Somebody's me... Nobody's know.. You are what you thinks.. and.. I am who i am.. Whatever will be, will be..
Group Blog
 
<<
มกราคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 มกราคม 2560
 
All Blogs
 

อัมฮารา...สุดปลายทางที่ความรัก บทที่ 14 (สนพ.ที่รัก)



บทที่ 14 : คนไกลหรือคนใกล้


 ดีเวล เมืองชายแดนติดประเทศจิบูติ ที่ธารวารีและภูบดีได้มาเห็นกับตาช่างแห้งแล้งไร้สิ่งจรรโลงใจโดยสิ้นเชิงไม่มีแหล่งชุมชนบ้านเรือนตลอดทางที่ผ่านมีเพียงตึกสูงไม่เกินสามชั้นลักษณะคล้ายแฟลตขนาดเล็ก มองจากเนินสูงที่จอดรถ เหมือนภาพกล่องไม้ขีดเรียงกันสองแถวตัดผ่านกลางด้วยถนนดินแดงตลอดทางเต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งไปทั่วจนตัวตึกเต็มไปด้วยสีหม่นขมุกขมัว

        “ที่นี่เหมือนไม่ใช่โลกเรา ฉันนึกว่ากำลังอยู่บนผิวดวงจันทร์ซะอีก” ธารวารียกมือป้องแดด ท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง “ดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก”

ภูบดีลงจากรถมายืนเคียงข้างเสียงถอนหายใจหนักหน่วงทำให้หญิงสาวหันมอง

“เหมือนไม่ค่อยมีบ้านคนเลยนอกจากตึกแถวสองตึกกับบ้านหลังเล็กหลังน้อยกับกระโจมเล็กๆ ที่ชายแดนนั่น ผมไม่แน่ใจว่าเราจะได้อะไรจากการมาที่นี่”

ภูบดีพูดจบ เหลือบมองหญิงสาวข้างกายขนาดไม่สบายหล่อนยังมีแก่ใจพกกล้องลงมาถ่ายรูปเก็บภาพได้อีก

“ต้องได้สิ อย่างน้อยก็ต้องมีเบาะแสของพี่รุจ”

ธารวารีตอบไม่มอง แต่ใจฝ่อเมื่อมองไปไม่เห็นสักอย่างที่บ่งบอกว่ามีลักษณะเป็นค่ายองค์การแพทย์ไร้พรมแดน นอกจากสิ่งปลูกสร้างกระจัดกระจายท่ามกลางทะเลทรายสีน้ำตาลเข้มขุ่นไม่มีแม้แต่ร่องรอยว่าเคยอยู่มาก่อน ยิ่งมองข้ามชายแดนไปที่ราบฝั่งจิบูติยิ่งแล้วใหญ่เหมือนทะเลทรายแห้งแล้งไร้ผู้คน

         “ฝั่งโน้นก็ไม่ต่างกันเลย สีทะเลทรายแปลกๆ ไม่เหมือนที่อื่น”

         ธารวารีมองตาม ฉุกใจคิด “นี่ละมั้งผลของความแห้งแล้งที่มาจากภูเขาไฟดัลลอว์ทางทิศเหนือ”

         “เป็นไปได้นะ” ภูบดีพยักหน้าเห็นด้วย “แม้แต่ต้นไม้ยังไม่มี อย่าคิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยเลย”

         “ฉันว่าเราน่าจะเข้าไปถาม เผื่อมีเบาะแส” หล่อนหันมาถามมือยังถือกล้องค้าง

ไม่มั่นใจสักนิดว่าสิ่งที่เห็นจะเรียกว่าบ้านมันเหมือนซากปรักหักพังของสิ่งที่เคยมีอยู่แต่ถูกรุกราน หรือไม่ก็เป็นกระโจมผู้อพยพมากกว่า

ช่างแห้งแล้งและไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าศิวิไลซ์ทั้งที่เป็นประเทศติดทะเล

         “ผมจะลองไปถามตรงนั้นดู รอที่นี่ก็แล้วกันนะ”

        “ฉันไปด้วย” หล่อนตอบสั้นๆ เก็บกล้องใส่กระเป๋าท่าทางอ่อนระโหยไม่กระตือรือร้นมากอย่างเคยแถมตาลอยจนเขานึกเป็นห่วง

“คุณรอที่นี่เถอะเดี๋ยวผมมา”

เขาตอบก่อนจะยกหลังมือขึ้นตั้งท่าแตะหน้าผากวัดไข้ธารวารีสะดุ้งยกมือปัดแล้วถอยห่างไปจนชนกระโปรงหน้ารถ

“ไม่ต้องหรอกฉันไม่เป็นไร”

“อย่าดื้อ” ภูบดีแตะหลังมือที่หน้าผากหญิงสาวอีกรอบ “ไข้ขึ้นแบบนี้ไม่เป็นไรได้ไง”

“ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ” ธารวารีตอบเสียงแผ่ว “ไปด้วยกันดีกว่าจะได้ช่วยกันคิด”

หล่อนตั้งท่าจะออกเดินนำภูบดีคว้าแขนเรียวไว้แล้วดึงหล่อนหมุนตัวกลับมา

“อะไร”

“ผมว่าผมไปดูก่อนดีกว่า”

“แต่ฉันอยากไป” หล่อนดื้อแพ่ง แต่สีหน้าเหนื่อยอ่อน

“อย่าเลยคุณเป็นผู้หญิง มันอันตราย”

“แต่ฉัน...” ธารวารีแย้ง แต่เมื่อสบตาชายหนุ่ม หล่อนก็ถอนใจยอมจำนน “แต่รอที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่เป็นภาระนาย”

ภูบดีสบตาหล่อนชั่วครู่ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังกลุ่มชายหญิงที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่บนม้านั่งริมทางหน้าเพิงเล็กๆ ลักษณะเหมือนร้านขายของ

ชายหญิงพื้นถิ่นผิวดำสามคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคนเมืองบ่งบอกลักษณะว่าไม่ใช่ชาวเผ่า ทำให้ภูบดีลดความหวาดระแวงลงได้บ้างชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าเมื่อทั้งสามคนหันมาและหญิงกลางคนหนึ่งเดียวในกลุ่มผุดลุกเดินหายเข้าไปด้านในบ้านเก่าคร่ำคร่า

ชายชราหนึ่งในสองลุกยืนจังก้าเมื่อภูบดีเข้ามาใกล้สีหน้าหวาดระแวงและหันไปพูดกับชายอีกคนที่อ่อนวัยกว่าเป็นภาษาถิ่นทำให้ภูบดีถึงกับหน้านิ่ว

เขาฟังไม่รู้เรื่องและไม่แน่ใจว่าทั้งสองจะฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องหรือไม่ แต่ก็เปิดปากพูดออกไป

“ไม่ทราบว่าค่ายองค์การแพทย์ไร้พรมแดนอยู่ที่ไหนครับ”ภูบดีถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของคนฟังจึงรีบต่อ “ผมหมายถึงแพทย์MSF น่ะครับ”

ชายชราขมวดคิ้วมุ่นเหลือบมองชายอีกคนก่อนตอบ “จะไปทำไม”

ภูบดีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเมื่อได้ฟังแสดงว่าชายชราตรงหน้าต้องรู้

“ผมมีคนป่วยมาด้วยในรถเธอไม่สบายมากและต้องการหาหมอที่ใกล้ที่สุด ได้ยินว่าที่นี่มีหน่วยแพทย์อาสาอยู่ก็เลยรีบมา”

“ที่นี่เคยมี” ชายชราตอบ

เคยมีเท่ากับว่าตอนนี้ไม่มี! คิดทบทวนคำชายชราแล้วทำให้ภูบดีหน้าเสีย

“แล้วตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะครับ”

“ย้ายไปชายแดนเอริเทรียกับที่อื่นๆหมดแล้ว” ชายชราตอบ

ชายอ่อนกว่าลุกตามมาคุยแล้วเสริมต่อเหมือนรู้ดีกว่า “โดนระเบิดเมื่อปีกลายน่ะคุณหมดเลยไม่เหลืออะไรเลย โรงพยาบาลเล็กๆ เหลือแต่ซากปรักหักพังตรงโน้นไง”

