มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเจ้าแมงกะพรุนชนิดนี้มาฝากกัน เวลาเล่นน้ำจะได้ระวัง ดูแลตัวเองและคนใหล้ตัวกันด้วยนะ
แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish)
คูโบซัว (ชั้น Cubozoa) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังชั้นหนึ่งของไฟลัมไนดาเรีย มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษเรียกโดยรวมว่า แมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish) หรือ แมงกะพรุนสาหร่าย ( Sea wasp) หรือ สาโหร่ง (Sea wasp) เพราะมีพิษที่ร้ายแรงและมีรูปร่างคล้ายลูกบาศก์อันเป็นที่มาของชื่อ แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วกว่า 505 หรือ 600 ล้านปี มีวงจรชีวิตที่ขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์ยังบอกกันอีกว่า แมงกะพรุนกล่องเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาอย่างก้าวไกลกว่าแมงกะพรุนทั่วไป
คูโบซัว เป็นแมงกะพรุนที่แบ่งออกได้เป็น 2 อันดับใหญ่ๆ คือแบบเมดูซา (Medusa) และแบบโพลิป (Polyp) ดูได้ง่ายๆ จาก
พวกที่ไม่เคลื่อนที่จะมีรูปร่างแบบโพลิป ปากอยู่ทางด้านบน
และพวกที่เคลื่อนที่ได้จะว่ายน้ำได้อิสระ ปากอยู่ทางด้านล่าง ซึ่งแมงกะพรุนกล่องนั้นเป็นแบบเมดูซา
ลักษณะแบบเมดูซา (Medusa) หรือแมงกะพรุนทรงระฆังคว่ำ : มีลักษณะคล้ายร่มที่ด้านบนโค้ง (Exumbella) ด้านล่างเว้า (Subumbrella) หนวดและอวัยวะ รับความรู้สึกสัมผัสต่างๆ อยู่บริเวณขอบร่ม ปากอยู่ตรงปากของส่วนยื่น ตรงกลางด้านล่างของร่ม (Manubrium) นำเข้าสู่โพรงอาหารซึ่งอยู่บริเวณตรงกลาง
- แมงกะพรุนกล่อง เมื่อโตเต็มวัย ส่วนประกอบหลักในลำตัวเป็นน้ำร้อยละ 94-98
- แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่มีลำตัวโปร่งใส ร่างกายประกอบด้วยเจลาตินเป็นส่วนใหญ่ สามารถมองเห็นเข้าไปได้ถึงอวัยวะภายใน
- เป็นสัตว์ที่ไม่มีทั้งสมองหรือหัวใจ !
- แมงกะพรุนกล่องมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ตัวต่อทะเล หรือนักพ่นพิษแห่งท้องทะเล
- มักอาศัยอยู่ในน้ำตามแนวชายฝั่งของออสเตรเลียตอนเหนือและทั่วอินโดแปซิฟิก
- มีสีฟ้าอ่อน โปร่งใส และได้ชื่อนี้มาจากรูปร่างที่เหมือนลูกบาศก์
- มีหนวดมากถึง 15 เส้นที่งอกออกมาจากแต่ละมุมของช่วงตัว และสามารถยืดยาวได้ถึง 10 ฟุต (3 เมตร)
- ด้วยการพัฒนาความสามารถในการเคลื่อนที่มากกว่าการล่องลอย โดยการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วถึงสี่น็อตท่ามกลางทะเล
- แมงกะพรุนกล่องมีดวงตาเกาะกลุ่มกันหกกลุ่มอยู่บนทั้งสี่ด้านของลำตัว แต่ละกลุ่มจะมีดวงตาหนึ่งคู่ซึ่งมีเลนส์ตา เรตินา ตาดำและแก้วตาที่มีประสิทธิภาพสูง แม้ว่าจะไม่มีระบบประสาทส่วนกลาง นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่าแมงกะพรุนพวกนี้มีกระบวนการในการมองเห็นอย่างไร
แมงกะพรุนกล่อง ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับชนิดของสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก
