นิทรรศการอารยธรรมวิวัฒน์ : ลพบุรี-ศรีรามเทพนคร (ภาคผนวก) ![]() ศักราช ๗๗๑ ฉลูศก (พ.ศ. ๑๙๕๒) สมเด็จพระรามเจ้ามีความพิโรธแก่เจ้าเสนาบดี แลท่านให้กุมเจ้าเสนาบดี ๆ หนีรอดแลข้ามไปอยู่ฟากปท่าคูจามนั้น แลเจ้าเสนาบดีจึงให้ไปเชิญสมเด็จพระอินทราชาเจ้ามาแต่เมืองสุพรรณบุรี ว่าจะยกเข้ามาเอาพระนครศรีอยุธยาถวาย ครั้นแลสมเด็จพระอินทราชาเจ้าเสด็จมาเถิงไซร้ จึงเจ้าเสนาบดียกพลเข้าไปปล้นเอาพระนครศรีอยุธยาได้ จึงเชิญสมเด็จพระอินทราชาเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติ แลท่านจึงให้สมเด็จพระยารามเจ้าไปกินเมืองปท่าคูจาม จารึกวัดส่องคบ อักษรขอมอยุธยา พบที่เมืองชัยนาท กำหนดอายุ พ.ศ.1951 ตรงกับก่อนสิ้นรัชกาลพระรามราชา ตามพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ ผู้เป็นโอรสของพระราเมศวรที่สืบวงศ์มาจากสายพระเจ้าอู่ทอง กล่าวถึงการทำบุญของขุนเพชญสารด้วยการบริจาคข้าวของเงินทองและข้าทาสแก่วัดต่างๆ และมีการให้ชีอ้ายผ้าขาวคนหนึ่งดูแลพระศรีรัตนมหาธาตุแห่งนครพระราม ![]() ศักราช ๗๘๑ กุนศก (พ.ศ. ๑๙๖๒) มีข่าวมาว่าพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้านฤพาน แลเมืองเหนือทั้งปวงเป็นจลาจล แลจึงเสด็จขึ้นไปเถิงเมืองพระบาง ครั้งนั้นพระยาบาลเมืองแลพระยารามออกถวายบังคม จารึกวัดเขากบ อักษรไทยสุโขทัย ไม่มีศักราช ปรากฏว่าชื่อพระรามผู้เป็นน้องทำบุญอุทิศให้บุคคลหนึ่ง ศ. ประเสริฐ ณ นคร สันนิษฐานว่า ศิลาหลักนี้น่าจะจารึกขึ้นระหว่าง ปีพ.ศ. 1900-1904 สมัยพระยาลิไท พระรามผู้เป็นน้องในทีนี้ จึงอาจหมายถึงพระยากำแหงพระรามผู้เป็นบิดาของพระมหาเถรศรีศรัทธาก็ได้ แต่ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ สันนิษฐานว่าน่าจะจารึกขึ้นราว พ.ศ. 1962 ตามชื่อของพระยาราม ดังที่กล่าวไว้ในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ ถ้าเชื่อตามนี้ จารึกลานทองวัดส่องคบ จะเขียนขึ้นก่อนจารึกวัดเขากบราว 11 ปี แล้วเราจะสามารถกำหนดอายุที่แท้จริงได้หรือไม่ หากเชื่อตาม ศ. ประเสริฐ ณ นคร ว่าจารึกวัดเขากบเป็นจารึกสมัยต้นพุทธศตวรรษที่ 20 ร่วมสมัยกับจารึกวัดศรีชุมที่คาดว่าอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 ดังนั้นจารึกวัดเขากบด้านที่ 2 ที่ได้กล่าวถึงการไปหาพระธาตุก็อาจจะเป็นเรื่องราวของพระมหาเถรศรีศรัทธาไปลังกา ในจารึกวัดศรีชุมก็ได้ เพียงแต่มีการขยายความเส้นทางที่มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น โดยออกจากสุโขทัยผ่านเมืองตาก เชียงรอด (แม่สอด?) และถึงดงที่โปรดช้างนครพัน ซึ่งนักวิชาการปัจจุบันคาดว่าคือเมืองเมาะตะมะ ถ้าเช่นนั้น จารึกให้คำที่น่าสนใจ ดงที่โปรดช้าง เพราะตามประวัติศาสตร์ สินค้าหนึ่งที่ทำกำไรมหาศาลให้การค้าอยุธยา คือการขายช้างที่ฝึกแล้วให้อินเดียเพื่อทำสงคราม แสดงว่า การค้านี้อาจมีมาแต่โบราณ ![]() จากนั้นขึ้นเรือที่นี่ไปยังอินเดียตะวันตก ขึ้นฝั่งที่กลิงราฐ ปาตลิบุตร โจละมัณฑล มัทราช และศรีลังกา และอยู่ที่นั่นสิบข้าวหรือราว 10 ปี จากนั้นกลับทางตะนาวศรี และคำที่น่าสนใจ แต่ยังนึกไม่ออกว่าหมายถึงสิ่งใด คือ สิงหลทีปรอดพระศรีอารยไมตรีเพชรบุรี