Food For Fun : Hot Wok Return #71 "กินง่าย-อยู่ง่าย" - ไข่พะโล้







Food For Fun : Hot Wok Return #71 เดือนพฤษภาคม
 
 
 



จาก 
คุณอ้อ  เริงฤดีนะ
 
 


 
ช่วงนี้อากาศร้อนมากถึงร้อนที่สุด  ทำให้หลาย ๆ คนไม่ค่อยเจริญอาหาร  เพราะร้อนก็เลยทำให้ไม่อยากที่จะเข้าครัว  ทำอาหารแต่เหงื่อหยดราวกับอาบน้ำ  แต่ความหิวไม่เคยปราณีใคร  ร้อนยังไงก็ต้องกินจ้า  จะไปนั่งทานที่ร้านแอร์เย็น ๆ  หรือจะสั่ง food delivery บ่อย ๆ ก็ไม่ไหว  กลัวกระเป๋าแบนแฟนทิ้ง  โควิดก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวเต็มไปหมด  ดังนั้น 
คุณอ้อ  เริงฤดีนะ  ก็เลยชวนเพื่อน ๆ  กินง่าย-อยู่ง่าย  ทำกับข้าวง่าย ๆ ทานเอง  ไม่ต้องใช้เครื่องปรุงมากมาย ใช้เวลาไม่นาน ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ
 
 





 "กินง่าย-อยู่ง่าย"
 



 
 
ตอนที่เจ้าของไปเรียนต่อปริญญาทางกฎหมายที่  เมืองเมลเบิร์น  ออสเตรเลีย  ได้ไปเช่าบ้านอยู่ตรงข้ามกับแคมปัสหลักของมหาวิทาลัยกับเพื่อนคนไทยอีก  2  คน  ซึ่งล้วนแต่เรียนต่างคณะกันเลยครับ
 
 



เจ้าของบล็อกเรียนกฎหมาย  เพื่อนคนหนึ่งเรียน  Business  ในขณะที่อีกคนเรียนทางด้าน  IT 
 


 
 
เวลาการเข้าเรียนก็ไม่ค่อยตรงกันหรอกครับ  สำหรับเพื่อนคนที่เรียน  Business  และ   IT  ก็เรียนในเวลาปกติ   ตอนเย็นๆ  ประมาณ  5  โมงเย็นถึง  2  ทุ่ม  และเป็นการเรียนตามตารางสอน  คือกำหนดเอาไว้ตั้งแต่ตอนต้นๆเทอมแล้วว่าวันไหนเรียนวิชาไหนตอนที่โมง  ได้หยุดวันไหนบ้าง
 
 



ส่วนเจ้าของบล็อก  นอกจากเป็นคนที่มีที่เรียนสะเปะสะปะ  บางวันก็เรียนที่แคมปัสในเมือง  บางวันก็เรียนในแคมปัสหลัก  แล้วก็มีบางวันมีที่เรียนไม่แน่ไม่นอน  ในวิชาเดียวกันจะมีเรียนที่นู่นบ้าง  ที่นี่บ้าง  แล้วแต่อาจารย์ผู้สอนจะนัดล่วงหน้าประมาณ  1 – 2  วันครับ
 



 
เวลาเรียนยิ่งสะเปะสะปะเข้าไปใหญ่  บางวันที่เรียนที่แคมปัสหลักจะมีแต่นักเรียนต่างชาติก็จะเรียนแต่เช้าๆบ้าง  สายๆบ้าง  หรือบ่ายๆบ้าง  ถ้าวันไหนเข้าไปเรียนทีแคมปัสในเมืองก็จะเรียนตอนเย็น  ประมาณ  5  โมงเย็นถึง  2  ทุ่ม  (เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนทำงานในเมืองที่ต้องการเรียนปริญญาโทกฎหมาย)  แต่ถ้าเป็นการเรียนที่มีการนัดโดยอาจารย์ที่สอนแบบทีมีเรียนไม่แน่นอนอันนั้นยากสุดครับ  บางครั้งอาจารย์จะเรียนติดๆกันทุกๆวันไปซัก  4 – 5 วัน แล้วเว้นไปก่อนที่จะกลับมาสอนอีกติดๆกันหลายๆวัน  ถ้าเป็นการเรียนแบบสัมมนา  (Seminar)  ก็จะเรียนทั้งวันติดๆกัน  7  - 10  วันไปเลยจนจบคอร์ส  มีเหมือนกันที่เวลาเรียนในวิชาหนึ่งไม่เหมือนกันเลยทั้งเทอม  วันนี้เรียนตอนเช้าที่นึ่ง  อีกอาทิตย์นึงเปลี่ยนที่เรียนแล้วไปเรียนตอนบ่ายๆ  แล้วอีก  2  อาทิตย์ก็เปลี่ยนที่เรียนแล้วไปเรียนตอนมืดๆ  ส่วนมากวิชาที่มีเวลาเรียนและสถานที่เรียนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้  อาจารย์ผู้สอนมักจะเป็น  Professor  ที่มีชื่อเสียง (ทั้งในเมลเบิร์นเอง  หรืออาจารย์เป็น  Professor  มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย  แต่อยู่รัฐอื่น  หรืออาจารย์เป็นผู้บรรยายรับเชิญ  (Guest  Lecturere)  มาจากต่างประเทศ) 
 



