที่ไม่เคยดับอย่างไรอย่างนั้นทีเดียว เขาจำต้องปดหล่อนเพราะผู้หญิงดื้อรั้นอย่างธารวารีคงไม่ยอม เผลอ ๆ หล่อนจะห่ามข้ามฝั่งไปจิบูติไม่สนอันตรายที่มีมากเกินกว่าที่คิดด้วยซ้ำ ผมว่าเราย้อนไปตั้งหลักที่ดิเรดาวาก่อนดีกว่าดูจากแผนที่แล้วน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กว่าจะถึงคงดึกน่าดูแถวนี้ไม่มีที่พักด้วย เราคงต้องเดินทางกลางคืนกันแล้ว ทำไมอาชะถึงทิ้งกันได้ถ้ามีเขามาด้วยคงจะดีกว่านี้มาก ภูบดีพยักหน้าแทนคำตอบเห็นด้วยเรื่องอาชะแล้วขึ้นนั่งประจำที่ ไปกันเถอะคิดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ธารวารีมองสบตาหนุ่มมาดเซอร์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจขึ้นนั่งประจำที่นั่งด้านข้างแล้วพิงพนักอ่อนระโหย ภูบดีมองหญิงสาวคล้ายจะพูดแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะวกรถกลับทางเดิมที่เพิ่งมา เสียงกระแทกจนฝาผนังบ้านสะเทือนดังไปถึงห้องนอนใหญ่ของหัวหน้าหมู่บ้านมิรีถึงกับสะดุ้งลุกพรวดพราดจะออกไปจากห้อง แต่แม่ของหล่อนเรียกเอาไว้เมื่อเดินสวนเข้ามาพร้อมสำรับอาหารคนป่วย ลูกไม่ต้องออกไปให้พวกเขาตกลงกันเอง แต่ว่าเขาเป็นคนของหนูเพราะหนูสั่งอาชะถึงเจ็บตัว หล่อนตอบแม่เสียงดัง น้ำเสียงร้อนรน ลูกต้องไม่ทำให้เขาระแวงแคลงใจในตัวลูก หนูทำอะไรแม่รู้หรือคะ ไม่รู้จะเป็นแม่ของลูกได้หรือ แม่ของมิรีตอบ คนเราต้องมีสัจจะ อาศัยไหว้วานเขาแล้วก็ควรช่วยให้ตลอดรอดฝั่งเขาจะว่าเอาได้ว่าเราไม่รักษาคำพูด ก็หนู มิรีถึงกับหน้าเสียพูดไม่ออกยิ่งเห็นสายตาแม่ที่มองมาแล้วรู้สึกแย่จนทนอยู่ไม่ได้ ต้องรีบเดินออกไปสงบสติอารมณ์ผู้เป็นพ่อได้แต่นอนกลอกตาไปมามองสองแม่ลูกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ร่างเพรียวบางเดินจ้ำออกมาก่อนจะเอาตัวเข้าขวางอาชะไว้จากการถูกซัดจากหมัดลุ่นๆอีกรอบ ฝ่ามือหนาของชายร่างสูงใหญ่ถึงกับชะงักหันไปตวาดคนต้นเรื่อง ทำไมคุณถึงเรียกตัวอาชะกลับมาเขาตวาด ไหนว่าจะช่วยทำไมไม่ช่วยให้ถึงที่สุด! ฉันก็ช่วยแล้วไง ไปส่งสองคนนั่นเกือบถึงที่ที่เหลือก็จัดการกันเองสิ หล่อนตอบลอยหน้าลอยตา นึกแล้วว่าเชื่อไม่ได้...