'ศิลปะของการถ่ายภาพ คือการรังสรรค์งานศิลป์ด้วยแสง ที่แตกต่างจากงานศิลปะแขนงอื่นอย่างเห็นได้ชัด..ภาพจะสวยหรือไม่ อยู่ที่เราจะสามารถสื่อสารกับแสงและเงาได้อย่างสมดุล...ฉะนั้นการเรียนรู้ศิลปะของการถ่ายภาพไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใส่ใจฝึกฝนจนชำนาญ คุณก็จะสามารถมีงานศิลป์สวยๆจากแสงและเงาได้...ด้วยตัวเอง
ธารวารีพึมพำอ่านทบทวนที่เขียนไว้ในสมุดโน้ต และหมุนปากกาในมือไปมาอย่างครุ่นคิด ดวงตากลมทอดมองไปยังสายน้ำไหลเอื่อยไม่แรงเหมือนเมื่อวาน วันนี้ท้องฟ้าใสไม่มีเค้าฝนแม้แต่น้อย ลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไปนักแม้แดดจะแรงกว่าทุกวัน
แสงและเงา..แสงและเงา..เอ จะเขียนต่อยังไงดีนะ ทำไมคิดไม่ออกเลยเนี่ย
ทำอะไรอยู่ลูก
ธารวารีสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ถึงสัมผัสอุ่นที่บรรจงลูบศีรษะหล่อนแผ่วเบาอย่างเอ็นดู หญิงสาววางปากกาจากสมุดโน๊ตเล่มเล็กแล้วยิ้มให้มารดาที่ลงมานั่งข้างกันบนศาลาริมน้ำหลังเล็กโดยมีนมอุ่นและขนมขบเคี้ยวมาวางไว้ให้อย่างใส่ใจเช่นเคย
เขียนหนังสือจ้ะแม่ ศิลปะการถ่ายภาพ กลับมาคราวนี้หนูจะรวมเล่มแจกเป็นสเปเชียลอิดิชั่นสำหรับคนที่ซื้อภาพในงานนิทรรศการจ้ะ
ธารวารีว่าพลางพลิกสมุดโน้ตเล่มเล็กไปมา แต่ละหน้ามีรอยขีดเขียนเต็มไปหมด และร่องรอยดินสอที่วาดเป็นฉากคร่าวๆ ธารามองดูสีหน้ามุ่งมั่นของลูกสาวอย่างมีความสุข สายตาเหลือบมองแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กที่สวมติดมือลูกสาวแล้วจึงถามด้วยความห่วงใย
แน่ใจนะว่าบอกรุจแล้ว ไม่ใช่จะแอบไปไม่ให้เขารู้ตัวหรอกนะ แม่เป็นห่วงรู้มั๊ย
ธาราลูบศีรษะลูกสาวอย่างห่วงใย เป็นความรู้สึกห่วงอยู่ลึกๆ ลูกสาวคนเก่งของหล่อนอายุอานามไม่ใช่น้อยแล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะย่างสามสิบ อยากให้เป็นฝั่งเป็นฝาและเลิกตะลอนไปถ่ายภาพยังที่ไกลๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก แต่ก็ดูเหมือนจะห้ามได้ยากและลูกสาวหล่อนก็ทำงานนี้ได้ดีเสียด้วย
จ้ะ แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะ พี่รุจดีใจจะตายตอนหนูโทรไปบอกน่ะยังฝากความคิดถึงถึงแม่อยู่เลย พี่รุจเป็นสุภาพบุรุษ รับรองลูกสาวแม่ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอนจ้ะ
ปดมารดาไปเพื่อความสบายใจแต่ใช่ว่าจะไม่หวั่นใจ ธารวารีรีบเสเปลี่ยนเรื่องก่อนที่มารดาจะจับความรู้สึกนึกคิดได้ มือบางทำทีเป็นหยิบแก้วนมอุ่นขึ้นมาจิบและเคี้ยวขนมอย่างเพลิดเพลิน
อืม ก็ดีแม่ค่อยสบายใจหน่อย ว่าแต่ลูกเถอะ วันนี้ทำไมไม่ขลุกอยู่ในสตูดิโอแบบทุกวันล่ะ