 
การสอบปลายเทอมของเจ้าของบล็อกก็จะยิ่งแตกต่างไปจากเพื่อนๆที่อยู่  Business  และ   IT   มาก  วิธีการสอบตามปกติของมหาวิทยาลัยคือ  Supervised  Examination  จะเหมือนกับบ้านเราที่จะนั่งห่างๆกัน  แจกข้อสอบ  มีผู้คุมสอบ  และกำหนดเวลาแน่นอน
 
 
 


แต่การสอบของเจ้าของบล็อกก็พิสดารพันลึกไม่ต่างกับสถานที่เรียนและเวลาเรียนเลยครับ



 
 
เริ่มจากการสอบแบบปกติ 
Supervised  Examination 
 


 
แล้วมาเป็นการสอบแบบ 
Take  Home  คือเป็นการทำข้อสอบที่บ้าน  โดยการไปรับข้อสอบตามเวลาที่กำหนดไว้  จะเอากลับมาทำที่บ้านก็ได้  ห้องสมุดก็ได้  หรือที่อื่นๆ  ตามแต่จะสะดวกก็ได้  ถึงเวลาที่กำหนดก็เอาไปส่ง
 



 
รูปข้อสอบแบบ  Take  Home  ส่วนมากจะเป็นอัตตนัย  -  เขียนอธิบาย  มีทั้งแบบกำหนดจำนวนคำว่าต้องไม่น้อยกว่ากี่คำ  หรือต้องไม่เกินกี่คำ  และการสอบแบบ  Take  Home  จะมีแบบรับข้อสอบเช้า  ส่งตอนเย็น  หรือจะกำหนดวันส่งอีก  3  วัน  5  วัน  ภายหลังการรับข้อสอบก็ได้
 



 
แบบสุดท้ายของการสอบการเรียนปริญญาโทคณะนิติศาสตร์  ก็คือ  การทำ  paper  ส่ง  ไม่ถึงกับเป็นวิทยานิพนธ์  (Thesis)  นะครับ  เค้าจะเรียกว่า 
Dissertation  รูปแบบจะคล้ายๆ  Thesis  เล่มน้อยๆ  มีสารบัญ  เนื้อหา  สรุป  ความคิดเห็น  และมีการกำหนดจำนวนคำไว้ด้วย  ส่วนมาจะต้องไม่ต่ำว่า  12,000  คำ  มากที่สุดที่เคยทำจะต้องไม่เกิน  25000  คำ  (ใช้โหมด  word  count)  ในคอมพิวเตอร์ครับ 
 
 


 
ที่เด็ดที่สุดนะครับ  ในหนึ่งวิชา  (ถ้าอาจารย์ผู้สอนไม่ได้กำหนดรูปแบบของการสอบ)  เราสามารถจะเลือกได้ว่าจะสอบไหนก็ได้  หรือจะเลือกแบบผสมก็ได้  เช่น  เลือกแบบ  Supervised  Examination  กับ  Take  Home  หรือเลือก  Supervised  Examination  กับ  Dissertation  โดยสามารถกำหนดเปอร์เซ็นต์ได้ด้วยนะครับว่าจะสอบ  Supervised  Examination  กี่เปอร์เซ็นต์  และแบบ  Dissertation   กี่เปอร์เซ็นต์ 
 
 


เจ้าของบล็อกไม่เคยเลือกแบบ  Supervised  Examination  เลยครับ  เพราะเป็นคนที่รับมือกับความเครียดไม่ค่อยได้  ถ้าเครียดมากจะทำอะไรไม่ค่อยถูก  เลยเลือกแบบ  Dissertation  ทั้งหมดครับ 




