★ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล : จากอุบลฯ ถึงภูเก็ต ภาค ๑


.
.
ประเหมาะเคราะห์ดีที่มีช่วงวันหยุดราชการหลายวัน ทั้งวันหยุด วันลา สิริรวมแล้วก็ได้ ๗ วันพอดี พี่ชายเลยชักชวนลงใต้ไปเที่ยวทะเลถึงภูเก็ต นัยว่ามีเพื่อนของเพื่อนพักอาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งยินดีที่จะรับรองเรื่องที่พัก
ไม่มีอะไรให้ต้องคิดนาน แค่เอ่ยปากว่าไปทะเลภูเก็ต หัวก็ผงกรับคำชวน หนึ่งคือเคยวางแผนไว้จะไปชุมพรตั้งแต่กรกฎาปีที่แล้ว จับพลัดจับผลูได้ไปเชียงใหม่แทน สองคือไปหย่อนใจเสียบ้างก็ดี ไปเห็นฟ้าที่ไม่มีแนวหลังคาบ้านขวางไว้ ก็คงดี
เก็บเสื้อผ้าและอีกนาๆ ประการ พกหนังสือติดไป ๓-๔ เล่ม ตั้งใจว่าจะนอนเอกเขนก กินลมชายหาด ละเลียดอ่านไปทีละหน้า .... สบายใจกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
สีน้ำ ๒ ตลับ กระดาษสีน้ำ ๒ แพ็ค พู่กันหลายด้าม แก้วน้ำแลกระดาษซับ เตรียมพร้อมไปด้วย มีเวลาช่วงเช้าตรู่คงได้ออกมาละเลงเก็บบรรยากาศ
ออกเดินทางเช้ามืด ราวตีห้า จากอุบลฯ ~ ศรีสะเกษ ~ สุรินทร์ ~ บุรีรัมย์ ~ นครราชสีมา ~ กรุงเทพฯ แบบเฉี่ยวๆ ~ สมุทรสงคราม (เห็นป้ายอำเภอบางจะเกร็ง กับตา น้องเคยบอกว่าชื่อรายการของสาระแนบางจะเกร็งนั้นเป็นชื่ออำเภอ.. เชื่อยากอ่ะตอนนั้น) > เพชรบุรี และชะลอความเร็วที่ประจวบคีรีขันธ์
อ้างแรมที่สวนสนประดิพัทธ์ เรือนพักไม้หลังใหญ่หลังนั้นสีขาว ตั้งอยู่ริมชายหาด มีสามห้องนอนพัดลม หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งใต้ถุน ยุงชุม มุ้งลวดเขรอะไปด้วยฝุ่นลมและขอบฉีกขาด(ทางสัญจรของยุง) ที่นอนนิ่มยวบเกินจริง แต่หลับสนิท ^_^
ข้อควรจำ :: สิ่งที่จะไม่ลืมพกไปในคราวหน้าคือ ปลั๊กสามตา เพราะในห้องพักมีเพียง ๑ เต้าเท่านั้น ต้องเข้าคิวกันชาร์ตโทรศัพท์ กล้องดิจิตอล อีกทั้งไม้แบตชอร์ตยุง!


