หนังที่ได้ดู ... (3)



Shi gan (2006)
T i m e (International: English title)
ผู้กำกับ : คิม คี- ดุค
ประเทศ : เกาหลีใต้

สาวสวย เซฮี (ปาร์ค จี-ยอง) หึงแฟนหนุ่ม จีวู (ฮา จุง-วู) อยู่ทุกขณะจิต และคิดว่าตัวเองสวยไม่พอ เบื่อหน้าตัวเอง จึงตัดสินใจเดินออกจากชีวิต จีวู ไปทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า(ทั้งหน้า)และ 6 เดือนผ่านไป เธอกลับมาใหม่ในชื่อ ซีฮี (ซอง ยอน-เอ) กับหน้าตาที่สวยน่ารักกว่าเดิม ซีฮี มาพร้อมกับบทพิสูจน์หลายอย่างเพื่อทดสอบว่า จีวู ยังรักแฟนคนเดิมที่ทิ้งเขาไปไม่ลาอยู่หรือเปล่า

จีวู ที่กำลังทุกข์ระทมเพราะแฟนหายตัวไป ครั้งหนึ่งบังเอิญได้พบกับหญิงสาวปริศนาสวมชุดแปลกตาที่ลานประติมากรรมริมทะเล ที่ที่เขาและ เซฮี มาด้วยกันบ่อยๆ จีวู จึงเกิดประทับใจเธอ

ซีฮี เริ่มก้าวเข้าสู่ชีวิตของ จีวู ทีละน้อย จนเธอเข้าใจและรับรู้ได้ว่า เขายังรักและคิดถึง เซฮี ไม่เปลี่ยนแปลง
เธอจึงทุกข์ระทมที่ไม่สามารถกลับมาเป็น เซฮี ให้เขาได้
จีวู ได้รับจดหมายปริศนาที่เป็นลายมือของ เซฮี เขียนบอกมาว่าขอพบ
จีวู รวดร้าวใจ เมื่อมาตามจดหมายนัดและพบว่า หญิงสาวที่มาพบเขานั้น สวมหน้ากากภาพใบหน้าของ เซฮี และสวมชุดแปลกตาอย่างที่เขาเคยเห็น และรู้สึกว่าชีวิตตัวเองกำลังถูกล้อเล่นเป็นตัวตลก

เขาจึงตัดสินใจ ไปทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า(ทั้งหน้า)และให้สัญญากับ ซีฮี ว่าอีก 6 เดือนเขาจะกลับมากับหน้าใหม่ โปรดจงรอ...
6 เดือนผ่านไป ซีฮี เฝ้ารอผู้ชายคนนั้น (จีวู) เจอหนุ่มคนไหนที่มองเธอ สนใจเธอ เธอก็จะคิดไปว่าเขาคือ จีวู และปรี่เข้าไปหาทุกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า คนแล้วคนเล่า จนเธอจวนเจียนบ้า

........

หนังดูได้สนุก เพราะใจจดจ่อไปกับการหาทางออกของตัวละคร หนังสะท้อนสังคมของคนเกาหลี ที่นิยมเสริมความงาม ความหล่อ จนเรื่องการสวยด้วยมีดหมอนั้นเป็นเรื่องที่ทำกันปกติธรรมดา เดินเข้าออกคลินิกเป็นว่าเล่น เปลี่ยนนั่น แปลงนี่ จนหาเค้าเดิมไม่เจอ ไม่รู้กันอีกต่อไปแล้วว่าใครเป็นใคร

เวลา ที่ได้อาจหมายถึง ช่วงเวลาที่หายไป
เวลาที่เคยใช้ร่วมกันของ เซฮี และ จีวู หายไป
เวลา 6 เดือนที่ เซฮี ต้องใช้พักรักษาตัวหลังการผ่าตัด เป็นเวลาเดียวกับที่เธอรอวันที่จะพิสูจน์ความรัก
เวลา 6 เดือน ของ จีวู ที่ครุ่นคิดและทรมานถึงการหายตัวไปของคนรัก
เวลา 6 เดือน ของ ซีฮี ที่รอ จีวู ในใบหน้าใหม่
และการกลับมาเจอกัน ที่เหมือนคนอื่น คนใหม่อยู่ตลอดเวลานั้น ก็เหมือนต้องเริ่มทำความรู้จักกันใหม่ เริ่มนับกันใหม่ เป็นเวลาใหม่ เหนือกาลเวลาอันเดิม