แมงกะพรุนหลายชนิดมีพิษ โดยบริเวณหนวดและแขนงที่ยื่นรอบปาก เรียกว่า เข็มพิษ ใช้สำหรับฆ่าเหยื่อ หรือทำให้เหยื่อสลบก่อนจับกินเป็นอาหาร ซึ่งโดยมากเป็น ปลา และใช้สำหรับป้องกันตัว ภายในเข็มพิษของมันมีน้ำพิษที่เป็นอันตรายทำให้เกิดอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง เป็นรอยไหม้ ปวดแสบปวดร้อน และเป็นแผลเรื้อรังได้ หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับแมงกะพรุนแต่ละชนิด
ในชนิด Chironex fleckeri ซึ่งเป็นแมงกะพรุนกล่องชนิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีเซลล์เข็มพิษมากถึง 4-5,000,000,000 ล้านเซลล์ ในหนวดทั้งหมด 60 เส้น ซึ่งมีผลทางระบบโลหิต โดยไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้โลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตลงได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
หนวดแต่ละเส้นจะมีเซลล์พิษอยู่ประมาณ 5,000 เซลล์ซึ่งไม่ได้ถูกกระตุ้นโดยการสัมผัสแต่โดยการพบสารเคมีจากชั้นผิวภาพนอกของเหยื่อ
เหตุการณ์คนที่โดนพิษ แมงกะพรุนกล่อง ในประเทศไทย
ในปีที่ผ่านๆ มาได้มีการจัดอันดับชนิดของสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก และแมงกะพรุนกล่องก็ติดเป็นอันดับต้นๆ ข่าวหลายต่อหลายสำนักได้รายงานถึงการเสียชีวิตของผู้คนที่เกิดจากพิษของมันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่คนที่โดนพิษมันนั้นจะช็อค และหัวใจล้มเหลวก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่งซะด้วยซ้ำไป
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในน่านน้ำของประเทศออสเตรเลีย สำหรับประเทศไทย รายงานการเสียชีวิตจากแมงกะพรุนหลายรายในช่วง 10 ปี เช่น
- ในปี 2542 พบรายแรกที่เกาะสมุย สุราษฏร์ธานี
- ในปี 2545 พบผู้เสียชีวิตอีก 2 รายที่เกาะพะงัน สุราษฏร์ธานี
- ในปี 2551 พบผู้ป่วยเสียชีวิต 1 รายที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยคาดว่าสาเหตุเกิดจากแมงกะพรุนกล่อง
- เด็กหญิงชาวต่างชาติ อายุ 11 ขวบ ที่เสียชีวิตนั้น มีประวัติสัมผัสแมงกะพรุนพิษ ขณะเล่นน้ำอยู่บริเวณใกล้ชายหาดเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ หมดสติ หัวใจหยุดเต้น หยุดหายใจ ประมาณ 10 นาทีหลังขึ้นจากน้ำ ได้รับบาดเจ็บ มือขวาและขาทั้งสองข้าง ได้รับการรักษาเบื้องต้นด้วยการปั๊มหัวใจกู้ชีพ ที่สถานีอนามัยและโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
- ส่วนรายที่ไม่เสียชีวิต เกิดเหตุเมื่อ 30 ธันวาคม 2549 เป็นเด็กชายชาวต่างชาติ อายุ 4 ขวบ มีประวัติสัมผัสแมงกะพรุนพิษขณะว่ายน้ำแถวเกาะหมาก จังหวัดตราด พบลักษณะแผลไหม้พอง ที่ขาทั้งสองข้าง หยุดหายใจ ได้รับการรักษาเบื้องต้นด้วยน้ำส้มสายชู แล้วส่งต่อไปรักษาต่อในโรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน แล้วอาการดีขึ้น
พิษของ แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish)