ตื่นเช้าได้ก็รีบขนย้ายอุปกรณ์วาดรูป ปุเลงไปที่ชายหาด ใต้ต้นสนมีเก้าอี้ตอไม้ให้นั่งและวางทุกสิ่งอย่าง ดวงอาทิตย์กำลังจะส่องแสง เมฆกำลังจะลอยออกห่าง บรรยากาศกำลังดี ลมโชย โชยเอากลิ่นคาวเศษอาหาร คราบไคลกลิ่นเหล้าตีฟุ้งไปทั่วบริเวณ
ถังขยะ ตั้งวางอยู่ไม่ห่างโต๊ะนั่ง คงเพื่อสะดวกแก่ผู้เอาอาหารเครื่องดื่มมานั่งกินแล้วจะได้ไม่มักง่ายทิ้งเศษอะไรเกลื่อนรอบโต๊ะ ให้ทิ้งเป็นที่เป็นทาง หากต้องการนั่งเฉยๆ ชมทิวทัศน์ก็ต้องพื้นทรายชายหาดโน่นเลย กรณีอยากนั่งวาดรูปเล่นสีก็ต้องอดทน อดกลั้นและเผื่อมือไว้ไล่แมลงวันอีกด้วย
สรุปว่าเช้ามืดนี้ได้ภาพสีน้ำแบบง่วงๆ ไป ๒ ภาพ
ออกเดินทางราว ๘ โมงเช้า อาหารเช้า กลางวัน ก็แวะกินที่สะดวก(คือต้องหิวมาก) ไม่เป็นเวลา (แต่เวลาหิวมีอะไรก็กิน) ที่พักผ่อนทำธุระส่วนตัว บ้างแวะสูบบุหรี่ บ้างเติมน้ำมันนั้น เจ้าประจำคือปั๊ม ปตท. ที่ดูจะครบวงจรที่สุด มีศูนย์อาหาร ห้องน้ำสะอาด(บ้างไม่สะอาดบ้าง-ก็คนใช้กันเยอะนิ) มีร้านกาแฟ มี 7-11 ที่จำหน่ายโปสการ์ด มีแผงหนังสือให้ชะเง้อ
ล่องผ่านจังหวัดชุมพร ฝนตกระหว่างทาง ชอบมาก สองข้างทางต้นไม้เยอะ อากาศเย็น ผ่านสุราษฎร์ธานี เข้าพังงา ราว ๕ โมงเย็นถึง อ.ถลาง ภูเก็ต แวะเข้าบ้านเพื่อนของเพื่อนพี่ เก็บข้าวของสัมภาระ อาบน้ำดูแลร่างกายเสร็จแล้วออกไปหาดป่าตอง...ซึ่งก็มืดแล้ว ชายหายมองจากถนนไม่เห็น แต่สองข้างทาง ร้านรวง ผับบาร์ เปิดไปวิบวับสว่างโร่ นึกภาพความเงียบเหงาของที่นี่ไม่ออก คราวที่ซึนามิเกิด พี่เขาบอกแถบนี้พังระนาว หลังเหตุการณ์สินค้าแบรนด์เนมที่มีตกค้างถูกนำมาในขายราคาแสนถูก ซื้อกันไม่หวาดไม่ไหว
แวะห้าง จังซีลอน ที่มีคาร์ฟู โรบินสัน อยู่ในละแวกเดียวกัน เหลือบไปชั้นบนเห็นร้านหนังสือพอดี ได้มาอีก ๓ เล่ม รวมที่ถือติดมือไปด้วยเป็น ๗ ... ตอนเดินดูรอบๆ รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงหนัง เพราะชาวต่างชาติคนหนึ่งแกไปหลบมุมยืนคุยโทรศัพท์ น่าจะภาษาอิตาลี ธุระแกคงยุ่งคุยไม่หยุดเลย เสียงก็ใช่ว่าจะดังแต่คงเพราะในร้านมันเงียบ
แสงสีเริ่มไม่อยากมองเพราะท้องหิว ออกจากห้างแวะกินอาหารซีฟู๊ดละแวกนั้น บรรยากาศเงียบเหงา พนักงานแต่ละร้านร้องเรียกแขก เชิญชวนให้จอดรถได้ที่นี่ ที่นี่ ทีแรกยังสงสัยว่าจอดที่ไหนก็ได้จะกินร้านไหนก็ได้..หรือเปล่า พอสอบถามแล้วจึงจำสรุปว่าจอดหน้าร้านไหนต้องกินร้านนั้น! เพราะฉะนั้นก็ต้องมองส่องดูว่าภายในร้านไหนน่านั่ง ดูสะอาดน่าไว้ใจแล้วค่อยจอด
กลับถึงบ้านพัก นอนหลับสบาย ตื่นเช้าเตรียมตัวไปเกาะพีพี