พูดกับคุณเสียเวลาจริง ๆ ชายหนุ่มตะคอกแล้วหันเดินออกไปแต่ยังไม่พ้นประตูเสียงเกรี้ยวกราดก็ดังตามมา เขาถึงกับชะงักกำหมัดแน่น ใช่สิ ฉันมันน่ารำคาญไงแล้วจะทำไม ไม่ทำไม ผมแค่ไม่น่าเชื่อคุณ เขาตะคอกกลับ ขาดคำก็เดินออกไปทันทีทิ้งให้มิรียืนมองด้วยความแค้นใจตามลำพังตะโกนไล่หลัง ฉันเกลียดที่คุณพูดกับฉันแบบนี้ที่สุดได้ยินไหม! มิรีเสียงเครือวิ่งตามไปแต่ก็หยุดชะงักแค่หน้าประตูรั้วหอบจนตัวโยน อาชะตั้งหลักลุกขึ้นยืนได้จึงตามออกไปหน้าบ้าน แบบนี้จะดีหรือนายทำไมไม่บอกเขาไปว่านายไม่ได้ทำอะไร ผมเองที่อยากได้เงินค่าล่ามกับพวกเผ่านั่น ไม่จำเป็นกลับไปเถอะป่านนี้ป้าคงรอแล้ว ยิ่งไม่ค่อยสบายเอาไว้เขาหายโกรธจะให้ไปดูอาการป้าให้ ผมขอโทษครับนายผมแค่อยากได้เงินมารักษาแม่เยอะ ๆ อาชะตอบเสียงอ่อย หล่อนหันมายิ้มฝืดเฝือให้ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่สนใจอาชะที่ยืนนิ่งเงียบกริบสำนึกผิดอยู่ที่เดิม
ฟ้ามืดลงทุกขณะจนไม่เห็นแสงสว่างใดๆ นอกจากดาวระยิบเต็มท้องฟ้า สองหนุ่มสาวนั่งเงียบกริบไม่พูดไม่จาจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มและไฟหน้ารถสาดแสงมาแต่ไกลท่ามกลางความมืดที่โรยตัวครอบคลุมทุกทิศทางภูบดีสะดุ้งพรวดพราดเปิดประตูพร้อมส่งสัญญาณจากไฟฉายที่เริ่มหรี่แสงลงทุกขณะ เขาค้นเจอมันนอนเท้งเต้งอยู่ในคอนโซลหน้ารถโดยไม่ได้ตั้งใจไฟเริ่มริบหรี่ทำให้ต้องเปิดใช้เมื่อยามจำเป็น รอให้พ้นคืนนี้ไปก่อน เพราะแม้แต่จะก่อไฟยังหาไม้มาทำเชื้อเพลิงยังไม่ได้ดีที่รถคันนี้ผ่านมาจากเส้นทางดิเรดาวา ดูเหมือนจะไปทางที่เขาเพิ่งจากมา รถตู้สีฟ้าหรือที่คนเมืองแอดดิส-อบาบาเรียกว่าบลูด็อกกี้แล่นเข้าจอดเทียบพร้อมคนนั่งเปิดประตูลงมาภูบดีกำไฟฉายในมือแน่นระวังภัยแต่ก็ต้องรีบเก็บไว้เมื่อมีเสียงทักถาม รถเป็นอะไรหรือพ่อหนุ่ม ชายวัยกลางคนแต่งกายเหมือนคนท้องถิ่นฮาร์ราเดินเข้ามาประชิดประตูรถชะโงกหน้ามาดูดีที่ไฟหน้าบลูด็อกกี้ส่องสว่างทำให้มองเห็นชัดเจนภูบดีมองอย่างระแวงระวังแต่ไม่เห็นท่าทีแปลกหรืออันตรายใด ๆ ไม่แน่ใจว่าน้ำมันหมดรึเปล่าครับ อยู่ดี ๆ เครื่องยนต์ก็ดับ เปิดหน้ารถดูหน่อย ชายวัยกลางคนกุลีกุจอไปดูให้หนุ่มเซอร์เหลือบมองคนในรถครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไปติด ๆ เครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าน้ำมันหมดแน่ เดี๋ยวผมเอาน้ำมันสำรองมาให้ ขอบคุณมากนะครับ ภูบดีเดินตามไปติดเขาเกรงใจนักคิดจะตอบแทนเป็นเงินแต่คงต้องรอดูท่าทีก่อนว่าควรจะทำยังไงไม่ให้เป็นการดูถูกน้ำใจคนช่วย ชายหนุ่มเดินเฉียดไปผ่านประตูรถฝั่งคนนั่งของบลูด็อกกี้เพื่อจะไปช่วยยกถังน้ำมันที่ชายกลางคนหิ้วลงมาตั้งไว้ท้ายรถก่อนจะปิดกระโปรงหลัง