Bloggang.com : ทนายอ้วน - Food For Fun : Hot Wok Return #89 เดือนพฤศจิกายน " อาหารจานสมุนไพร "

Food For Fun : Hot Wok Return #89 เดือนพฤศจิกายน " อาหารจานสมุนไพร " - ต้มจืดสาหร่ายเต้าหู้หมูสับ

Food For Fun : Hot Wok Return #89 เดือนพฤศจิกายน

" อาหารจานสมุนไพร "

โดย เพื่อนสมาชิกหมายเลข 5658761

อาหารไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า มิใช่เพียงแค่รสชาติความอร่อยที่ติดอันดับโลก แต่ประกอบไปด้วยพืชผัก ผลไม้ สมุนไพรและเครื่องเทศที่มีสรรพคุณทางยาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างล้นเหลือ จะทานเพื่อบำรุงสุขภาพก็ดี จะบำบัดรักษาโรคก็ได้ กล่าวได้ว่า "อาหารไทย เป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก"

เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้วนะคะ อากาศเปลี่ยนแปลง มาทานอาหารเป็นยากันค่ะ จึงอยากเห็นเพื่อน ๆ ทำเมนูอาหารที่ประกอบด้วยพืชผักผลไม้ เครื่องเทศสมุนไพร จะเป็นเมนูคาว หวาน หรือของว่างก็ได้ทั้งนั้น

------------------------------------------------------------

เจ้าของบล็อกกับคนข้างๆ ชอบทาน เก๋ากี้ มากๆ ไม่แน่ใจว่าชอบทานตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่ได้ชอบทานมาตั้งแต่เด็กๆแน่ๆ ....

เก๋ากี้ หรือ Goji berry , wolfberry หรือ Lycium fruit เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ ผลสีแดงอมส้ม มีขนาดเล็ก รสชาติเปรี้ยวอมหวาน

เก๋ากี้ ได้รับขนานนามว่าเป็นสุดยอดผลไม้ด้วยมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยเส้นใยอาหารถึงร้อยละ 20 กรดอะมิโน 19 ชนิด ไขมัน แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม และวิตามิน ได้แก่ วิตามินบี1, บี2 และวิตามินซี รวมทั้งพบสารออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่สำคัญได้แก่ สารกลุ่ม polysaccharide, carotenoids และ สารประกอบ phenolic ในปริมาณที่สูงด้วย

สารทั้ง 3 กลุ่มมีความสำคัญต่อร่างกายดังนี้

1.สารกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide)

ช่วยทำให้อาหารอยู่ในทางเดินอาหารนานขึ้น เกิดการย่อยอาหารช้าลง ช่วยลดการดูดซึมสารอาหาร รวมถึงน้ำตาลและไขมัน มีประโยชน์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดอุดตันรวมถึงโรคทางหลอดเลือดและหัวใจได้

2.สารกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoids)

เป็นรงควัตถุที่ทำให้ผลเก๋ากี้มีสีส้มแดง ซึ่งสารหลักที่พบสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ ได้แก่ ซีแซนทีน (zeaxanthin) ลูทีน (lutein) และเบต้าแคโรทีน (-carotene) หรือสารตั้งต้นของวิตามิน A เป็นองค์ประกอบของจอประสาทตาและร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง

ทำหน้าที่กรองแสงสีฟ้าและลดการสะท้อนของแสง ช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา มีคุณสมบัติป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม จอประสาทตาเสื่อมจากเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงทำหน้าที่เป็นสารต้านออกซิเดชันในดวงตาอีกด้วย

3.สารกลุ่มฟีนอลลิก (phenolic)

เช่น caffeic acid ,chlorogenic acid , caffeoylquinic acid และ -coumaric acid และสารกลุ่มฟลาโวนอยด์ ได้แก่ myricetin , quercetin และ kaempferol ช่วยเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระหรือสารต้านออกซิเดชันอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

เก๋ากี้ จึงมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและการศึกษาทางคลินิก โดยช่วยบำรุงสายตา ลดระดับน้ำตาลในเลือดลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ฤทธิ์ชะลอวัย (Anti-aging activity) ปกป้องเซลล์ประสาท เพิ่มภูมิต้านทาน นอกจากนี้ผลการศึกษายังพบว่า เก๋ากี้ช่วยลดความอ่อนล้าและความเครียดได้ดี

ผลข้างเคียงเล็กน้อยจากการกินเก๋ากี้เกินขนาด

ปวดท้อง
อาเจียน
ปวดหัวในผู้ใช้บางราย
เกิดตับอักเสบ
ปฏิกิริยาผิวไวต่อแสงในผู้ที่รับประทานเก๋ากี้บางรายด้วย

อาการพิษจากการที่เก๋ากี้มีสาร Tropane alkaloids เป็นองค์ประกอบ เช่น Atropine และ Scopolamine ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการตาพร่ามัว ท้องผูก ปากแห้ง รูม่านตาขยาย ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะและรู้สึกกระวนกระวายได้

ขอบคุณ PPPTV36 สำหรับข้อมูลครับ

ต้มจืดสาหร่ายเต้าหู้หมูสับ

ส่วนประกอบ

หมูสับ
สาหร่ายแห้ง
เต้าหู้ขาวหลอด
เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่ม ถ้าดอกใหญ่ให้ฟั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
เก๋ากี้
ต้นหอมและผักชีหั่นเป็นท่อนๆ
ซุปก้อน

วิธีทำ

ตั้งน้ำในหม้อให้เดือด ใส่ซุปก้อนลงไป รอจนซุปก้อนละลายหมดและน้ำเดือด

ปั่นหมูเป็นก้อนเล็กๆ หลวมๆ ใส่ลงในหม้อ

ใส่เต้าหู้หลอด เห็ดหอม ชิมรสดู ถ้าต้องการปรุงเพิ่ม

ใส่เก๋ากี้ ต้นหอมและผักชีหั่นเป็นท่อนๆ

พอเดือดอีกทีก็ปิดไฟได้

ฉีกสาหร่ายแห้งเป็นชิ้นใหญ่ขนาดฝ่ามือ นำไปอังไฟ (เตาแก๊ส) ใช้มือตบๆให้ทรายที่หลงอยู่ในแผ่นสาหร่ายร่วง พอได้กลิ่นหอมก็ปิดไฟ

นำสาหร่ายที่อังไฟแล้วใส่ในถ้วย ตักน้ำต้มจืดราด

เสิร์ฟได้