เหตุการณ์ รศ. 112 (10) ภาพทหารฝรั่งเศสในประเทศเวียดนาม ปี 1888 22 กรกฎาคม พ.ศ.2436 ม.ปาวีได้รับคำตอบจากรัฐบาลไทยความว่า 1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยอมรับว่าดินแดนบนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงที่อยู่ทางใต้เส้น แลตติจูด 18 เหนือนั้นรัฐบาลไทยยอมยกให้เป็นดินแดนในการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับญวน ส่วนแม่น้ำโขงตอนใต้แลตติจูต 18 เหนือลงมาจนถึงตอนที่ไหลเข้าไปในดินแดนเขมรนั้น ให้ถือเป็นเส้นปันเขตแดน เพื่อประโยชน์ในการเดินเรือทั้ง 3 ประเทศ 2. กองทหารไทยที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่ระบุไว้ในข้อ 1 จะได้ถอยกลับมาสิ้นภายใน 1 เดือน 3. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอแสดงความเสียพระทัยในกรณีอันนำมาซึ่งความเสียหาย แก่ฝ่ายไทยและฝรั่งเศสที่ทุ่งเชียงคำและที่คำม่วนและการกระทบกระทั่งกันที่ปากน้ำเจ้าพระยาด้วย จะปล่อยตัวบางเบียนไปและปฏิบัติตามคำเรียกร้องของรัฐบาลฝรั่งเศสอื่น ๆ ด้วยถ้าเห็นว่าจำเป็น โดยอนุโลมตามลักษณะแห่งความยุติธรรมและตามความเป็นเอกราชของประเทศไทย 4. บุคคลใดที่ต้องหาว่าได้ทำการย่ำยีชนชาติฝรั่งเศสเป็นการส่วนตัวในคดีใดก็ดี อันปรากฏว่าละเมิดต่อกฎหมายบ้านเมืองหรือกฎหมายระหว่างประเทศ ก็จะลงโทษตามรูปคดีนั้น ๆ หรือหากว่าสมควรจะชดใช้เป็นค่าทำขวัญ ก็จะได้ชำระให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้นให้เสร็จสิ้นไป 5. รัฐบาลฝรั่งเศสกับรัฐบาลไทยได้โต้แย้งกันมาเป็นเวลานานในเรื่องเกี่ยวกับชนชาติฝรั่งเศส ขอเรียกร้องให้ชำระเงินที่ตนต้องได้รับความเสียหายเพราะข้าราชการไทยดำเนินการผิดนั้น ข้อนี้ในนามแห่งรัฐบาลไทยขอปฏิเสธว่า ไม่ใช่ความผิดของข้าราชนั้น ๆ 6.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยอมชำระเงิน 2,000,000 ฟรังค์ ให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส และความเห็นว่าชอบที่จะจัดตั้งกรรมาธิการผสมพิจารณาเงินค่าทำขวัญ 3,000,000 ฟรังค์ ถ้าได้พิจารณาให้ละเอียดเป็นราย ๆ ตามสมควรแก่การแล้ว รัฐบาลไทยเชื่อในความยุติธรรม ของรัฐบาลฝรั่งเศสว่าจะได้รับเงินจำนวนที่เหลือคืนจากที่ได้จ่ายไปจริง 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 หลังการพิจารณาดูเหมือน ม. ปาวี จะไม่พึงพอใจในคำตอบที่ได้จากรัฐบาลสยาม 12.00 น. มีการชักธงชาติฮอลแลนด์ขึ้นที่สถานทูตฝรั่งเศส 16.00 น. ม.