ป้อมยุทธนาวีทั้ง 25 : เมืองท่าสมุทรปราการ ![]() ป้อมวิทยาคม เมื่อเราอยากทราบอะไรสักอย่าง ก็ไม่ยากที่จะค้นข้อมูล เช่น เรื่องป้อมอันเป็นที่มาของชื่อเมืองสมุทรปราการ ใน Wikipedia บอกว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 25 ป้อม อันใช้เวลาสร้างเกือบร้อยปี ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง 5 ชื่อป้อมนั้นก็ตาม Wikipedia แต่ว่าป้อมไหนสร้างก่อนสร้างหลัง สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร และจะมีใครไหมที่จะไปตามหาป้อมเหล่านั้น เรานั่นเองที่ใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปี ที่ค่อยๆ รวบรวมภาพเหล่านี้มา แม้ว่าอาจจะไม่ครบทั้งหมด แต่เชื่อว่าน่าจะตอบคำถามข้างต้นได้ ทำไมต้องสร้างป้อม เราจะเริ่มต้นในสมัยอยุธยาที่เมืองพระประแดง ตั้งอยู่ที่คลองเตย ความสำคัญที่สุดคือ คือคุมคลองสำโรงที่เชื่อมต่อไปเมืองฉะเชิงเทรา เมื่อเสียกรุงทำให้ประชากรเบาบางลง เมืองพระปะแดงที่เคยเป็นเมืองหน้าด่านถูกรื้ออิฐไปทำกำแพงเมืองธนบุรี สมัยนั้นก็คงไม่คิดอะไรมาก เพราะสงครามพม่าที่มาทางบกสำคัญกว่า ถึงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อบ้านเมืองมั่นคงมากขึ้น ทางกรุงเทพก็รู้สึกว่า เมืองหลวงย้ายลงมาใกล้ปากอ่าวมากขึ้น ป้อมสำคัญที่เคยควบคุมเส้นทางอย่างป้อมวิไชเยนทร์ กลายเป็นป้อมที่อยู่ตรงข้ามพระบรมมหาราชวังแทน ![]() ป้อมปีศาจสิง จึงจำเป็นต้องมีป้อมใหม่ที่ไว้ป้องกัน และเมืองพระประแดงเดิม ก็ร้างราลงไปแล้ว โดยหลังเหตุการณ์สำคัญคือ การที่องเชียงสือหลบหนีจากกรุงทพไป สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ได้ทรงไล่ตามไปแต่ไม่ทัน จึงได้กราบบังคมทูลว่า องเชียงสือรู้เรื่องภายในกรุงเทพดี วันข้างหน้าจะกลับมาสร้างความลำบากให้ลูกหลาน จึงขอพระราชทานทำเมืองใหม่ขึ้นที่ปากลัด บริเวณปากคลองลัดโพธิ์ แต่ยังไม่สำเร็จเพราะเกิดศึกพม่าเสียก่อน แต่มีการสร้างป้อมแรกของเมืองไว้บนฝั่งตะวันออกตรงข้ามกับเมืองปากลัด คือ ป้อมวิทยาคม ปัจจุบันถูกรื้อถอนเพื่อสร้างอาคารอาชีวเวชศาสตร์ สถาบันราชประชาสมาสัย เหลือเพียงซากกำแพง แต่ย้อนไปดูรูปเก่า ก็ยังเห็นซุ้มประตูที่ปัจจุบันเป็นทางเข้าของสถาบันฯ อยู่ พ.ศ.2352 ท้าวไชยอุปฮาด อุปราชเมืองนครพนม พาครัว 2000 คน มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ได้รับโปรดเกล้า ฯ ให้อยู่ที่คลองมหาวงษ์ เหตุผลคือ น่าจะให้ช่วยกันรักษาป้อมวิทยาคมที่อยู่ฝั่งนั้น ให้ท้าวงอินทสาร บุตรพระยาอุปราชเป็นพระยาปลัดเมือง พวกนี้ได้ชื่อว่าอาสาลาวปากน้ำ ต่อมาบางส่วนขอไปอยู่ที่พนัสนิคม ส่วนชื่อเมืองนั้นน่าจะใช้ว่าพระประแดง โดยนำชื่อย้ายมาจากบริเวณคลองเตย ![]() ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย เมื่อสิ้นรัชกาลที่ 1 เข้าสู่ช่วงรัชกาลที่ 2 พวกญวนก็หมดความเกรงใจ พ.