จารึกวัดพระงาม : ทวารวตีวิภูติ (2)

 

หลังจากการเขียน blog ก่อนหน้า ก็มีโอกาสได้ดูสารคดี Thai PBS
ราชันแห่งลุ่มแม่น้ำมูล ทำให้ได้คำตอบในใจหลายอย่าง
ข้อสงสัยที่ว่าจารึกวัดพระงามถูกนำมาจากที่อื่นนั้น อาจจะไม่ใช่
จากการเชื่อมโยงกับเรื่องราวของพระเจ้าจิตรเสนที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
 
กล่าวคือ เราอาจจะกำหนดอายุจารึกวัดพระงามได้คร่าวๆ ว่า
อยู่ในพุทธศตวรรษที่ 12 ในขณะที่การครองราชย์ของพระเจ้าจิตรเสนนั้น
กำหนด พ.ศ. 1143 ถึงราว พ.ศ. 1159 ซึ่งก็อยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน
 
เรื่องแรกที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ การไม่ปรากฏหินภูเขาไฟ
ในพื้นที่นครปฐมหมายถึง จารึกวัดพระงามมาจากที่อื่นหรือไม่
ในราชันแห่งแห่งลุ่มแม่น้ำมูล ได้พาเราไปพบจารึกของเจ้าชายจิตรเสน
ที่วัดแห่งหนึ่งฝั่งประเทศลาว โดยแผ่นหนึ่งเป็นแผ่นที่มีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์
ในขณะที่อีกแผ่นหนึ่งว่างเปล่า ทั้งสองแผ่นเป็นหินชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน
และจารึกพระเจ้าจิตรเสนที่เป็นแผ่นหินที่อื่นนั้น ล้วนเป็นแบบ ขนาดและตัวอักษรเท่าๆ กัน
 
ทำให้เห็นว่าการทำจารึกต้องเริ่มต้นด้วยการจัดหาหินที่ตรงกับความต้องการ
เพราะจารึกคือพระบรมราชโองการของกษัตริย์
จึงต้องมีการจัดหาแผ่นหินที่ดีที่สุดเท่าที่หาได้ ไม่ว่าจะไกลจากไหนก็ตาม
ดังนั้นแม้เมืองนครปฐมจะไม่มีหินชนิดที่ตรงกับจารึกชิ้นนี้
ก็ไม่ได้แปลว่าจารึกนั้นทำจากอื่น แล้วจึงถูกเคลื่อนย้ายมา
 
คล้ายกับการจัดทำธรรมจักรสมัยทวารวดีที่พบได้มากกมาย
ตั้งแต่คูบัวขึ้นไปถึงนครสวรรค์  แต่ส่วนใหญ่นั้นคาดว่ามาจากแหล่งหินเดียวกัน
คือเขาย้อย เพชรบุรี หรือใบเสมาสีน้ำตาลแดงที่พบในอยุธยาและใกล้เคียง
ก็คาดว่ามาจากแหล่งหินเดียวกัน คือเขาแดง จังหวัดราชบุรี
 
ดังนั้นข้อสงสัยที่ว่า จารึกวัดพระงามไม่ได้ทำที่นครปฐม
เพราะไม่มีแหล่งหินนั้น ดูจะเป็นการตัดสินที่เกินความเป็นจริงไป
 


ข้อที่สอง คือการพบจารึกถูกนำมาใช้เป็นผนังเจดีย์เหมือนกับการด้อยค่า
ความรู้ที่ได้จากสารคดีราชันแห่งแม่น้ำมูล คือ จารึกเจ้าชายจิตรเสนที่พบบางชิ้น
เช่น จารึกที่พบที่ศาลหลักเมืองสุรินทร์มีร่องรอยการตัดทิ้งอย่างตั้งใจ
หรือการพบเศษหินที่น่าจะเป็นชิ้นส่วนจมูกโค ที่แหล่งโบราณคดีดอนขุมเงิน
ซึ่งตรงกับจารึกที่พบในบริเวณนั้นว่า มีการสถาปนาโคนนทิไว้ที่ตรงนี้
 
ทำให้เราสามารถจินตนาการได้ว่า
การทำสงครามเพื่อรวบรวมบ้านเมืองของเจ้าชายจิตรเสน
ตั้งแต่เมืองกระแจะไล่ขึ้นมาตามน้ำโขง จนเข้าสู่ลุ่มแม่น้ำมูลนั้น
เมื่ออาณาจักรเจนละสิ้นอำนาจลง ก็มีการทำลายจารึก
และรูปเคารพทางศาสนาที่สถาปนาไว้ โดยชาวพื้นเมือง
 