เพียงแวบเดียวที่เหลือบตามองคนขับทั้งที่เห็นเพียงเงาสลัว แต่เขารู้สึกคุ้นสายตาอย่างประหลาด คุณลุงกำลังจะไปไหนกันหรือครับ ถึงเดินทางกันค่ำมืดแบบนี้ เขาถามขณะก้มตัวช่วยยกถังน้ำมันชายกลางคนชะงักมือไปเล็กน้อยแต่สักพักก็เงยหน้ามอง ภูบดีสะดุดกับสายตาแปลกๆดูเหมือนมีลับลมคมใน จะกลับไปเยี่ยมบ้านแถวชายแดนโซมาลีน่ะพ่อหนุ่มเพิ่งออกจากดิเรดาวาเมื่อตอนค่ำก็มาเจอรถพ่อหนุ่มเสียก่อน ผมไม่เห็นมีหมู่บ้านตลอดทางที่ผ่านมาภูบดีลองหยั่งเชิง คุณลุงอยู่ชายแดนโซมาลีหรือครับถ้าผมจะขอถามอะไรบางอย่าง ไม่ทันพูดจบชายกลางคนก็ถอยออกปิดฝากระโปรงรถโครมใหญ่เดินหิ้วถังน้ำมันผ่านหลังไปภูบดีหันรีหันขวางแต่รีบเดินตามติดไปถามอีกรอบ คุณลุงครับผมอยากขอถาม โชคดีนะ แค่น้ำมันหมดถ้าเป็นอย่างอื่นจะอันตรายมาก ชายกลางคนตอบไม่ตรงคำถามแล้วปรายตามองชายในรถก่อนจะหันกลับมาดวงตาวาววับในความมืดดูน่ากลัวจนภูบดีเงียบ ที่คิดว่าจะถามก็ชะงักไป พ่อหนุ่มคงไม่รู้ว่าแถวนี้เพิ่งเกิดเรื่องวิวาทระหว่างเผ่าไปวันก่อนเรื่องแย่งแหล่งน้ำกัน ผมไม่เห็นแหล่งน้ำเลยมีแต่ทะเลทราย ชายหนุ่มกุมขมับเพ่งมองชายกลางคนกำลังจัดการรถแล้วเหลือบมองคนในบลูด็อกกี้ หนทางก็ขับยากมากรถที่ผมเช่ามาค่อนข้างเก่ายังมามีปัญหาอีก เพราะฉะนั้นรีบกลับเข้าเมืองดีกว่า ของลุงยังดีที่มีคนขับมาเป็นเพื่อนนะครับชายหนุ่มกระแซะถามเรื่องคาใจ เดี๋ยวผมเอาน้ำไปให้พี่ชายที่มากับลุงดีกว่า ไม่ต้อง! ชายกลางคนตวัดสายตาคมมอง หลานชายลุงไม่ชอบคนแปลกหน้าเดี๋ยวจะมีปัญหา ชายชราตอบประหยัดคำมาก จนภูบดีนึกละอายที่ถามละลาบละล้วง ไม่กี่อึดใจก็เรียบร้อยเครื่องยนต์สตาร์ทติดดีไม่มีเสียงตะกุกตะกัก ธารวารีแอบฟังอยู่ตลอดเวลาแต่นั่งเงียบอยู่เบาะหลังตามคำสั่งของชายหนุ่มที่บอกว่าคงไม่ปลอดภัยนักถ้าจะให้คนแปลกหน้ารู้ว่ามีหล่อนอยู่ด้วยในที่เปลี่ยวเช่นนี้และอาการไข้ที่กำเริบตั้งแต่บ่าย ทำให้หล่อนไม่มีแม้แต่แรงจะทำอะไรถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจะเป็นตัวถ่วงให้คู่หูไม่ได้ แต่ใครบางคนในรถบลูด็อกกี้สีฟ้าคันนั้นแค่มองเห็นด้านข้างภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำกว่าครึ่ง ช่างน่าฉงนหล่อนพยายามส่องผ่านหน้าต่างให้เห็นภาพชัดๆแต่เหมือนมุมองศารถที่จอดเยื้องกันไปทำให้มองไม่เห็นพอภูบดีขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับ หล่อนก็ถามทันที