ปาวี พร้อมด้วยคณะฑูตลงเรือแองคองสตังต์ 19.00 น. เรือฝรั่งเศสทั้งสามลำจอดทอดสมอที่ปากน้ำเจ้าพระยา แผนที่อินโดจีนฝรั่งเศส หลังการเสียดินแดนของไทยครั้งสุดท้าย 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เมื่อน้ำขึ้นแล้วเรือรบฝรั่งเศสทั้งสามลำก็ออกเดินทางผ่านสันดอนปากแม่น้ำ นาวาเอก เรอกุลุซ์ ผู้บังคับการเรือลาดตระเวนฟอร์แฟต์ซึ่งจอดคุมเชิงอยู่ภายนอกสันดอน ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ได้ส่งทหารหนึ่งหมวดขึ้นยึดเกาะสีชัง แล้วออกประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ.1893 เวลา 11.00 น. ชายฝั่งและเกาะต่าง ๆ ของประเทศไทยที่อยู่ระหว่างแหลมเจ้าลายและแหลมกระบัง จะเป็นเขตที่กองเรือในบังคับบัญชาของนาวาเอก เรอกุลุซ์ จะทำการปิดอ่าว บรรดาเรือของชาติที่เป็นไมตรีกันให้เวลาอีกสามวันเพื่อถอยออกไปจากตำบลนี้ เรือใดที่พยายามฝ่าฝืนจะได้จัดการไปตามนัยแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ และสัญญาทางไมตรีที่ใช้อยู่กับประเทศเป็นกลาง ณ ปัจจุบันนี้ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 เมื่อพลเรือตรี ฮูมานน์ ผู้บัญชาการกองเรือภาคตะวันออกไกลมาถึงเกาะสีชัง ได้ออกประกาศปิดอ่าวไทยฉบับที่ 2 มีความว่าเนื่องจากฐานะแห่งการตอบแทนกระทำแก่กัน และกันระหว่างฝรั่งเศสกับไทยและโดยอาศัยอำนาจที่มีอยู่ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า เขตปิดอ่าวกำหนดไว้ดังนี้ เขตที่ 1 ปิดตั้งแต่เส้นขีดจากแหลมเจ้าลายถึงแหลมกระบัง เขตที่ 2 ปิดตั้งแต่เส้นขีดจากเกาะเสม็ดถึงแหลมลิงให้เวลาอีกสามวันบรรดาเรือ ของชาติที่เป็นไมตรีหรือเป็นกลาง เพื่อบรรทุกสินค้าให้เสร็จและถอยออกไปนอกเขต แต่ผ่อนปรนให้ถุงเมล์ผ่านเข้าไปกรุงเทพได้ โดยให้ปล่อยเรือที่นำถุงเมล์มาจากยุโรปให้เข้าไป จนถึงท่าจอดเรือเกาะสีชัง เพื่อไม่ขัดขวางการติดต่อในทางการค้าของชาวยุโรปในกรุงเทพ บรรดาจดหมายและไปรษณีย์ภัณฑ์ดังกล่าวทาง ม.ปาวี จะเป็นผู้จัดส่งไปให้โดยเร็วที่สุด พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ อัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสได้นำหนังสือยอมรับคำขาด ไปยื่นแก่ ม.เดอแวลล์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งประเทศไทยทรงเสียพระไทยอย่างยิ่งเมื่อได้ทรงเห็นว่า คำตอบของรัฐบาลไทยต่อคำเรียกร้องของรัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งได้ยื่นมาและเงื่อนไขต่างๆ ที่ได้บังคับมานั้นถือเสมือนว่ายังไม่ให้ความพอใจแก่รัฐบาลฝรั่งเศส เหมือนพี่ตุ๊กเลยค่ะ เืดือดแล้ว
คิดถึงกรมหลวงชุมพร ที่ท่านเจ็บแค้นถึงขนาดสักไว้ที่พระอุระว่า ตราด ๑๑๒ เลยนะคะ โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:17:52:56 น.
|
บทความทั้งหมด
|
เขาว่าแปะแล้วหัวใจจะโตขึ้นก็พยามจ้องให้โตขึ้น ๆ ๆ ๆ ค่ะ
วันนี้ก็มาแปะเพิ่ม