ศ.2353 ไทยยกเมืองปันทายมาศ (ฮาเตียน) ให้แก่ญวน เพราะโดนอ้างว่าเจ้าเมืองที่เป็นคนไทยได้ข่มเหงรังแกชาวเมือง แม้เป็นเมืองสำคัญ แต่ก็ยากที่กรุงเทพจะรักษาได้ จึงเป็นเหตุให้กรุงเทพต้องเตรียมการสร้างป้อมทางปากน้ำเจ้าพระยา พ.ศ. 2357 รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ลงไปทำเมืองปากลัดต่อจากสมัยรัชกาลที่ 1 ตั้งขึ้นเป็นเมืองนครเขื่อนขันธ์ ให้มอญพวกเจ้าพระยามหาโยธา (พญาเจ่ง) มาเป็นพลประจำเมือง พ.ศ. 2358 มีการพระราชพิธีฝังอาถรรพณ์ยกเสาประตู ตั้งป้อมที่ปากลัด มีมอญจากเมาะตะมะอพยพเข้ามา 3 ทาง คือ กาญจนบุรี อุทัยธานี และตาก จึงให้ส่วนหนึ่งมาสมทบที่นครเขื่อนขันธ์ ป้อมที่สร้างในสมัยนี้มี 3 ป้อม ในบริเวณเดียวกับป้อมวิทยาคมเดิม ได้แก่ ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย ป้อมปีศาจสิง และป้อมราหูจร ซึ่งปัจจุบันทั้งหมดนี้ เหลืออยู่เพียงป้อมเดียวคือ ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย โดยป้อมปีศาจสิงมีซากกำแพง ตั้งอยู่ที่ตรงโรงซักฟอก และป้อมราหูจรไม่เหลือหลักฐาน กลายเป็นชุมชนหลังป้อมปู่เจ้าสมิงพราย ![]() ป้อมมหาสังหาร และสร้างทางฝั่งตะวันตกตรงเมืองนครเขื่อนขัณธ์อีก 5 ป้อมคือ ป้อมแผลงไฟฟ้า ป้อมมหาสังหาร ป้อมศัตรูพินาศ ป้อมจักรกรด และป้อมพระจันทร์พระอาทิตย์ ทั้งหมดชักปีกกาถึงกัน ข้างหลังเมืองทำกำแพงล้อมรอบ ตั้งยุ้งฉางตึกดิน และศาลาไว้เครื่องศาสตรา ที่ริมแม่น้ำทำลูกหุ่นสายโซ่สำหรับขึงกับแม่น้ำ ซึ่งปัจจุบันทั้งหมดนี้ เหลือเพียงบางส่วนของกำแพงของป้อมแผลงไฟฟ้า ตรงสวนสาธารณะ และป้อมมหาสังหารตรงโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี ป้อมศัตรูพินาศ ปัจจุบันเป็นที่ว่าการ อำเภอพระประแดง ป้อมจักกรด ปัจจุบันเป็นเทศบาล อำเภอพระประแดง ป้อมพระจันทร์พระอาทิตย์ อยู่ที่ใดที่หนึ่งอันเป็นสวนสาธารณะ ด้านทิศตะวันตกของบริเวณป้อมแผลงไฟฟ้าในปัจจุบัน ![]() ป้อมแผลงไฟฟ้า พ.ศ. 2362 รัชกาลที่ 2 ทรงทราบข่าวว่าองต๋ากุน เจ้าเมืองญวนที่ไซ่ง่อน จะทําการขุดคลองลัดขนาดใหญ่ จากทะเลสาปเขมรมาออกที่บันทายมาศ ถ้าญวณขุดคลองลัดนี้สําเร็จ ก็สามารถจะยกกองทัพเรือมารุกรานกรุงเทพฯ ได้ จึงโปรดให้สร้างเมืองขึ้นใหม่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ โดยให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ กับเจ้าพระยาคลัง (ดิส) เป็นแม่กองไปควบคุมการก่อสร้าง พ.