สุดท้ายเราก็ยังเห็นว่า แม้ภายนอกหน้าตาจะเสริมสวยจะเสริมหล่อให้บาดใจกันได้ แต่เรื่องราวภายใน(จิตใจ)เราน่าจะให้ความสำคัญกับตรงนั้นมากกว่า...นะ

ผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับคนนี้คือ The Bow (2005), 3-Iron (2004), Samaritan Girl (2004), Spring, Summer, Fall, Winter...and Spring (2003)





Don’t Come Knocking (2005)
ผู้กำกับ : วิม เวนเดอร์ส
ประเทศ : ฝรั่งเศส / เยอรมันนี / สหรัฐอเมริกา

ฮาวเวิร์ด สเปนซ์ (แซม เชพเพิร์ด) จากบ้านเกิดเมืองนอนไปร่วม 30 ปี ไม่เคยติดต่อหาใคร ไม่เคยแวะเวียนมาเยี่ยมใคร เสมือนตัดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากชีวิต แต่วันนี้ เขาเกิดสับสนอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ รู้เพียงว่า...ต้องทำอะไรสักอย่าง

ฮาวเวิร์ด สเปนซ์ ซูปเปอร์สตาร์ดาราชื่อดัง อยู่ๆก็ควบม้าหนีออกมาจากกองถ่ายภาพยนตร์เสียดื้อๆ โดยทิ้งให้ทุกคนในกองถ่ายงุนงงและปั่นป่วนกันเป็นอย่างมาก เขาแวะเปลี่ยนเสื้อผ้ารองเท้าชุดคาวบอย กับชาวบ้านและยกม้าให้ฟรีอีกต่างหาก หลังจากนั้นเขาก็โทรศัพท์หาแม่ เพื่อขอไปพักและค้างคืนด้วยสักระยะ

เมื่อเขากลับมาถึงบ้านแม่...ความจริงหลายอย่างได้ปรากฏขึ้น (ทุกอย่าง ใหม่สำหรับคนดู...และมีบางอย่างที่ ใหม่ สำหรับ สเปนซ์)
ความเห็นแก่ตัว เมาหัวราน้ำ กร่างชวนทะเลาะ และยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า คืออดีตของเขาที่เรารู้ได้จากแม่
และ เขามี ลูก กับ ดอรีน (เจสซิกา แลงจ์) ผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยยุ่งเกี่ยวด้วยตอนมาถ่ายทำหนังที่เมืองนี้ ซึ่งตอนนี้ โตเป็นหนุ่มแล้ว นี่คือข้อมูลที่ทำให้เขาตกใจ และสับสนเพิ่มยิ่งขึ้นอีก

ไม่ง่ายที่ ดอรีน จะยินยอมให้เขากลับมาเป็นพ่อของลูก
ไม่ง่ายที่ เอิร์ล (เกเบรียล มาน) จะยอมรับว่าเขาเป็นพ่อ
และไม่ง่ายที่ สเปนซ์ ดาราอีโก้จัด จะยอมรับความไม่เอาไหนและความชุ่ยที่ตัวเองเคยก่อเอาไว้

.....

หนังเพิ่มสีสัน ความปั่นป่วนให้กับ สเปนซ์ อีกด้วยการมี เด็กสาวอุ้มโถเถ้ากระดูกของแม่ตลอดเวลา และแสดงออกว่า สเปนซ์ เป็นพ่อของเธอด้วยเช่นกัน
“ความรับผิดชอบ” คือสิ่งที่หนังเอื้อนเอ่ยและถามหา ทั้งสิ่งที่ตัวเอกเคยทำไว้ในอดีต และ หน้าที่การงาน (การแสดง)ในปัจจุบัน

ผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับ วิม เวนเดอร์ส คนนี้คือ Land of Plenty (2004), The Million Dollar Hotel (2000)