ซึ่งมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่มาถึงในสมัยหลัง
ที่โด่งดังก็เช่นการนำพระพุทธรูปไปฝังดินในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 8
หรือพระอวโลกิเตศวรที่พบในเมืองไทย ก็มีร่องรอยถูกทุบทำลายเช่นกัน
นั่นอาจจะเป็นการแสดงความโกรธแค้นของชาวเมืองที่มีต่อคนต่างถิ่น
ที่เข้ามาบังคับการนับถือศาสนาที่แตกต่างไปจากสิ่งเดิมที่เคยเคารพบูชา
 
หรือในอีกมุมหนึ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะจารึกนั้นไม่ใช่เทวรูป
เราไม่พบร่องรอยการถูกทำลาย มีเพียงการกร่อนจากธรรมชาติ
สิ่งนี้อาจจะหมายความว่า เป็นคติการใช้ของที่สำคัญในอดีต
มาวางเป็นฐานของเจดีย์เพื่อสร้างความศักดิ์สิทธิ์ในสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่
 
โดยเอาจารึกพุทธศตวรรษที่ 12 มาใช้เป็นฐานเจดีย์ในพุทธศตวรรษที่ 14
ในกรณีนี้เราจะพบเห็นมาถึงปัจจุบัน เช่นการนำทับหลังสมัยบาปวน
มาประดับด้านหลังพระพุทธรูปที่วัดพระแก้ว สรรคบุรี
หรือการนำภาพสมัยทวารวดีมาประดับด้านหลังชุกชีพระศรีศาสดา วัดสุทัศน์
 
 

 
ข้อที่สาม คือปัจจุบันนี้เหลือหลักฐานใดที่สัมพันธ์กับจารึกนี้บ้าง
จะขอกล่าวถึง สิ่งเคารพที่เกี่ยวข้องกับ ปศุปตินิกาย นั่นคือศิวลึงค์
ในปัจจุบัน เราจะพบฐานโยนีที่พิพิธภัณฑ์พระปฐมเจดีย์
แต่ศิวลึงค์ที่สามารถใช้ศึกษารูปแบบนั้นได้หายไป
 
ที่เราทราบได้ เพราะมีภาพถ่ายของลูเซียง ฟูร์เนอโร (Lucien Fournereau)
นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ตีพิมพ์ภาพไว้ในหนังสือเมื่อปีปี พ.ศ. 2438
และให้ความเห็นว่า พระปฐมเจดีย์อาจจะสร้างเพื่อบูชาศิวลึงค์
ซึ่งตรงนี้หลายคนกล่าวว่า ชาวฝรั่งเศสน่าจะเข้าใจผิด โดยไม่ได้ให้คำอธิบาย
 
ผมคิดว่า เกิดจากคนแหล่าคงตีความว่า ฝรั่งมาเห็นพระปฐมเจดีย์ใหญ่โต
ก็ทึกทักว่าเป็นเขาพระสุเมรุ โดยไม่รู้เป็นของใหม่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4
และสอง ทวารวดีที่เป็นรัฐของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ภาพพราหมณ์ฮินดู
ศิวลึงค์เหล่านี้จึงเป็นการเข้ามาของวัฒนธรรมขอมหลังทวารวดีล่มสลาย
 
แต่สำหรับผมเมื่อดูรูปศิวลึงค์ที่เห็นในหนังสือนั้นลักษณะ กลม อ้วน สั้น
น่าจะกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 8-12 ซึ่งตรงกับศิวลึงค์จำนวนมาก
ที่พบที่ภาคใต้ ก่อนที่จะมีการทำศิวลึงค์ทรงสูงในสมัยเมืองพระนคร
 
และที่สำคัญอิทธิพลของเมืองพระนครที่เข้ามาในสมัยชัยวรมันที่ 7 นั้น
เป็นพุทธมหายาน และในเวลานั้นเมืองนครปฐมนั้นล่มสลายไปแล้ว
ไม่มีการพบปราสาทหรืออวโลกิเตศวรที่เมืองนี้
 
แม้จะกลับมาเป็นไศวนิกายในสมัยชัยวรมันที่ 8
ก็เป็นเวลาที่สั้นมาก  ก่อนที่จะเป็นพุทธเถรวาทต่อมา
และก็ไม่ร่องรอยว่า เขมรมีอิทธิพลต่อลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอีกต่อไป
 
