Operation Orchard : The beginning of Syrian civil war (จบ)

4 ก.ย. 2007 หน่วยข่าวกรองอิสราเอลส่งรายงานภาพถ่าย
การพบเรือขนส่งสัญชาติเกาหลีเหนือที่ท่าเรือประเทศซีเรีย
นั่นอาจจะเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของโรงงาน Al-kibar ก่อนจะเริ่มเดินเครื่อง
อิสราเอลอาจจะไม่มีเวลาเหลืออีกต่อไปแล้ว
เที่ยงคืนวันที่ 5 ก.ย. 2007 นายกรัฐมนตรี Ehud Olmert ของอิสราเอล
ไฟเขียวให้กองทัพอากาอิสราเอลดำเนินการตามแผน Orchard
นักบิน F15 จำนวน 10 ลำที่ติดระเบิดนำวิธีด้วยแสงเลเซอร์
ได้รับทราบภารกิจพร้อมเป้าหมายเมื่อนั่งอยู่ในห้องนักบิน
พวกเค้าบินขึ้นจากสนามบิน Ramat David พร้อมเครื่องบิน F16 คุ้มกัน
ผ่านน่านฟ้าเป็นกลางเหนือทะเลแดง เครื่องบิน F16 ที่ทำหน้าที่คุ้มกัน
และเครื่องบิน F15 สามลำถูกสั่งให้บินกลับฐาน เหลือเครื่องบิน F15 เจ็ดลำ
ที่เลี้ยวขวาเข้าสู่รอยต่อของน่านฟ้าระหว่างซีเรียและตุรกีมุ่งหน้าไป Al-Kibar
ต่างจากครั้งก่อนที่พวกเค้าบินผ่านทะเลทรายของประเทศอิรัก
ที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศไม่หนาแน่นมากนัก
แต่คราวนี้เป็นน่านฟ้าเหนือประเทศที่มีแสนยานุภาพอย่างตุรกี
และซีเรียทีมีระบบเรด้าร์และขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานจากรัสเซีย
ระหว่างรอยต่อของสองประเทศ นักบินไม่พบการแจ้งเตือนขีปนาวุธ
มีสิ่งที่เป็นความลับสุดยอดซ่อนอยู่ในกระเปาะต่อต้านทางอิเลคทรอนิคส์
มันทำให้เจ้าหน้าที่เรดาห์ของซีเรียและตุรกีเห็นจุดจำนวนมากกระพริบ
และกลับเป็นปรกติในพริบตา ราวกลับว่า มันเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย
F15 วกกลับเข้าสู่น่านฟ้าซีเรีย เริ่มที่จะปักหัวลงสู่โรงงาน Al-Kibar
ทันใดนั้นระบบเตือนภัยในห้องนักบินดังสนั่น แต่นั่นไม่มีทางเลือกแล้ว
F15 ทั้ง 6 ลำ ทิ้งระเบิดเข้าสู่เป้าหมาย แต่ไม่มีการสัญญาณจากลำที่ 7

ในห้องภารกิจใต้ดินลึกลงไปใต้ฐานทัพอากาศเงียบสงัด
แม้พวกเค้าจะทำภารกิจลุล่วง แต่คราวนี้นั้นแตกต่างออกไป
พวกเค้าสูญเสียเครื่องบินไป 1 ลำ
มีรายงานข่าวการระเบิดกลางทะเลรทรายของซีเรีย
นายกรัฐมนตรี Ehud Olmert โทรศัพท์ไปยังทำเนียบขาวต่อสายคุยกับ
ประธานาธิบดี Bush ของสหรัฐว่า ภัยคุกคามได้หมดสิ้นไปแล้ว
และพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีประเทศตุรกีเพื่อแจ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการใดๆ จากอิสราเอลและซีเรีย
แม้โรงงานที่ Al-Kibar จะถูกทำลายลง แต่ด้วยเงินทุนจากอิหร่าน
สารกัมมันตรังสีและองค์ความรู้จากประเทศเกาหลีเหนือ
ภายใน 5 ปี โรงงงานนี้สามารถจะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง
นั่นหมายความว่า ภารกิจของอิสราเอลยังไม่จบสิ้นลง
สายลับมอสซาดค้นหาว่าเหตุใดซีเรียสามารถปิดลับข้อมูลทั้งหมดได้
พวกเค้าพบว่า การสื่อสารทั้งหมดของโครงการนั้นใช้ระบบกระดาษ
และคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือนายพล Mohamad Salameh
อิสราเอลต้องสังหารมือขวาของอัสซาด หากต้องการทำลายโครงการนี้
แต่เป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงตัวนายพลโมฮัมเหม็ด ที่ได้รับการคุ้มกัน
หน้าร้อนปี 2008 ในที่สุดสายลับ Mossad ก็ได้รับข้อมูลว่านายพลผู้นี้
จะเดินทางไปพักผ่อนในคฤหาสน์ส่วนตัวที่เมือง Tatous ชายฝั่งทะเล
ท่านจะผ่อนคลายการคุ้มกันลงเมื่ออยู่ท่ามกลางวันหยุดกับครอบครัว

Kidon หน่วยรบพิเศษที่เรารับทราบเพียงชื่อของอิสราเอได้รับมอบหมาย
พวกเค้ารู้ว่าในตอนค่ำ ท่านนายพลจะออกมาที่เทอเรซในงานสังสรรค์
ตอนแรกพวกเค้าวางแผนที่จะใช้การซุ่มยิงจากเรือที่ลอยลำอยู่ในทะเล
แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ เนื่องจากการลอบสังหารย่อมทำได้เพียงครั้งเดียว
และการที่เรือลอยขึ้นลงตามกระแสคลื่นจะทำให้พลซุ่มยิงอาจพลาดเป้า
แผนการจึงเปลี่ยนเป็นให้หน่วยรบพิเศษต้องลงจากเรือใบ
ใส่ชุดดำน้ำเพื่อขึ้นฝั่ง จากนั้นทั้งสองคนจะซุ่มรออยู่ที่นั่นจนได้โอกาส
ในที่สุดนายพลก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยงตามข่าวของหน่วยข่าวกรอง
ทั้งสองคนไม่ได้จังหวะ ต้องเปลี่ยนจุด แต่ในที่สุดก็ลั่นไกพร้อมกัน
กระสุนนัดหนึ่งเข้าที่ศีรษะ และอีกนัดที่ลำคอ
อิสราเอลได้ผ่านพ้นการสุ่มเสี่ยงต่อวิกฤติการณ์นิวเคลียร์ไปอีกครั้ง
แม้จะไม่เคยออกมายอมรับว่าตนเองครอบครองอาวุธชนิดนี้
แต่ก็ประกาศอย่างเด่นชัดว่าจะต้องไม่มีประเทศใดในภูมิภาคนี้
ที่จะสามารถครอบครองอาวุธทำลายนิวเคลียร์ได้
อิสราเอลพร้อมเสมอที่จะกำจัดภัยคุกคามไม่ว่ามันจะยากเพียงใด
อิรัก ลิเบีย และซีเรีย ที่สหรัฐอเมริกาได้เข้าไปล้มล้างนั้น
ดูเหมือนจะมีจุดร่วมที่เหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง
นั่นก็คือภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ที่มีต่ออิสราเอลนั่นเอง