แมงกะพรุนกล่องมีหนวดและกระเปาะพิษที่ใช้ในการป้องกันตัว และจับเหยื่อ ภายในกระเปาพิษะจะมีเข็มพิษขดอยู่ เมื่อหนวดของแมงกะพรุนสัมผัสกับผิวหนังจะกระตุ้นให้กระเปาะปล่อยเข็มพิษออกมา พร้อมกับปล่อยพิษที่เป็น เอนไซม์โปรตีน (Proteolytic Enzyme) ออกมา ซึ่งมีพิษต่อผิวหนัง ระบบประสาท และหัวใจ พิษของ แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) เป็นหนึ่งในพิษที่สร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแก่ผู้ที่ได้รับ ทำให้เซลล์ผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับการสัมผัสตายได้ หลังจากที่พิษเข้าสู่กระแสเลือดไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง และเข้าสู่ระบบประสาท ก็จะกดทับระบบประสาททำให้หยุดหายใจ และยังมีผลต่อระบบหัวใจ โดยทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นเฉียบพลัน และทำให้การทำงานของหัวใจล้มเหลวเสียชีวิตทันที ซึ่งพิษของ แมงกะพรุนกล่อง ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้เร็วที่สุดในโลก
วิธีสังเกตอาการเมื่อสัมผัสพิษของ แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish)
อาการที่สัเกตได้ง่ายๆเมื่อสัมผัสพิษของแมงกระพรุนกล่อง โดยจะมีอาการปวดบริเวณแผล หรืออาจปวดไปทั่วร่างกาย มีอาการกล้ามเนื้อรู้สึกอ่อนแรง มีอาการเกร็งที่และหลัง เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดหัว กระสับกระส่าย อาจจะมีอาการการแน่นหน้าอกร่วมด้วย เมื่อพิษเริ่มเข้าสู่กระแสเลือด การทำงานของหัวใจ และระบบประสาท จะเริ่มล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด
วิธีแก้พิษ และปฐมพยาบาล แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish)
แมงกะพรุนกล่อง (Box jellyfish) พิษของมันนั้นจะไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญ ถ้าโดนพิษมันจะเจ็บปวดอย่างที่สุด ส่วนใหญ่คนที่โดนพิษมันนั้นจะช็อค และหัวใจล้มเหลวก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่ง แต่ถ้าคุณโดนพิษมันก็ยังมีโอกาสที่จะรอดอยู่ คือ ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชู มาล้างอย่างน้อย 30 วินาที เพราะมันจะทำลายพิษของแมงกระพรุนกล่องก่อนที่มันจะเข้าไปสู่กระแสเลือด
เวลาโดนที่ผิวหนัง ห้ามใช้นิ้วดึงออกหรือใช้วัตถุใดๆ ขูดออกเด็ดขาด เพราะเป็นการเร่งให้เข็มพิษแทงเข้าไปในเนื้อแล้วปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือด วิธีการหยุดยั้งไม่ให้พิษซึมเข้าในร่างกายได้ ต้องใช้น้ำส้มสายชูซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ (ร้อยละ 3-5) ราดไปที่แผล ไม่ใช้น้ำร้อนประคบเพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัวกระจายพิษง่ายขึ้น ส่วนผักบุ้งทะเลช่วยลดความเจ็บปวดเอาไว้ใส่ทีหลัง
- ราดด้วยน้ำส้มสายชู เป็นเวลา 1 นาทีเพื่อล้างพิษเบื้องต้น (ห้ามใช้น้ำจืดเด็ดขาดเพราะจะยิ่งกระจายพิษ)
- นำหนวดแมงกะพรุนที่ติดตามร่างกายออกโดยหลีกเลี่ยงการสัมผัส
- หากการทำงานของหัวใจ และสัญญาณชีพไม่ปกติ ให้ทำการปั้มและกระตุ้นหัวใจ เพราะพิษเริ่มแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด
- กดบริเวณหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่เล็ก และคอยปั้มหัวใจหากมีการหยุดหายใจ
- รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
หวังให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ
pantawan Health Blog ดู Blog
รอยแผลเห็นแล้วสยองเลยค่ะ