ศ. 2363 ระหว่างการสร้างเมืองใหม่ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างป้อมเพชรหึง เพิ่มเติมบนฝั่งตะวันตก เป็นป้อมใหญ่ประจำเมืองนครเขื่อนขันธ์ โดยชักปีกกาต่อมาจากป้อมศัตรูพินาศ ปัจจุบันเหลือแนวกำแพงตั้งอยู่ในสถานคุ้มครอง และพัฒนาคนพิการพระประแดง เพราะเป็นสถานที่ราชการ คนที่ถ่ายภาพมา เค้าขึ้นไปยิงภาพมาจากบนสะพานภูมิพล ก็ไม่ไหวนะ ความพยายามสูงเกิน ขออนุญาตเอา link มาลงแทน ![]() ป้อมประโคนชัย พ.ศ. 2364 จอห์น ครอฟอร์ด ผู้แทนผู้สำเร็จราชการอังกฤษที่เบงกอล ได้เข้ามาเจรจาขอแก้ไขสัญญาและปัญหาเรื่องเมืองไทรบุรี ได้บันทึกว่า เรือสามารถแล่นผ่านปากน้ำ เข้าไปได้สะดวกทุกฤดูกาล อีกทั้งไม่อันตรายจากการนำร่อง อาจจะเป็นเพราะหวาดกลัวต่อการก่อกบฏ หรือเพราะความเกียจคร้านไม่สนใจ จึงไม่มีปืนใหญ่คอยคุ้มกันเมืองหลวง พ.ศ. 2365 การดำเนินการสร้างเมืองใหม่ที่ปากน้ำใช้เวลาอยู่ 3 ปีจึงแล้วเสร็จ มีการฝังเสาหลักเมือง และการป้อมปราการที่สร้างขึ้นมาใหม่รวม 6 ป้อม ป้อมทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ ได้แก่ ป้อมประโคนชัย ป้อมปราการ ป้อมนารายณ์ปราบศึก และป้อมกายสิทธิ์ ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงชื่อถนนบริเวณใกล้ศาลากลางจังหวัด และป้อมทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ 2 ได้แก่ ป้อมนาคราชและป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมผีเสื้อสมุทร อยู่แถวพระสมุทรเจดีย์ ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในเขตของกองทัพเรือ ไปเที่ยวกันไม่ยาก ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก และป้อมนาคราชที่อาจจะต้องขออนุญาตเข้าไป เพราะตั้งอยู่ในโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ เป็นป้อมที่มีความสำคัญ เพราะเป็นสถานที่ติดตั้งปืนใหญ่ และคลังกระสุน ปัจจุบันถูกนำไปเก็บรักษาที่กองทัพเรือ ![]() ป้อมผีเสื้อสมุทร พ.ศ. 2366 รัชกาลที่ 2 เสด็จมาทอดกฐินทรงเห็นว่า มีหาดทรายที่ท้ายป้อมผีเสื้อสมุทรได้ทรงมีพระราชดำริ ที่จะสร้างพระมหาเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ จึงได้โปรดเกล้า ฯให้ถมพื้นที่เกาะดังกล่าว และให้พระราชทานนามพระมหาเจดีย์ที่สร้างนั้นว่า พระสมุทรเจดีย์เป็นการล่วงหน้า แต่ยังสร้างไม่ทันเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต พ.ศ. 2368 ปีแรกในรัชกาลที่ 3 เฮนรี่ เบอร์นี่ เข้ามาขอแก้ไขสนธิสัญญา ทางกรุงเทพก็ได้ข่าวจากทางตรังกานูว่า อังกฤษจะส่งกองทัพเรือเข้าโจมตี รัชกาลที่ 3 จึงโปรดให้ซ่อมแซมป้อมทั้งที่ตรงเมืองใหม่ที่ปากน้ำ และเมืองเดิมที่ตรงปากลัด และสร้างป้อมพับสมุทรเป็นปีกกาขึ้นที่ข้างๆ ป้อมนาคราช ผมได้ลายแทงป้อมพับสมุทรมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปเลย พ.