ภูบดีมองตามใจหายวาบเมื่อภาพที่ปรากฏแก่สายตาคือซากตึกเก่าที่พังไม่มีชิ้นดีและทรุดโทรมตามกาลเวลาจนดูไม่รู้ว่าที่แห่งนั้นเคยเป็นสถานพยาบาลมาก่อน

“แล้วหมอคนไทยล่ะครับ”ภูบดีระล่ำระลักถาม “ปลอดภัยรึเปล่า”

ชายสองคนมองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันเล่า

“หมอประจำก็ตายไปหลายคน”

“เราไม่ได้ยินว่ามีหมอคนไทยตายนะแล้วที่เอริเทรียก็ไม่มีหมอไทย” ชายชราตอบ “ว่าแต่คุณถามหาหมอคนไทยทำไม”

ภูบดีอึกอักคิดหาคำตอบแต่เห็นสายตาสงสัยดูระแวดระวังของชายทั้งสองแล้วตัดสินใจบอกไปตามจริงเขาต้องรู้ให้ได้ว่าพี่ชายหายไปไหน

“คือหมอคนหนึ่งในคณะเป็นเพื่อนของเราครับคุณรู้จักไหม”

ภูบดีหยิบภาพถ่ายจากในกระเป๋าเสื้อยื่นส่งให้ ชายชราก้มมองภาพแล้วพยักหน้า

“ดร.รุจ”

“เรารู้จัก” ชายอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย “เขาใจดีมากมาดูแลฉีดวัคซีนให้พวกเราและพวกแถบโซมาลีเรื่อยๆ”

“แล้วตอนนี้” ภูบดีเสียงขาดห้วง ทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ตามเบาะแสมาจนใกล้ขนาดนี้ “เขาเป็นยังไงบ้าง อยู่ที่ไหน ผมอยากเจอ”

“ตอนระเบิดหมอก็อยู่ที่นี่แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ ไม่มีรายชื่อหมอในกลุ่มผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บด้วย”

“พอจะรู้ไหมครับว่าเขาอยู่ไหน”

“เรารู้แค่ว่าหมอที่เหลือย้ายตามค่ายไปอยู่เอริเทรียแต่ที่นั่นไม่มีหมอไทยและเราก็ไม่แนะนำให้คุณไปเพราะชายแดนเอริเทรียอันตรายมากต้องผ่านทางจิบูติเข้าไปเพราะเส้นทางฝั่งเราเป็นแนวลาวาภูเขาไฟดัลลอว์มันอันตรายมาก”

ชายชราเป็นคนอธิบายส่วนชายอีกคนทำหน้าครุ่นคิดแล้วย้ำเสียงหนักแน่น

“อย่าได้คิดไปทางนั้นเลยนะคุณอันตรายมากเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ”

ภูบดีได้ฟังแล้วยิ่งคิดหนักดีที่ธารวารีไม่ได้ลงมาฟังด้วย ไม่อย่างนั้นมีหวังหล่อนคงยอมเสี่ยง เขาได้แต่เก็บข้อมูลไว้ในหัวสมองละเอียดยิบแล้วรู้สึกหนักใจไม่น้อย

หรือหนทางจะตันเสียแล้ว...

“แล้วผมควรจะไปที่ไหนดี” ชายหนุ่มทอดถอนใจ

แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้เพราะชายสองคนก็ไม่รู้เช่นกันจึงได้แต่ขอปันซื้ออาหาร สักพักหญิงชราอีกคนก็ออกมาจากบ้านพร้อมสิ่งที่เขาต้องการ


ครู่ใหญ่ชายหนุ่มจึงกลับมาที่รถพร้อมของในมือเป็นน้ำหลายขวดแป้งเอนเจรากับน้ำแกงไข่เครื่องเทศ แกะย่างหนึ่งถุงใหญ่ และขนมปังก้อนอีกบางส่วนพอขึ้นนั่งประจำที่คนขับก็เหลียวมองหญิงสาวที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ได้ความว่าไงนายภู”หล่อนเปิดปากถามทันที

“คุณเป็นไงบ้าง” เขาตอบไม่ตรงคำถามแล้วยื่นหลังมือแตะหน้าผากหล่อน “ไหนวัดไข้หน่อยซิ”

ธารวารีเบี่ยงหน้าหลบบ่นพึมพำ“อีกแล้ว”

“ผมเป็นห่วงนะ” เขาบอกพร้อมกับแกะถุงอาหารให้ “นี่เหมามาหมดเลยเอาไว้เป็นเสบียงกลางทาง เนื้อแกะย่างพอกินได้ใช่ไหมคุณ”

“ได้ทั้งนั้นฉันไม่เรื่องมากหรอก แล้วที่ไปถามได้ความว่ายังไงบ้าง” หล่อนกระตือรือร้นอยากรู้มากกว่าที่จะสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้า

“งั้นก็กินก่อนแล้วผมจะบอก”

ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มยัดเยียดขนมปังกับเนื้อแกะย่างถุงเล็กใส่มือหล่อน แล้ววางขวดน้ำไว้ให้ข้างกายธารวารีหน้ามุ่ยแต่ก็จำยอมเพราะหน้าตาขึงขังของภูบดีที่บ่งบอกความห่วงใย

“ฉันยังไม่หิวเลย”

“กินไปเถอะ คุณต้องได้ยาอีกหน้ายังซีดอยู่ พอดีเป็นลมแดดยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย”

ธารวารีบิขนมปังก้อนกลมเนื้อเหนียวเป็นชิ้นเล็กเข้าปากแล้วหยิบเนื้อแกะย่างหั่นชิ้นเล็กตามหน้ากลมเหยเกแต่ก็พยายามเคี้ยวคำแรกผ่านไป แล้วหน้ามุ่ย

“ฝืดคอสงสัยฉันจะแย่แล้วนายภู กินอะไรก็ไม่อร่อย” หล่อนหน้านิ่วหันมองแล้ววางขนมกับถุงแกะบนตักพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันจะตายก่อนเจอพี่รุจไหมเนี่ย”

“เว่อร์ไป”

ภูบดีลูบผมหล่อนเบาๆด้วยความสงสาร ธารวารีถึงกับผงะหน้ามุ่ย

“กินสักหน่อยเถอะผมหาให้คุณได้เท่านี้ เอาไว้เราค่อยหาอาหารดีๆ กินกัน”

“ฉันไม่ได้อยากกินอาหารดีๆหรอก แค่รู้สึกขมปากขมคอนิดหน่อย”

“เพราะป่วยไง” ภูบดีต่อให้ มองหน้าหญิงสาวนิ่ง “แต่คุณควรกลั้นใจกินให้หมด”

        “ทำอย่างกับเป็นหมอส่วนตัว นายไม่ใช่หมอซะหน่อยจะมารู้ดีกว่าตัวฉันได้ยังไง”

หล่อนบ่นพึมพำแต่เขาไม่ทันได้สนใจเพราะมัวแต่เปิดฝาขวดน้ำให้คนป่วยแล้วยื่นส่งให้อีกธารวารีรับมาก่อนจะรีรอไม่ยอมกินยา ชายหนุ่มต้องคะยั้นคะยอรอบสอง

        “กินเสร็จก็รีบกินยาตามทันทีท้องจะได้ไม่ว่างเร็วสิคุณอย่าให้ต้องปากเปียกปากแฉะ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไรนายนี่เซ้าซี้เจ้ากี้เจ้าการกับฉันเหมือนใครสักคนนะ”

หล่อนขึ้นเสียงสูงหน้ามุ่ยพูดค่อนขอด ภูบดีถึงกับชะงัก

“เหมือนใคร”

“เขาเป็นเพื่อนฉันตอนเด็กนายไม่รู้จักหรอก” หล่อนตอบแล้วเปลี่ยนเรื่อง “แล้วได้เรื่องอะไรบ้างไหม”

“ตึกนี้เป็นของพนักงานรถไฟเฉพาะคนที่ทำงานขนส่งข้ามประเทศ ไม่มีคนนอกเพราะอยู่กันไม่ไหว คนท้องถิ่นแถบชายแดนติดโซมาเลียอพยพไปหมดแล้วปีนี้แล้งจัดแม้แต่อาหารยังหายากเลย นี่ผมขอแบ่งซื้อมา บอกว่ามีคนป่วยมาด้วยอยากขอปันอาหารพวกเขาก็มีน้ำใจให้มา”

“อ้าว แล้วเอามาหมด พวกเขาจะพอกินหรือ”