13 Tzameti (2005)
ผู้กำกับ : Géla Babluani
ประเทศ : ฝรั่งเศส / จอร์เจีย

เซบาสเตียน (George Babluani) หนุ่มน้อยวัย 20 ปี รับจ้างซ่อมหลังคาให้กับบ้านของชายชรานาม กอดอน(Philippe Passon) แต่กลับมาเสียชีวิตก่อนที่จะจ่ายค่าจ้างให้เขาและดูเหมือนจะไม่มีใครรับผิดชอบค่าจ้างงานนี้ เขาจึงขโมยจดหมายที่มีตั๋วรถไฟไปปารีสและตั๋วจองโรงแรมของ กอดอนและออกเดินทางโดยใช้ตั๋วนั้นและโรงแรมตามที่ระบุ โดยเขาไม่รู้ว่าทุกฝีก้าว เขาโดนสะกดรอยตาม

ในคืนที่ เซบาสเตียน มาพักที่โรงแรม มีโทรศัพท์ต่อไปถึงห้องพัก บอกให้ไปรับซองจดหมายที่ล็อคเกอร์แห่งหนึ่ง
ภายในนั้น มีป้ายหมายเลข 13 และจุดหมายที่เขาจะต้องไป

เมื่อไปถึงจุดนัด มีคนมารับพาเขาไปบ้านร้างแห่งหนึ่งเพื่อตรวจค้นร่างกาย และพากลับมาที่จุดนัดพบเดิมอีกครั้ง
และคราวนี้ มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมารับเขาไป ... เพื่อเล่นเกม

เกมเดิมพันชีวิต...
โดยผู้คนที่ถูกเลือก(หรืออาสา)มาเล่นนั้น จะต้องสวมเสื้อที่มีหมายเลขประจำเสื้อ และยืนล้อมเป็นวงกลม
ทุกคนหันไปในทางเดียวกัน ทุกคนถือปืนที่บรรจุกระสุนอยู่หนึ่งนัดเหมือนกัน
ปืนจ่อไปที่หัวคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าตนเหมือนกัน
เมื่อได้รับสัญญานไฟสว่าง ทุกคนต้องลั่นไก เพื่อวัดดวง ว่าใครจะรอด

รอบต่อไป..ก็เพิ่มกระสุนเป็น 2 นัด...3 นัด
จนเหลือ 2 คนสุดท้าย และแต่ละคนจะได้กระสุนคนละ 3 นัด เพื่อวัดดวง
ผู้รอดชีวิต...จะได้เงินรางวัลก้อนงามไปใช้แบบเสวยสุข (แถมด้วยจิต ที่เปลี่ยนไป!)

.....

ไม่เฉพาะ เซบาสเตียนเท่านั้น ที่กดดัน เพราะคนดูก็แทบจะกลั้นหายใจขณะดูและลุ้นระทึกในตอนที่ปืนถูกสั่งให้ทำงาน

13 Tzameti เป็นหนังขาว-ดำ เฉดสีขาว เทา และดำ ช่วยขับให้ความเข้นข้นของเนื้อหาหนักหน่วง และเพิ่มอารมณ์หดหู่ สลดใจ
แต่ก็ช่วยลดความแรงของสีเลือดไปได้พอสมควร

คำเตือน หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคความดัน และโรคหัวใจ




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2550
22 comments
Last Update : 24 มิถุนายน 2550 18:17:53 น.
Counter : 1685 Pageviews.

 

เล่าต่อเรื่องแรกให้เราได้ป่ะค่ะ แบบว่าอยากรู้จังว่าสุดท้ายแล้วจะจบด้วยแนวไหน ...

แปลกนะค่ะ ทำไมคนเราถึงได้คิดว่าการเปลี่ยนหน้าตามันจะเป็นตัวการันตีว่า "ใครๆ ก็จะรัก จะชอบ" ...

 

โดย: JewNid 24 มิถุนายน 2550 12:42:14 น.  

 

อยากดูหมดเลย T T
วันนี้เพิ่งไปดู The Consequences of Love ครับ หนังดีมั่กๆ (แม้จะตามไดอะล็อกไม่ค่อยทัน 555+)

 

โดย: nanoguy 24 มิถุนายน 2550 21:13:50 น.  

 

สองเรื่องแรกได้ดูแล้วครับ ชอบ time มากกว่า ติดตามหนังของผู้กำกับคนนี้แทบทุกเรื่อง

นอกจากคำว่า เวลา ผมว่าหนังกำลังเล่นกับชีวิตรักและเซ็กซ์ เหมือนในฉากที่เราเห็นว่าพระเอกถึงจุดสุดยอดกับการนอนกับนางเอกที่หน้าตาไปศัลยกรรมมาแล้ว ทั้งๆ ที่คนเดิมนั่นแหละ

แต่ประเด็นนี่นางเอกไม่รู้ คือ เขารักเธอ

 

โดย: แอบชอบ คห. ข้างล่าง 24 มิถุนายน 2550 23:59:00 น.  