อ๋อ..ใช่จ้ะ หนูลืมบอกแม่ไปว่าห้องมืดแอร์เสีย เนี่ยเรียกให้ช่างมาซ่อมแล้วยังไม่มาเลย พอดีรูปถ่ายของหนูแย่เลย ถ้าช่างมาแม่ให้พี่นาพาไปที่สตูด้วยนะ เดี๋ยวหนูจะออกไปหาซื้อของจำเป็นสำหรับเดินทางซะหน่อย แม่รู้มั๊ยที่หนูจะไปนะ SPF 30 เอาไม่อยู่นะ เห็นว่าต้อง 50 ขึ้นเลยแหละ เดี๋ยวหนูพกไปเยอะๆให้รู้กันไปเลย
ธารวารีพูดจบก็หยิบสมุดเดินตัวปลิวออกไปจากศาลา ธาราจะเรียกไว้แต่ก็ไม่ทันได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดปรูดปราดรวดเร็ว
โธ่เอ๊ย..ยัยรี จะเอาไปเยอะๆแล้วมันขึ้นเครื่องได้ที่ไหนกันเล่า ตลกแล้วลูกคนนี้
ใครตลกจ๊ะ คุณป้า นา..แม่บ้านวัยแก่กว่าธารวารีห้าปีฉีกยิ้มมาแต่ไกล พร้อมทั้งมองตามสายตาธาราไปทางที่ธารวารีเดินจากไป อย่างงุนงง
บ้านมีกี่คนจ๊ะ..คุณนา
คุณป้า น้องรี กับหนูค่ะ
อืม..ก็นั่นแหละ ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ฉัน แล้วจะใคร
น้องรี?
อืม ก็จะใครซะอีก ก็ยัยลูกสาวที่ไม่ยอมแต่งงานออกเรือนไปซะทีของฉันน่ะแหละ
ตอบกลับคำถามไปอย่างติดจะขันเล็กๆ กับคำตอบพาซื่อของนาที่เรียกเสียงหัวเราะให้ธาราได้เป็นอย่างดี ความไม่สบายใจเมื่อครู่ละลายหายไปเป็นปลิดทิ้งแล้วเดินหนีเข้าบ้านไป ก่อนไปยังฝากฝังให้นาคอยดูเผื่อช่างแอร์มาซ่อมห้องมืดในสตูดิโอของธารวารีอีกด้วย
อยู่ไหน!! หายไปไหน!! โอ๊ยทำไมหาไม่เจอเนี่ย
ทำไงดี อีกไม่กี่วันก็ต้องเดินทางแล้ว เอาไปไว้ไหนแล้วนะ
ธารวารีโวยวายอยู่คนเดียวในห้องนอน ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายด้วยฝีมือตัวเอง ของสำคัญที่จะเช็คความเรียบร้อยอยู่ๆก็หายไปไหนก็ไม่รู้ หญิงสาวนั่งกุมขมับอย่างอ่อนอกอ่อนใจ คิดทบทวนไปมากว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ที่รัก อยู่ที่แกแน่ๆ ใช่ๆ ลืมไปได้ยังไง"
ไวเท่าความคิด ธารวารีวิ่งเร็วจี๋สวนเข้ากับมารดาที่เดินสวนเข้ามาจนต้องมองตามด้วยความสงสัย หญิงสาวสาละวนกับการรื้อค้นทรัพย์สินภายในรถที่มีไม่กี่มากน้อยอย่างหงุดหงิด แต่ก็หาไม่เจอ นาเยี่ยมหน้าเข้ามาด้อมๆมองๆด้วยความสงสัย ธารวารีเห็นนาก็เรียกไว้
พี่นา รีฝากเอากระเป๋าสะพายกับโทรศัพท์มือถือที่ห้องให้หน่อยสิจ๊ะ จะออกไปธุระสักหน่อย
ธารวารีเงยหน้าที่เหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้าขึ้นมาสบตา นาที่มองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จ้ะ น้องรี เดี๋ยวแป๊บนึงนะ
นาหายเข้าไปในตัวบ้านสักครู่แล้วก็ออกมาพร้อมสิ่งของที่ธารวารีสั่งไว้ หญิงสาวไม่พูดพร่ำทำเพลงขับรถออกไปจากบริเวณบ้านทันที นาได้แต่มองตามอย่างงุนงงก่อนจะพึมพำออกมา
แล้วไปชุดนั้นเนี่ยนะน้องรี หน้าตาก็ไม่แต่ง แล้วดูแต่งตัวเข้า เฮ้อ..แปลกจริง
รถญี่ปุ่นราคาประหยัดรุ่นล่าสีดำสนิท ขับมาจอดหน้าประตูรั้วบ้านทันทีที่รถของธารวารีลับสายตาไป นากำลังจะปิดประตูเหลือบมาเห็นเข้าพอดี สีหน้าสงสัยเล็กน้อยแต่พอนึกอะไรได้ก็รีบกุลีกุจอเข้าไปทักทายคนที่กำลังเลื่อนกระจกรถลงครึ่งนึง
