Meiji Restoration (1)




ในละครเราได้ยินคำว่า Bakufu ซึ่งหมายถึงรัฐบาลระบอบโชกุนในสมัยเอโดะ
และ Bakumatsu นั้นก็หมายถึงช่วงสุดท้ายของการปกครองในระบอบนี้นั่นเอง

จุดเริ่มต้นก็คือการเข้ามาของเรือดำ ของสหรัฐอเมริกาในปี 1953
เมื่อเรือรบกลับไป รัฐบาลเอโดะได้สร้างสร้างป้อมปราการขึ้นที่ Odaiba ในอ่าวโตเกียว
แต่เมื่ออเมริกากลับมาในปีต่อมา รัฐบาลเอโดะก็ยินยอมลงนามข้อตกลง Kanagawa
ยินยอมเปิดเมืองท่าค้าขายสองแห่ง ในปี 1854

หลังจากนั้นชาติตะวันตกได้รบชนะประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างจีนในสงครามฝิ่น
ทำให้พวกเค้าเพิ่มแรงบีบประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น
ในปี 1858 อเมริกาได้บังคับให้ญี่ปุ่นลงนามในโดยสนธิสัญญา Harris
ที่ให้เพิ่มเมืองท่าเป็น 5 แห่ง
อนุญาติให้ชาวต่างชาติการค้าขายอย่างเสรี
สามารถตั้งบ้านเรือนและโกดังตามเมืองท่าดังกล่าว
และสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ที่ทำให้ไม่ต้องรับโทษจากกระทำความผิด

ในตอนนั้นหัวหน้าที่ปรึกษาผู้ลงนามในสนธิสัญญาคือ Hotta Masayoshi
เหล่าไดเมียวที่นำโดย Nariaki ไม่พอใจในการลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว
รัฐบาลเอโดะจึงอยู่ในสภาพแตกเป็นสองฝ่าย
ทำให้สุดท้ายเค้าจึงต้องลาออกจากตำแหน่งไป

นอกจากการเมือง การเปิดเสรีทางการค้ายังก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคม
เพราะในตอนนั้นประเทศญี่ปุ่นผูกค่าทองคำไว้กับโลหะเงินในอัตรา 1:5
แต่ในขณะที่โลกภายนอกอัตรานี้เป็น 1: 15 ทำให้ชาวต่างชาติทำกำไรส่วนต่างมหาศาล
นอกจากนี้ชาวตะวันตกยังเป็นตัวแพร่โรคอหิวาตกโรค ซึ่งคนญี่ปุ่นไม่เคยมีภูมิคุ้มกันอีกด้วย

จากสนธิสัญญาดังกล่าวก่อให้เกิดการหลั่งไหลข้ามาทำการค้าของชาวต่างชาติ
นำมาซึ่งความไม่พอใจต่อเหล่าซามูไร ที่เห็นการกระทำไม่เคารพจารีตประเพณีของตน
จึงเกิดการฆาตกรรมชาวตะวันตกหลายครั้ง
เดือนมีนาคม 1860 ผู้แทนรัฐบาลที่มาแทน Hotta คือ Ii Naosuke
ถูกลอบสังหารเพราะไม่พอใจในการอ่อนข้อให้กับชาวตะวันตกนั่นเอง

ปี 1861 อเมริกาเกิดสงครามกลางเมือง ทำให้ต้องละทิ้งความสนใจในประเทศญี่ปุ่นไป
ประเทศที่เข้ามาตักตวงผลประโยชน์แทนที่ก็คือ อังกฤษ ฝรั่งเศสและฮอลันดา
การสังหารชาวต่างชาติแบบรายเดือนที่เกิดอย่างต่อเนื่องทำให้ชาติตะวันตกรู้สึกไม่พอใจ

