พื้นที่ทับซ้อนในทะเล : เกาะกูด

ผมเคยสงสัยว่าทำไมเราถึงมีปัญหาเรื่องอธิปไตยเหนือเกาะกูด
เรากำลังจะเสียดินแดนอีกหรือเปล่า ยังไม่เคยมีหน่ยงานใด
หรือข่าวช่วงใดที่บอกว่าเรื่องนี้มันเป็นเช่นไร
เพราะตามสนธิสัญญา ที่เอาพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ แลกมานั้น
เราได้อำเภอค่านซ้าย และจังหวัดตราด รวมทั้งเกาะทั้งหลาย
ตั้งแต่แหลมสิงห์ไปจนถึงเกาะกูด เลยต้องหาข้อมูลเอาเอง
หลังจากอ่านมาหลายที่ก็สรุปได้ว่า เกาะกูดนั้นเป็นของไทยอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ปัญหามันอยู่ที่พื้นที่ในทะเลต่างหาก เพราะประเทศฝรั่งเศสได้ทำการปักปันกับสยามว่า
เส้นเขตแดนไทยกับกัมพูชานั้น วัดจากหลักเขตที่ 73 ปลายแหลมสารพัดพิษ
ไปยังจุดที่สูงที่สุดของเกาะกูด
ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่มีการแบ่งปันพื้นที่ทางทะเลที่แน่นอน
ระเบิดนั้นก็ยังคงกบดานอย่างเงียบอยู่ ผ่านมาหลายสิบปี จนถึง 1972
ยุคนายพลลอนนอล ได้ประกาศเส้นเขตแดนทางทะเลของกัมพูชา
โดยลากจากหลักที่ 73 มายังเกาะกูด เส้นนั้นอ้อมรอบเกาะไป
แสดงถึงการที่กัมพูชาไม่อ้างสิทธิ์ในส่วนใดๆบนเกาะกูด
ปี 1973 ประเทศไทยจึงออกประกาศเขตพื้นที่ทางทะเล ตามหลักสากลขึ้น
ที่ให้วัดจากชายแดนของสองประเทศ ยื่นไปในทะเลเป็นมุม คนละเท่าๆกัน
จึงเกิดเป็นพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่ใหญ่โต 2-3 หมื่นตารางไมล์เลยทีเลย
แถมจากการสำรวจพื้นที่นี้ยังพบก๊าซธรรมชาตและน้ำมัน ปริมาณมหาศาล
แต่ๆละฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ เพราะหลังจากนั้น
ประเทศกัมพูชาก็อยู่ภายในภาวะสงครามกลางเมืองมาโดยตลอด
นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา
ทำไมจึงไม่มีรายการใดอธิบายให้คนไทยได้รู้ว่าที่มาทีไปของปัญหาแต่ละเรื่องนั้น
เริ่มมาอย่างไร เราได้ทำอะไรจนมาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
มิฉนั้นเราก็จะมีความคิดไปกันคนะละทาง ตามข้อมูลที่ต่างคนต่างได้ยิน ต่างคนต่างเข้าใจ
ดี.แวะมาอ่านนะคะ