 

หนังที่ "ไม่" ได้ดู ... (3)

 

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ 25 มิถุนายน 2550 0:02:09 น.  

 

อ่าาไอ้เราก็ผลัดวันประกันไปเรื่อยๆ เรนตั้นเลยดู Don't come
Knocking ไปก่อนซะแล้ว

เพิ่งซื้อ Wings of Desire ของผกก.วิม เวนเดอร์มาเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเรนตั้นดูหรือยังเอ่ย

ปล. เพิ่งจะได้ดูไพเรทสาม สรุปได้ว่าเฮียโจวมีบทแค่นี้เองเหรอเนี่ย
(กรำ) แล้วหนังมันมั่วๆไงไม่รู้แหะ ดูแล้งก็งงๆ (หรือว่าเรานั่งหนาว
สั่นในโรงจนไม่ได้ตั้งใจมั้ง ฮา..) แต่ก็เอาเป็นว่าดูได้สนุกๆนะขำๆ
(ที่ประทับใจสุดคงจะเป็นสกอรหนังที่โหมกระหึ่มปลุกใจทุกวินาทีนั้น
แหละ )

 

โดย: BloodyMonday 25 มิถุนายน 2550 0:20:49 น.  

 


ชอบเรื่อง Time มากๆ รู้สึกว่าพี่คิมแกคืนฟอร์มน่ะ คือแกเหมาะจะทำหนังระยำตำบอนสตรีเพศ ไม่ใช่หนังพระๆเจ้าๆ (ฮ่าๆๆ)

หนังมันกว้างดีที่ตั้งคำถามเรื่อง identity ผ่านการศัลยกรรม คือเราว่ามันตบหน้าสังคมเกาหลีด้วย เหมือนฟอร์เวิร์ดที่เราได้กันบ่อยๆ ว่าดาราเกาหลีเย็บหน้ากันมาขนาดไหน

อนึ่ง เรื่อง Breath ก็ถูกจวกยับที่คานส์อยู่ดี 55555

ปล. พาดพิง จขบ. ไว้นิดหน่อยที่บล็อกเรา

 

โดย: merveillesxx 25 มิถุนายน 2550 2:18:05 น.  

 

หาดูยากนะครับ แต่ละเรื่องเนี่ย

 

โดย: SummerDegree 25 มิถุนายน 2550 11:27:16 น.  

 

3 เรื่องนี่ ดูแล้วเครียดเกินไปฟ่ะน้องเรนจัง
เอาเป็นว่า ... พี่รอดูเรื่องนั้นละกันนะน้อง
ขอบคุณครับ

 

โดย: สะเทื้อน 26 มิถุนายน 2550 15:29:36 น.  

 

เรื่อง 13 นี่ น่าดูและน่าสนใจนะครับ แต่ฟังแล้วออกจิตๆแน่เลย
กลัวไปดูแล้วช๊อคอ่ะ

 

โดย: SummerDegree 26 มิถุนายน 2550 16:33:47 น.  

 

มีแต่หนังที่หาดูได้ยากทั้งนั้นเลยน่ะครับเนี่ย

แต่ดูน่าสนใจดีครับ

 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) 26 มิถุนายน 2550 17:34:19 น.  

 

เป็นเรื่องที่น่าดูมากๆเลยครับ

 

โดย: basbas 26 มิถุนายน 2550 21:32:38 น.  

 

ชอบหนังของวิมครับ ดูเหมือนธีมของเขาจะซ้ำ ๆ กันหลายเรื่องเหมือนกัน แต่เรื่องการสร้างอารมณ์ ทำได้อย่างยอดเยี่ยมนัก

 

โดย: Johann sebastian Bach 27 มิถุนายน 2550 7:46:01 น.  

 

คุณ JewNid
สงสัยเป็นเพราะคนในเรื่องนิยมคบกันรักกันที่หน้าตาสวยๆหล่อและคิดว่าคงมีความสุขมากๆมังคะ..ถึงได้ยอมลงทุนเปลี่ยนหน้ากันทั้งหน้าขนาดนั้น

nanoguy
^_^

คุณ แอบชอบ คห. ข้างล่าง
ถ้าไม่อิงกับชื่อเรื่อง เราว่าหนังมันให้เราคิดเอาว่า
ข้างนอกกะข้างในอ่ะ อันไหนมันน่าจะใส่ใจมากกว่ากัน...

