นารายณ์อวตาร : วามนาวตาร, ปรศุรามาวตาร
วามนาวตาร
หลังจากท้าวประหลาทได้รับการแต่งตั้งให้ครองเมืองแทนหิรัณยกสิปุ
ก็สงบสุขเรื่อยมาจนถึงชั้นหลาน ชื่อ ท้าวพลี
คราวนี้ไม่ดำเนินรอยตามบรรพบุรุษ
แต่ตั้งตนเป็นหัวหน้าเหล่าอสูรยกไปรบกับเหล่าเทวดา
แต่ได้เสียทีถูกเทวดาฆ่าตาย พวกยักษ์ก็พากลับมาที่เมืองบาดาล
ภายหลังจากได้รับการช่วยชุบชีวิตใหม่จากพวกพราหมณ์ให้คืนชีพ
แล้วก็เริ่มทำพิธีกรรมเพื่อเพิ่มฤทธานุภาพของตนให้มากยิ่งขึ้นจนสำเร็จ
จึงกลับมามาตีเอาเมืองสวรรค์ได้
พระอินทร์พร้อมเทวดาทั้งหลายจึงแปลงกายเป็นนกยูงหนีไปหา
ฤษีที่ชื่อว่า กัศยปมุนีและภรรยาชื่อนางอทิติ
ฤษีจึงไปหาพระวิษณุ พระวิษณูจึงบอกให้ฤษีสองผัวเมียบำเพ็ญตนให้มั่น
แล้วพระวิษณุจะอวตารมาเกิดเป็นลูกชายมาช่วยปราบท้าวพลี
เวลาผ่านไปนางอทิติก็ตังครรภ์และคลอดลูกชายออกมา
แต่มีรูปร่างเตี้ยจึงตั้งชื่อให้ว่า “วามน” อันมีความหมายว่า เตี้ยหรือสั้น
วามนได้ศึกษาเล่าเรียนศิลปะวิทยาการต่าง ๆ จนเจนจบครบถ้วน
ก็บวชเป็นพราหมณ์ตามประเพณี
ต่อมาวามนพราหมณ์ทราบข่าวว่าท้าวพลีจะประกอบพิธีเพื่อเพิ่มอำนาจอีก
วามนพราหมณ์ก็ลาบิดาและมารดาไปยังมณฑลพิธีของท้าวพลี
ท้าวพลีเห็นพรามหณ์ผ่านมา ก็มีความศรัทธานำน้ำมาล้างเท้าให้
แล้วเอ่ยถามว่าวามนพราหมณ์ต้องการอะไร วามนพราหมณ์ก็บอกว่า
ไม่ต้องการอะไรมาก ขอเพียงประทานที่ดินเพียงสามย่างก้าวให้ข้าพเจ้าเท่านั้น
ท้าวพลีก็ตกลงยกให้ทันที พร้อมนั้นก็ยกเต้าน้ำขึ้นเพื่อหลั่งให้ตามประเพณี
พระศุกร์ผู้เป็นอาจารย์ได้ร้องห้าม แต่ท้าวพลีเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ
พระศุกร์จึงทายตัวเข้าไปอุดรูเต้าน้ำนั้นเสีย จึงไม่อาจหลั่งทักษิโณทกได้
วามนพราหมณ์รู้ทันจึงได้เอายอดหญ้าคา แยงเข้าไปในน้ำเต้าถูกลูกตาของพระศุกร์
จนทนไม่ไหวจึงรีบออกมา วามนพราหมณ์ก้รีบแบมือรับน้ำ
พร้อมกันนั้นก็กลับร่างเป็นพระวิษณุสำแดงเดช
ย่างก้าวทีหนึ่งลงไปชนแดนสวรรค์
ย่างที่สองก้าวชนแดนมนุษย์
ย่างที่สามจรดแดนบาดาล
แล้วทรงเป่าสังข์เรียกบรรดาเทวดาทั้งหลาย
ให้กลับมาครอบครองแดนสวรรค์ดังเดิม
ส่วนท้าวพลีนั้นพระวิษณุทรงให้ลงไปปกครองอยู่ใต้สุดบาดาลชั้นที่สาม
และทรงสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในศีลในธรรมอย่าเบียดเบียนผู้อื่นอีก
ท้าวพลีจึงต้องไปอยู่ใต้บาดาลและคอยบูชาพระวิษณุ
พระวิษณุก็กลับไปบรรทมที่เกษียรสมุทรดังเดิม
เวลาล่วงไปพระลักษฌี ชายาพระวิษณุเห็นว่าการลงโทษนั้นสาสมแล้ว
จึงทูลขอให้อภัญโทษท้าวพลีเสียที พระวิษณุจึงปล่อยจักรไปที่แดนบาดาล
ท้าวพลีรู้ว่าพระวิษณูประทานอภัยแล้วจึงมาเข้าเฝ้า
พระวิษณูจึงรับสั่งให้กลับไปครองแดนบาดาลชั้นสูงที่เคยปกครองมาแต่ก่อน
ปรศุรามาวตาร
พระวิษณุเทพได้อวตารลงมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์
เป็นบุตรของฤาษี ชมทัคนีกับนางเรณุกา
เมื่อกำเนิดขึ้นมาแล้วได้ชื่อว่า ราม
ต่อมาได้รับขวานเพชรจากพระเป็นเจ้าจากสวรรค์ประทานมา
จึงได้ชื่อว่า "ปรศุราม" ตั้งแต่นั้นมา
กษัตริย์ที่ครองเมืองนั้นชื่อท้าวอรชุน พระองค์ได้ไปประพาสป่า
ผ่านมาที่อาศรมของฤาษีชมทัคนี ได้รับการต้อนรับเป็นอันดีจากนางเรณุกา
ก่อนที่จะเสด็จกลับ ท้าวอรชุนเห็นโคตัวหนึ่งที่ฤาษีเลี้ยงไว้
จึงได้จูงโคตัวนั้นกลับไปด้วย โดยที่นางเรณุกาแต่นิ่งเฉยไว้ด้วยเกรงกลัว
เมื่อฤาษีชมทัคนีกลับถึงอาศรม นางเรณุกาจึงเหล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
สร้างความโกรธให้กับฤาษีมาก เนื่องจากโคตัวนั้นมีความสำคัญมาก
เมื่อปรศุรามทราบเรื่องนี้จึงอาสาไปแก้แค้นท้าวอรชุนแทนบิดาของตน
นางเรณุกาได้แต่ห้ามปรามขอร้องมิให้ไปแต่ก็หาได้มาผลไม่
ปรศุรามเดินทางมาที่นครมหิษมดี พบกับท้าวอรชุนจึงเกิดการต่อสู้กัน
ต่างผลัดกันรุกรับมิพลาดพลั้งกัน
แต่สุดท้ายปรศุรามก็ฟันท้าวอรชุนถึงความตาย
ท้าวอรชุนมีโอรสนามว่า อริชา เมื่อปรศุรามมาฆ่าบิดาตน
โอรสอริชาจึงแก้แค้นโดยไปฆ่าบิดาของปรศุรามที่อาศรม
โดยมิสนใจว่าฤาษีกำลังบำเพ็บตบะ
เมื่อปรศุรามได้รู้ข่าวจึงรีบกลับอาศรมเมื่อพบศพบิดา
จึงเกิดความรู้สึกถึงว่าวรรณะกษัตริย์นั้นช่างโหดเหี้ยมนัก
ปรศุรามจึงสาบานว่าจะฆ่าวรรณะกษัตริย์ให้หมด จึงจะลดความแค้นได้
นับแต่นั้นจึงออกตามฆ่ากษัตริย์และโอรสจนหมดชมพูทวีป
จนในที่สุดเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นบาป
จึงไปบำเพ็ญตนอยู่ ณ เขามเหนทรบรรพต