เรียบร้อยแล้วหรือ ใช่ น้ำมันหมดจริงๆ เขาตอบสีหน้ายุ่งเหยิงสตาร์ทรถเร่งเครื่องยนต์พอติดก็ถอนหายใจ ผมให้ค่าน้ำมันลุงก็ไม่เอา ของซื้อของขาย น้ำมันออกจะราคาแพงทำไมเขาถึงใจดีกับเรานัก นั่นสิ ผมว่าแปลกๆ แถมคนขับรถก็ไม่ลงมาด้วยนะฉันมองไม่ถนัดทีแรกนึกว่าลุงคนนั้นมาคนเดียวที่ไหนได้มีคนมาด้วยอีกคน หล่อนตั้งข้อสังเกต ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสงสัยอยู่พอดี แต่ไม่มีเวลาได้คิดเรื่องนี้เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่าและเพิ่งได้รับรู้มาจากชายกลางคนเมื่อครู่ก่อนที่รถบลูด็อกกี้จะแล่นจากไป ลุงบอกว่าที่ค่ายดีเวลน่ะ ไม่มีหมอคนไทยมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่หมอคนหนึ่งโดนระเบิดตาย อะไรนะ! แล้วเป็นใคร! คนที่ตายคนนั้นคงไม่ใช่... หล่อนเสียงสั่นจนเขาจับน้ำเสียงได้ ไม่ใช่หรอก เห็นว่าที่ตายเป็นหมอจากตุรกี แล้วทีนี้ก็เลยโยกย้ายหมอที่มาจากเอเซียให้ไปประจำทางเหนือ น่าจะอักซุมแต่ลุงเขาไม่แน่ใจได้ยินว่าอาจจะเป็นบาฮีดาร์ก็ได้ เพราะแถบนั้นไข้มาลาเรียก็ระบาดหนัก แล้วมันจะอันตรายมากไหม ฉันอยากไปบาฮีดาร์จัง ผมก็ไม่ได้ถาม เขาถอนใจ อะไรไม่เท่าเห็นหน้าคนฟังหล่อนตวัดสายตามองมาแบบขัดใจ น้ำเสียงเข้มใส่ ทำไมไม่ถามล่ะ! นายทำลายความหวังของฉัน เบาะแสมาถึงตัวแล้วแต่ทำไมไม่บอกกันสักคำ ทำแบบนั้นไม่ได้ เราไม่รู้ใครเป็นใคร ข่าวจริงหรือหลอกคุณเป็นผู้หญิงแสดงตัวที่เปลี่ยวมืด ๆ ดึก ๆ จะไม่ปลอดภัย เกิดใครลากไปทำไงภูบดีเอ็ดเสียงเข้ม แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก หล่อนเสียงอ่อยลง ฉันแค่... แค่คิดว่า พอเถอะ ไม่อยากเถียงด้วย ตอนนี้เราไปดิเรดาวาก่อน ผมอยากใช้โทรศัพท์ทางไกลกลับไทยแล้วก็ติดต่อคุณวินด้วย เผื่อพวกเขาถึงอักซุมก่อนจะได้ช่วยเป็นธุระให้ ตอนนี้ผมหงุดหงิดมากมีโทรศัพท์ก็เหมือนไม่มี ก็ดีเหมือนกัน ตามใจนาย หล่อนตอบสั้น ๆ ฉันเหนื่อย ร่างบอบบางพิงพนักเบาะข้างคนขับถอนหายใจเฮือกใหญ่หลับตาลงอย่างอ่อนแรง ภูบดีได้แต่ส่ายหน้าไม่มีเขามาหล่อนจะทำอย่างไร เอาเถอะ เราหาที่พักเอาแรงก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าจะไปไหน เขาพูดเสียงอ่อนปลอบใจดูเอาเถิดขนาดว่าไม่สบาย หล่อนยังมีท่าทีกระตือรือร้นได้ถึงเพียงนี้ คิดแต่จะไปให้ได้ท่าเดียวโดยไม่สนเลยว่าสภาพร่างกายตัวเองอ่อนโรยแรงแค่ไหน