Bloggang.com : ทนายอ้วน - Food For Fun : Hot Wok Return #70 "ผัก-ผลไม้ ในอาหารคาว-หวาน"

Food For Fun : Hot Wok Return #70 "ผัก-ผลไม้ ในอาหารคาว-หวาน" - กระดูกหมูต้มตะลิงปลิง

Food For Fun : Hot Wok Return #70 โจทย์เดือนเมษายน

"ผัก-ผลไม้ ในอาหารคาว-หวาน"

โดย คุณตะลีกีปัส

ผักและผลไม้เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหารและกลุ่มสารที่เรียกว่า “พฤกษเคมี” ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งของใยอาหารซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ และช่วงนี้ผลไม้ในท้องตลาดก็มีให้เลือกซื้อ เลือกรับประทานมากมาย ราคาก็ไม่แพงมากด้วย แม่ตะลีจึงชวนเพื่อน ๆ มาทำเมนูผักผลไม้กัน

เคยเกริ่นไปในบล็อก ทำอาหาร บล็อกที่แล้วว่า แม่ของเจ้าของบล็อกเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ..... ครือแว่ พอพ่อเจ้าของบล็อกลาออกจากราชการทหารเรือตอนยังหนุ่มๆอยู่ก็ได้ไปทำงานเดินเรือทะเลให้กับบริษัทต่างชาติในประเทศไทย พ่อต้องเดินทางไปๆมาๆ ระหว่างประเทศต่างๆเป็นประจำ จะได้กลับมาพักอยู่บ้านประมาณเดือนละ 10 วันเท่านั้น ระหว่างที่พ่อเจ้าของบล็อกไปทำงานต่างประเทศแม่ก็ต้องดูแลลูกเล็กๆ 2 คนเอง โดยจะต้องทำงานประจำไปด้วย

ถึงแม้ว่าเจ้าของบล็อกโตมาในครอบครัวขยาย มีหลายๆครอบครัวอยู่รวมๆกันในพื้นที่เดียวกัน แต่ทุกๆครอบครัวก็ทำงานประจำกันแทบทั้งนั้น มีครอบครัวของป้าแท้ๆของเจ้าของบล็อกที่ไม่ได้ทำงานประจำแต่ก็ต้องดูแลร้านขายของชำทั้งวันทั้งคืน

ตอนเด็กๆก่อนเข้าโรงเรียนแม่ของเจ้าของบล็อกจึงไปจ้าง “ป้าหวาด” ดูแลเจ้าของบล็อกกับน้องสาวของเจ้าของบล็อกในเวลาที่แม่ต้องไปทำงาน

ป้าหวาด ชื่อจริงชื่อ ป้าสวาท มีสามีเป็นทหารทำงานกรมเดียวกับลุงเขยของเจ้าของบล็อก บ้านของป้าหวาดอยู่ลึกเข้าไปในซอยเดียวกับบ้านเจ้าของบล็อก แล้วต้องข้ามคลองเล็กๆ ถึงจะเดินไปถึงตัวบ้าน ป้าหวาดเป็นชาวสวนขนานแท้และดั้งเดิม ที่สวนของป้าหวาดที่ผลไม้มากมาย ผลไม้ในสวนของป้าหวาดที่หาทานยากในสมัยนี้เช่น มะไฟ ชมพู่มะเหมี่ยว มะขวิด ทุเรียนก้านยาว มังคุดจากสวนจังหวัดนนท์ เป็นต้น

ตอนเช้าก่อนแม่ไปทำงานจะต้องพาเจ้าของบล็อกและน้องสาวเดินเข้าไปในซอย ผ่านแถวบ้านเช่าของป้าแท้ๆของเจ้าของบล็อก ผ่านป่าละเมาะ จนถึงคลองสายเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา

ตอนเด็กๆจำได้ว่าคลองนี้ค่อนข้างกว้างและลึก เด็กๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในซอยนี้จะมาโดดน้ำเล่นกันเป็นประจำ บ้านของป้าหวาดจะต้องเดินข้ามสะพานที่ทำจากไม้แผ่นเดียวมีราวสูงๆจับไปอีกฝั่งนึง เวลากลางคืนป้าหวาดเคยบอกว่าจะชักแผ่นไม้มาอยู่ฝั่งเดียวกับบ้านเพื่อป้องกันขโมยเดินเข้ามาถึงบ้านโดยสะดวก

บางวันป้าหวาดจะต้องออกไปดูแลสวน เจ้าของบล็อกก็จะเดินตามป้าหวาดไปในสวนด้วย ดูโน่น ดูนี่ เก็บสาหร่าย เก็บบัวสายในท้องร่องสวน เก็บวัชพืชในสวน ช้อนปลากัด ช้อนปลาเข็ม มาเล่นคนเดียวตามเรื่องตามราว

ที่สวนของป้าหวาดมีต้นตะลิงปลิงต้นใหญ่อยู่หลายต้น ดอกของตะลิงปลิงจะออกที่บริเวณลำต้น เป็นดอกสีแดงเข้มๆ พอดอกร่วงลงไปก็จะกลายเป็นลูกเป็นพวงๆ ขนาดเล็ก ใหญ่ ปนๆกันไป ตะลิงปลิงจะมีรสเปรี้ยวนำ แต่ถ้าผ่านรสเปรี้ยวไปได้จะรู้สึกว่ามีรสหวานที่โคนลิ้น ชุ่มคอมาก เวลาป้าหวาดทำสวนแล้วคอแห้ง ป้าหวาดจะกินลูกตะลิงปลิงนี่แหละครับ ป้าบอกว่าสดชื่น แก้หิวน้ำได้

เราจะเคยเห็นแต่น้ำพริกที่ใส่ตะลิงปลิงเป็นส่วนประกอบ วันนี้เลยเอาเมนูที่แปลกไปกว่าน้ำพริกตะลิงปลิงมาฝากครับ

กระดูกหมูต้มตะลิงปลิง

ส่วนประกอบ

กระดูกหมูอ่อน ล้างทำความสะอาด ผึ่งให้หมาด
หอมแดง ปอกเปลือก ล้างทำความสะอาด ทุบพอแตก
ตะไคร้ ลอกเปลือกแข็งออก ล้างทำความสะอาด ตัดจากโคนถึงกลางๆต้นเป็นท่อนๆ ทุบพอแตก
ข่าอ่อน ล้างทำความสะอาด หั่นเป็นแว่น ทุบพอแตก
ใบมะกรูดฉีก ล้างทำความสะอาด
ตะลิงปลิง ล้างทำความสะอาด ผ่าครึ่ง
พริกขี้หนูแค้งคั่วจนหอม
ต้นหอม ล้างทำความสะอาด หั่นเป็นท่อนๆ
ผักชีใบเลื่อย ล้างทำความสะอาด หั่นเป็นท่อนๆ
พริกขี้หนูตำหยาบๆ

เครื่องปรุง

เกลือ

วิธีทำ

ตั้งน้ำในหม้อปริมาณพอท่วมกระดูกหมูบนไฟแรง พอน้ำเดือดใส่กระดูกหมูลงลวกให้พอสุก หมดเลือด ตักกระดูกหมูขึ้น ล้างน้ำสะอาด

ตั้งน้ำสะอาดในหม้อใบใหม่ ใส่กระดูกหมูที่ลวกแล้ว แล้วตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนกระดูกหมูสุก

ใส่ ข่า หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด ตะลิงปลิง เคี่ยวต่อจนกระดูกหมูกับตะลิงปลิงเปื่อยดี

ปรุงรสด้วยเกลือ ชิมรสให้มีรสเปรี้ยวนำ เผ็ดนิดๆ

ใส่ต้นหอมกับผักชีใบเลื่อย พอเดือดอีกทีก็ปิดไฟได้

ถ้าชอบรสแซ่บๆ ก็สามารถใส่พริกขี้หนูตำหยาบๆปรุงเพิ่มได้ครับ

ต้มถ้วยนี้จะได้รสเปรี้ยวๆ หวานนิดๆ จากตะลิงปลิงครับ

เมื่อใส่พริกขี้หูตำเพิ่มก็จะได้ต้มที่ครบรส คือ เปรี้ยว เผ็ด หวานตะลิงปลิงกับน้ำจากกระดูกหมู