 
ของดีในการสอบแบบ  Dissertation  (สำหรับเจ้าของบล็อกเอง)  คือเราสามารถกำหนดหัวข้อที่เราสนใจได้เอง  และกำหนดเวลาของเราได้เอง  แต่จะต้องเป็นคนที่มีความรับชอบสูงมากๆ  ลองจินตนาการตามนะครับ  ในหนึ่งเทอมเจ้าของบล็อกต้องเรียนทั้งหมด  4  วิชา  ถ้าทำ  Dissertation  วิชาละ  12000  คำ  รวมต้องเขียนทั้งหมด  84000  คำ  .....  ไหนเจ้าของบล็อกจะต้องออกไปเรียนหนังสือ  ไปทำงาน  part  time  ไปเที่ยวเล่นตามประสา  ไหนจะต้องนอนอีก  ถึงได้บอกว่าต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมาก 
 
 



เจ้าของบล็อกจะเข้าพบอาจารย์ผู้สอน  (ส่วนมากจะเป็นที่หน้าห้องเรียนก่อนเข้าเรียนหรือหลังเลิกเรียน  หรือไม่ก็เขียน  E  mail  ไปปรึกษา)  เพื่อแจ้งหัวข้อที่เจ้าของบล็อกจะทำ  Dissertation  ส่ง  อาจารย์ก็จะมีความเห็นกลับมาว่าควรทำประเด็นนี้ๆ  แนวทางนี้ๆ  เจ้าของบล็อกก็จะไปปรับแก้  พอเจอกันอีกครั้งหนึ่งเจ้าของบล็อกก็จะมีเนื้อหา  Dissertation  คร่าวๆไปให้อาจารย์ดู  เมื่ออาจารย์อนุมัติแล้วถึงได้เริ่มค้นข้อมูล  ....  อย่าลืมว่าเจ้าของบล็อกต้องแบบนี้ทั้ง  4  วิชานะครับ
 



 
เจ้าของบล็อกจะข้ามการค้นหาข้อมูลไปนะครับ  เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังวันหลัง  เพราะซับซ้อนมาก  เราข้ามมาถึงการเขียน  Dissertation  เลยครับ 
 



 
ตั้งแต่ต้นเทอมเจ้าของบล็อกจะวางแผนยาวๆ  ไปถึงปลายเทอมเลยว่าช่วงไหนจะเขียน  Dissertation  วิชาอะไร  นั่งคำณวนดูว่าจะต้องเขียนวันละกี่คำ  ถึงจะมีเวลาพอไปใช้ชีวิตในส่วนอื่นๆด้วย  เช่น  ไปเรียน  ทำงาน  เที่ยว  และนอน  พอเขียน  Dissertation  วิชาหนึ่งเสร็จเจ้าของบล็อกจะส่งให้อาจารย์ผู้สอนดูก่อนว่าใช้ได้หรือไม่  มีแก้ไขตรงไหนบ้าง  ถ้ามีเพิ่มเติม  ตัดทอน  เจ้าของบล็อกจะนำไปปรับแก้  ถ้าเป็นนักเรียนต่างชาติสามารถส่ง  Dissertation  ไปเพื่อตรวจแก้  Gramma  ก่อนจะที่ทำรูปเล่มส่งด้วยได้นะครับ
 
 



 
พอถึงเวลาใกล้สอบปลายเทอมทุกคนในบ้านจะเครียดกันหมด  ต่างคนต่างอยู่ในห้อง  ไม่ออกมานั่งชิลล์ๆ  เหมือนปกติ  แต่ทุกคนก็ต้องกินข้าวใช่มั๊ยครับ  ส่วนใหญ่กับข้าวที่ทำช่วงสอบก็จะเป็นกับข้าวง่ายๆ  สามารถราดข้าวไปกินในห้องใครห้องมันได้
 



 
พะโล้  ก็เป็นอาหารช่วงสอบอย่างหนึ่งที่เจ้าของบล็อกทำบ่อยครับ  แต่เจ้าของบล็อกใช้วิธีลัดไม่ต้องผัดน้ำตาลปี๊บจนหอมครับ  เจ้าของบล็อกใส่ทุกอย่างลงในหม้อแล้วตั้งไฟอ่อนๆ  ไม่นานก็จะได้พะโล้เค็มๆ  หวานๆ  มาราดข้าวไปกินตอนสอบแล้วครับ
 