“คงพอมั้งไม่งั้นคงไม่ให้มาหลายอย่างแบบนี้เห็นว่าพรุ่งนี้รถไฟมาก็จะได้วัตถุดิบปรุงอาหารส่งมาจากการรถไฟเหมือนกัน”

“ค่อยยังชั่วไม่อยากเบียดเบียนพวกเขา” หล่อนไม่วายห่วง “แล้วค่ายกักกันโรคล่ะ ทำไมไม่เห็นมีเลย”

“เห็นว่าย้ายขึ้นไปแถวชายแดนเอริเทรียนานแล้วเพราะที่นี่เจอเหตุระเบิดเข้าไปคราวก่อน เลยจำเป็นต้องย้ายค่ายเพื่อความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมสักเท่าไหร่”

เพราะฟังคำบอกเล่าจากพนักงานรถไฟถึงได้รู้ว่าเรื่องบานปลายระหว่างเอธิโอเปียกับเอริเทรียที่ภายหลังแยกตัวออกมา แต่ยังมีปัญหาแย่งดินแดนกันอยู่เนืองๆ หนำซ้ำไม่พอยังมีปัญหากับโซมาเลียที่อยู่ขนาบจิบูติอีกทำให้ค่ายกักกันต้องย้ายออกเพราะเหตุกระทบกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน

“แล้วพี่รุจของฉันล่ะฉันจะหาพี่รุจได้ที่ไหนกัน เขายังอยู่ดีรึเปล่า หรือว่า...”

เสียงหล่อนเครือทันทีที่ฟังจบภูบดีจับมือหล่อนปลอบใจเมื่อเห็นท่าทางกระสับกระส่ายร้อนรน

“เขาไม่เป็นอะไรแต่...”

“แต่อะไรนายภู” ธารวารีระล่ำระลักถาม

“แต่ว่าย้ายไปที่อื่นตั้งนานแล้ว”

“ย้ายไปไหนหล่อนตาโต เสียงสั่น “พวกเขารู้จักพี่รุจใช่ไหมฉันจะได้ไปถาม”

หล่อนจะลงไปจริงๆ แต่ภูบดีคว้าข้อมือไว้ทัน แม้แต่แขนของหล่อนยังรู้สึกถึงไอร้อน

“บอกว่าไม่ต้องไปไงผมถามมาแล้วตอนนี้ที่อยู่ค่ายชายแดนเอริเทรียมีแต่หมอชาติอื่น ไม่มีคนไทยสักคน”

“พวกนั้นจะรู้ได้ยังไง มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฉันจะไปถามให้รู้เรื่อง”

“บอกว่าไม่ต้องไปก็ไม่ต้องไปสิภูบดีเสียงเข้มใส่ “ดื้อไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เป็นแบบนี้จะฟังกันบ้างได้ไหมธารวารี”

“ฉันก็แค่” หล่อนชะงักแล้วจ้องตา ท่าทางสับสน “นายพูดแปลกๆเหมือน”

“เลิกสนใจว่าผมเหมือนใครเถอะเอาเวลามาห่วงตัวเองได้ไหม

เขาตะคอกหล่อนเข้าให้ธารวารีถึงกับอึ้ง คอตก เหมือนพลังความกระตือรือร้นหดหาย ภูบดีตบไหล่หญิงสาวปลอบใจนึกเคืองที่เผลอดุและยังตกใจกับคำพูดของหล่อนเมื่อครู่ไม่หาย

เมื่อกี้หล่อนพูดเต็มปากเต็มคำ...พี่รุจของฉัน... ฟังแล้วน่าโมโห หัวใจแกว่งแปลก ๆ พี่ชายของเขาช่างเป็นคนสำคัญสำคัญจนน่าอิจฉา ขนาดยังหาตัวไม่เจอหล่อนยังกระวนกระวายคร่ำครวญ

ไม่เหมือนตอนที่เขาหายไปจากชีวิตของหล่อน

“พี่รุจ ตอนนี้พี่รุจไปอยู่ที่ไหนรีเป็นห่วงพี่รุจนะ”

ธารวารีซบหน้ากับฝ่ามือชายหนุ่มได้แต่ลูบผมปลอบ

“ใจเย็นๆเราต้องหาตัวแฟนคุณเจอแน่ๆ”

ภูบดีกังวลไม่ต่างกันเมื่อมองสุดลูกหูลูกตาที่ยืนอยู่มุมสูงตอนนี้มันช่างเวิ้งว้างไปด้วยทะเลทรายอันที่จริงแล้วต้องบอกว่าทะเลดินแดงมากกว่า

ไม่นับกับที่ได้ฟังมาจากพนักงานรถไฟเมื่อครู่ว่าหนทางไปเอริเทรียช่างลำบากเพราะต้องผ่านลัดเข้าทางจิบูติที่ชายแดนอันตรายไม่แพ้กันแต่ถ้าคิดจะเลียบชายแดนไปก็ยังไม่มีถนนตัดผ่าน เพราะเป็นแหล่งน้ำกำมะถันคุกรุ่นยิ่งกว่าบ่อน้ำพุร้อนผสมทะเลลาวาของภูเขาไฟดัลลอร์ทางตอนเหนือที่ไม่เคยดับอย่างไรอย่างนั้นทีเดียว

เขาจำต้องปดหล่อนเพราะผู้หญิงดื้อรั้นอย่างธารวารีคงไม่ยอม เผลอ ๆ หล่อนจะห่ามข้ามฝั่งไปจิบูติไม่สนอันตรายที่มีมากเกินกว่าที่คิดด้วยซ้ำ

“ผมว่าเราย้อนไปตั้งหลักที่ดิเรดาวาก่อนดีกว่าดูจากแผนที่แล้วน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กว่าจะถึงคงดึกน่าดูแถวนี้ไม่มีที่พักด้วย เราคงต้องเดินทางกลางคืนกันแล้ว”

“ทำไมอาชะถึงทิ้งกันได้ถ้ามีเขามาด้วยคงจะดีกว่านี้มาก”

ภูบดีพยักหน้าแทนคำตอบเห็นด้วยเรื่องอาชะแล้วขึ้นนั่งประจำที่

“ไปกันเถอะคิดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์”

ธารวารีมองสบตาหนุ่มมาดเซอร์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจขึ้นนั่งประจำที่นั่งด้านข้างแล้วพิงพนักอ่อนระโหย ภูบดีมองหญิงสาวคล้ายจะพูดแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะวกรถกลับทางเดิมที่เพิ่งมา

เสียงกระแทกจนฝาผนังบ้านสะเทือนดังไปถึงห้องนอนใหญ่ของหัวหน้าหมู่บ้านมิรีถึงกับสะดุ้งลุกพรวดพราดจะออกไปจากห้อง แต่แม่ของหล่อนเรียกเอาไว้เมื่อเดินสวนเข้ามาพร้อมสำรับอาหารคนป่วย

“ลูกไม่ต้องออกไปให้พวกเขาตกลงกันเอง”

“แต่ว่าเขาเป็นคนของหนูเพราะหนูสั่งอาชะถึงเจ็บตัว” หล่อนตอบแม่เสียงดัง น้ำเสียงร้อนรน

“ลูกต้องไม่ทำให้เขาระแวงแคลงใจในตัวลูก”

“หนูทำอะไรแม่รู้หรือคะ”

“ไม่รู้จะเป็นแม่ของลูกได้หรือ” แม่ของมิรีตอบ “คนเราต้องมีสัจจะ อาศัยไหว้วานเขาแล้วก็ควรช่วยให้ตลอดรอดฝั่งเขาจะว่าเอาได้ว่าเราไม่รักษาคำพูด”

“ก็หนู”

มิรีถึงกับหน้าเสียพูดไม่ออกยิ่งเห็นสายตาแม่ที่มองมาแล้วรู้สึกแย่จนทนอยู่ไม่ได้ ต้องรีบเดินออกไปสงบสติอารมณ์ผู้เป็นพ่อได้แต่นอนกลอกตาไปมามองสองแม่ลูกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ร่างเพรียวบางเดินจ้ำออกมาก่อนจะเอาตัวเข้าขวางอาชะไว้จากการถูกซัดจากหมัดลุ่นๆอีกรอบ ฝ่ามือหนาของชายร่างสูงใหญ่ถึงกับชะงักหันไปตวาดคนต้นเรื่อง

