Maria Full of Grace (2004) เรื่องของคนขนยา
Director : Joshua Marston Cast :Catalina Sandino Moreno ,Virgina Ariza ,Yenny Paola Vega Rodrigo Snchez Borhorquez, Charles Albert Pati
เคยดูข่าวเกี่ยวกับการจับยาเสพติด นั่งๆนอนๆดู แล้วก็เกิดความคิดสงสัยว่าทำไม คนพวกนี้เค้าถึงคิดมาทำแบบนี้ ทำไมเค้าถึงยอมเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกับคุกกับตาราง ทั้งที่ทุกคนก็รู้ถึงโทษของการทำผิด ว่ามัน รุนแรงถึงขั้นทำให้ขาดอิสระภาพทั้งชีวิตกันเลยทีเดียว (บางประเทศประหารชีวิตเลยนะเอ้า! จะว่าไป)
Maria Full of Grace เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวสาววัยรุ่นโคลัมเบีย ที่อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่วิธีการจะไปถึงฝันของเธอมันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนและเสี่ยงต่ออนาคต...
สาวน้อยผู้สับสนในชีวิต...กับเมืองที่หดหู่ไร้อนาคต
มาเรีย สาวน้อยวัยเพียง 17 ปี เธออาศัยในชานเมืองชนบทของโคลัมเบีย ทำงานในโรงงานดอกกุหลาบโดยมีหน้าที่รูดหนามกุหลาบ มาเรียเป็นกำลังหลักในครอบครัว ที่มีทั้ง ยาย แม่ และน้องสาวซึ่งกำลังมีลูกแบเบาะ สภาพชีวิตเธอดูไร้ความสุขตามวัยที่เธอควรเป็นงานที่ทำก็โหดนายก็เหี้ยม จะหางานอื่นก็ไม่มี เพราะโรงงานกุหลาบคืองานที่ทำเงินได้ดีที่สุดในเมืองนี้ ถึงแม้เจ้านายจะร้ายแค่ไหนเธอก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานในโรงงานนรกอย่างไม่มีทางเลือก วันหนึ่ง เธออาเจียนเวียนหัว หัวหน้าก็ยังโขกสับเธออย่างไร้ความปราณี
มาเรีย จึงตัดสินใจลาออกจากงานแบบรมณ์บ่จอย แม่ไม่ปลื้ม ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนในครอบครัว ยิ่งแม่และน้องสาวเธอต่างก็ไม่พอใจต่อว่ามาเรียอย่างหนัก( เพราะรายได้หลักของบ้านกำลังหายไป)เท่านั้นยังไม่พอ ฮวนแฟนหนุ่มที่เธอคบอยู่ก็ดูจะระหองระแหงกัน ด้วยความที่เค้าดูลังเลเมื่อรู้ว่าเธอตั้งท้อง ทำให้มาเรียตัดสินใจปฎิเสธความรับผิดชอบจากเค้า ด้วยเหตุที่ว่าเธอไม่ได้รักเค้าแล้ว(อืม...นะ มั่นอ่ะ)
ไม่มีทางเลือกไหนดีไปกว่านี้อีกแล้ว (หรือ)......
จุดพลิกชีวิตของมาเรียเริ่มขึ้นเมื่อมาเรียได้มีโอกาสเจอแฟรงกิ้น หนุ่มมาดเท่ห์ในงานเต้นรำแห่งหนึ่ง ดูเหมือนเค้าสนใจในตัวมาเรียมากเหมือนกัน ในวันถัดมามาเรียต้องการไปหาเพื่อนเพื่อหางานในเมือง แฟรงกิ้น อาสาไปส่ง และระหว่างทางเค้าได้ชักชวนให้มาเรียได้รู้จักกับงานขนยาเสพติดโดยเอาเงินมาล่อเธอ แน่นอนสาวน้อยวัย 17 ที่กำลังถังแตกประกอบกับภาวะกดดันรอบด้าน ทั้งครอบครัวและคนรัก ทำให้เธอตอบรับที่จะทำงานขนยาเสพติดนี้ แบบไม่มองหาทางเลือกอื่น...