กันยายน 1862 มีชาวอังกฤษถูกสังหาร พวกเค้าจึงตอบโต้
ในเดือนสิงหาคม 1863 อังกฤษส่งเรือรบเข้ามายิงถล่มแคว้น Satsuma
แต่ก็สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย
แคว้น Satsuma จึงยืมเงินรัฐบาลเพื่อนำไปจ่ายค่าปรับ

รัฐบาลเอโดะไม่เคยได้เงินก้อนนี้คืนเลย
แต่ผลของสงครามทำให้ อังกฤษหันมาผูกมิตรกับ Satsuma
มีการฝึกทหารและขายอาวุธสมัยใหม่ให้
ทำให้แคว้นนี้แข็งแกร่งและมีอำนาจต่อรองกับรัฐบาลมากขึ้น



สิงหาคม 1863 จักรพรรดิ์ Komei มองความอ่อนแอของรัฐบาลเอโดะ
ด้วยความสิ้นหวังพระองค์จึงประกาศคำขวัญให้แก่ประชาชน

ร่วมกันขับไล่พวกป่าเถื่อนออกไปจากประเทศ

พฤษภาคม 1864 แคว้น Mito ทางเหนือเกิดการกบฏ
รัฐบาลจึงส่งทหารเข้าปราบปราม มันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายกบฏ
แต่มันได้จุดประกายอุดมการณ์ของการเมืองใหม่ขึ้น
นั่นก็คือขับไล่ชาวต่างชาติ คืนอำนาจให้องค์จักรพรรดิ์

กันยายน 1864 ในขณะที่ทหารรัฐบาลออกไปปราบปราพวกกบฏ
แคว้น Choshu ทางใต้ส่งกำลังทหารไปวังพระราชวังอิมพีเรียล
เพื่อหวังยึดอำนาจ และเปลี่ยนแปลงการปกครอง
แคว้น Satsuma มองเห็นโอกาสในการลดทอนอำนาจของแคว้นคู่แข่ง

Saigo Takamori จึงนำทหารไปป้องกันพระราชวังในนามของรัฐบาล
แต่เค้าก็ตะหนักได้ว่า หากเกิดสงครามขึ้นกับแคว้นใหญ่ทั้งสอง
คนที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ก็คือรัฐบาลเอโดะนั่นเอง
จึงเกิดการเจรจาขึ้น แคว้น Choshu ยอมถอยกลับไปยังดินแดนของตน

เดือนมิถุนายน 1865 เมื่อรัฐบาลเอโดะเสร็จสิ้นการปราบปรามแคว้น Mito
จึงส่งกองเรือไปยังแคว้น Choshu แต่ทหารของรัฐบาลนั้นล้าหลัง
เมื่อเทียบกับแคว้นทางใต้ ที่ได้รับการถ่ายทอดการฝึก
และอาวุธจากอังกฤษและฮอลันดา

และแคว้น Choshu ยังจับมือเป็นพันมิตรกับแคว้น Satsuma
ทำให้แคว้นที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนั้นวางเฉยต่อเรื่องนี้
นั่นจึงนำพาความพ่ายแพ้มาสู่รัฐบาลเอโดะหลังการก่อตั้งมากว่า 200 ปี
และสั่นคลอนเสถียรภาพอำนาจของท่านโชกุนอย่างรุนแรง

ปี 1867 โชกุน Iemochi เสียชีวิตลง โดยไม่มีทายาท
Tokugawa Yoshinobu วัย 29 ปี ขึ้นมาเป็นโชกุน
แต่โชกุนคนแรกที่ไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในปราสาทเอโดะ
ในปีเดียวกันนั้นจักรพรรดิ์ Komei ก็สิ้นพระชนม์
จักรพรรดิ์ Meiji ก้าวขึ้นมาแทนด้วยวัยเพียง 15 ชันษา



Create Date : 28 กันยายน 2552
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 10:22:28 น.
Counter : 1144 Pageviews.

1 comments
  
มาตามต่อค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:21:15:02 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nontree.BlogGang.com

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]

บทความทั้งหมด