 
 

ไข่พะโล้
 











 

ส่วนประกอบ
 
 
ไข่ต้มแข็งปอกเปลือกแล้ว
หมูสามชั้นหั่นชิ้นพอคำ
เต้าหู้พวง
พริกไทย  กระเทียม  รากผักชี  ตำรวมกัน
โป้ยกั๊ก
อบเชย
 
 



เครื่องปรุง
 
 
น้ำตาลมะพร้าว
น้ำปลา
ซอสปรุงรส
ซีอิ๊วดำ
 
 



 

วิธีทำ
 
 



ใสน้ำตาลมะพร้าว  พริกไทย  กระเทียม  รากผักชี  ตำรวมกัน  น้ำปลา  ซอสปรุงรส  ซีอิ๊วดำ  ไข่ต้ม  สามชั้น  และเต้าหู้พวง  ลงไปในหม้อด้วยกันทีเดียวเลย  เติมน้ำเปล่า  ตั้งไฟอ่อนๆ   (เราจะใส่เครื่องปรุงแบบกะๆเอานะครับ  เดี๋ยวค่อยปรุงรสจามใจชอบอีกทีครับ)
 
 


















 
ปล่อยให้เดือดดีๆ  จะช้อนฟองออกตอนเดือดก็ได้  หรือจะรอให้สุกใช้ได้แล้วค่อยช้อนฟองออกก็ได้  ชิมรสดู  ปรุงเพิ่มตามชอบ













 
เคี่ยวไฟกลางๆต่อจนสามชั้นเปื่อย  นิ่ม 












 
ตักเสิร์ฟ









 
 
 
เมนูนี้เหมาะสำหรับช่วงสอบมากครับ  เพราะทำง่ายมาก  ใส่ทุกอย่างลงในหม้อ  แล้วตั้งไฟอ่อนๆ  เข้าไปอ่านหนังสือซักครึ่งชั่วโมงค่อยออกมาดู  ปรุงรสอีกที  ปล่อยให้เดือดต่ออีกซักครึ่งชั่วโมงก็ใช้ได้ครับ 













 
 
แถมยังทำไว้ปริมาณมากๆ  แล้วแบ่งใส่ภาชนะเก็บในตู้เย็น  เวลาจะกินก็ตักราดข้าว  แล้วอุ่นในไมโครเวฟ  แป๊บเดียวก็ได้กินข้าวราดไข่พะโล้แล้วครับ






































 
131131131



Create Date : 06 พฤษภาคม 2565
Last Update : 6 พฤษภาคม 2565 11:55:29 น.
Counter : 832 Pageviews.

17 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณเริงฤดีนะ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณเนินน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณnonnoiGiwGiw, คุณhaiku, คุณJohnV, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณnewyorknurse

  
ไข่พะโล้ ผมชอบกินคู่ราดไปกับน้ำแกงเขียวหวาน

ผมว่ามันเข้ากันดี เสียอย่างเดียวหาร้านทำอร่อยยาก

ส่วนใหญ่ใส่ซีอิ้วให้สีดำก็ใช้ได้แล้ว รสชาติหาไม่เจอแบบที่เราทำกินเอง
โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:12:50:34 น.
  
น่าอร่อยจัง
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:13:11:08 น.
  
แหม่ ไข่พะโล่หม้อนี้ มีสตอรี่ยาวซะด้วย
แต่เดี๋ยวๆๆ สอบก็จะสอบ ยังมีอารมณ์ ต้มไข่ ใส่เครื่องอีกหรอครับพี่บอล 55555 เป็นผมผมคงไข่ดาวเรียบร้อย

จากบล๊อก
ครัวแม่บ้านเกาหลีเค้าสะอาดขนาดนี้เลยหรอครับ อยากให้เค้ามาเห็นครัวแม่บ้านไทย จริงจัง ไฟลุกขนาดนี้ ยิ่งกว่าคำว่าโคซี่อีกครับ 5555
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:14:02:31 น.
  