แสงไฟหน้ารถที่มองเห็นจากกระจกหลังเล็กลงไปเรื่อยๆตามระยะทางที่ทิ้งห่างจนลับหายไปกับแนวเนินเขาชายชราพรูลมหานใจโล่งอกแล้วเอนหลังพิงเบาะผ่อนคลาย ผมนี่ใจหายใจคว่ำกลัวคุณคนนั้นจะถามมาก ชายหนุ่มคนขับหัวเราะในลำคอ ขอโทษที่ทำให้ลุงต้องยุ่งไปด้วย แบบนี่จะดีหรือครับ ถ้านายหญิงรู้อาจจะ ชายชราเสียงสั่นหวั่นเกรงเมื่อพูดถึง ดีสิ ชายหนุ่มหยุดหัวเราะแล้วตีหน้านิ่ง แบบนี้ดีที่สุด ชายชราส่ายหน้าก่อนจะชี้มือไปทางแยกด้านขวา เลี้ยวเข้าทางนี้ดีกว่าครับลัดขึ้นเขาไปฮาร์ราจะได้ไม่เสียเวลามาก นายหญิงจะได้ไม่สงสัยว่านายหายไปไหน งั้นคงผ่านตลาดดอกไม้สินะ ครับนาย ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำก่อนชะลอรถหักหัวเลี้ยวตามคำบอก ถนนหนทางสองฟากฝั่งเงียบสงัดและมืดมิดไปทุกหนแห่งจนได้ยินแต่เสียงแมลงกลางคืนและฝูงสัตว์ร้องโหยหวนเรียกหากันจนดังก้องไปทั่งบริเวณ
หล่อนฝัน! เป็นความฝันที่แปลกประหลาด ฝันเห็นเด็กชายวัยใกล้เคียงกันกวักมือเรียกอยู่ไกลลิบอีกฝั่งแม่น้ำและจำได้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น... ภู! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย เสียงตะโกนเรียกติดต่อกันหลายครั้งแล้วขาดห้วงไปทำให้ภูบดีถลันเข้ามาถึงตัวหญิงสาวที่นอนกระสับกระส่ายบนเตียง ทันทีที่ออกจากห้องน้ำมา เกิดอะไรขึ้น! คุณ ภู! พี่รุจ! ช่วยรีด้วย รีกลัวช่วยด้วย! ภูบดีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หล่อนหวีดร้องสุดเสียงเป็นชื่อเขากับพี่ชายไม่ผิดจากที่ได้ยินสักนิดธารวารีคงฝันถึงเหตุการณ์นั้นอีกแล้ว เรื่องที่ทำให้หล่อนเกือบตาย มันทำให้เขาฝังใจจำอยู่จนทุกวันนี้และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องแยกทางกัน เหตุเกิดเพราะเขา... เขาคนเดียวจริงๆ ตั้งแต่แรกที่หล่อนจมน้ำก็เพราะเขา ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงโน้มตัวลงกอดปลอบประโลมหล่อนไอร้อนจากร่างเจ้าของดวงหน้ากลมแดงก่ำชื้นเหงื่อทำให้เอะใจ หล่อนไข้ขึ้นกว่าเดิมและตอนนี้ถึงกับเพ้อ! ฝ่ามือหนาลูบไรปรกรุงรังออกจากดวงหน้านวลกอดหล่อนไว้แนบอก คุณจะไม่เป็นอะไรนะธารวารี ผมจะไม่ให้คุณเป็นอะไรไปอีก ผมสัญญา อยู่กับฉัน... อย่าไปไหนนะ หล่อนยังเพ้อหน้าแดงเหมือนจะร้องไห้ คงคิดถึงพี่ชายของเขาเสียเต็มประดา... ภูบดีถอนหายใจมองดวงหน้ากลมกระสับกระส่าย กอดหล่อนไว้ให้หายอาการหวาดหวั่นพอสงบจึงจัดแจงให้นอนท่าสบายตรวจชีพจรที่ข้อมือ สีหน้าชายหนุ่มดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อกดคลำชายโครงขวาแล้วหล่อนไม่มีอาการเจ็บเป็นไปได้ว่าหล่อนอาจจะแค่เป็นไข้หวัดใหญ่ เห็นทีว่าพรุ่งนี้เช้าคงต้องพาไปเติมน้ำเกลือสักขวดสองขวดก่อนออกเดินทางอีกครั้ง คนอวดเก่ง...