ที่นี่บ้านคุณธารวารีใช่มั๊ยครับ
ใช่ค่ะ..ใช่ๆ โห...ช่างแอร์สมัยนี้เท่ห์ระเบิดไปเลย
นาพึมพำด้วยสีหน้าตื่นเต้น ตาประกายระริกอย่างถูกใจ ความคิดแล่นฉับพลันทันที รีบทักทายชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่งสวมแว่นกันแดดสีชาอันโตกำลังมองตัวบ้านอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่
คุณ..ที่นัดไว้ใช่มั๊ยคะ ขับรถเข้ามาเลยค่ะ บ้านสวนเดินไกลเอารถเข้ามาสะดวกกว่าเยอะ เร็วๆค่ะ จะได้ปิดประตู
เอ๊ะ..แต่ผมไม่ได้..
คนมาใหม่ถอดแว่นกันแดด เผยให้เห็นดวงตาคมกริบ ในมือถือเอกสารที่ต้องการจะมาส่งคืนเจ้าของ แต่แล้วก็ได้แต่ลังเล เมื่อเจอนารบเร้า ชายหนุ่มก็เลยตามน้ำ ขับรถเข้าไปอย่างงงๆ พร้อมทั้งโยนเอกสารนั้นไว้ข้างเบาะอย่างไม่ใส่ใจ โดยมีนาโบกไม้โบกมือให้แล่นรถเข้าไปอย่างเร็ว
เร็วๆสิคะคุณ คนเราสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้นะ จอดรถติดเครื่องเอาไว้ระวังโจรจะมาช่วยขับให้ไม่รู้ตัว
โอเค โอเค
ภูบดีตอบรับสั้นๆงงไม่หาย แต่ก็ขับรถเข้าไปภายในบริเวณบ้าน โดยมีนาที่ปิดประตูเรียบร้อยรีบวิ่งตามมา กลิ่นหอมของดอกลีลาวดีต้นใหญ่โชยมาเป็นระยะ ภูบดีก้าวลงมายืนข้างตัวรถพร้อมทั้งมองไปโดยรอบอย่างพินิจพิเคราะห์ สวนกุหลาบขนาดย่อมตลอดแนวทางเดินไปยังตัวบ้านสวยงามสีสันสดใส
ชายหนุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆอย่างรู้สึกคุ้นเคย สายตาเหลือบมองไปยังศาลาริมน้ำและมองเลยผ่านไปยังอีกฝั่งแม่น้ำด้วยความรู้สึกโหยหา ก่อนจะถอนหายใจออกมาบางเบา จนไม่ทันสังเกตว่าใครเดินเข้ามาด้านหลัง
คุณคะทางนั้นไปเรือนไทย สตูดิโอต้องไปอีกทาง อยู่ติดศาลาริมน้ำค่ะ
ภูบดีชะงักฝีเท้าทันที ดวงตาคมเข้มมีแววตื่นเต้นฉายชัด เขาจำได้น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
คุณป้า
คะ คุณว่าอะไรนะคะ
ธารา..จ้องมองแผ่นหลังสูงใหญ่ภายใต้เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีสีดำสนิท คล้ายจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้น คำพูดแผ่วเบาที่ฟังไม่ค่อยถนัดจนต้องถามซ้ำอีกรอบของชายหนุ่มดึงดูดความสนใจจนต้องถามออกไปด้วยความสงสัย ภูบดีค่อยๆหันกลับมาอย่างช้าๆ ทันทีที่พบหน้า ธารารู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ภูบดีกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่อง
เปล่าครับ เอ่อ ผมบอกว่าดอกไม้ที่นี่สวยดี
เหรอคะ รู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง เคยเจอที่ไหนมาก่อนรึเปล่าคะ
ธารายิ้มน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนจะชวนคุยต่อ ภูบดีอึกอักเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของหญิงกลางคนที่มองมาอย่างพินิจพิเคราะห์ ชายหนุ่มเสหลบตาแล้วมองไปยังสตูดิโอที่อยู่ติดกับศาลาริมน้ำแทน
