ตอนที่เราได้ไปพิพิธภัณฑ์เพื่อ ตามหาเทวรูป golden boy นั้น
ยังมีจุดประสงค์แอบแฝงนั่นก็คือ การเข้าไปชมเก๋งนุกิจราชบริหาร 
ซึ่งเพิ่งเปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกในงาน Night at the Museum 
ในราวปลายปี พ.ศ. 2564 หลังจากที่ปิดมานานกว่า 20 ปี
 
เป็นอาคารแบบจีนขนาดเล็ก ชั้นเดียว สีขาว ทำผนังก่ออิฐถือปูนสามด้าน
ขนาดกว้าง 4.50 เมตร ยาว 7.8 เมตร สูงถึงสันหลัง 4.50 เมตร
ด้านหน้าซึ่งเป็นทางเข้าหลัก หันหน้าสู่ทิศตะวันตก
ทำเป็นบานเพี้ยมสลักลายเครื่องตั้ง และแจกันปักเครื่องมงคลแบบจีน
 
ความสำคัญของที่นี่คือ ภายในมีจิตรกรรมวรรณคดีจีน เรื่องห้องสิน
ที่เป็นหนึ่งเดียวในเมืองไทย สันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในราวรัชกาลที่ 5
ตรงกับช่วงเวลาที่วังหน้าคือ กรมพระราชวังวังบวรวิไชยชาญ
 


การดูภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องห้องสิน ในเก๋งนุกิจราชบริหาร
จะต่างกับการดูจิตรกรรมของไทย โดยหากหันหน้าเข้าอาคาร
ภาพจะเวียนจากขวามือเข้าไปด้านใน แล้ววนออกมาด้านซ้ายมือ

โดยผนังด้านขวาทางเข้าอาคาร เป็นผนังที่ 1 และ 2
จั่วเหนือประตูทางเข้าเป็นผนังที่ 3 จั่วฝั่งตรงข้ามทางเข้าเป็นผนังที่ 4
ผนังฝั่งซ้ายด้านในอาคารเป็นผนังที่ 5
และผนังฝั่งซ้ายด้านทางเข้าอาคารเป็นผนังที่ 6
 
ชื่อสถานที่และตัวละครที่บรรยายในอาคารนั้น
อ้างอิงจากวรรณกรรมแปลของไทยที่ใช้สำเนียงฮกเกี้ยน
 เช่น ฮกเกี้ยน-เกียงจูแหย จีนกลาง-เจียงจื่อหยา เป็นต้น
ดังนั้น ชื่อภาพจะไม่ตรงกับเนื้อหาในบล็อกที่ใช้สำเนียงจีนกลาง



จากตอนที่แล้วเล่าถึงมูลเหตุแห่งสงคราม ในตอนนี้จะมาต่อกันที่ฉากการรบ
เมื่อกองทัพเมืองฉาวเกอของราชวงศ์ซาง ยกไปปราบเมืองซีฉีแต่พ่ายแพ้
จากนั้นจึงเป็นการบุกกลับของทัพเมืองซีฉี ไปตีเมืองฉาวเกอ

เราน่าจะไม่ทราบว่า จริงๆ แล้วในหนึ่งห้องนั้นเขียนไว้ทั้งหมดกี่ฉาก
เพราะปัจจุบันภาพส่วนล่างก็ชำรุด จางลงจนน่าจะอ่านไม่ได้
ส่วนที่อ่านออกมาได้นั้น ก็อาศัยนักวิชาการไปถ่ายภาพออกมา 
นักท่องเที่ยวธรรมดาน่าจะมองไม่เห็น เพราะแสงในอาคารน้อยมาก

ด้านบนคือ จิตรกรรมของจริงที่ถ่ายได้
กลางคือ จอแสดงคำบรรยายในอาคาร
ล่างคือภาพของนักวิชาการที่มีการปรับแต่งความคมชัดแล้ว

ผนังที่ 1 ผนังขวามือ ฝั่งใกล้ประตู

 มีภาพหมายเลข 1-5 แต่เราไม่ได้ถ่ายจอที่แสดงชื่อภาพและตำแหน่งมา
เป็นตอนหวินไท่ซือแม่ทัพเมืองฉาวเกอ เชิญนักพรตมาตั้งค่ายกลทั้ง 10
และตอนเจียงจื่อหยาเชิญเทพหยานเติงเต้าเหยินมาช่วยทำลายค่ายกล
 


ผนังที่ 2 ผนังขวามือ ฝั่งไกลประตู

ภาพที่ 6 การทลายค่ายกลอังแซติ้น (ค่ายกลทรายแดง)
หลังจากเจียงจื่อหยาทำลายค่ายกลของเมืองฉาวเกอไปได้ 6 แห่ง
จอมเทพจางเทียนจวิน เมืองเฉาเกอจึงเปิดค่ายกลทรายแดง
อันเป็นค่ายกลที่โหดเหี้ยม หากบุกตรงๆ จะสูญเสียไพร่พลมาก

หยานเติงเต้าเหยินจึงให้เจียงจื่อหยาไปเชิญอู่หวัง อ๋องของเมืองซีฉี
มาทำลายค่ายกลทรายแดง แต่อู่หวัง นาจา และเหล่ยเจิ้นจื่อถูกจับตัวไป
  
ฝ่ายเมืองฉางเกอ อวิ๋นเซียวเหนียงเหนียง ปี้เซียวเหนียงเหนียง
แบะฉงเซียวเหนียงเหนียง สามคนไปตั้งค่ายกลแม่น้ำเหลือง 
หยานเติงเต้าเหยิน จึงได้เชิญเทพหยวนสื่อเทียนจุน
และคณะมาช่วยกันทำลาย (เท่ากับตอนนี้แตกไป 9 ค่ายแล้ว)

https://www.facebook.com/FineArtsDept/videos/491367793995999?locale=th_TH

หลังจากนั้น องค์เทวะหนานจี๋เซียนและเทพบุตรไป๋เฮ่อ
ได้บุกไปทำลายค่ายกลทรายแดง สังหารจอมเทพจางเทียนจวิน
และช่วยเหลืออู่หวัง นาจา และเหล่ยเจิ้นจื่อ กลับมาได้
 
ภาพที่ 7 เกียงจูแหยตีค่ายบุนไทสือ
เมื่อค่ายกลทั้งสิบแตก เหวิ่นไท่ซือจึงรอทหารจากเมืองฉาวเกอมาช่วยเหลือ
เจียงจื่อหยาได้ยกทัพเข้ามาตีค่ายของเหวินไท่ซือ เหวินไท่ซือขี่กิเลนดำ
และนำทัพออกไปต่อสู้ เจียงจื่อหยาตีค่ายของเหวินไท่ซือแตก
 
ภาพที่ 8 บุนไทสือถูกดักตีตกจากกิเลน
เหวินไท่ซือพากองทัพหลบหนี แต่ถูกทัพของจางจื่อหยาต้อนจนมุม
ภาพที่ 9 การสังหารบุนไทสือ
ในที่สุดเหวินไท่ซือก็เสียทหารไปจนหมด หลบหนีไปเพียงตัวคนเดียว
และถูกเทพเจ้าหวิ๋นจงจื่อ สังหารเสียชีวิตที่ดอยมังกร