น้าเอ้
กลัวเลือดอ่ะจิ..ใช่ป่ะคะ

BdMd
Wings of Desire ยังมะได้ดูเลยอ่ะ
ไพเรท 3 ก้อ...หนุกดีอ่ะนะ..แต่ดนตรีที่ประโคมนั้น เรากลับหนกขูมากกว่าอ่ะ
ตอนนี้อยากดูหนังที่ไม่พูด..หรือมีบทพูดน้อยๆ ไม่มีดนตรี หรือมีก็มีน้อยถึงน้อยมาก...
นึกออกป่าวอ่ะว่ามีเรื่องไรมั่ง แนะนำหน่อยจิ..
เอ่อ..ขอเป็นหนังไม่เก่ามากด้วยนา..

คุณเมอร์
เรื่อง Breath ยังไม่ได้ดูเลยอ่ะ
ปอลอ. ยินดีให้พาดพิงค่ะ หุหุ

พี่หนุ่ม
ด้วยฟามยินดีค่ะพี่

คุณ SummerDegree
ก็ไม่จิตนะคะ..เพียงแต่ว่า มันระทึก มันลุ้น
และเราคนดูกับ เซบาสเตียน ก็ตกอยู่ในสภาพจิตใจเหมือนกัน ยืนอยู่ในจุดเดียวกันอ่ะ..
ก็เลยหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไหร่ ^_^

คุณ เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน
^_^ ขอบคุณค่า ที่แวะมาเยี่ยมเยือน

คุณ basbas
^_^

คุณ Johann sebastian Bach
^_^ เห็นด้วยค่า

 

โดย: renton_renton 27 มิถุนายน 2550 9:56:48 น.  

 

ขอบคุณเรื่องคำชมก่อนนะครับ

....................

แล้วก็มาต่อเรื่องหนัง
ดีจังที่ได้รู้ข่าวว่าเฮียคิม คี ดุค ออกหนังเรื่องใหม่อีกแล้ว
ช่วงนี้ผมซื้อแต่หนังมาเก็บ แต่ยังหาเวลาดูไม่ได้สักที

คิม คี ดุคผมเพิ่งไปได้ Boxset ของแกมาที่แม่สาย
มีทุกเรื่องยกเว้นเรื่อง The bow กับ time นี่แหละครับ
The bow ดูแล้ว ชอบมากนะครับ แต่ที่ชอบมากที่สุดเห็นจะเป็น
spring summer fall...ฯ

เดี๋ยวรอมี sub thai ขายก่อน จะซื้อมาดู
ขอบคุณที่นำข่าวคราวมาแนะนำให้รู้ครับ

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 27 มิถุนายน 2550 11:07:02 น.  

 

พูดถึงหนังพูดน้อยถึงน้อยมากพาลไปนึงถึงหนังของคุณลุงคิตาโน่เป็น
อันดับแรกเลย เรื่อง A Scene at the Sea (แต่เก่าหน่อยแหะ) ทั้งเรื่อง
นี้เงียบมาก มีแต่เสียงหาดทราย สองเรา และกระดานโต้คลื่น...

แล้วก็มีหนังของคุณลุงTerrence Malickที่จะใช้ตัวละครมากระซิบข้าง
หูเรนตั้นให้หลับ เอ้ยให้อินไปกับเนื้อเรื่อง

เรื่องอื่นตอนนี้ยังนึกไม่ออกแหะ ส่วนตัวชอบหนังที่พูดๆๆๆๆจนลิงหลับ
ไม่ก็มีเพลงเพราะๆอ่ะ หนังเงียบๆใช้ความตั้งใจนี้มันต้องคุ้มค่าจริงๆ
ถึงจะชอบน่ะ

 

โดย: [][][]BloodyMonday[][][] IP: 211.136.200.190 27 มิถุนายน 2550 23:03:57 น.  