ผมเคยมาที่นี่สองสามครั้งครับ ยังไม่ทันที่ภูบดีจะพูดจบ นาก็เข้ามาพร้อมกับน้ำมะตูมลอยน้ำแข็งแก้วใหญ่ ยื่นส่งให้
คุณป้า ช่างแอร์ของน้องรีนี่หล๊อหล่อนะคะ เดี๋ยวพี่พาคุณไปนะคะ สตูดิโออยู่ด้านโน้นค่ะ
อ่อ..ครับ แต่ว่า ผม
ไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ ภูบดีจำเป็นต้องเดินตามนาไปอย่างเสียไม่ได้ เมื่อข้อมือถูกจับจูงลากไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ศาลาริมน้ำสีขาวหลังเล็กมีทางเดินเล็กที่เชื่อมต่อกับบ้านปูนชั้นเดียวหลังใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้เลื้อยสกุลไทรพันธ์ใบเล็กด่างเต็มฝาผนังอิฐสีเทา สงบร่มรื่นน่ามองราวกับป่าขนาดใหญ่จนภูบดีเผลอยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
ที่นี่ค่ะ แต่ไม่เห็นคุณมีอุปกรณ์อะไรมาเลยนะคะ แปลกจัง ภูบดีเหลือบมองนาที่มองมาอย่างกังขาเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มละลายให้สาวใหญ่ฝันค้าง
ผมขอดูก่อนก็แล้วกันว่าเสียตรงไหนยังไง คุณไปพักผ่อนเถอะเดี่ยวถ้าเสร็จแล้วผมจะบอก
ภูบดีรับสมอ้างแต่กะจะดูให้จริงๆเพราะพอจะมีความรู้เรื่องช่างอยู่บ้างตามประสาเด็กหนุ่มที่เติบโตในต่างแดนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องพึ่งพาตนเองเสียเป็นส่วนใหญ่ งานเล็กน้อยในบ้านจึงไม่ใช่งานหนักหนาอะไร
ได้ค่ะ พี่ขอตัวไปทำกับข้าวกลางวันให้คุณป้าก่อนนะ วันนี้น้องรีไม่อยู่น่าจะทำอาหารง่ายๆ เดี๋ยวพี่จะทำเผื่อคุณด้วยนะคะ
ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้อง
ภูบดีรีบปฏิเสธ ไม่อยากอยู่นานแต่พอถูกคะยั้นคะยอมากเข้าจึงได้แต่พยักหน้าตอบตกลง พอนาลับสายตาไปจึงเปิดประตูบานเลื่อนกระจกสีดำของสตูดิโอเข้าไปภายใน
ภายในสตูดิโอมีแสงลอดผ่านรำไรจากแนวปกคลุมของไม้เลื้อยพันธ์ไทร หลังคาที่มีช่องเปิดผ่านให้แสงเล็ดลอดเข้ามาทำให้ภายในห้องไม่มืดทึบจนเกินไป ภูบดีกวาดสายตามองไปรอบๆหาสวิสซ์ไฟ พอไฟในห้องเปิดสว่างก็ถึงกับตกตะลึง ผนังห้องตลอดแนวเต็มไปด้วยภาพถ่ายขนาดใหญ่กรอบสีน้ำตาลสวยโทนขรึม เป็นภาพทิวทัศน์ทั้งป่า ต้นไม้ พรรณไม้ยืนต้น ไม้ดอก น้ำตก ภูเขา เต็มผนังไปหมด ชายหนุ่มนึกทึ่งไม่น้อยกับความงดงามของแต่ละภาพ
ผนังฝั่งหนึ่งถูกดัดแปลงเป็นฉากหลัง มีอุปกรณ์ครบครันที่สตูดิโอถ่ายภาพขนาดใหญ่ควรมี มุมหนึ่งเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือท่องเที่ยวสารพัดชนิดรอบโลก คู่มือถ่ายภาพอย่างมืออาชีพปึกหนาหลายเล่ม บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของเป็นพวกใฝ่รู้ขนาดไหน บางสิ่งบางอย่างน่าสนใจวางอยู่กลางโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาเปิดดูอย่างสนใจ
โบรชัวร์บริษัททัวร์?