ศ.2371 หลังการปราบปรามขบถเจ้าอนุวงศ์ ไทยอาจจะต้องทําสงครามกับญวนรัชกาลที่ 3 ได้ทรงพระราชดําริว่า ควรจะได้สร้างป้อมป้องกันกรุงเทพเพิ่มเติมอีก จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์เป็นแม่กอง ไปขยายเมืองปากน้ำ แล้วสร้างป้อมที่เมืองปากน้ำ อีก 2 ป้อม คือป้อมปีกกาต่อกับป้อมประโคนชัย และป้อมตรีเพชรที่ตำบลบางนางเกรง ![]() ป้อมนาคราช ป้อมปีกกาเป็นป้อมที่ผมยังไม่เคยไป เล่ากันว่าอยู่ตรงท้ายซอยโรงหมู ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตรงศาลเจ้าพ่อลอย ยังมีร่องรอยกำแพงอยู่ น่าสนใจที่ใกล้ๆ มีสวนสาธารณะที่มีหลุมหลบภัย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตรงนี้เป็นที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่น ส่วนป้อมตรีเพชรไม่เหลือร่องรอย ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี พ.ศ. 2377 รัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศรพร้อมด้วยกรมหมื่นเสพสุนทร และกรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ สร้างป้อมฝั่งตรงข้ามตรงบริเวณปากคลองบางปลากด ที่เคยเป็นโกดังของเนอเธอแลนด์ในสมัยปลายอยุธยาอีกสองป้อม ซึ่งคือป้อมนารายณ์กางกร และป้อมคงกระพัน ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวเป็นบ้านคน มีการสำรวจโดยกรมศิลปากรตาม link และโปรดเกล้า ฯ ให้ท่านพระยาศรีสุริยวงศ์ จางวางมหาดเล็ก ทำป้อมใหญ่ขึ้นที่บางนางเกรง ใต้ลงมาจากป้อมป้อมตรีเพชร แล้วพระราชทานชื่อว่า ป้อมเสือซ่อนเล็บ และโปรดให้ขุดคลองหลังป้อม สำหรับไปมาเมื่อเกิดมีสงคราม จะได้ไม่ต้องเดินตามลำแม่น้ำ ![]() ป้อมเสือซ่อนเล็บ ปัจจุบันยังเหลือแนวกำแพงของป้อมป้อมเสือซ่อนเล็บ อยู่ที่โรงเรียนนายเรือ สมุทรปราการ เราใช้โอกาสวันเด็ก 2567 ทำตัวเนียนๆ เข้าไปถ่ายรูปมา พ.ศ. 2388 รัชกาลที่ 3 โปรดให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ รื้อชั้นบนของป้อมผีเสื้อสมุทรออก แล้วสร้างปีกกาขยายป้อมออกไปทั้ง 2 ข้าง พ.ศ. 2405 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ญวนพ่ายแพ้ฝรั่งเศส ต้องทำสนธิสัญญายกภาคใต้ให้ พ.ศ. 2406 พระนโรดมทำสนธิสัญญายอมเป็นรัฐอารักขาของฝรั่งเศส พ.ศ. 2421 สมัยรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้หลวงชลยุทธโยธิน ชาวเดนมาร์ก ออกแบบป้อมตามแบบของตะวันตก แต่ก็ยังขาดงบประมาณแผ่นดิน พ.ศ. 2426 ฝรั่งเศสเริ่มเข้าควบคุมกัมพูชาและส่วนที่เหลือของญวนได้หมด พ.