น่าจะหมายถึงพระพุทธรูปสำคัญที่เมืองนี้ ราชบุรี อโยธยาศรีรามเทพนคร และนครสวรรค์ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่าน ไม่ได้กล่าวถึงนั่นก็คือ จารึกนี้มีศักราช โดยกล่าวไว้ต่อจากประโยคที่กล่าวถึงอโยธยาศรีรามเทพนครที่ศรพิรุณนาสว่า 22 . เด็จท่านก่อที่นั้นผสมแต่ก่อนพระเจดีย์พระศรีรัตนธาตุได้พัน... ร้ 23. อยห้าสิบเจ็ดรัตนกูดานครไทยว่ากัมพงคลองอีกพระเจดีย์ ...... น่าจะหมายถึงเจดีย์ที่เมืองศรีรามเทพนครนี้มีอายุได้ 1x57 ปี ตามมหาศักราช แต่ปัญหาคือข้อความที่หายไปว่าเป็นตัวเลขใด หากเป็นคำว่าสองจะตรงกับ พ.ศ. 1878 ซึ่งในตอนนั้นเป็นรัชกาลของพระยางั่วนำถม ก็จะไม่สอดคล้องกับ จารึกด้านที่ 1 ซึ่งกล่าวถึงพระมหาธรรมราชาทรงไปก่อเจดีย์ไว้ที่เขาสุมนกูฎ หากเป็นคำว่าสาม จะตรงกับพ.ศ. 1978 ในรัชกาลของพระมหาธรรมราชาที่ 4 ที่ครองราชย์ในช่วง พ.ศ. 1962 -1981 ก็จะสอดคล้องกับข้อสันนิษฐานของ ศ. เซเดส โดยเรื่องราวในครั้งนั้น พระยาบาลเมืองได้รับการสถาปนาเป็นมหาธรรมราชา ปกครองที่เมืองพิษณุโลก ส่วนพระยารามกลับขึ้นไปครองกรุงสุโขทัยตามเดิม หากเป็นเช่นนี้ จารึกนี้ก็ควรหมายถึง พระรามที่เป็นเจ้าเมืองสุโขทัยจารึกอุทิศบุญกุศลให้ พระมหาธรรมราชาที่ 4 ผู้พี่ที่เป็นเจ้าเมืองพิษณุโลกในปี พ.ศ. 1978 โดยช่วงเวลานั้น ทางล้านนาตรงกับสมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน ที่เริ่มต้นความขัดแย้งระหว่างนิกายวัดสวนดอก ที่เป็นนิกายเดิมที่พระสงฆ์นั้นบวชมาจากเมืองเมาะตะมะ จะเริ่มเผชิญหน้ากับนิกายวัดป่าแดง ที่แพร่มาจากสุโขทัย โดยกลุ่มนี้ถือตนว่าบวชมาจากเมืองลังกา จึงมีความบริสุทธิ์ถูกต้องกว่า และนิกายวัดป่าแดงจะรุ่งเรืองขึ้นมาจากการสนับสนุนของพระเจ้าติโลกราชในเวลาต่อมา ![]() แรกเริ่มนั้นคนไทยที่อาศัยในละโว้ สามารถที่จะแยกตัวออกจากอำนาจของ เมืองพระนครได้ และสถาปนาชื่อเมืองของพวกเค้าว่า ศรีรามเทพนคร ซึ่งแคว้นสุโขทัยจะเรียกชื่อนี้ต่อมา จนถึงในสมัยอยุธยาตอนต้น ในขณะที่แคว้นสุพรรณภูมิ เรียกว่าเมืองพระราม เมื่อพระเจ้าอู่ทองย้ายมายังหนองโสน ก็ยังเลือกที่จะตั้งชื่อเมืองใหม่ที่เกี่ยวพันกับพระราม ว่าเมืองอโยธยา โดยกลุ่มอำนาจสายพระเจ้าอู่ทองยังคงใช้ศรีรามเทพนครเป็นเมืองลูกหลวง โดยให้พระโอรสองค์โตนามว่า ราเมศวรปกครอง ก่อนที่กลุ่มสุพรรณภูมิจะเข้ามาชิงอำนาจ และลดบาทบาทเมืองนี้ไป ในสมัยพระบรมไตรโลกนารถที่ออกพระไอยกานาทหารหัวเมือง จากเดิมที่อยุธยาใช้พระราชวงศ์ไปปกครองเมืองที่อยู่ในอำนาจ เป็นหัวเมืองชั้นในชั้นนอก ก็ลดบทบาทลงมาเป็นระบบส่งขุนนางออกไปปกครอง ตามความสำคัญเป็นเมืองเอก โท ตรี เมืองศรีรามเทพนครในกลุ่มอำนาจพระเจ้าอู่ทอง หรือเมืองพระรามในชื่อของกลุ่มสุพรรณภูมิ จึงเหลือแต่เพียงความเกี่ยวพันสุดท้ายคือลพบุรี หรือเมืองพระลพโอรสของพระรามเท่านั้น จากความสัมพันธ์เดิมที่สมัยพระเจ้าอู่ทองมาครองราชย์ที่อยุธยา และให้พระราเมศวรเป็นผู้ครองเมืองลพบุรีในฐานะเมืองลูกหลวง
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้ที่บล็อกทุกบล็อกเลยนะครับ
โดย: ทนายอ้วน
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
ยังไม่ค่อยรู้ละเอียดเลยค่ะ
แต่เคยไปเขากบเองค่ะ