อ่านคร่าวๆ เสร็จแล้วจึงหากระดาษกับปากกาที่บนโต๊ะเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาจดอะไรบางอย่างแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ตก่อนจะวางกระดาษโน๊ตปีกเล็กและปากกาไว้บนโต๊ะไม่ได้เก็บเข้าที่เดิม
วิชาช่างเป็นอีกอย่างที่ภูบดีสนใจ ช่วงเวลาที่อยู่นิวซีแลนด์เขาทั้งเรียนหนักและรับจ็อบสารพัดในช่วงเวลาว่างเพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ตัวเอง โดยไม่พึ่งพาอาศัยครอบครัวของบิดามากเท่าไหร่นัก หลังจากบิดาเสียชีวิตในช่วงวัยรุ่น ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ เขาเหมือนตัวคนเดียวต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านเกิดถ้าไม่มีลุงซึ่งเป็นพี่ชายของบิดา เขาก็อาจจะไม่ได้เรียนสูงถึงขนาดนี้
ห้องมืดสนิทเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำยาโชยมาเกระทบจมูกป็นระยะ ภูบดีรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก อากาศในห้องร้อนอบอ้าวพอสมควรเพราะแอร์เสีย ชายหนุ่มควานสะเปะสะปะเรื่อยไปริมขอบประตูจนเจอสวิสซ์ไฟ แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมาบางจุดทำให้เห็นแสงเลือนลางภายในห้องพอจะคลำทางถูก ภาพถ่ายจำนวนมากถูกแขวนด้วยไม้หนีบเรียงเป็นแถวยาวเต็มไปหมด ภูบดีกวาดตามองไปทั่วทุกภาพอย่างสนใจ ก่อนจะหยิบภาพๆหนึ่งขึ้นมาดูด้วยความสนใจ
คุณแม่...พี่
ภาพแห่งความผูกพันของคนสองคนที่สายใยสัมพันธ์แน่นแฟ้น ภูบดีได้แต่มองด้วยดวงตาหม่นหมอง มือหนาปล่อยภาพนั้นหลุดร่วงหล่นลงพื้นไปแล้วดึงภาพอีกภาพหนึ่งที่อยู่ใกล้กันเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ตของตนแทน...
ธารวารีเดินแกมวิ่งเข้ามาภายในสถานเสาวภา ยามบ่ายคล้อยของวันกลางสัปดาห์แบบนี้ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก สีหน้าร้อนใจท่าทางลุกลนเป็นที่สนใจของใครบางคนที่เดินสวนกันไป
เอ๊ะ..นั่นเพื่อนคุณหมอภาวัฒน์นี่นา คุณคะ!! คุณ
เจ้าหน้าที่สาวเรียกเอาไว้แต่ธารวารีรีบร้อนจนไม่ทันได้ยิน ได้แต่มองตามจนหญิงสาวลับสายตาไปตรงมุมตึก ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ได้ใส่ใจ ได้แต่ฉงนใจแล้วรีบเดินไปอีกทางหนึ่งอย่างรีบร้อนเพราะต้องนำเอกสารไปให้ที่ประชุม
ขอโทษนะคะ วันนี้คุณหมอภาวัฒน์ไม่มาเหรอคะ
ธารวารีเยี่ยมหน้าออกมาถามพยาบาลสาวใหญ่ที่เดินผ่านหน้าห้องพักของภาวัฒน์ หน้าซีดเซียวผมเผ้าไม่จัดทรงเป็นระเบียบ พยาบาลสาวใหญ่มองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วเอ่ยเสียงเข้ม
คุณเป็นใครคะ เข้าไปในห้องพักแพทย์ได้ยังไง
เอ่อ..คือฉันเป็นเพื่อน เอ๊ยไม่ใช่สิ เป็นน้องสาวค่ะ
ธารวารีหน้าเสีย แก้เก้อไปแบบตะกุกตะกัก ซึ่งนั่นไม่เป็นที่ไว้วางใจของพยาบาลสาวใหญ่แม้แต่น้อย ดวงตาเรียงเล็กภายใต้แว่นกรอบหนาหรี่มองอย่างจับผิด