แฟรงกิ้น พา มาเรียไปคุยกับ ฮาเวียร์เอเย่นต์ค้ายาจอมโหด มาเรียหลอกว่าเธออายุ 18 ปีและสนิทกับแฟรงกิ้นดี ทำให้ ฮาเวียร์ไว้ใจตกลงให้เธอทำงานพร้อมทั้งอธิบายข้อตกลงและ กฎระเบียบ(อืม...)ของงานให้มาเรียฟัง พร้อมบอกให้รอวันนัดหมายอีกที โดยจุดหมายของการขนส่งสินค้าคือนิวยอร์ค
ระหว่างรอวันนัด มาเรียได้รู้จักลูซี่ สาวอีกคนที่ทำงานให้ฮาเวียร์ และมีประสบการณ์การขนยาเสพติดมาก่อน 2 ครั้ง ลูซี่ได้สอนวิธีการกลืนยาให้กลับมาเรีย (ขนาดของถุงยามีขนาดเท่ากับผลองุ่นลูกโตๆได้) สิ่งสำคัญนอกจาการกลืนอย่างมีทักษะแล้ว ถุงยาห้ามแตก ในท้องเป็นอันขาด เพราะหากยาแตกแม้ถุงเดียวเธออาจตายเพราะเสพยาเกินขนาดได้ทันที
เงิน..อนาคตที่ดีกว่ารออยู่.......
มาเรียบอกที่บ้านว่าไปทำงานในเมือง โดยไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เธอทำ มีเพียงบลังก้า เพื่อนสนิทของเธอที่รู้ และบลังก้าเองก็ดันคิดอยากจะไปร่วมชะตากรรมขนยาเสพติดกับมาเรียเพราะเงิน จนลืมคิดถึงผลที่อาจจะตามมาต่อพวกเธอ พอถึงวันที่ต้องเริ่มปฎิบัติภาระกิจ มาเรียจำต้องกลืนยาเสพติดมากถึง 62 ถุง(มากกว่าที่เธอคิดไว้มาก)พร้อมยาชะลอการย่อยเพื่อป้องกันการขับถ่ายระหว่างเดินทาง(ถ้าปวดท้องอยากระบายคงยุ่งแน่ๆ)
หลังจากมาเรียกลืนถุงยาจนครบตามจำนวน(ที่ฮาเวียร์อยากจะยัดเยียดให้)แล้ว เที่ยวบินสุดระทึกของมาเรีย บลังก้า และ คนส่งสินค้าอีกสองคน(หนึ่งในนั่นคือลูซี่)ที่นั่งคนละที่ บนเครื่องก็เริ่มขึ้น (เหตุที่นั่งคนละที่เพราะหากมีใครโดนจับอย่างน้อยที่เหลืออาจจะผ่านไปได้เป็นการกระจายความเสี่ยง...ว่างั้น )ความอึดอัดตื่นเต้น และเป็นการทำงานครั้งแรกทำให้มาเรียรู้สึกใจคอและท้องไส้ไม่สู้ดีนัก จนเธอต้องเข้าไประบายในห้องน้ำ(แล้วต้องทำความสะอาดและกลืนกลับไปในท้องอีกที...อึ๋ยยย)
ด่านตรวจ....ด่านชีวิต
พอถึงสนามบินคนส่งสินค้าทั้งหมดต่างแยกย้ายกันไปรับกระเป๋าเพื่อออกไปขึ้นรถที่มีคนมารอรับแต่ยังไปไม่ถึงไหน สาวมาเรียและคนส่งสินค้าสาวใหญ่อีกคนก็โดนจับและกักตัวโดยข้อหาสงสัยว่าเธอขนยาเสพติด เจ้าหน้าที่ทั้งกล่อมทั้งขู่ให้เธอสารภาพ มาเรียยืนกรานว่าเธอไม่ได้ขนยาใดๆทั้งสิ้นเธอจะไปเยี่ยมพี่สาวที่นิวยอร์คและแฟนเธอเป็นคนจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย จนในที่สุดเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องพาเธอไปเอ็กซเรย์เพื่อดูในท้องว่ามียาเสพติดหรือไม่ เดชะบุญ(คงยังไม่ถึงคราวของมาเรีย) ด้วยความที่เธอท้องทำให้เธอไม่ต้องเอ็กซเรย์เพราะเป็นอันตรายต่อเด็ก ทำให้เธอพ้นข้อกลาวหาอย่างหวุดหวิดส่วนสาวใหญ่ชะตากรรมคงไม่พ้นคุก
ถึงฝั่ง...แต่คงไปไม่ถึงฝัน.....