“ทำไมคุณถึงเรียกตัวอาชะกลับมา”เขาตวาด “ไหนว่าจะช่วยทำไมไม่ช่วยให้ถึงที่สุด

“ฉันก็ช่วยแล้วไง ไปส่งสองคนนั่นเกือบถึงที่ที่เหลือก็จัดการกันเองสิ” หล่อนตอบลอยหน้าลอยตา

“นึกแล้วว่าเชื่อไม่ได้...พูดกับคุณเสียเวลาจริง ๆ”

ชายหนุ่มตะคอกแล้วหันเดินออกไปแต่ยังไม่พ้นประตูเสียงเกรี้ยวกราดก็ดังตามมา เขาถึงกับชะงักกำหมัดแน่น

“ใช่สิ ฉันมันน่ารำคาญไงแล้วจะทำไม”

“ไม่ทำไม ผมแค่ไม่น่าเชื่อคุณ”

เขาตะคอกกลับ ขาดคำก็เดินออกไปทันทีทิ้งให้มิรียืนมองด้วยความแค้นใจตามลำพังตะโกนไล่หลัง

“ฉันเกลียดที่คุณพูดกับฉันแบบนี้ที่สุดได้ยินไหม

มิรีเสียงเครือวิ่งตามไปแต่ก็หยุดชะงักแค่หน้าประตูรั้วหอบจนตัวโยน อาชะตั้งหลักลุกขึ้นยืนได้จึงตามออกไปหน้าบ้าน

“แบบนี้จะดีหรือนายทำไมไม่บอกเขาไปว่านายไม่ได้ทำอะไร ผมเองที่อยากได้เงินค่าล่ามกับพวกเผ่านั่น”

“ไม่จำเป็นกลับไปเถอะป่านนี้ป้าคงรอแล้ว ยิ่งไม่ค่อยสบายเอาไว้เขาหายโกรธจะให้ไปดูอาการป้าให้”

“ผมขอโทษครับนายผมแค่อยากได้เงินมารักษาแม่เยอะ ๆ” อาชะตอบเสียงอ่อย

หล่อนหันมายิ้มฝืดเฝือให้ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่สนใจอาชะที่ยืนนิ่งเงียบกริบสำนึกผิดอยู่ที่เดิม


         ฟ้ามืดลงทุกขณะจนไม่เห็นแสงสว่างใดๆ นอกจากดาวระยิบเต็มท้องฟ้า สองหนุ่มสาวนั่งเงียบกริบไม่พูดไม่จาจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มและไฟหน้ารถสาดแสงมาแต่ไกลท่ามกลางความมืดที่โรยตัวครอบคลุมทุกทิศทางภูบดีสะดุ้งพรวดพราดเปิดประตูพร้อมส่งสัญญาณจากไฟฉายที่เริ่มหรี่แสงลงทุกขณะ

         เขาค้นเจอมันนอนเท้งเต้งอยู่ในคอนโซลหน้ารถโดยไม่ได้ตั้งใจไฟเริ่มริบหรี่ทำให้ต้องเปิดใช้เมื่อยามจำเป็น รอให้พ้นคืนนี้ไปก่อน เพราะแม้แต่จะก่อไฟยังหาไม้มาทำเชื้อเพลิงยังไม่ได้ดีที่รถคันนี้ผ่านมาจากเส้นทางดิเรดาวา ดูเหมือนจะไปทางที่เขาเพิ่งจากมา

         รถตู้สีฟ้าหรือที่คนเมืองแอดดิส-อบาบาเรียกว่าบลูด็อกกี้แล่นเข้าจอดเทียบพร้อมคนนั่งเปิดประตูลงมาภูบดีกำไฟฉายในมือแน่นระวังภัยแต่ก็ต้องรีบเก็บไว้เมื่อมีเสียงทักถาม

         “รถเป็นอะไรหรือพ่อหนุ่ม”

         ชายวัยกลางคนแต่งกายเหมือนคนท้องถิ่นฮาร์ราเดินเข้ามาประชิดประตูรถชะโงกหน้ามาดูดีที่ไฟหน้าบลูด็อกกี้ส่องสว่างทำให้มองเห็นชัดเจนภูบดีมองอย่างระแวงระวังแต่ไม่เห็นท่าทีแปลกหรืออันตรายใด ๆ

         “ไม่แน่ใจว่าน้ำมันหมดรึเปล่าครับ อยู่ดี ๆ เครื่องยนต์ก็ดับ”

         “เปิดหน้ารถดูหน่อย”

         ชายวัยกลางคนกุลีกุจอไปดูให้หนุ่มเซอร์เหลือบมองคนในรถครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไปติด ๆ

         “เครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าน้ำมันหมดแน่ เดี๋ยวผมเอาน้ำมันสำรองมาให้”

         “ขอบคุณมากนะครับ”

         ภูบดีเดินตามไปติดเขาเกรงใจนักคิดจะตอบแทนเป็นเงินแต่คงต้องรอดูท่าทีก่อนว่าควรจะทำยังไงไม่ให้เป็นการดูถูกน้ำใจคนช่วย

ชายหนุ่มเดินเฉียดไปผ่านประตูรถฝั่งคนนั่งของบลูด็อกกี้เพื่อจะไปช่วยยกถังน้ำมันที่ชายกลางคนหิ้วลงมาตั้งไว้ท้ายรถก่อนจะปิดกระโปรงหลัง เพียงแวบเดียวที่เหลือบตามองคนขับทั้งที่เห็นเพียงเงาสลัว แต่เขารู้สึกคุ้นสายตาอย่างประหลาด

        “คุณลุงกำลังจะไปไหนกันหรือครับ ถึงเดินทางกันค่ำมืดแบบนี้”

เขาถามขณะก้มตัวช่วยยกถังน้ำมันชายกลางคนชะงักมือไปเล็กน้อยแต่สักพักก็เงยหน้ามอง ภูบดีสะดุดกับสายตาแปลกๆดูเหมือนมีลับลมคมใน

“จะกลับไปเยี่ยมบ้านแถวชายแดนโซมาลีน่ะพ่อหนุ่มเพิ่งออกจากดิเรดาวาเมื่อตอนค่ำก็มาเจอรถพ่อหนุ่มเสียก่อน”

“ผมไม่เห็นมีหมู่บ้านตลอดทางที่ผ่านมา”ภูบดีลองหยั่งเชิง “คุณลุงอยู่ชายแดนโซมาลีหรือครับถ้าผมจะขอถามอะไรบางอย่าง”

ไม่ทันพูดจบชายกลางคนก็ถอยออกปิดฝากระโปรงรถโครมใหญ่เดินหิ้วถังน้ำมันผ่านหลังไปภูบดีหันรีหันขวางแต่รีบเดินตามติดไปถามอีกรอบ

“คุณลุงครับผมอยากขอถาม”

“โชคดีนะ แค่น้ำมันหมดถ้าเป็นอย่างอื่นจะอันตรายมาก”

ชายกลางคนตอบไม่ตรงคำถามแล้วปรายตามองชายในรถก่อนจะหันกลับมาดวงตาวาววับในความมืดดูน่ากลัวจนภูบดีเงียบ ที่คิดว่าจะถามก็ชะงักไป

“พ่อหนุ่มคงไม่รู้ว่าแถวนี้เพิ่งเกิดเรื่องวิวาทระหว่างเผ่าไปวันก่อนเรื่องแย่งแหล่งน้ำกัน”

“ผมไม่เห็นแหล่งน้ำเลยมีแต่ทะเลทราย” ชายหนุ่มกุมขมับเพ่งมองชายกลางคนกำลังจัดการรถแล้วเหลือบมองคนในบลูด็อกกี้       “หนทางก็ขับยากมากรถที่ผมเช่ามาค่อนข้างเก่ายังมามีปัญหาอีก”
“เพราะฉะนั้นรีบกลับเข้าเมืองดีกว่า”

“ของลุงยังดีที่มีคนขับมาเป็นเพื่อนนะครับ”ชายหนุ่มกระแซะถามเรื่องคาใจ “เดี๋ยวผมเอาน้ำไปให้พี่ชายที่มากับลุงดีกว่า”

“ไม่ต้องชายกลางคนตวัดสายตาคมมอง “หลานชายลุงไม่ชอบคนแปลกหน้าเดี๋ยวจะมีปัญหา”