คือ.. พอดีฉันรีบค่ะ ลืมเอกสารไว้ที่นี่ คุณพอจะทราบมั๊ยคะว่ามีใครเก็บเอกสารซองสีน้ำตาล ที่มีพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน แล้วก็สมุดรับรองสีเหลืองที่ฉันมาฉีดวันก่อนบ้างมั๊ยคะ
ดิฉันไม่ทราบ คุณคงต้องไปติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ แล้วคุณกรุณาออกจากห้องพักคุณหมอด้วยค่ะ คุณหมอภาวัฒน์วันนี้ไม่มามีรับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยค่ะ
ธารวารีถึงกับหน้ามุ่ยกับสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงเข้มเหมือนคุณครูกำลังดุลูกศิษย์เอาแต่ใจอย่างหล่อน หญิงสาวพยักหน้ายิ้มแหยเป็นเชิงขอโทษแล้วพาตัวออกมาจากห้องอย่างเร็ว นางพยาบาลสาวใหญ่มองอย่างพอใจแต่คิ้วยังขมวดมุ่นเมื่อเห็นสภาพโดยรวม
อันที่จริงมาติดต่อสถานที่นี้ ถ้าคุณจะเรียบร้อยกว่านี้อีกนิดหน่อยนะคะ ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ
คือ..ฉันรีบค่ะ ฉัน... หน้าสวยมุ่ยเป็นคำรบสองเมื่อนางพยาบาลสาวใหญ่ไม่ฟังแล้วเดินฉากออกไปเลย ธารวารีมองสภาพตัวเองแล้วได้แต่หน้าเสีย
ก็ฉันรีบนี่นา แค่นี้ต้องตำหนิกันด้วย
คุณมาทำไมคะ พี่ท็อปไม่อยู่วันนี้ หรือว่าติดใจอยากฉีดวัคซีนตัวไหนเพิ่มคะ
ยังไม่ทันได้ว่าอะไรต่อ เสียงใสที่วันนี้ไม่ค่อยผ่องใสของใครบางคนก็ดังขึ้น ธารวารีหันกลับไปมองสีหน้าตื่น แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครจึงยิ้มออกมาได้
คุณหมอทิวา
สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้วนะคะ วันนี้มีอะไรรึเปล่าคะ ดูคุณจะรีบร้อน ทิวายิ้มแย้มส่งให้แต่แววตาขบขันประหลาด ธารวารีหน้าเสียแต่ก็ไม่วายถามอย่างร้อนใจ
คือฉันลืมเอกสารเอาไว้ที่นี่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอได้เก็บไว้หรือมีใครเอามาฝากไว้ให้บ้างมั๊ยคะ
คุณยังไม่ได้รับเอกสารอีกเหรอคะเขาบอกว่าจะส่งให้ถึงมือคุณนี่ ธารวารีขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง"
เขา?..คือใครคะ
คุณหมออีกท่านนึงค่ะ เขาเป็นคนเก็บเอกสารของคุณได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะหายหรือเอาไปทำอะไรนะคะ ป่านนี้เอกสารนั่นอาจจะส่งถึงบ้านคุณแล้วก็ได้
แต่..แต่ว่า คือฉันขอเบอร์คุณหมอท่านนั้นได้มั๊ยคะ เผื่อจะได้ติดต่อขอไปรับเอง กลัวคุณหมอท่านจะไม่สะดวกค่ะคำพูดติดจะเกรงใจ น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น ทิวาได้แต่ถอนใจ ก่อนจะเอ่ยแกมรำคาญนิดๆ
ก็ได้ค่ะ แต่ว่าอย่างพยายามติดต่อเขาก่อนนะคะ เพราะคุณหมอภูไม่ชอบให้ใครวุ่นวาย นอกเสียจากว่าเขาจะติดต่อคุณก่อน ทิวาจดยุกยิกในกระดาษโน้ตเล่มเล็กแล้วฉีกยื่นให้ไปอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ธารวารีรับมาดูอย่างตื่นเต้น