มาเรียรีบมาขึ้นรถที่จุดนัดหมาย ซึ่งมี บลังก้า และลูซี่รออยู่ ทั้งสามถูก คนคุมพาไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งเพื่อทำการเอายาออก เรื่องดูเหมือนจะคลี่คลายลงในทางที่ดี เพราะภาระกิจใกล้เสร็จแล้วแต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น เมื่อ ลูซี่มีอาการแปลกประหลาด ไม่ค่อยสู่ดีนัก มาเรียสงสัยว่ายาเสพติดที่ลูซี่กลืนลงไปจะแตกและนั้นหมายถึงลูซี่กำลังจะตาย ไม่ทันจะถึงรุ่งเช้า เธอได้ตื่นมาเห็นคนคุมอุ้มศพลูซี่ออกไปทิ้ง มาเรีย รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต และอนาถใจกับชะตากรรมของเพื่อนร่วมโชคชะตาที่ต้องมาตายอย่างไร้คุณค่าความเป็นมุนษย์เธอจึงพาบลังก้า หนีหัวซุกหัวซุน อย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ ในใจเธอรู้เพียงว่า จะต้องไปหาพี่สาวลูซี่ที่อยู่นิวยอร์คเพื่อช่วยพวกเธอให้ได้กลับบ้านให้ได้ แต่พอเธอได้เจอพี่สาวของลูซี่จริงๆ เธอละอายใจและไม่กล้าพอที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่สาวลูซี่ฟัง บทเรียนนี่ไม่ได้เป็นเพียงประสบการณ์เลวร้ายสำหรับเธอเท่านั้น แต่มันสอนให้เธอได้เห็นคุณค่าของชีวิต ที่ไม่ควรเอามาเสี่ยงกับความ ทะยานอยาก โดยใช้วิธีผิดๆ และมันก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเธออย่างที่เป็น...
มาเรีย ได้สำนึกถึงผลจากการที่เธอกระทำ และเธอตัดสินใจจะแก้ไขให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาศพลูซี่กลับไปทำพิธีที่บ้านเกิด การตระหนักถึงความเป็นแม่ และ การตามหาฝันในทางที่ถูกที่ควร(พี่สาวลูซี่สะท้อนให้เห็นถึงคนที่มาจากจุดเดียวกับมาเรียและลูซี่คือคนต่างถิ่นมาหางานหาเงินเพื่อชีวิตใหม่เช่นกัน แต่พี่สาวลูซี่เลือกที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองจนพอมีพอกินในทุกวันนี้) มาเรีย อาจจะเป็นแค่ตัวอย่างของคนขนยาที่โชคดีรอดการถูกจับมาได้ แต่อีกหลายคนไม่ใช่ ซึ่งแน่นอนเค้าเหล่านั้นบางคนไม่ใช่คนเลวในกมลสันดาน ที่เกิดมาเพื่อทำสิ่งผิดกฎหมายหนังบอกให้เราได้รู้ว่า คนเหล่านี้ก็มีชีวิตเหมือนเราๆท่านๆ มีครอบครัวมีเลือดเนื้อมีจิตใจ แต่เค้ายอมทำสิ่งผิดกฎหมายนี้ เพื่อปากท้อง เพื่อเงิน เพื่อหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น เค้าจึงเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบผิดๆ ด้วยความคิดที่ว่า "มันไม่มีทางเลือกชั้นเลยต้องทำ"
หนังดราม่า(กึ่งสารคดี)ที่เล่าเรื่องแบบเนิบๆ เรื่องนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดไว้ หนังมีให้เราได้ลุ้นระทึก(นิดๆ) และคอยเอาใจช่วยแกมเห็นใจ ว่าคุณแม่วัยรุ่น คนนี้ เมื่อไหร่เธอจะได้พบกับแสงสว่างเสียที และเรื่องราวประสบการณ์การขนยาของเธอในครั้งนี้ ก็คงเป็นบทเรียนที่แสนมีค่าสำหรับเธอไม่รู้ลืม อย่างน้อย เธอคงได้มีสติที่คิดที่จะเลือกทำ ในสิ่งที่ "ถูกต้อง"ซักครั้งให้กับตัวเธอ กับลูกของเธอเอง......
Create Date : 15 พฤษภาคม 2550 |
|
26 comments |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2550 18:03:39 น. |
Counter : 6295 Pageviews. |
|
|
|
ดุโปสเตอร์หลักรูปบนสุกแล้วได้อารมณ์แบบจริงจัง ดราม่ามาก แต่พอเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นล่ะสีลูกกวาดจริงๆ