นารายณ์อวตาร : วราหาวตาร,นรสิงหาวตาร
วราหาวตาร หิรัณม้วนแผ่นดิน
หิรัณยากษะ และหิรัณยกศิปุ ยักษ์สองพี่น้อง เป็นคนเฝ้าประตูของพระวิษณุ
แต่ครั้งนึงมีฤษีมาขอเข้าเฝ้าพระวิษณุ แต่ยักษ์สองตนนี้ไม่ให้เกียรติฤษีนั้น
จึงโดนสาปให้ลงมาอยู่ที่โลกบาดาล หิรัณยากษะได้บำเพ็ญตนจนถึงขั้น
พระศิวะจึงประทานพรให้หิรัณยากษะมีอำนาจ เอาชนะเทวดาและผู้คนทั้งปวงได้
เรื่องวุ่นวายของตำนาน มักจะมาจากสองเรื่อง ไม่โดนฤษีสาปก็ได้พรจากพระศิวะเนี่ยล่ะ
เมื่อได้รับพรจากพระศิวะ หิรัณยากษะก็หึกเหิมว่าไม่มีผู้ใดฆ่าให้ตายได้
จึงหอบเอาแผ่นดินหนีบไปไว้ที่ใต้บาดาล มนุษย์จึงได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก
เพราะไม่มีใครสามารถฆ่ายักษ์ตนนี้ได้ พระวิษณุจึงอวตารมาเป็นหมูป่า
แล้วลงไปชิงแผ่นดินคืนมาจากหิรัณยากษะ การรบผ่านไปพันปี
พระวิษณุจึงเอาชนะยักษ์ตนนี้ได้ มนุษย์จึงได้มีแผ่นดินอยู่อาศัยตามเดิม
นรสิงหาวตาร
ภาพสลักที่ประตูของปราสาทด้านทิศเหนือที่ปราสาทบรรทายศรี
ก็คืออวตารปางที่ 4 ของพระวิษณุ นรสิงหาวตารนั่นเอง
หลังจากหิรัณยากษะถูกหมูป่าฆ่าตาย
น้องชายคือ หิรัณยกสิปุก็แค้นใจเป็นอันมาก
จึงดำเนินรอยตามพี่ชายด้วยการไปบำเพ็ญตบะจนถึงขั้น
พระศิวะก็มาประทานพรเหมือนเดิม (ไม่เข็ดหรือไงเนี่ย)
คราวนี้ ด้วยประสบการณ์ที่เห็นพี่ชายตาย
หิรัณยกสิปุ จึงขอประทานพรที่หนักไปกว่าเดิม
ไม่ให้ถูกเทวดา มนุษย์ หรือสัตว์ฆ๋าได้
ไม่ให้ถูกอาวุธชนิดใดทำให้ถึงตายได้
ไม่ให้ตายในเรือนและนอกเรือน
ไม่ตายทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
เมื่อได้พรแล้วหิรัณยกสิปุก็ลุยแหลกล้างแค้นทันที เดือดร้อนกันไปหมด
ไม่เพียงแค่มนุษย์เหมือนคราวพี่ชาย คราวนี้เหล่าเทวดาก็โดนด้วย
แต่หิรัญยกสิปุมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อ ประหลาทกุมาร
ซึ่งเป็นอสูรที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีมีความจงรักภักดีต่อพระวิษณุยิ่งนัก
ทำให้แนวความคิดของหิรัณยกศิปุนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ประหลาทกุมารผู้ตั้งอยู่ในศีลธรรมก็พยายามโน้มน้าวจิดใจของบิดา
ให้เลิกประพฤติชั่วหันมาทำความดีมีความจงรักภักดีต่อผู้เป็นเจ้า
หิรัณยกศิปุจึงถามโอรสตรง ๆ ว่าพระวิษณุมหาเทพนั้นมีจริงหรือไม่
ถ้ามีจริงให้ปรากฏตัวออกมาเลย
ทันใดในระหว่างนั้นเสาศิลากลางห้องท้องพระโรงก็แตกออกมา
มีตัวประหลาดเป็นครึ่งคนครึ่งสิงห์ ปราดเข้ามาจับตัวหิรัณยกศิปุออกไป
วางไว้บริเวณธรณีประตู และนรสิงห์ผู้นั้นก็ถามพญาอสูรว่า
ตนเป็นมนุษย์เทวดาหรือสัตว์ พญายักษ์ตอบว่าไม่ใช่ทั้งสามอย่าง
นรสิงห์ก็ถามต่อไปว่าเวลานี้ร่างของหิรัณยกศิปุ อยู่นอกเรือนหรือในเรือน พญายักษ์ตอบว่าไม่ใช่ทั้งในเรือนและนอกเรือน
นรสิงห์ถามต่อไปอีกว่าเวลานี้เป็นกลางวันหรือกลางคืน
หิรัณยกศิปุตอบว่า มิใช่ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่เป็นเวลาโพล้เพล้
นรสิงห์จึงชูมือกางกรงเล็บออกมาถามพญายักษ์ว่าอันนี้คืออาวุธหรือไม่ พญายักษ์ก็ตอบว่าไม่
นรสิงห์จึงประกาศว่าพรทั้งหลายเป็นอันเสื่อมแล้ว
กล่าวจบนรสิงห์ก็จัดการ สังหารพญาอสูรด้วยการใช้กรงเล็บ
ฉีกกระชากท้องของพญาอสูรจนถึงทรวงอกจนขาดใจตาย
พระวิษณุมหาเทพจึงประทานแต่งตั้งให้ประหลาทกุมารเป็นใหญ่แทนบิดา