ดังนั้นฐานโยนีและศิวลึงค์ 3 ชุดที่พบที่เมืองนครปฐมนั้น
น่าจะเป็นหลักฐานศาสนาพราหมณ์นิกายปศุปติตามที่กล่าวไว้ในจารึกวัดพระงาม
ก่อนที่จะรับพุทธเถรวาทในเวลาต่อมา ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน
ปัจจุบัน เราพบศิวลึงค์ที่น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น ที่ลานวัดพระประโทนเจดีย์
 
หรือทั้งสองศาสนาอาจจะอยู่ร่วมกันมาก่อนหน้านั้นแล้ว
โดยดูจาก จารึกคาถาเยธรรมา พบที่ระเบียงองค์พระปฐมเจดีย์
ปัจจุบันเก็บที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์
ตัวอักษรปัลลวะ ภาษาบาลี บนหินสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำหนดอายุพุทธศตวรรษที่ 12
ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับจารึกวัดพระงาม
 

 
แล้วหากชาวฝรั่งเศส ไม่ได้เข้าใจผิดล่ะว่า
พระปฐมเจดีย์คือเขาพระสุเมรุ อะไรคือความเชื่อมโยงนี้
น่าเสียดายที่จารึก คาถาเยธรรมา ที่กล่าวก่อนหน้าไม่รู้ว่านำมาจากที่ใด
 
แต่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ยังมีอีกหนึ่งจารึก
ที่กำหนดสถานที่พบได้ คือจารึกวัดโพธิ์ร้าง เป็นภาษามอญโบราณ
ตัวอักษรปัลลวะ พุทธศตวรรษที่ 12 กล่าวถึง การสร้างพระพุทธรูป
การกำหนดเขตเสมาวิหารและการกัลปนาสิ่งของ
 
หากดูแผนที่ในปัจจุบัน วัดพระงามจะอยู่ทางทิศเหนือของพระปฐมเจดีย์
ส่วนวัดโพธิ์ร้างจะอยู่แถวโรงเรียนราชินีบูรณะที่อยู่ทางทิศใต้
จะเห็นได้ว่า พระปฐมเจดีย์จะอยู่ตรงกลางของจารึกทั้งสองกลุ่ม
ทางเหนือเป็นศาสนาพราหมณ์ และทางใต้คือศาสนาพุทธเถรวาท
 
เมื่อศาสนาพราหมณ์ น่าจะเป็นสิ่งที่มาก่อน ดังนั้นพระปฐมเจดีย์
อาจจะเคยเป็นปราสาทเพื่อแทนเขาไกรลาสของพระศิวะก็เป็นไปได้
เมื่อศูนย์กลางของเมืองย้ายไปที่นครชัยศรี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
พระปฐมเจดีย์ก็ยังคงเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมือง
 
เขาพระสุเมรุอาจจะถูกแปลงเป็นเจดีย์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
ในยุคทวารวดี เมื่อพุทธศาสนาเริ่มได้รับการนับถืออย่างเข้มข้น
เพราะการเข้ามาของพ่อค้า การเติบโตของชนกลาง พุทธศาสนาตอบโจทย์
ที่ทำให้คนเข้าถึงนิพพานได้ง่ายกว่าการแบ่งวรรณะแบบศาสนาพราหมณ์
 
ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างไปพร้อมกับเมืองโบราณนครชัยศรี
จบยุคของเมืองสมัยทวารวดีอย่างเป็นปริศนา
ในอีก 400 ปีต่อมา จารึกวัดศรีชุมโดยพระมหาเถรศรีศรัทธากล่าวถึง
บริเวณนี้ว่า ขอมเรียกว่าเมืองพระธม ธมนั้นแปลว่า ใหญ่ เช่นอังกอร์ธม

ส่วนคำว่า พระ ในภาษาเขมรนั้นจะเพี้ยนเป็นเปรี๊ยะใช้กับศาสนสถาน
เช่นเปรี๊ยะวิหาร ดังนั้นในเวลานั้นต้องมีศาสนสถาน ซึ่งอาจจะเป็นเจดีย์ใหญ่ 
ดังที่มหาเถรศรีศรัทธา กล่าวว่าท่านได้ก่อเจดีย์ขึ้นมาใหม่สูงสองร้อยวา
และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เจดีย์นี้อยู่กลางเมืองพระกฤษณ์

เมื่อเมืองทวารวดี นั้นมาจากคำว่า ทวารกา + บดี  
ซึ่งชื่อนี้จึงหมายถึง พระกฤษณะ ผู้ครองกรุงทวารกา
จึงค่อนข้างแน่ชัดว่า ทวารวดีในจารึกวัดพระงาม
คือเมืองนครปฐมในปัจจุบัน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประปฐมเจดีย์
 


