Tomoyuki Yamashita : Tiger of Malaya (1) ภาพจาก //en.wikipedia.org/wiki/Japanese_Invasion_of_Malaya หากกล่าวถึงยุทธภูมิที่โด่งดังในสงครามโลกครั้งที่สองนั้นมีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามรถถังที่ใหญ่ที่สุดที่เมือง Kurst ยุทธนาวีของเรือบรรทุกเครื่องบินที่ตัดสินชะตาแห่งหมู่เกาะ Midway แต่ถ้าเป็นสงครามแห่งป่าร้อนชื้นของเอเชียแล้วละก็ คงไม่มีสงครามใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าสงครามแห่งมาลายา สงครามที่นำเอาแม่ทัพลูกชาวนาที่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนายพล ด้วยการรบที่ดุดันและห้าวหาญของญี่ปุ่น นายพล Yamashita มาเผชิญหน้ากับนายพลผู้ดีอังกฤษ Percival ที่ถูกส่งมาใช้ชีวิต ในวัยใกล้เกษียณในอาณานิคมเมืองท่า ที่สุขสบายและแสนอบอุ่นแห่งสิงคโปร์ ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มต้นขึ้น ญี่ปุ่นได้ยึดไซง่อนใน Indochina ของฝรั่งเศสไว้ในกำมือเรียบร้อยแล้ว ทำให้สามารถใช้ปลายแหลมญวนแห่งนี้ เป็นที่มั่นในการยกพลขึ้นบก ณ ที่ต่างๆได้ทั่วทั้งคาบสมุทรมาลายา ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในแผนนั้น เมื่อพวกเค้ายกพลขึ้นบกที่ บางปู ประจวบฯ สงขลาและปัตตานี อังกฤษเองก็จับตาการเคลื่อนไหวนี้อย่างไม่วางตา แผนการณ์ที่วางไว้รับมือกับญี่ปุ่นคือ การส่งกองกำลังทางเรือ มาที่สิงคโปร์เพื่อตอบโต้ หากการรุกรานจะเกิดขึ้น แต่พวกเค้าก็ล้มเหลวเมื่อต้องสูญเสียเรือประจัญบานขนาดใหญ่ Prince of Wales และเรือลาดตระเวณหนัก Repulse ไปด้วยการโจมตี จากเครื่องบินดำทิ้งระเบิดและเครื่องบินตอร์ปิโดของฝ่ายญี่ปุ่น อังกฤษยึดติดกับค่านิยมการทำสงครามทางเรือที่ล้าหลังไปแล้ว ก่อนหน้านี้นายพล Percival รู้ว่าการต่อสู้กับญี่ปุ่นจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างแน่นอน เค้าจึงร้องขอไปยังรัฐบาลลอนดอน ในการชิงลงมือก่อน ด้วยการบุกยึดภาคใต้ของไทยในชื่อยุทธการ Matador เพื่อใช้เป็นที่มั่นในการป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นใช้ดินแดนประเทศไทย บุกเข้าสู่มาลายาโดยทางบกได้ แต่แผนการนี้ไม่เคยได้รับการอนุมัติ เช้ามืดวันที่ 8 ธันวาคม 1941 นายพล Yamashita นำกองทัพที่ 25 อันประกอบไปด้วยทหารเพียงสองกองพล โดยกองพลที่ 18 ยกพลขึ้นบกฝ่าการตั้งรับของอังกฤษที่ Kota Bharu ทางฝั่งตะวันออก และกองพลที่ 5 ยกพลขึ้นบกที่สงขลาและปัตตานี เพื่อยึดฝั่งตะวันตก เมื่อญี่ปุ่นบุกประเทศตามที่อังกฤษคาดการณ์ไว้ นายพล Percival นำแผน Matador มาปรับใช้แบบย่อ ในยุทธการ Krohcol โดยส่งกำลังทหารปัญจาบ และทหารช่างออสเตรเลียจากเมือง Kroh ของมาเลเซีย ผ่านถนนในเทือกเขาสูงมุ่งสู่ชายแดนของประเทศไทย ยุทธการนี้ใช้เพื่อรบเหนี่ยวรั้งการบุกของญี่ปุ่น เพื่อเตรียมตัวให้ทหารที่เหลือจัดตั้งแนวรับ แต่แผนนี้ก็ประสบผลล้มเหลว วันที่ 9 ธันวาคม 1941 เมื่อพวกเค้าเข้าสู่เบตงก็พบการต้านทานจากตำรวจและกำลังอาสาของไทย วันที่ 10 ธันวาคม 1941 ทหารจากกองพลที่ 5 ของญี่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบก ที่จังหวัดสงขลามาถึงและเข้าช่วยไทยตีโต้ตอบจนฝ่ายอังกฤษต้องถอยร่น กลับเข้าสู่มาลายา ทหารญี่ปุ่นบุกข้ามชายแดนไทย และทำการรบผ่านเมือง Jitra, Guran, Butter worth กองพลที่ 5 ที่แยกเป็นสองส่วน ในการยกพลขึ้นบกได้มาบรรจบกับกำลัง ที่เมือง Kaula Kangsar ในวันที่ 22 ธันวาคม 1941 ในมาลายานั้นอังกฤษมีสนามบินและเครื่องบินประจำการมากกว่า 300 เครื่อง แต่มันก็เป็นเพียงเครื่องบินปีกสองชั้น ที่หลงเหลือมาจากสงครามโลกโลกครั้งที่หนึ่ง ไม่อาจเทียบกับเครื่องบินซีโร่ที่น้ำหนักเบาและทันสมัยของญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้ญี่ปุ่นได้คิดระเบิดแบบพิเศษที่ทำลายเครื่องบินและสังหารบุคคล แต่ไม่ทำลายพื้นสนามบิน เมื่อพวกเค้ายึดสนามบินทางตอนเหนือได้ เครื่องบินของญี่ปุ่นจำนวนสองเท่าของฝ่ายอังกฤษ จึงครองอากาศ เหนือน่าฟ้าคาบสมุทรมาลายาอย่างสมบูรณ์ อังกฤษยังไม่คิดว่ารถถังนั้นจะสามารถใช้ในภูมิประเทศที่เป็นป่าร้อนชื้นได้ ในอาณานิคมจึงไม่มีรถถังอังกฤษประจำการเลยแม้แต่คันเดียว แต่พวกญี่ปุ่นใช้รถถังเบากว่า 200 คันเป็นหัวหอกในการบุก ทหารบกและทหารอากาศของญี่ปุ่นนั้น ล้วนเจนศึกจากสงครามกับจีน เมื่อเผชิญหน้ากับรถถัง ทหารที่ประจำการที่เกณฑ์มาจากอินเดียจึงแตกหนี เป็นส่วนใหญ่ เครื่องแบบทหารอังกฤษนั้นก็ล้าสมัย ตกยุคมาจากปลายวิคตอเรีย เป็นชุดที่เหมาะกับการรบในทะเลทราย แต่ไม่สามารถทนต่อสภาพร้อนชื้นได้เลย นอกจากนี้ยังต้องแบกสัมภาระน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัมไว้บนหลัง เทียบกับพวกญี่ปุ่น ที่ใช้จักรยานนับหมื่นคันในการเคลื่อนที่บุกอย่างรวดเร็ว เรื่องเยี่ยมเลย มีต่อใช่ไหม ครับรออ่านอยู่นะครับ
โดย: NATSKI13 วันที่: 21 ตุลาคม 2552 เวลา:10:58:28 น.
อ่านตอนสองแล้วมาอ่านตอนหนึ่งก็ไม่ผิดกติกาเนาะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:11:04:05 น.
|
บทความทั้งหมด
|