 

คุณ กะว่าก๋า
ชอบ spring ... ของแกเหมือนกันค่ะ
หะหะ แต่ The Bow นี่ ยังไม่ได้ดู

BdMd
ขอบคุณค่าสำหรับคำแนะนำ.. A Scene at the Sea...น่าสนใจๆ
ทีแรกเรานึกถึง ขอประมาณหนังประมาณเรื่อง Dolls(2002) ของ คิตาโน่ เหมือนกัน ว่าจะไปรื้อมาดู
ปรากฏว่า บิ๊กซีเนม่าช่อง 7(มั๊ง) กะลังจะเอามาฉาย..หุหุ
ของลุง Malick นึกออกแต่ The Thin Red Line (1998) เรื่องอื่นๆไว้ไปหามาดูมั่ง
แต๊งส์จ่ะ

 

โดย: renton_renton 28 มิถุนายน 2550 8:17:32 น.  

 

ที่แนะนำมาไม่เคยดูเลย

ได้ดูแต่ trainspotting
ชอบตอนพระเอกเมายา
แล้วหลุดเข้าไปในโถส้วม
จากส้วมกลายเป็นผืนน้ำอันกว้างใหญ่
เพี้ยนดีครับ

 

โดย: ถ่านหินจำศีล 28 มิถุนายน 2550 14:10:27 น.  

 

ผมเคยดู Spring, Summer, Fall, Winter...and Spring ชอบตรงที่ฉากสวยมากเลยครับ ส่วนเรื่อง Shi gan เนื้อหาท่าทางเสียดสีสังคมพอประมาณเลยนะ

แหม่ Preview ให้อ่านกันตั้ง 3 เรื่องแหนะ ดีจังๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาดูหนังเลย ทิ้งไว้ในตู้เกือบ 10 เรื่องแล้ว (เป็นหนังจีนซะเกินครึ่ง) นี่กะจะไม่ซื้อเพิ่มในช่วงนี้แล้วล่ะ แหะๆๆๆ

 

โดย: Tony KooN (tk_station ) 28 มิถุนายน 2550 20:36:29 น.  

 

หนังวิมเรื่องนี้ดูแล้วเหมือนกัน เฉยๆนะ หรืออาจจะหวังมากไป จริงๆหลังๆก็ไม่ควรจะหวังแล้ว ฮ่าๆ

เรื่องสุดท้ายนี่ ถ้าหัวใจอ่อนแอดูไม่ได้เหรอคะ

 

โดย: DropAtearInMyWineGlass 29 มิถุนายน 2550 4:45:30 น.  

 

แวะมาเยี่ยมนะครับ

อิอิ

จะบอกว่า ...

ผมอัพบล็อคใหม่แล้วนะครับ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ติดใจในความน่ารักของ "น้องตุ้งแช่" สามารถเข้าไปติดตามความน่ารักของ "น้องตุ้งแช่" ในตอนที่ 3 ที่เป็นตอนใหม่ล่าสุดได้ที่บล็อคของผมนะครับ



อย่าลืมแวะเข้าไปชม และให้กำลังใจ "น้องตุ้งแช่" กันนะครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) 29 มิถุนายน 2550 14:11:59 น.  

 

ซะงี้

จบชุดแล้วครับ
เดือนหน้าว่ากันเรื่องใหม่ๆบ้าง

 

โดย: ก.เอ๋ย ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 30 มิถุนายน 2550 9:42:33 น.  

 

อยากดู Time อะค่ะ เคยดู The Bow แล้วชอบเหมือนกัน ก่อนหน้านั้นได้ดู The Isle ตอนดูจบรู้สึกหลอนๆ นะคะ แต่หนังก็มีมุมมองที่น่าสนใจ แถมตอนดู The Bow ก็ยังทำให้นึกถึง The Isle ด้วยล่ะ เพราะมันมีอะไรบางอย่าง link กัน ว่าป่ะคะ

ส่วนเรื่อง 13ฯ นี่ ฟังแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Intacto เหมือนกันนะคะ แบบประเภทใครดวงดีกว่ากันอะค่ะ คิดว่าอารมณ์น่าจะกดดันดนดูเหมือนกัน แต่ก็น่าดูนะคะ หนังลุ้นๆ ใจจะขาดแบบนี้ ชอบค่ะ

 

โดย: อึ้งย้ง (ประมุขคนล่าสุดแห่งพรรคกระยาจก ) 5 กรกฎาคม 2550 16:02:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


renton-renton
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Photobucket.Just wait until night then switch the light off
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ “เด็ก” ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
24 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add renton-renton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.