ชดร้อนๆ รับรองว่าเจริญอาหารครับ

สรรพคุณของตะลิงปลิง

ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ผล)

ช่วยแก้พิษร้อนใน แก้กระหายน้ำ (ราก)

ผลใช้ผสมกับพริกไทย นำมารับประทานจะช่วยขับเหงื่อได้ (ผล)

ตะลิงปลิงมีสรรพคุณช่วยฟอกโลหิต (ผล)

ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (ผล)

ในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ใบพอกรักษาคางทูม (ใบ, ราก)

สมุนไพรตะลิงปลิงมีสรรพคุณเป็นยาลดไข้ (ผล)

ช่วยดับพิษร้อนของไข้ (ราก)

ดอกตะลิงปลิงนำมาชงเป็นชาดื่มช่วยแก้อาการไอ (ดอก, ผล)

ช่วยละลายเสมหะ แก้เสมหะเหนียวข้น (ผล)

ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร (ผล, ราก)

ช่วยแก้อาการเลือดออกตามกระเพาะอาหารและลำไส้ (ราก)

ช่วยรักษาอาการอักเสบของลำไส้ (ใช้ใบต้มดื่ม, ราก)

ช่วยรักษาซิฟิลิส (Syphilis) (ใช้ใบต้มดื่ม, ราก)

ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร (ผล, ราก)

ใช้เป็นยาบำรุงแก้อาการปวดมดลูก (ผล)

ช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ (ราก)

ใบใช้รักษาโรครูมาตอยด์ (ใบ)

ช่วยแก้ไขข้ออักเสบ (ใบ, ราก)

ช่วยฝาดสมาน (ผล, ราก)

ใบช่วยรักษาอาการอักเสบ (ใบ)

ใบตะลิงปลิงใช้พอกแก้อาการคัน ลดอาการบวมแดงให้หายเร็วขึ้น หรือใช้ต้มอาบก็ได้ (ใบ, ราก)

มีผลงานวิจัยที่ประเทศสิงคโปร์พบว่าสารสกัดน้ำของสารสกัดเอทานอลของใบตะลิงปลิง สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดของสัตว์ทดลองได้เป็นอย่างดี

งานวิจัยในประเทศฟิลิปปินส์ชี้ว่าน้ำคั้นจากผลตะลิงปลิงมีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด โดยได้ทดลองกับสุกรและหนู พบว่าร้อยละ 60 ของหนูทดลองหลังผสมพันธุ์แล้วไม่ติดลูก โดยเชื่อว่าสเตอรอยด์ไกลโคไซด์และกรดออกซาลิกในน้ำคั้นมีส่วนในการออกฤทธิ์คุมกำเนิดดังกล่าว

ขอขอบคุณ medthai.com สำหรับข้อมูลครับ

Create Date : 15 เมษายน 2565
Last Update : 15 เมษายน 2565 10:21:13 น.
Counter : 767 Pageviews.

17 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเนินน้ำ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณSleepless Sea, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณเริงฤดีนะ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณกิ่งฟ้า, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtuk-tuk@korat

เมนูนี้แปลกดี อยากลองบ้างค่ะ 555

ชอบบรรยากาศบ้านสวนมากเลยค่ะ
เก็บสาหร่าย สายบัวในท้องร่องสวน ช้อนปลากัด ปลาเข็ม ฯลฯ
เคยได้ซึมซับบรรยากาศแบบนี้สมัยเด็ก ๆ บ้างเหมือนกันค่ะ
พูดแล้วก็โหยหาบรรยากาศแบบนั้นอีกนะคะ อิอิ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:10:49:02 น.