เช้าๆ วันที่ ๗ พ.ค. ๕๒ มีรถตู้จากบริษัททัวร์มารับถึงหน้าบ้าน นึกว่าตัวเองกำลังดูหนังเรื่อง Fast & Furious เพราะพี่คนขับรถนี่ วินซ์ ดีเซล ยังไงยังนั้น จะต่างก็ตรงสำเนียงการพูดเท่านั้นล่ะ แกขับไปส่งที่ท่าเรือรัษฎา ลงเรือมุ่งหน้าไปเกาะพีพี แวะจอดอ่าวไทร แล้วถอนสมอพาไปดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นที่....เขาเรียกอะไรไม่รู้ ลืมถาม แต่ละแวกนั้นแหละ น้ำเขียวใสกิ๊ง สวมชูชีพ เซ็นต์ชื่อรับสน็อคเกิ้ล (ควรรักษายิ่งชีพ เพราะหายหรือจมงมไม่ได้นี่ จ่าย 1,500-บาทถ้วน! เขาขู่มา)
ลงน้ำที่ท้ายเรือแบบหวาดๆ เพราะว่ายน้ำไม่เป็น มีเสื้อชูชีพก็จริงแต่จะจัดระเบียบร่างกายตัวเองอิท่าไหนไม่ทราบ สวมสน็อคเกิ้ล หายใจทางปากอีก เวลานี้มันก็ตื่นเต้นกันได้อ่ะนะ จะเอาอะไรกับคนอิสานบ้านเฮาซึ่งห่างไกลแม่น้ำและทะเล
สรุปว่าก็ก้มๆ เงยๆ ดำผุดดำโผล่แถวๆ ท้ายเรือ เห็นปลาบ้างสี่ห้าตัวใต้น้ำ ปะการังก็เห็นรางๆ หายใจก็ไม่สะดวก ในใจพลางคิดว่าแบบนี้ประมาณนี้ก็เคยเห็นแล้วที่ สิมิลัน .... ขึ้นเรือดีกว่า หุหุ
ได้เวลาตามที่เขานัดให้ขึ้นจากน้ำแล้วเรือก็พาไปทอดสมออยู่ห่างๆ จากชายฝั่งหาดยาว พระเจ้า! ... น้ำเขียวใสกิ๊งกว่าเมื่อกี๊อีก จะใสไปถึงไหนกัน ฮื้อออ
แล้วเรือเล็กก็มารับผู้โดยสารไปส่งที่หาดยาว แวะกินข้าวกลางวันแบบบุฟเฟต์
ชาวต่างชาติที่อาบแดดรอท่าอยู่แล้วก็พอมี ที่นั่งกินลมอยู่ก็มี
ให้ตายเถอะ อยากอยู่ที่นี่นานๆ จริงๆ สวยมากๆ สวยมากๆ



บนเรือไปพีพี เจอะหนุ่มน้อยหน้ามนมาจากบังคลาเทศ ชื่อ อะดิ๊บ (ADEEB - ให้เขาเขียนสะกดชื่อตัวเองให้ดู) แรกๆ ก็ทักทายธรรมดาพูดกันเฉพาะคำง่ายๆ ขอถ่ายรูปด้วยก็ไม่เขินอาย แกเดินเล่นรอบเรือได้อย่างปกติ ผิดกับป้าอย่างเรา จะเดินกราบเรือยังต้องจับราวและย่องไปทีละก้าว มองพ้นตัวเรือเห็นน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม ลึกแบบยากแท้หยั่งถึง ตกลงไปมีหวัง ... ตอนอยู่บนหาดยาว น้องอะดิ๊บเดินมาคุยด้วย พูดใหญ่เลย เราก็ได้แต่อื่อฮื้อ อ่าฮ๊า เยสๆ ไปเรื่อย พอให้น้องเขารู้ว่าเราฟังอยู่ คราวจะกลับไปขึ้นเรือเล็ก พ่อเขาถามเราว่าฟังอะดิ๊บเข้าใจด้วยหรือ? เราบอกปล่าวค่ะ ..^_^ พ่อน้องเลยบอกว่าแกกำลังเรียนเนิซเซอรี่ ยังไม่มีเรียนภาษาอังกฤษ แต่ชั้นสูงขึ้นไปก็จะมีเรียน


กลับถึงบ้านก็ค่ำ คุณตา คุณยาย เจ้าของบ้านเตรียมหมึก กุ้ง ปู ไว้รอทำกินกันสดๆ ย่างหมึก ย่างกุ้ง หงสาวดีอ่ะ..ไม่ใช่... นึ่งปู น้ำจิ้มซีฟู๊ด แซ่บบบหลาย กินอิ่มนอนหลับตามเคย
เช้าๆ วันที่ ๘ พ.ค. ๕๒ ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า เพราะพี่เจ้าของบ้านวางแผนไว้ว่าวันนี้จะพาทัวร์รอบเกาะ ที่แรกที่ไปคือ หาดรายัน ซึ่งเขาบอกว่าวันนี้ทะเลไม่สวย เมื่อวานลมแรง มีฝน น้ำเลยไม่ใสและคลื่นแรง เลยแวะไป หาดในหาน ต่อ เวลาที่แวะหาดนี้นั้นเป็นกลางวันแดดแรง คนมาเที่ยวส่วนใหญ่หลบอยู่ตามใต้ต้นไม้ ปูเสื่อกินอาหาร ดูแล้วเป็นคนพื้นที่เสียเยอะ ยกเว้นอีกด้านหนึ่งของหาดที่มีเปลผ้าใบวางห่างมีระยะ ร่มกางกันแดด บ้างปูผ้าขนหนูนอนคว่ำผึ่งแดด ตัวแดง ทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ
คลื่นลมแรงจริง คลื่นสูงด้วย ลงลุยน้ำราว ๒๐ นาทีมองเห็นเมฆครึ้มอยู่ไกลๆ ไม่นานฝนก็ไล่ พ่อ-แม่ร้องเรียกเด็กๆ รีบขึ้นจากน้ำ หนุ่มสาวจับมือกันวิ่งขึ้นฝั่ง ชาวต่างชาติ ๒ คนยังเซิร์ฟอยู่ในน้ำ
ผ่านไปหาดราไวย์ เรือเกยตื้น หินและโขดหินโผล่ยุบยั่บเต็มไปหมด พี่เขาบอกว่าได้ชื่อนี้เพราะน้ำขึ้นและลงเร็ว



แล้วไปต่อกันที่ แหลมพรมเทพ ฝนพรำ ฟ้าปิด แต่ก็ชอบบรรยากาศแบบนี้ ซึมๆ ดี นักท่องเที่ยวที่เห็นส่วนใหญ่เป็นคนไทย มากันเป็นหมู่คณะ จะหามุมสงบ (ถ่ายภาพไม่ให้ติดคนอื่น ) ก็ยากยิ่ง โดยเฉพาะมองลงไปตรงแหลมด้านล่างจะเห็นผู้คนยืนแอ็คท่า แอ็คชั่นถ่ายรูปกันหนุกหนาน ฝนพรำไม่ใช่ปัญหา
ภาพที่ได้มาเลยออกหม่นๆ หน่อย แต่ชอบบบ...จับใจ
แล้วเดินทางต่อไปที่จุดชมวิวกะรน ซึ่งด้านบนเขาเขาทำศาลาไว้มองลงมาจะเห็น 3 อ่าว คือ หาดกะตะน้อย อ่าวกะตะ หาดกะรน



เช้าวันที่ ๙ พ.ค. ๕๒ ออกเดินทางจากภูเก็ตไปกระบี่ เนื่องจากนัดเรือที่จะพาไปทะเลแหวกบ่ายสองโมง การเดินทางเลยไม่เร่งรีบ ถึงกระบี่เข้าที่พักที่ ไพรเวทรีสอร์ท อยู่ในเขตตำบลอ่าวนาง อ.เมือง ทางเข้าแยกตัวจากถนนสายหลัก ทางลาดยางใหม่เอี่ยม และแยกก่อนจะมาถึงบ้านพักก็...ยังเป็นป่าและสุมทุมพุ่มไม้แบบธรรมชาติอยู่เลย (รกนิดนึง) บ้านพักจองเป็นห้องพัดลม สะอาด เรียบร้อย สำรวจแล้วมีปลั๊กไฟ 3 จุด 55 (สำคัญจริงๆ สำหรับมนุษย์ไฟฟ้าอย่างเรา)
เก็บข้าวของเตรียมเสื้อผ้านาๆ อีกหลายสิ่ง และขับรถออกไปรอเรือที่ท่าหาดนพรัตน์ธารา ฝนยังมีพรำเล็กน้อย สักครู่เราก็เจอพี่ไกด์ของเราชื่อ ซันนี่ เมื่อเห็นหน้าค่าตากันแล้วก็แอบเดาว่าคงเพราะตัวแกโดนแดดประจำ นาน บ่อย โดนครบทุกด้านเลยได้ชื่อนี้ (ฮา..) แล้วแกก็แนะนำตัวบอกสถานที่ที่จะไปแล้วก็พาไปขึ้นเรือ เป็นเรือสปีดโบ๊ท ความเร็วขณะวิ่ง 38 น็อต ซึ่งถือว่าเร็ว เร็วมาก อันนี้ถามพี่คนขับมา (ความเร็ว 1 knots เท่ากับ 1 ไมล์(ทะเล) / ชม. และ 1 ไมล์ทะเล เท่ากับ 1.8 กม. : บวกลบคูณหารกันตามใจค่ะ ^^)
จุดแรกเรือจอดที่หาดพระนาง แวะชมถ้าพระนาง น้ำที่นี่เขียวมาก น้ำเยอะ คลื่นแรง สวย
จุดที่สองเรือจอดที่เกาะสี่ จอดดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นอีกครั้ง เราเองก็...ลงน้ำอีกครั้ง ไหนๆ ก็มาแล้ว ทริปนี้เรื่องสน็อคเกิ้ลพี่ไกด์แนะนำว่าถ้าหล่นจมน้ำเมื่อไรให้รีบแจ้งจะได้หาเจอทันท่วงที
ปะการังก็ยังเห็นรางๆ ปลาตัวลายๆ ก็วิ่งวนมาอวดสีสันผ่านแว่นตาอยู่บ้าง และแถบนี้หอยเม่นชุกนัก พี่ชายโดนไป 1 หนาม พี่ไกด์แนะให้ใช้ขวดน้ำเต็ม(ที่หาได้บนเรือ) ทุบกระแทกไปเรื่อยๆ บริเวณปากแผล หนามหอยเม่นเป็นหินปูน พอแตกละเอียดก็จะย่อยไปเอง ส่วนพี่อีกคนนึงที่ไปด้วยกัน โดนเต็มๆ ทั้งอุ้งเท้า ทุบก็แล้วแต่ก็ยังปวด เดินกระเผลกตลอดทาง