         ชายชราตอบประหยัดคำมาก จนภูบดีนึกละอายที่ถามละลาบละล้วง

ไม่กี่อึดใจก็เรียบร้อยเครื่องยนต์สตาร์ทติดดีไม่มีเสียงตะกุกตะกัก

ธารวารีแอบฟังอยู่ตลอดเวลาแต่นั่งเงียบอยู่เบาะหลังตามคำสั่งของชายหนุ่มที่บอกว่าคงไม่ปลอดภัยนักถ้าจะให้คนแปลกหน้ารู้ว่ามีหล่อนอยู่ด้วยในที่เปลี่ยวเช่นนี้และอาการไข้ที่กำเริบตั้งแต่บ่าย ทำให้หล่อนไม่มีแม้แต่แรงจะทำอะไรถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจะเป็นตัวถ่วงให้คู่หูไม่ได้

แต่ใครบางคนในรถบลูด็อกกี้สีฟ้าคันนั้นแค่มองเห็นด้านข้างภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำกว่าครึ่ง ช่างน่าฉงนหล่อนพยายามส่องผ่านหน้าต่างให้เห็นภาพชัดๆแต่เหมือนมุมองศารถที่จอดเยื้องกันไปทำให้มองไม่เห็นพอภูบดีขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับ หล่อนก็ถามทันที

         “เรียบร้อยแล้วหรือ”

         “ใช่ น้ำมันหมดจริงๆ” เขาตอบสีหน้ายุ่งเหยิงสตาร์ทรถเร่งเครื่องยนต์พอติดก็ถอนหายใจ “ผมให้ค่าน้ำมันลุงก็ไม่เอา”

         “ของซื้อของขาย น้ำมันออกจะราคาแพงทำไมเขาถึงใจดีกับเรานัก”

         “นั่นสิ ผมว่าแปลกๆ”

         “แถมคนขับรถก็ไม่ลงมาด้วยนะฉันมองไม่ถนัดทีแรกนึกว่าลุงคนนั้นมาคนเดียวที่ไหนได้มีคนมาด้วยอีกคน”

          หล่อนตั้งข้อสังเกต ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสงสัยอยู่พอดี แต่ไม่มีเวลาได้คิดเรื่องนี้เพราะมีสิ่งที่สำคัญกว่าและเพิ่งได้รับรู้มาจากชายกลางคนเมื่อครู่ก่อนที่รถบลูด็อกกี้จะแล่นจากไป

         “ลุงบอกว่าที่ค่ายดีเวลน่ะ ไม่มีหมอคนไทยมาหลายเดือนแล้วตั้งแต่หมอคนหนึ่งโดนระเบิดตาย”

         “อะไรนะ! แล้วเป็นใคร! คนที่ตายคนนั้นคงไม่ใช่...”

หล่อนเสียงสั่นจนเขาจับน้ำเสียงได้

        “ไม่ใช่หรอก เห็นว่าที่ตายเป็นหมอจากตุรกี แล้วทีนี้ก็เลยโยกย้ายหมอที่มาจากเอเซียให้ไปประจำทางเหนือ น่าจะอักซุมแต่ลุงเขาไม่แน่ใจได้ยินว่าอาจจะเป็นบาฮีดาร์ก็ได้ เพราะแถบนั้นไข้มาลาเรียก็ระบาดหนัก”

         “แล้วมันจะอันตรายมากไหม ฉันอยากไปบาฮีดาร์จัง”

        “ผมก็ไม่ได้ถาม” เขาถอนใจ

อะไรไม่เท่าเห็นหน้าคนฟังหล่อนตวัดสายตามองมาแบบขัดใจ น้ำเสียงเข้มใส่

“ทำไมไม่ถามล่ะ! นายทำลายความหวังของฉัน เบาะแสมาถึงตัวแล้วแต่ทำไมไม่บอกกันสักคำ”

         “ทำแบบนั้นไม่ได้ เราไม่รู้ใครเป็นใคร ข่าวจริงหรือหลอกคุณเป็นผู้หญิงแสดงตัวที่เปลี่ยวมืด ๆ ดึก ๆ จะไม่ปลอดภัย เกิดใครลากไปทำไง”ภูบดีเอ็ดเสียงเข้ม

          “แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก” หล่อนเสียงอ่อยลง “ฉันแค่... แค่คิดว่า”

         “พอเถอะ ไม่อยากเถียงด้วย ตอนนี้เราไปดิเรดาวาก่อน ผมอยากใช้โทรศัพท์ทางไกลกลับไทยแล้วก็ติดต่อคุณวินด้วย เผื่อพวกเขาถึงอักซุมก่อนจะได้ช่วยเป็นธุระให้ ตอนนี้ผมหงุดหงิดมากมีโทรศัพท์ก็เหมือนไม่มี”

        “ก็ดีเหมือนกัน ตามใจนาย” หล่อนตอบสั้น ๆ “ฉันเหนื่อย”

ร่างบอบบางพิงพนักเบาะข้างคนขับถอนหายใจเฮือกใหญ่หลับตาลงอย่างอ่อนแรง ภูบดีได้แต่ส่ายหน้าไม่มีเขามาหล่อนจะทำอย่างไร

         “เอาเถอะ เราหาที่พักเอาแรงก่อนแล้วค่อยคิดต่อว่าจะไปไหน”

         เขาพูดเสียงอ่อนปลอบใจดูเอาเถิดขนาดว่าไม่สบาย หล่อนยังมีท่าทีกระตือรือร้นได้ถึงเพียงนี้ คิดแต่จะไปให้ได้ท่าเดียวโดยไม่สนเลยว่าสภาพร่างกายตัวเองอ่อนโรยแรงแค่ไหน

        แสงไฟหน้ารถที่มองเห็นจากกระจกหลังเล็กลงไปเรื่อยๆตามระยะทางที่ทิ้งห่างจนลับหายไปกับแนวเนินเขาชายชราพรูลมหานใจโล่งอกแล้วเอนหลังพิงเบาะผ่อนคลาย

        “ผมนี่ใจหายใจคว่ำกลัวคุณคนนั้นจะถามมาก”

         ชายหนุ่มคนขับหัวเราะในลำคอ

“ขอโทษที่ทำให้ลุงต้องยุ่งไปด้วย”

         “แบบนี่จะดีหรือครับ ถ้านายหญิงรู้อาจจะ” ชายชราเสียงสั่นหวั่นเกรงเมื่อพูดถึง

         “ดีสิ” ชายหนุ่มหยุดหัวเราะแล้วตีหน้านิ่ง “แบบนี้ดีที่สุด”

         ชายชราส่ายหน้าก่อนจะชี้มือไปทางแยกด้านขวา “เลี้ยวเข้าทางนี้ดีกว่าครับลัดขึ้นเขาไปฮาร์ราจะได้ไม่เสียเวลามาก นายหญิงจะได้ไม่สงสัยว่านายหายไปไหน”

         “งั้นคงผ่านตลาดดอกไม้สินะ”

         “ครับนาย”

         ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำก่อนชะลอรถหักหัวเลี้ยวตามคำบอก

        ถนนหนทางสองฟากฝั่งเงียบสงัดและมืดมิดไปทุกหนแห่งจนได้ยินแต่เสียงแมลงกลางคืนและฝูงสัตว์ร้องโหยหวนเรียกหากันจนดังก้องไปทั่งบริเวณ


หล่อนฝัน! เป็นความฝันที่แปลกประหลาด ฝันเห็นเด็กชายวัยใกล้เคียงกันกวักมือเรียกอยู่ไกลลิบอีกฝั่งแม่น้ำและจำได้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น...

        “ภู! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย”

        เสียงตะโกนเรียกติดต่อกันหลายครั้งแล้วขาดห้วงไปทำให้ภูบดีถลันเข้ามาถึงตัวหญิงสาวที่นอนกระสับกระส่ายบนเตียง ทันทีที่ออกจากห้องน้ำมา

        “เกิดอะไรขึ้น! คุณ”

        “ภู! พี่รุจ! ช่วยรีด้วย รีกลัวช่วยด้วย

        ภูบดีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น หล่อนหวีดร้องสุดเสียงเป็นชื่อเขากับพี่ชายไม่ผิดจากที่ได้ยินสักนิดธารวารีคงฝันถึงเหตุการณ์นั้นอีกแล้ว เรื่องที่ทำให้หล่อนเกือบตาย มันทำให้เขาฝังใจจำอยู่จนทุกวันนี้และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อกับแม่ของเขาต้องแยกทางกัน

        เหตุเกิดเพราะเขา... เขาคนเดียวจริงๆ ตั้งแต่แรกที่หล่อนจมน้ำก็เพราะเขา

ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงโน้มตัวลงกอดปลอบประโลมหล่อนไอร้อนจากร่างเจ้าของดวงหน้ากลมแดงก่ำชื้นเหงื่อทำให้เอะใจ หล่อนไข้ขึ้นกว่าเดิมและตอนนี้ถึงกับเพ้อ!