ขอบคุณมากๆนะคะ.คุณหมอทิวาธารวารีอ่านชื่อที่ทิวาจดไว้ให้ด้วยความตื่นเต้น
นายแพทย์ภูบดี พี.บอร์ด?..เอ๊ะ คุณหมอเป็นลูกครึ่งเหรอคะ
ถามออกไปหวังว่าจะได้คำตอบที่ต้องการ แต่ธารวารีก็ต้องขยาดเมื่อเห็นสายตาแปลกๆจากทิว จึงได้แต่ขอบคุณก่อนจะขอตัวกลับโดยมีทิวามองตามจนลับสายตาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้
ทิวา..โยนแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะทำงานของตนด้วยความหงุดหงิด ลมหายใจพรูออกมาอย่างระบายความรู้สึกอัดอั้น สักพักจึงหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก เป้าหมายไม่ใช่ใครคือ เขา คนที่อยู่ในบทสนทนาของตนกับธารวารีเมื่อสักครู่นั่นเอง
วันนี้ไปไหน ภู น้ำเสียงเข้มกว่าปกติจนภูบดีที่กำลังขับรถออกจากบ้านธารวารีต้องจอดเข้าข้างทางเพื่อคุยกับหล่อน
เอาเอกสารมาคืนเจ้าของเขา วามีอะไรบอกแล้วไงว่าเราจะไปรับสี่โมงเย็น ภูบดีกรอกเสียงตามสายไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิทเช่นกัน
แล้วคืนเรียบร้อยรึยัง เอกสารน่ะ
ฝากแม่เขาไว้แล้ว ว่าแต่วามีอะไร ถ้าไม่มีอะไรเราจะวางแล้ว เจอกันสี่โมงเย็นนะ
ภูบดีพูดเสียงอ่อนโยน และตัดบทอย่างไม่ใส่ใจนักเมื่อได้ยินน้ำเสียงคาดคั้นมาตามสาย จากคำพูดที่ได้ยินบ่งบอกให้รู้ว่าหญิงสาวคุ้นเคยอารมณ์ไม่ปกติเท่าไหร่ ทิวาเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนรักที่เขาจำต้องถนอมน้ำใจหล่อนให้มาก
ภู..เมื่อไหร่ภูจะเริ่มงานใหม่ล่ะ เราได้ข่าวว่าภูจะไม่ทำงานที่เดียวกับเราเหรอ ทำไม ไหนทีแรกบอกว่า..
เราเป็นศัลยแพทย์หัวใจนะวา จะดีกว่าถ้าเราได้ทำงานในโรงพยาบาลเฉพาะทาง แล้วอีกอย่างเรายังจะไม่เริ่มงานตอนนี้หรอก
ทิวาถึงกับงงกับความหมายที่ปลายสายบอก นอกจากจะไม่ทันตั้งตัวเรื่องที่ภูบดีตัดสินใจแล้ว หล่อนยังต้องงงงวยไปอีกเมื่อเขาเปลี่ยนแผนกระทันหัน
ทำไม? จะทำอะไรเหรอ ถึงยังไม่เริ่มงาน
เราจะไปต่างประเทศสักสองเดือน
ภูบดีตอบก่อนจะตัดบทวางสายไป มือหนาหยิบหมายเลยโทรศัพท์บริษัททัวร์ที่จดมาจากในสตูดิโอของธารวารีมาดูแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหมาย เอกสารสำคัญของหล่อนถูกส่งถึงมือมารดาอย่างเรียบร้อย ธาราได้แต่งงแต่เขาไม่ได้อธิบายอะไรบอกแต่เพียงว่าถ้าหล่อนเห็นก็จะรู้ได้เองว่าคืออะไร เขาจะยังไม่รีบร้อนเพราะถึงอย่างไรธารวารีก็จะต้องเจอกับเขาในไม่ช้า..
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ^^
ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆจากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ด้วยนะคะ
ขอบคุณภาพและเพลงเพราะๆจากอินเตอร์เนตด้วยค่ะ
ขอบคุณพี่ๆสำหรับคอมเมนท์+ไลค์+โหวตในตอนที่แล้วด้วยค่ะ
ขอให้อ่านนิยายอย่างมีความสุขนะคะ
ลุ้นระทึกกับช่วงหมอทิวาโทรจิก โชคดีบินหนีทัน อิอิ