เป็นเมนูที่ยังไม่เคยทานเลยค่ะน้องบอล
แต่อ่านแล้วจินตนาการตามไปด้วย
ราวกับได้รับรสสัมผัสเมนูนี้เลยค่ะ
สุดยอดความอร่อยแล้วยังเหมาะกับยุคมะนาวแพงด้วยจ้า

โดย: เนินน้ำ

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:11:04:39 น.

ผมเพิ่งเคยเห็นตะลิงปลิงวันนี้เองครับคุณบอล
ยังไม่เคยกินมาก่อนด้วย
น่าจะเหมาะกับยุคมะนาวแพงเหมือนพี่โอว่าไว้เลยครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:15:40:36 น.

เคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เคยทานเลยครับสำหรับตะลิงปลิง

น่าจะแซ่บนะครับชามนี้

โดย: คุณต่อ (toor36

) วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:15:55:50 น.

เพิ่งกลับจากหัวหิน... รถกลับ กท.เยอะแต่ทำเวลาได้ดี แค่ 3 ชม.
สบาย ๆ

...
เห็นต้มตะลิงปิง หรือตะหลิงปลิง 555 คงจะแซ๊ปน่าดู น่ากินครับ

โดย: ไวน์กับสายน้ำ

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:16:20:27 น.

ทักทายสวัสดีครับ
เมนู กระดูกหมูต้มตะลิงปลิง ดูน่าทานมากครับ

โดย: ถปรร

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:18:46:19 น.

น้าอร่อยนะคะ
ใส่ตะลิงปลิงด้วย

โดย: เริงฤดีนะ

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:21:47:45 น.

สวัสดีค่ะคุณบอล ขอบคุณมากนะคะที่ไปให้กำลังใจบล็อกสงกรานต์ค่ะ

ตามมาชิมต้มกระดูกหมูใส่ตะลิงปลิง น่าทานมากค่ะ แถวบ้านไม่มีตะลิงปลิงเลยไม่ได้ทำค่ะ เห็นทำออกมาแล้วน่าทานมากรสกลมกล่อมอร่อยแน่ๆ

โหวตอาหารให้นะคะ

หลับฝันดีค่ะ

จากบล็อก คุณโอ วรุฒิ วรธรรมเป็นคนลำปาง ค่ะแล้วย้ายไปอยู่ กทม.แล้วได้เป็นดารา ก่อนจะเป็นดาราได้เป็นเทพบุตรสลุงหลวงด้วยค่ะเสียดายมากนะคะที่จากไปเร็วเกิน ดารานำจากลำปางฝ่ายชายปัจจุบัน มีคุณ ติ๊ก เจษฏาพร และอีกคนยังวัยรุ่นเลยค่ะคุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:22:48:55 น.

กินกระดูกหมูต้มตะลิงปลิงด้วยคนครับ
(ผลตะลิงปลิงยังไม่เคยกินครับ)

โดย: สองแผ่นดิน

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:23:29:55 น.

ชอบอาหารรสเปรี้ยวๆ
กระดูกหมูต้มตะลิงปลิงน่าอร่อยจังค่ะคุณบอล

ขอบคุณคุณบอลสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ

โดย: Sweet_pills

วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:23:57:19 น.

อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:5:55:36 น.

แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ

โดย: **mp5**

วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:9:44:56 น.

สวัสดีจ้ะ น้องบอล

เมนูนี้ ครบรสเลยนะ คล้าย ๆ กับ ต้มยำ กระดูกหมูอ่อนนะ ได้
ข้าวสวยร้อน ๆ มาสักจาน ซดน้ำแกงไป อร่อยแน่นอน จ้ะ

โหวดหมวด อาหารการกิน

โดย: อาจารย์สุวิมล

วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:14:15:14 น.

สวัสดีครับคุณบอล

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

เพิ่งได้เห็นตะลิงปลิงในเมนูกับข้าว แบบแกงชามนี้ครับ น่าสนใจดีครับ
คุณบอลได้คลุกคลีกับธรรมชาติแวดล้อมตั้งแต่เล็กเลย อ่านไดอารี่แล้วใจร่มไปด้วยครับ

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา

วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:22:49:24 น.