|
Meiji Restoration (2) การเปิดประเทศถูกองค์จักพรรดิ์ใหม่วัยหนุ่มมองว่าคือความอ่อนแอของรัฐบาล พฤศจิกายน 1867 องค์จักรพรรดิ์เมจิมีคำสั่งลับมายังแคว้น Choshu และ Satsuma
โค่นล้มทรราชย์ เป้าหมายคือ Tokugawa Yoshinobu
แต่ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวใด
Tokugawa Yoshinobu ชิงจัดการการบริหารประเทศใหม่ โดยลดตนเองเป็นเพียงหัวหน้ารัฐบาลที่อยู่ภายใต้คำสั่งขององค์จักรพรรดิ์ แม้จะยอมมอบอำนาจการบริหารประเทศให้ แต่แท้จริงนั้น อำนาจและกำลังทหารก็คงยังอยู่กับรัฐบาลโชกุนนั่นเอง นี่เป็นเพียงเกมส์การเมืองพื่อลดกระแสการต่อต้านจากประชาชน
มกราคม 1868 Saigo Takamori ขู่จะยึดทรัพย์และปลดโชกุน ทำให้ Tokugawa Yoshinobu ประกาศจะไม่ยอมรับการบริหารรูปแบบใหม่นี้ และเตรียมที่จะโจมตีพระราชวังอิมพีเรียล ที่ตอนนั้นแคว้น Choshu และ Satsumaได้ให้ความคุ้มครองอยู่
ฝ่ายรัฐบาลจึงวางเพลืงเผาปราสาทเอโดะ และโยนความผิดให้กับโรนินของ Satsuma
กำลังทหารรัฐบาลเข้าโจมตีบ้านพักของแคว้น Satsuma ในเขตเอโดะ ทหาร 15000 นายที่ถูกส่งมานั้น บางส่วนได้รับการฝึกและอาวุธจากฝรั่งเศส แต่ส่วนใหญ่ยังคงถือดาบซามูไรแบบเก่าอยู่ แม้จะมากกว่าถึง 3:1
แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับทหารที่ได้รับการฝึกและมีอาวุธสมัยใหม่ ของพันธมิตร Choshu และ Satsuma ทีมีทั้งปืนไรเฟิล ปืนกลและปืนใหญ่ทันสมัย
การรบผ่านไปถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ กองกำลังของรัฐบาลที่เป็นกำลังผสม เริ่มมีการแตกแยกโ ดยไดเมียวบางส่วนหันมาเข้ากับฝ่ายองค์จักรพรรดิ์ Tokugawa Yoshinobu จึงจำต้องถอนตัวออกจากสมรภูมิ เพื่อไปตั้งหลักยังที่มั่นที่แข็งแกร่ง นั่นก็คือปราสาท Osaka
ส่วนการรบทางทะเลนั้น แม้จะเป็นการต่อสู้กันของกองเรือขนาดเล็ก แต่ก็นับว่าเป็นสงครามที่รบกันโดยเรือรบสมัยใหม่เป็นครั้งแรก และมันจบลงด้วยชัยชนะของของรัฐบาลโชกุน
ส่วนสงครามทางการฑูตนั้น ในช่วงแรกรัฐมนตรีการต่างประเทศของญี่ปุ่น ประกาศว่ารัฐบาลโชกุนยังคงเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฏหมาย และได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศฝรั่งเศส
แต่เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ฝ่ายองค์จักรพรรดิ์ประกาศว่า รัฐบาลโชกุนจะถูกกำจัดลงอย่างแน่นอน เรื่องต่างประเทศนั้น ญี่ปุ่นจะยังคงรักษาสนธิสัญญาในการค้าขายกับต่างชาติเหมือนเดิม รัฐมนตรีต่างประเทศจึงหันกลับมารับรองรัฐบาลขององค์จักรพรรดิ์

กุมภาพันธ์ 1868 ฝรั่งเศสเสนอแผนการรวมกำลังและหยุดยั้งทหารขององค์จักรพรรดิ์ แต่ Tokugawa Yoshinobu ปฏิเสธ ฝรั่งเศสจึงถอนตัวจากเรื่องนี้ มีนาคม Saigo Takamori สามารถเอาชนะในสมรภูมิต่างๆ และรุกไล่ทหารรัฐบาลเข้ามาเรื่อยๆ อังกฤษเข้ามาเสนอตัวเข้ามาไกล่เกลี่ย
พฤษภาคม รัฐบาลเอโดะขอยอมแพ้ แต่นายพลเรือของฝ่ายรัฐบาลไม่เห็นด้วย เค้าพาเรือรบที่เหลือแปดลำ พร้อมทหาร 2000 นายขึ้นไปทางเหนือ เพื่อหวังร่วมมือกับไดเมียวที่ยังจงรักภักดีในการโจมตีโต้กลับ โดยมีไดเมียวแห่ง Aizu เป็นแกนหลัก
ฝ่ายจักรพรรดิ์ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้ได้ และเปลี่ยนชื่อเมือง Edo เป็น Tokyo เดือนตุลาคม ทหารฝ่ายจักรพรดิ์รุกไล่ฝ่ายต่อต้านจนไม่เหลือที่มั่นบนเกาะ Hoshu อีกแล้ว
ธันวาคม 1868 พวกเค้าจึงขึ้นเหนือเพื่อไปยัง Hokkaido และประกาศตั้งเป็นสาธารณรัฐ Aezu แบบประเทศอเมริกา ไม่ขึ้นต่อรัฐบาลกลาง และเรียกร้องการยอมรับจากนานาชาติ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ เค้าจึงเสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโชกุน ที่อยู่ภายใต้องค์จักรพรรดิ์ แต่ก้ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน
หลังจากผ่านฤดูหนาวอันโหดร้ายของกาะ Hokkaido มีนาคม 1869 ทหารฝ่ายจักรพรรดิ์ก็ได้บุกขึ้นเหนือ และปราบปรามกองกำลังฝ่ายโชกุนที่เหลือได้จนหมดสิ้น นายพลเรือผู้เป็นหัวหน้าได้ยอมแพ้ใน พฤษภาคม
นี่ก็คือการปิดฉากของระบบการปกครองแบบโชกุนที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1600 และเป้นจุดเริ่มของการปกครองในระบบเมจิ จุดเริ่มของการขยายตัวทางอุตสาหกรรมที่บีบบังคับให้ญี่ปุ่น ต้องรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน และปลูกฝังค่านิยมทางทหารต่อมา
อำนาจนั้นมักจะกลืนกินผุ้ที่ใช้มันเสมอ Saigo takamori และทหารจาก Satsuma ผู้ที่หยิบยื่นมันให้กับองค์จักรรพดิ์ผู้ที่เค้าเชื่อมั่น ว่าจะนำพาประเทศบ้านเกิดขอเค้านั้นให้พ้นภัย
แต่สุดท้ายอำนาจนั้นก็ย้อนกลับมาฆ่าเค้าเสียเอง แต่ความยิ่งใหญ่และกล้าหาญของนั้น ทำให้ชื่อเสียงของ Saigo takamori จะยังคงอยู่มาจนปัจจุบัน กับสมญานามที่ทุกคนขนานนามให้นั้น ก็คือ
The Last Samurai
|
Nontree.BlogGang.com
ผู้ชายในสายลมหนาว
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [ ?]
|
|