เวลาหมดสภาพ ก็แค่ลูกแมวขี้อ้อนดีๆ นี่เอง เขานึกในใจ ลูบดวงหน้าแล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผาก แก้มนวล และลำคอร้อนผ่าวให้เพื่อลดความร้อนในร่างกายเสร็จแล้วลุกเดินไปนอกระเบียงมองออกไปท่ามกลางความมืดอย่างไม่มีจุดหมาย เขาสังหรณ์ใจเมื่อเห็นดวงตาคมวาวในความมืดนั้น แต่เป็นไปไม่ได้ว่าหากคนนั้นคือพี่ชายของเขาอย่างที่คิด ทำไม...ถึงไม่ปรากฏตัวให้เห็นถ้ารู้ว่าคู่หมั้นมาตามหา นึกแล้วก็กลุ้มใจคืนนี้คงเป็นคืนที่เขาจะได้นอนสบาย แต่ก็ต้องเป็นห่วงหล่อนจะหลับตาลงได้ไหมในคืนนี้ เพราะอยากใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเหตุทำให้ถกเถียงกันจนได้มาพักโรงแรมราคาแพงนี้แต่ก็ดีที่แลกมากับข่าวสารที่ได้รับจากเมืองไทยแถมได้อาศัยไหว้วานรุ่นพี่ที่เคยรู้จักมักคุ้นเมื่อครั้งเรียนอยู่ออสเตรเลียให้หาข้อมูลให้ เป็นไปได้ว่าพี่ชายของเขาอาจจะอยู่ในสถานที่สองแห่งนี้ไม่บาฮีดาร์ก็อักซุม แต่ติดที่ทั้งสองแห่งห่างไกลกันมากนักและหนทางเดินรถช่างยากลำบากบางครั้งอาจจะต้องทิ้งรถเช่าไว้ที่นี่แล้วต่อเครื่องบินในประเทศไปบาฮีดาร์ก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที นึกแล้วก็เจ็บใจพี่ชายตัวดีหายไปไหนกันจะรู้รึเปล่าว่าแฟนตัวเองมาตามหาถึงที่นี่ เธอไม่เลิกราแน่ถ้าไม่เจอทำไมพี่ชายของเขาช่างโชคดี ใครๆ ก็รัก ทั้งแม่ ยายดอกการะเวก ทุกคนรักแต่พี่ชายจนไม่เหลือที่ว่างให้เขาเลย ภูบดีหันหลังพิงระเบียงแล้วมองเข้ามาภายในธารวารียังคงหลับใหลบนเตียงกว้างไม่ได้สติ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ รีไรท์เรื่องนี้เสร็จก็ได้ฤกษ์กลับมาลงต่อค่ะ ขอฝากเพจนิยาย(ที่ด้านขวาหน้าบล็อก)ด้วยนะคะ เพิ่งเปิดใหม่อีกแล้ว เอาไว้อัพเดทนิยายค่ะ ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
Create Date : 18 มกราคม 2560 |
|
47 comments |
Last Update : 18 มกราคม 2560 1:25:21 น. |
Counter : 1238 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตด้วยนะครับ
พี่ก๋าง้างมาานาน
แต่ก็ยังไม่ได้ฤกษ์เขียนนิยายสักทีเลยครับ
อยากลองเขียนนิยายรักดูครับ