จารึกวัดพระงามนั้นแต่งเป็นร้อยกรองทั้งหมด โดย 3 ใน 6 โศลกนั้น
เป็นฉันท์แบบ Śārdūlavikrīḍita ที่มีจังหวะราวกับเสือกระโดด
ซึ่งคนไทยรับฉันท์แบบนี้มาในชื่อของสัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ 19
 
แต่เพิ่มความยากการแต่ง จากที่มีเพียงการกำหนดเพียงคำครุลหุ
มาเป็นการแบ่ง 1 โศลกหรือ 1 บาทให้ออกเป็น 3 วรรค
มีการบังคับสัมผัสระหว่างวรรค และบังคับสัมผัสระหว่างบาทอีกด้วย
คงเพราะคำไทยนั้นฟุ่มเฟือยมาก เหมาะแก่การแต่งพวกกาพย์กลอนฉันท์อยู่แล้ว 
 
ฉันท์แบบสารทูลวิกิตะจะนำเราไปยังจารึกอีกหนึ่งชิ้น
จารึกวัดมเหยงค์ นครศรีธรรมราช
จารึกเดิมก่อนที่จะมีการพบจารึกวัดพระงาม
ที่ได้รับการกล่าขานว่า มีการจารตัวอักษรที่สวยงามมากที่สุดในเวลานั้น

ตัวอักษรแบบปัลลวะ ภาษาสันสกฤต อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12
หินสีดำ จำนวน 1 ด้าน 6 บรรทัด เนื้อหากล่าวถึงการการถวายเครื่องเขียน
ให้แก่พระที่น่าจะเป็นนิกายมหายาน เพราะมีคำที่กล่าวถึงปรัชญาปรมิตา
และอาหารบำรุงแก่คณะพราหมณ์ของพระอคสติมหาตมัน
จารึกนี้ทำให้เห็นภาพการอยู่ร่วมกันของพุทธมหายานและพราหมณ์ปศุปตินิกาย
 
จารึกมเหยงค์แต่งด้วยฉันท์ยาวในแบบเดียวกันกับจารึกวัดพระงาม
ทำให้เราจินตนาการได้ว่า เดิมจารึกนี้น่าจะเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้าเช่นเดียวกัน
แม้จารึกนี้จะได้รับการอ่านแปลและตีความโดยนักวิชาการมากมาย
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครนำจารึกนี้ไปพิสูจน์ทางธรณีวิทยา
 
เพราะดูด้วยสายตาภายนอกแล้ว สีของหินชิ้นนี้เหมือนกับจารึกวัดพระงาม
นั่นอาจจะคลายปริศนาแหล่งที่มาของหินที่ใช้นำมาจารึกทั้งสองชิ้นนี้ได้



Create Date : 17 สิงหาคม 2566
Last Update : 18 สิงหาคม 2566 14:14:39 น.
Counter : 822 Pageviews.

3 comments
บัตรทอง -รายชื่อหน่วยบริการเอกชนบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ newyorknurse
(16 เม.ย. 2567 04:04:52 น.)
สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ…วางแผนการเงินอย่างไร ให้เหลือใช้ถึงปลายเดือน! สมาชิกหมายเลข 7654336
(13 เม.ย. 2567 02:04:45 น.)
วิธีถามราคาสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ khatha0808
(2 เม.ย. 2567 00:05:26 น.)
สรุปวิชาคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.5) เรื่องเอกซ์โพเนนเชียล & ลอการิทึม นายแว่นขยันเที่ยว
(27 มี.ค. 2567 00:52:25 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณtuk-tuk@korat, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณ**mp5**, คุณnewyorknurse

  
ตอนนี้ตามอ่านของอาจารย์กังวลด้วยค่ะ
อ่านไปสนุกตื่นเต้นกับความรู้ใหม่ ๆ ไปด้วย
ในเฟสก็มีของคุณหนึ่ง
เรื่องที่ไปเจอหินจารึก เหมือนกันที่ฝั่งลาวก็จำไม่ได้ว่าใครพาไปดู
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 17 สิงหาคม 2566 เวลา:21:12:18 น.
  
อ้าวเปลี่ยนมาถ่ายก้อนหินเสียแล้ว 555

โดย: หอมกร วันที่: 18 สิงหาคม 2566 เวลา:7:13:43 น.
  
อร๊ายยยยย
น่าตามรอยไปมั่งค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:20:49:39 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nontree.BlogGang.com

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]

บทความทั้งหมด