ขึ้นจากน้ำแล้วเรือขับผ่านเกาะไก่ อีกหลายคนยืนชะเง้อมอง ถ่ายรูป ส่วนเรานั้นได้เวลานั่งอยู่เฉยๆ ห้ามหันหน้าหันหลัง มองทะเลไปไกลๆ ยื่นหน้ารับลม เพราะอาการเมาเรือเมาคลื่นเริ่มถามหา แต่พอถึงฝั่งลงเกาะ ดูทะเลแหวก อาการก็ค่อยดีขึ้นได้สูดอากาศเยอะๆ ฟ้าโล่งๆ .... ที่นี่สงบมากเลย
ทะเลแหวก เสียแค่ว่ามาในช่วงเวลาน้ำลด น้ำลง ส่วนที่ทำให้ทะเลแหวกคือเนินทรายนั้นเราจึงเห็นมันกว้างกว่าปกติ เคยดูภาพจากเนตตอนเป็นทะเลแหวกมีน้ำหน่อยๆตรงเนินทราย เห็นคลื่นซัดเข้ามาทั้งสองฝั่งสวยงาม แต่เราไม่เห็นแบบนั้น หุหุ อย่างไรก็ยังสวย น้ำทะเลสีฟ้าใส สีฟ้า และสีน้ำเงินเข้ม ไล่เรียงตามความลึก สวยมากๆ




อ่าน :: คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล : จากอุบลฯ ถึงภูเก็ต ภาคจบ
Create Date : 13 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 21 พฤษภาคม 2552 10:25:57 น. |
|
19 comments
|
Counter : 3700 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: grant IP: 61.90.29.29 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:34:30 น. |
|
|
|
โดย: นู๋บีม IP: 58.137.175.129 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:04:26 น. |
|
|
|
โดย: BdMd IP: 58.137.81.98 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:09:58 น. |
|
|
|
โดย: McMurphy IP: 118.173.70.208 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:58:10 น. |
|
|
|
โดย: เอกเช้า IP: 124.122.80.18 วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:34:34 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.114.242 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:4:04:34 น. |
|
|
|
โดย: Ghoeby วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:37:45 น. |
|
|
|
โดย: Seam - C IP: 58.9.197.154 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:02:48 น. |
|
|
|
โดย: Ghoeby วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:25:57 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:21:42 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:43:46 น. |
|
|
|
โดย: Jiji&Kaka วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:45:29 น. |
|
|
|
โดย: Ghoeby วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:19:44 น. |
|
|
|
โดย: navagan วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:32:38 น. |
|
|
|
โดย: Ghoeby วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:15:46 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|