ฝ่ามือหนาลูบไรปรกรุงรังออกจากดวงหน้านวลกอดหล่อนไว้แนบอก

        “คุณจะไม่เป็นอะไรนะธารวารี ผมจะไม่ให้คุณเป็นอะไรไปอีก ผมสัญญา”

        “อยู่กับฉัน... อย่าไปไหนนะ”

หล่อนยังเพ้อหน้าแดงเหมือนจะร้องไห้ คงคิดถึงพี่ชายของเขาเสียเต็มประดา...

         ภูบดีถอนหายใจมองดวงหน้ากลมกระสับกระส่าย กอดหล่อนไว้ให้หายอาการหวาดหวั่นพอสงบจึงจัดแจงให้นอนท่าสบายตรวจชีพจรที่ข้อมือ สีหน้าชายหนุ่มดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อกดคลำชายโครงขวาแล้วหล่อนไม่มีอาการเจ็บเป็นไปได้ว่าหล่อนอาจจะแค่เป็นไข้หวัดใหญ่ เห็นทีว่าพรุ่งนี้เช้าคงต้องพาไปเติมน้ำเกลือสักขวดสองขวดก่อนออกเดินทางอีกครั้ง

          คนอวดเก่ง...เวลาหมดสภาพ ก็แค่ลูกแมวขี้อ้อนดีๆ นี่เอง

          เขานึกในใจ ลูบดวงหน้าแล้วเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผาก แก้มนวล และลำคอร้อนผ่าวให้เพื่อลดความร้อนในร่างกายเสร็จแล้วลุกเดินไปนอกระเบียงมองออกไปท่ามกลางความมืดอย่างไม่มีจุดหมาย

         เขาสังหรณ์ใจเมื่อเห็นดวงตาคมวาวในความมืดนั้น แต่เป็นไปไม่ได้ว่าหากคนนั้นคือพี่ชายของเขาอย่างที่คิด

         ทำไม...ถึงไม่ปรากฏตัวให้เห็นถ้ารู้ว่าคู่หมั้นมาตามหา

นึกแล้วก็กลุ้มใจคืนนี้คงเป็นคืนที่เขาจะได้นอนสบาย แต่ก็ต้องเป็นห่วงหล่อนจะหลับตาลงได้ไหมในคืนนี้

เพราะอยากใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเหตุทำให้ถกเถียงกันจนได้มาพักโรงแรมราคาแพงนี้แต่ก็ดีที่แลกมากับข่าวสารที่ได้รับจากเมืองไทยแถมได้อาศัยไหว้วานรุ่นพี่ที่เคยรู้จักมักคุ้นเมื่อครั้งเรียนอยู่ออสเตรเลียให้หาข้อมูลให้

เป็นไปได้ว่าพี่ชายของเขาอาจจะอยู่ในสถานที่สองแห่งนี้ไม่บาฮีดาร์ก็อักซุม แต่ติดที่ทั้งสองแห่งห่างไกลกันมากนักและหนทางเดินรถช่างยากลำบากบางครั้งอาจจะต้องทิ้งรถเช่าไว้ที่นี่แล้วต่อเครื่องบินในประเทศไปบาฮีดาร์ก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที

นึกแล้วก็เจ็บใจพี่ชายตัวดีหายไปไหนกันจะรู้รึเปล่าว่าแฟนตัวเองมาตามหาถึงที่นี่ เธอไม่เลิกราแน่ถ้าไม่เจอทำไมพี่ชายของเขาช่างโชคดี ใครๆ ก็รัก ทั้งแม่ ยายดอกการะเวก ทุกคนรักแต่พี่ชายจนไม่เหลือที่ว่างให้เขาเลย

ภูบดีหันหลังพิงระเบียงแล้วมองเข้ามาภายในธารวารียังคงหลับใหลบนเตียงกว้างไม่ได้สติ... 


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รีไรท์เรื่องนี้เสร็จก็ได้ฤกษ์กลับมาลงต่อค่ะ 

ขอฝากเพจนิยาย(ที่ด้านขวาหน้าบล็อก)ด้วยนะคะ 

เพิ่งเปิดใหม่อีกแล้ว เอาไว้อัพเดทนิยายค่ะ

ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ ^^ 




 

Create Date : 18 มกราคม 2560
47 comments
Last Update : 18 มกราคม 2560 1:25:21 น.
Counter : 1238 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณอุ้มสี, คุณเป็ดสวรรค์, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเรียวรุ้ง, คุณเริงฤดีนะ, คุณชมพร, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณเกศสุริยง, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณพันคม, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณClose To Heaven, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmastana, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmultiple, คุณkae+aoe, คุณชีริว, คุณสองแผ่นดิน, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณกาบริเอล, คุณกาปอมซ่า, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณเนินน้ำ, คุณAppleWi

 


สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น


ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตด้วยนะครับ
พี่ก๋าง้างมาานาน
แต่ก็ยังไม่ได้ฤกษ์เขียนนิยายสักทีเลยครับ
อยากลองเขียนนิยายรักดูครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 18 มกราคม 2560 6:40:49 น.  

 

แหล่มเลยจ๊ะน้องนุ่น
เขียนได้ดีจ๊ะ...โหวต
มอร์นิ่ง

 

โดย: อุ้มสี 18 มกราคม 2560 7:08:22 น.  

 

เป็นยามเช้าที่ชาวบ้านออกหาไส้เดือนทะเลที่หาดเจ้าสำราญครับ

 

โดย: เป็ดสวรรค์ 18 มกราคม 2560 7:48:43 น.  

 

สวัสดีคะคุณน้องนุ่น...

น้องนุ่นมีจินตนาการทางการเขียนจริงๆนะคะ..

ขยันเขียนต่อไปนะจ๊ะ..

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 18 มกราคม 2560 9:33:50 น.  

 

ลึกลับซับซ้อนชวนติดตาม รออ่านตอนต่อไปจ้า อิอิ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 18 มกราคม 2560 11:00:27 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณนุ่น

อยากรู้จังว่าทำไมไม่ปรากฏตัวให้คู่หมั้นเห็นนะ

แต่พอหายป่วย ธารวารีคงรู้สึกดีกับนายภูมากขึ้นนิ

รอตอนต่อไปนะคะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หอมกร Literature Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Literature Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: เรียวรุ้ง 18 มกราคม 2560 11:18:32 น.  

 

หนุ่มร้อยปี Technology Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog



มาติดตามงานเขียนน้องนุ่นค่ะ

 

โดย: เริงฤดีนะ 18 มกราคม 2560 11:22:49 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ขอบคุณและขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ




 

โดย: ชมพร 18 มกราคม 2560 11:53:36 น.  

 

lovereason Literature Blog ดู Blog

 

โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน 18 มกราคม 2560 13:20:57 น.  

 

อ่านไม่หมดนะน้องนุ่น

แต่เท่าที่อ่านมา เจอตรงนี้

โดนระเบิดเมื่อปีกลายน่ะคุณหมดเลยไม่เหลืออะไรเลย - เว้นวรรคก่อนคำว่าหมดนะ

แล้วก็คำว่าหน้ามุ่ย ใช้ติดกันไปนิด น่าจะใช้คำอื่นน่ะค่ะ ที่แสดงความหมายคล้ายๆ กันเพื่อให้หลากหลายนะ


วันนี้พี่โหวตเต็มแล้ว พรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 18 มกราคม 2560 13:29:36 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หอมกร Review Travel Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Fanclub Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Literature Blog ดู Blog
จารุพิชญ์ Travel Blog ดู Blog
Mitsubachi Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
mastana Education Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
มาส่งกำลังใจก่อนค่ะน้องนุ่น เดี๋ยวแวะมาอ่านอีกรอบ

 

โดย: เกศสุริยง 18 มกราคม 2560 14:49:49 น.  