ศ. 2427 รัชกาลที่ 5 พระราชทานเงินส่วนพระองค์จํานวน 10,000 ชั่ง จึงได้เริ่มสร้างป้อมพระจุล แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2436 นอกจากนี้ได้สั่งปีนเสือหมอบจากอังกฤษมาจำนวน 10 กระบอก ติดตั้งที่ป้อมพระจุล 7 กระบอก และป้อมผีเสื้อสมุทรจำนวน 3 กระบอก ![]() ป้อมพระจุล 10 เมษายน พ.ศ. 2436 เสด็จมาทอดพระเนตการยิงปืนเสือหมอบ เย็นวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 หมู่เรือรบของฝรั่งเศส จํานวน 2 ลํา แล่นเรือล่วงล้ำอ่าวไทยเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ทหารที่ป้อมพระจุลจึงระดมยิงถูกเรือฝรั่งเศส จนเรือนําร่องทะลุไปเกยตื้นที่แหลมลําพูราย เรือฝรั่งเศสได้ชักธงรบ และระดมยิงมายังป้อมพระจุล ป้อมพระจุลยิงโต้ตอบด้วยปืนใหญ่ แต่เรือรบทั้ง 2 ลำ ยังคงแล่นเข้ามาถึงกรุงเทพฯ และจอดทอดสมออยู่ที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส และนั่นคือเหตุการณ์วิกฤติการณ์ รศ 112 ที่ทำให้สยามเสียพื้นที่ ลาว และกัมพูชาพร้อมด้วยค่าปรับ 3 ล้านฟรังก์ ใน Wikipedia ยังมีอีกป้อมหนึ่งคือ ป้อมแหลมฟ้าผ่า แต่อันนี้ไม่มีข้อมูลให้สืบค้นเลย แค่รู้ว่าปัจจุบันได้สร้างเป็น อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้าตรงกับกับอีกฝั่งคลองของป้อมพระจุล และปัจจุบันไม่มีซากปรากฏให้เห็นแล้ว ![]() สรุปว่า ป้อมถูกสร้างเพียง 1 ป้อม ในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะญวนนั้นถือว่า ติดหนี้บุญคุณสยาม ป้อมถูกสร้างเป็นจำนวนมากในสมัยรัชกาลที่ 2 และสร้างเพื่อทดแทนของเก่าอย่างต่อเนื่องตลอดรัชกาลที่ 3 จากความขัดแย้งในสงครามอานัมสยามยุทธิ์ นั่นเพราะสยามรู้ดีว่าพวกเค้ารบเก่งเพียงทางบก แต่สู้ญวนไม่ได้เลยเมื่อเกิดสงครามทางยุทธนาวี เมื่อญวนตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสในสมัยรัชกาลที่ 4 ป้อมใหม่จึงถูกเลิกสร้าง ยกเว้นป้อมผีเสื้อสมุทรที่สำเร็จลงในรัชกาลนี้ แต่ภัยใหม่จากตะวันตกมาพร้อมกับเรือที่ใช้กลจักรไอน้ำและปืนเรือที่ทันสมัย ป้อมเมืองปากน้ำจึงต้องถูกปรับปรุงให้สอดรับในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่พวกเค้าก็เชี่ยวชาญเกินกว่าชาติตะวันออกในสมัยนั้น ทั้งแผนที่และการนำร่องที่เชี่ยวชาญ ทำให้สยามที่เพิ่งเริ่มพัฒนาวิทยาการไม่อาจต่อกรได้ นั่นนำไปสู่การจ่ายค่าปรับครั้งยิ่งใหญ่ด้วยเงินถุงแดง ...ใน เส้นทางแห่งเงินตรา : ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
ดูเก่าแก่มากจ้า
![]() ![]() โดย: หอมกร
![]() ![]() รู้จักชื่อป้อมในสมุทรปราการไม่กี่ป้อมเองครับ ไม่นึกว่าจะมีถึง 25 ป้อม ขอเซฟไว้เผื่อว่างๆจะไปตามรอยนะครับ
โดย: ทนายอ้วน
![]() ![]() เคยอยากรู้มากว่า ป้อมยุทธนาวีอยู่ไหนบ้าง
ขอบคุณค่ะ โดย: tuk-tuk@korat
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|