อ่านมาเรื่อยๆ นึกในใจเกี่ยวอะไรกับโจทย์
แล้วก็มาถึงบางอ้อ 555

เข้าใจทำนะคะ พะโล้ น่ากินมากค่ะ
แต่ส่วนตัวไม่กินเต้าหู้ค่ะ แหะๆ

ของพี่ต้องพะโล้ต้องฝีแม่เท่านั้นค่ะคุณบอล
ถึงจะอร่อย ....
ตัวเองทำไม่เป็นค่ะ แม่จะผัดทุกอย่่างให้หอม
แต่ก่อนผัดเครื่องมีคั่วเครื่องเทศด้วย เยอะค่ะ
เลยไม่ทำดีกว่า ให้แม่ทำให้กินล่ะกันค่ะ 555

พี่เองทำอะไรก็ขนผักใส่เข้าไปค่ะ จะได้มีประโยชน์
สรุปว่าไม่มีใครกินด้วย ตรงที่ออกมาไม่รู้ว่าผัดอะไรค่ะ 555

โหวตหมด พรุ่งนี้จะมาโหวตให้นะคะ

มีความสุขมากๆค่ะคุณบอล
โดย: tanjira วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:14:42:01 น.
  
หนึ่งในอาหารโปรดเลยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:15:28:13 น.
  
พะโล้มันดีอย่างตรงที่ทำแล้วก็ไว้ได้หลายวันด้วยครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:15:32:56 น.
  
เมนูแห่งความทรงจำของน้องบอล ^__^
ของชอบเลยค่ะเมนูนี้ ยิ่งเก่ายิ่งอร่อย ชอบที่ไข่ขาวเหนียว ๆ
นับว่าเป็นเมนูโปรดของหลาย ๆ คนด้วยค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:15:57:37 น.
  
เมนูนี้ที่บ้านก็ทำบ่อยครับ

คุณบอลทำอาหารเก่งมากๆ
ต้มออกมาน่ากินมากๆ
ผมชอบหม้อต้มทรงนี้ด้วย
เห็นแล้วนึกถึงสมัยผมเป็นเด็กเลยครับ

คุณแดนอรัญไม่ได้จบศิลปากรครับ
ตอนแรกเป็นล่ามให้กับองค์กรระดับโลก
ก่อนจะลาออกมาเขียนงาน แปลงานเต็มตัวครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:17:19:12 น.
  
่ทักทายสวัสดีครับ

เมนูไข่พะโล้ สุดยอดของโปรด ที่ยังมีร้านข้าวแกง ทำเมนูนี้กันเกือบทุกร้าน เลือกเมนูไม่ได้ ก็มาลงที่ไข่พะโ่ล้ ไว้ก่อน อร่อยๆ ครับ
โดย: ถปรร วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:18:36:08 น.
  
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกตะพาบนะคะ

ตามมาชิมไข่พะโล้น่าทานมากค่ะ ที่บ้านจะชอบทานไข่พะโล้กับแกงเขียวหวาน ไม่รู้ทำไมถึงเข้ากันมากๆค่ะ อิอิ

โหวตอาหารค่ะ
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 6 พฤษภาคม 2565 เวลา:21:37:28 น.
  

สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:6:18:30 น.
  
"เส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว"



ส่งการบ้านFood For Fun#71:กินง่าย-อยู่ง่าย
โจทย์ โดย เราเอง "เริงฤดีนะ"
อิ อิ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:7:11:03 น.
  
ขอชื่อสุธีสามสี่ชาติ
ผมคิดว่าน่าจะถูกทำเป็นละครเวทีหลายครั้ง
ละครก็น่าจะเคยสร้างด้วยครับ
แต่ภาพยนตร์นี่ผมจำไม่ได้เลยครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:18:40:43 น.
  
สวัสดีครับคุณบอล

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

จริงอย่างคุณบอลว่า ญี่ปุ่นมักสรรหาเนื้อแปลกๆ มากิน ที่นึกออกอีกอย่างคือปลาปักเป้า ถ้าทำไม่ดีก็อันตรายมาก

เงือกในการ์ตูนญี่ปุ่นนี่พร้อมใจกันหลอนๆ หลายเรื่องเลยครับ
โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 7 พฤษภาคม 2565 เวลา:21:52:49 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤษภาคม 2565 เวลา:6:04:40 น.
  
มาชอแบ่งพะโล้ที่บ้านตอนนี้ตู้ก้อมีแต่หมูเหมือนกันค่ะ อิอิ
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 8 พฤษภาคม 2565 เวลา:7:07:52 น.
  

ชอบไข่พะโล้
น่ากินจัง
โดย: newyorknurse วันที่: 12 พฤษภาคม 2565 เวลา:0:31:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chubbylawyer.BlogGang.com

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]

บทความทั้งหมด