 

อ่านแล้วก็มีเควสชั่นมาร์คหลายที่ ใคร อะไร ยังไงหว่า

บัตรภาพพร้อมแสตมป์ สวยจ้ะ พี่ได้ 2 ฉบับเลย เป็นสมาชิกเค้าส่งมาให้ด้วย ลงชื่อเองด้วย ดีงามมาก จะเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซองจากพี่ไปรฯ เค้าก็ทำดีนะ มีบาร์โค้ด พี่เก็บไว้หมดเลย

ยินดีกับรางวัลของนุ่นด้วยจ้ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 18 มกราคม 2560 15:29:45 น.  

 

จินตนาการกว้างไกลเหลือเกินครับ

 

โดย: พันคม 18 มกราคม 2560 16:22:08 น.  

 

เขียนเป็นเรื่องยาวแบบนี้เลย จริงๆ เคยคิดเหมือนกันนะครับว่าเอามาลงแบบนี้ไม่กลัวโดนคนขโมยไอเดียบ้างหรือ แต่ก็มีอีกมุมคือคนที่เขียนคงอยากได้ความเห็นจากคนอ่านทั่วๆ ไปเพื่อพัฒนางานเขียนของตน

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 19 มกราคม 2560 0:05:34 น.  

 

ขอแสดงความยินดีกับน้องนุ่นสำหรับรางวัลที่ได้รับเช่นกันนะคะ

lovereason Literature Blog

นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 19 มกราคม 2560 0:07:18 น.  

 

น้องนุ่น

มาโหวตให้นะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
aitai อ่านว่า อะอิไต้ Literature Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 19 มกราคม 2560 8:50:49 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
comicclubs Literature Blog ดู Blog
หอมกร Diarist ดู Blog
The Kop Civil Diarist ดู Blog
ข้ามขอบฟ้า Music Blog ดู Blog
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
lovereason Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

สวัสดีค่าาาคุณนุ่น
มาอ่านเรื่องสนุก ๆ ค่ะ
การแต่งเรื่อง นิยายนี่ไม่ง่ายเลยนะคะ
ต้องมีความสามารถพิเศษ โดยเฉพาะเลยค่ะ

 

โดย: Close To Heaven 19 มกราคม 2560 8:59:12 น.  

 

สวัสดีอีกรอบจ้าา

นี่ถ้าพี่พอมีเวลาก็จะอ่านให้ทั้งหมดหรอกนะ แต่ตอนนี้มิสามารถจริงๆ ง่ะ แหะๆ ไม่ว่ากันเนาะ


พี่ก็ชอบรร.นี้หละ นี่ว่าจะหาเวลาไปกินอีกห้องอาหารหนึ่ง

เค้าเก๋จริงอะไรจริงอ้ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 19 มกราคม 2560 14:19:03 น.  

 

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับน้องนุ่นด้วยนะคะ
พี่มาช้ามากเพราะสองสามอาทิตย์มานี้วุ่นวายหลายเรื่อง
ตามเพื่อนๆไม่ทัน ความจำไม่ดีด้วย

พี่อ่านเรื่องนี้ตอนต้นๆ แล้วก็ขาดตอนไป
กลับมาอีกที รู้สึกว่าเรื่องเดินไปอีกไกล พี่คงต้องกลับ
มาหาตอนที่ขาดๆอ่านด้วย ทั่วๆไปก็ชอบนะคะ
เรื่องค่นข้างซับซ้อนสำหรับวัยพี่
แต่ก็ไม่ยากจะเข้าใจค่ะ

lovereason Literature Blog

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 19 มกราคม 2560 15:24:11 น.  

 

สวัสดีจ้าคุณนุ่นขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ
มาช้าอีกคนแฮ่ๆ นี่แพมยังไปแสดงความยินดีไม่หมดเลย
งอนเค้าอ่ะป่าว ปีที่แล้วเราเขียนนิยายน้อยเหมือนกันเลยเนะ
เขียนนิยายยาวๆเก่งมากเลยด้วยจินตนาการอันกว้างไกลลลล
ชอบชื่อภูบดี เท่ห์ดีอ่ะจ้า lovereason Literature Blog

 

โดย: mastana 19 มกราคม 2560 16:16:31 น.  

 

อัพบล็อกใหม่แล้วจ้า ไม่อยากดองนาน เกรงใจ 555
ลุย ล่า เขียนไป 49 โจทย์แล้วค่า เหลืออีกโจทย์เดียว ความจริงก็ทำดร๊าฟท์ไว้แล้ว
แต่เห็นว่ายังมีเวลาก็เลยเก็บไว้ก่อน รอ ๆ คนแถวนี้ อิอิ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 19 มกราคม 2560 16:56:09 น.  

 

มาส่งกำลังใจให้ค่ะ

lovereason Literature Blog

หลับฝันดีนะคะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 20 มกราคม 2560 1:47:13 น.  

 

แถบโซมาเลีย นี่ถ้าเป็นของจริง คงจะอันตรายไม่ใช่เล่นเลยนะครับ

เห็นในข่าวสมัยก่อน ยิงถล่มกันเละเทะเลย

แล้วก็ ฉากที่ อ.เต๊ะ รอคอย คาดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้วแหงๆ

นางเอกเป็นไข้แบบนี้ มากับพระเอก 2ต่อ 2 กลางทะเลทราย อันอ้างว้าง หนาวเหน็บ เจ็บกระดูก

เดี๋ยวคืนนี้นางเอกก็ต้อง ไข้ขึ้น แล้ว พากันแวะค้างคืนในตึกร้าง
อากาศก็หนาวเย็น พระเอกก็ต้องเอาไออุ่นในตัวเข้าช่วย ต้องนอนกอดกันเป็นข้าวต้มมัด ทั้งคืน แหงๆ อะจึ๊ยๆๆๆๆๆ 5555

น้องนุ่นบอก เหรอ เอ็งนี่มันแสนรู้จริงๆ รู้ดีกว่าคนเขียนอีกแน่ะ
ฉากที่เอ็งว่าน่ะ ข้าเขียนไปเมื่อ3เดือนที่แล้ว แล้วเฟร้ย

ตอนนี้ นางเอกท้องได้ 3เดือน แล้ว ให้มันรู้ซะมั้ง ไม่ชักช้าเหมือนเอ็งหรอก 555

อ.เต๊ะ ขอขอบคุณในคำอวยพร โหวต และยินดีกับรางวัลของน้องนุ่นด้วยจ้าๆๆๆ

ปีใหม่นี้ ขอให้น้องนุ่นและครอบครัว มีความสุขมากๆเช่นกันจ๊ะ

 

โดย: multiple 20 มกราคม 2560 5:16:55 น.  

 

สวัสดีจ้านุ่น สวัสดีปีใหม่เช่นกันจ้า (ยังได้อยู่เนอะ)
แสดงความยินดีด้วยจ้ากับผลงานที่ได้พิมพ์
และยินดีกับสายสะพายด้วยจ้า

ขอบคุณโหวตให้ดอกถั่วจ้า

 

โดย: NENE77 20 มกราคม 2560 14:05:09 น.  

 

แวะมาส่งความคิดถึงและกำลังใจให้ค่ะ มี้ไม่ได้อ่านนะคะคุณนุ่นอย่าว่ามี้เลยนะคะ มนุษย์แม่จะได้อ่านอะไรแบบนี้ก็ต้องเป็ฯช่วงที่อยู่คนเดียวว่างๆ เลยค่ะ แต่ถึงแม้เวลาจะมีน้อยแต่ก็คิดถึงกันนะคะ

 

โดย: kae+aoe 20 มกราคม 2560 15:20:59 น.  

 

แวะมาทักทายยามเย็นค่ะ คุณนุ่น

 

โดย: เกศสุริยง 20 มกราคม 2560 17:58:17 น.  

 

อัพเกรดอมยิ้มได้แล้วคร้าบคุณนุ่น ได้อมยิ้มแท้ตามคุณนุ่นมาติดๆเลย วันนี้ติดหนี้คนอื่นไว้เยอะ เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกทีครับผม ^^

 

โดย: ชีริว 20 มกราคม 2560 20:13:52 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณนุ่น ขอให้มีความสุข สมปรารถนาทุกสิ่งเลยนะค้า

 

โดย: ออโอ 20 มกราคม 2560 21:33:30 น.  

 

สนุกค่ะ

 

โดย: ดาริกามณี 20 มกราคม 2560 22:15:40 น.  

 

ขอบคุณน้องนุ่นสำหรับกำลังใจนะคะ
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 20 มกราคม 2560 22:37:04 น.  

 

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตด้วยนะครับน้องนุ่น


เคยคิดเล่นๆครับ
อยากจัดนิทรรศกาลพู่กันเดียวกับภาพถ่าย
แต่ยังไม่มีใครสนใจงานพี่ก๋ามากพอจะขอจัดนะ 5555

เคยมีคนญี่ปุ่นเอาพู่กันเดียวไปแสดง
แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ครับ

 

โดย: กะว่าก๋า 20 มกราคม 2560 22:51:51 น.  

 

มาส่งกำลังใจครับ คุณนุ่น

 

โดย: สองแผ่นดิน 20 มกราคม 2560 22:57:37 น.  

 

สวัสดีอีกรอบนะคะนุ่น

รร.นี้สวยคลาสสิคมากๆ จริงๆ

เป็นรร.ที่พี่อยากไปกินชามากๆ แต่ยังไม่มีโอกาสเล้ยยยยย

ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยนะจ๊ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 21 มกราคม 2560 0:10:34 น.  

 


สวัสดียามเช้าครับน้องนุ่น

 

โดย: กะว่าก๋า 21 มกราคม 2560 7:06:57 น.  

 

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 21 มกราคม 2560 14:57:50 น.  

 

พี่ชอบดูข้างทาง ไม่ค่อยได้หลับจ้ะ แต่ถ้าแดดร่มลมตก ฟ้ามืด มีหลับเหมือนกันนะ

ขอบคุณนุ่นจ้ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 21 มกราคม 2560 20:23:07 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณน้องนุ่น..

อ่านแล้วสนุก น่าติดตามคะ

โหวตให้เลยนะคะ

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 22 มกราคม 2560 6:20:02 น.  

 



อรุณสวัสดิ์ครับน้องนุ่น

 

โดย: กะว่าก๋า 22 มกราคม 2560 6:45:25 น.  

 

อยากไปแถวๆนั้นนะ ที่จริงก็อยากไปหมด ติดแค่เรื่องตัง 55
สงสัยนานแล้วว่าส่วนใหญ่ข้อมูลของคนเขียนนิยายประเภท
ถึงสภาพแวดล้อมต่างแดน เขาต้องเคยลงพื้นที่จริงๆ ไหม?
หรือว่า หาข้อมูลมาจากแหล่งไหน (คือฟ้าเป็นพวกไม่มีจินตนาการน่ะ)

โลกนี้ไม่น่ามี สงคราม พรมแดน
ความยากจน หรือ ความขัดแย้ง เลยเนอะ

......

จากบล็อก นาย 1900

แสดงว่า ฟ้าไม่ได้อยู่ในระดับสปอยด์เรื่อง เย้ เย้

ถ้าคิดจะดูก็เตรียมเสียน้ำตาค่ะ

เหตุจรรโลงใจที่ยกมา สองประการ
หากเป็นเราก็คงอยากเลือก ที่จะกล้าเผชิญกับ"ความกลัว" ได้เนอะ
ถ้าอยากรู้ก็ให้ย้อนกลับไปอ่านบรรทัดบนอีกหนละกัน

นั่นแหละที่ (แอบ) มีคำตอบของนาย 1900 ตอนจบไว้

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันน้อ
เขียนยาวไว้มาก ภารตะประเทศ ก็ใกล้จบละ
คุณนุ่นคงเตรียมแก้บนได้ฮะ 555

 

โดย: กาบริเอล 22 มกราคม 2560 8:53:13 น.  

 

ส่งกำลังใจให้งานเขียนของคุณนุ่น


พร้อมชวนทานกาแฟ & เค้กยามบ่ายด้วยกันนะคะ





 

โดย: กาปอมซ่า 22 มกราคม 2560 15:58:43 น.  

 

ทักทายวันหยุดค่ะนุ่น
ขอบคุณสำหรับคำชมจ้า
นกนางนวลเวลาเขาลอยบนน้ำดูเหมือนเป้ดเนอะว่ามั้ย อิอิ

อ่านนิยายของนุ่นแล้วนึกถึงการ์ตูนแนว
พระเอกเป็นท่านชีคเนอะ แนวรักกุ๊กกิ๊กในทะเลทราย 55

ส่วนตัวเป็นคนอ่านนิยายน้อยมากนะ หนักไปทางการ์ตูนซะเยอะ
การ์ตูนอ่านได้ทุกแนว ตั้งแต่แนวตาหวานยันแนวโหดเลยจ้า55

ขอบคุณโหวตจ้า

 

โดย: NENE77 22 มกราคม 2560 17:06:49 น.  

 

สวัสดีค่ะ

รุ้งก็รักนิยายเรื่องคำมั่นสัญญามากเหมือนกันค่ะ รุ้งเป็นแฟนนิยายทมยันตีเลย นิยายเรื่องโปรดนี่จบตายกับจบสมหวังแทบจะพอกันเลย55555

เป็นนักแต่งคนเดียวจริงด้วยสิที่แต่งตอนจบพระเอกไม่นางเอกตายก็ยังขายได้ ยังโด่งดัง และตราตรึง

พี่เลี้ยงสำหรับรุ้งอ่านแล้วเฉยๆค่ะ เพราะอ่านคำมั่นสัญญาก่อนมั้ง พี่เลี้ยงเลยรู้สึกไม่อินเท่าพี่ริน

ขอบคุณคุณนุ่นค่ะ

 

โดย: เรียวรุ้ง 22 มกราคม 2560 18:14:31 น.  

 

บล็อกนี้เข้ามาหลายรอบมาก เข้ามาเม้นท์ก่อนอ่านหนนึง เข้ามาโหวตหนนึง เข้ามาเม้นท์หลังอ่านจริงๆอีกหนนึง 555
ไม่ได้ยินชื่อประเทศจิบูติซะนานเลยครับ ชอบอ่านฉากบรรยายเมือง วัฒนธรรม เครื่องแต่งกาย ยิ่งประเทศที่คนทั่วไปไม่รู้จักยิ่งจินตนาการเองหรือต้องไปเอาข้อมูลจากที่ไหนครับเนี่ย
การตามหาคนในที่ไม่รู้จักก็ช่างยากลำบาก แหม่ นี่ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าคงให้เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ประกาศให้แล้วนะครับ

 

โดย: ชีริว 22 มกราคม 2560 20:49:59 น.  

 

เรื่อง อัมฮารา ผมจำได้นะ
เคยอ่านตอนแรกที่คุณนุ่นเขียนในบล็อกเมื่อหลายปีก่อน
แต่เรื่องยาวมาก ผมคงไม่สามารถติดตามอ่านได้อะครับ
ขออภัยด้วยเน้อ~~ ^^"

.....

ผมก็ใช้นิ้ว 3 นิ้ว (โป้ง-ชี้-กลาง) ในการบังคับดินสอเหมือนกันครับ
พวกดินสอสั้น ๆ นั่นเป็นของที่ใช้ตอนเด็ก มือยังไม่ใหญ่เท่าปัจจุบัน
ถ้าให้ใช้แบบจริง ๆ จัง ๆ ตอนนี้ก็คงจับไม่ถนัดเหมือนกันครับ ^^"

 

โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก 22 มกราคม 2560 23:05:42 น.  

 

ส่งกำลังใจค่ะน้องนุ่น
เดี๋ยวตามไปที่เพจต่อค่ะ ^__^

 

โดย: เนินน้ำ 23 มกราคม 2560 10:48:39 น.  

 

ขอบคุณคุณนุ่นมากๆ นะคะ ที่เข้าใจมี้ เรื่องการอ่าน...

ปล. เรื่องแปรอักษรนี่เราๆ มอง ดูแล้ว เค้าเก่งกันจัง คงต้องชมคนควบคุมด้วยนะคะ ซีบอกเค้าใช้เสียงกลองให้สัญญาณ

 

โดย: kae+aoe 23 มกราคม 2560 13:59:22 น.  

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เอเจ้าบ้านหนีไปเที่ยวไหนน๊าาาาาา

 

โดย: เกศสุริยง 24 มกราคม 2560 10:41:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


lovereason
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 76 คน [?]









+ ++
Friends' blogs
[Add lovereason's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.