เช้าวันหนึ่งวันที่รู้ว่ามีวันหยุดรวบหัวรวบหางรวมได้ (แค่) 3 วัน จึงเกิดอยากจะละเว้นการเข้าโรงหนัง งดการนอนอยู่กะบ้านดูหนังแผ่น และอดดูลิเวอร์พูลนัดเปิดฤดูกาลคืนวันเสาร์ที่ 11สิงหา์ (ช่างเป็นการ " แลก " ที่ออกจะหม่นหมองในอารมณ์อยู่พอสมควร) แล้วออกไปสอดส่อง สูดอากาศที่อื่น ที่ไกล ไกล ,ไกลไกลบ้าง แรกเดิมทีเดียวอยากจะไปทะเล แม้จะเป็นช่วงฝนฟ้าคะนอง ก็คงสวยไปอีกแบบ แต่น่าจะอันตรายเกินไปสำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็น T_ T เพราะฉนั้นก็เลยเลือกขึ้นเขาน่าจะโอเคกว่า อย่างน้อยก็แค่ระมัดระวังไม่ให้ตกเหวเป็นพอ หะ หะปาย ... เป็นคำแนะนำจากเพื่อนเชียงใหม่ ว่าเมื่อเดินทางมาถึงอาเขต(สถานีขนส่ง เมืองเชียงใหม่) แล้วก็จงเตลิดไป ปาย:แม่ฮ่องสอน เถิด ด้วยรถตู้กับระยะเวลาราว 3 ชั่วโมงจากเชียงใหม่ี่ แล้วมันจะนำแกไปพบกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกหลายร้อย ที่กำลังเที่ยวกำลังดื่มกินธรรมชาติอยู่ที่นั่น และบรรยากาศของชาวบ้านที่แสนจะสงบสุขเกินบรรยาย อากาศเย็นสบายไม่อบอ้าวเหมือนเมืองกรุงเช้าวันเสาร์ที่ 11 ก็พบว่าตัวเองนั่งอยู่ในรถตู้สีส้ม-ขาว (สีสวยถูกใจผู้โดยสารบางคนมาก) ที่กำลังวิ่งตามทางโค้ง โค้ง โค้ง โค้งลัดเลาะเลียบเขาไปเรื่อย ราวกับไม่มีวันจบสิ้น เพราะเมื่อพ้นจากโค้งนี้ ก็มีโค้งหน้ามารอท่า และโค้งหน้า โค้งอีก โค้งอีก อีกโค้ง ... (มารู้ทีหลังว่าเมื่อถึงปายแล้ว รวมทั้งหมดมี 762 โค้ง) แต่มันก็สนุกดีนะ และยังยินดีถ้าหากมันเลือกที่จะวิ่งไปเรื่อยๆอย่างนี้ทั้งวัน เพราะ่ได้มองเห็นภูเขาหลายลูกซ้อนๆที่อยู่ลิบลับตรงโน้น เมฆหมอกลอยละล่อง ต้นไม้ในป่าโปร่งจากสองข้างทาง เปิดหน้าต่างรับอากาศเย็นที่แท้จริงก็เพลินดี เพราะชีวิตวันนี้ไม่มีอะไรให้รีบเร่งจากความทรมานของการนั่งรถทัวร์คืนเดินทางไปเชียงใหม่ที่เปิดแอร์เย็นโคด ที่นั่งระหว่างแถวที่แคบโคด จอดตอนเที่ยงคืนแวะกินข้าวอีก (คนจะหลับจะนอน ทำไมต้องปลุกมากินข้าวด้วยฟะ..ไม่เข้าใจ) เลยทำให้นอนไม่หลับกระสับกระส่ายทั้งคืน พอถึงห้องพักที่ปาย เลยหลับยาวไปหลายชั่วโมง ตื่นอีกทีก็บ่ายสอง! บ่ายสองโมง..จึงเป็นเวลาเริ่มสำรวจโลกของเรากับอุปกรณ์ที่พกมาอย่างเดียวคือ " ใจ "และด้วยการที่มาแต่ใจ อ้อ..มีอีกอย่างที่ติดมาด้วยคือรายชื่อและรายละเอียดของสถานที่สำคัญๆของปาย บนกระดาษ A4 2 ใบแบบย่อๆ ที่แนะไว้ว่านักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด ..มีแค่นั้น ก็เลยทำให้การออกสำรวจของเราเป็นไปแบบไม่มีแบบแผน ไม่มีจุดหมาย ไม่เน้นอะไรเป็นพิเศษ เลยเดินไปเรื่อย เลี้ยวแยกนั้น ทะลุออกแยกนี้ซอยนั้น แวะร้านโน้นร้านนี้ จนรู้สึกว่าเจอร้านเดิมอีกแล้ว โปรแกรมทัวร์รอบกลางวันของวันนี้จึงต้องจบแค่นี้ รวมแล้วใช้เวลาเดินราว 2 ชั่วโมง (เฉพาะร้านรวงที่กระจุกตัวรอรับนักท่องเที่ยวอ่ะนะ)... ในระหว่างที่เดิน ร้านรวงริม 2 ข้างทางก็มีทั้งบริการ พาล่องแก่ง ขี่ช้าง ตั้งแคมป์ ร้านอินเตอร์เนต ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร(นานาชาติ) กิน-ดื่ม/ ผับ-บาร์ (น่าจะเป็น 70% ของร้านทั้งหมดที่เปิดที่นี่) ร้านขายโปสการ์ด ร้านให้เช่าหนังสือ ร้านดูหนังแบบส่วนตัวที่โฆษณาว่ามีหนังให้เลือกดูตั้ง 500 กว่าเรื่องแน่ะ..อยากจะเข้าไปพิสูจน์แต่ก็เกรงว่าถ้าเข้าไปแล้วจะหลงระเริงและออกมายาก ไหนๆก็ตัดใจหนีโรงหนังมาอยู่บนเขาอยู่บนดอยแล้ว ก็เลี่ยงซะดีกว่า 55ที่เล็งไว้เป็นพิเศษคือร้านให้เช่ามอเตอร์ไซค์และจักรยานไว้ขับไว้ปั่นชมเมือง จะมีเส้นทางสำหรับปั่นสำหรับขับขี่ไปแวะชมวิว วัดวา น้ำตก เป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งก็น่าสนใจ สนนราคาการเช่าสำหรับรถทั้ง 2 ชนิด ดังนี้จักรยานแม่บ้าน ก็ 30 บาท (อันนี้พี่เจ้าของร้านเรียกซะน่ารัก นึกภาพออกทันทีเลย 55 )จักรยานเสือภูเขาก็มีทั้งแบบ 50 บาท และ 80 บาทส่วนมอเตอร์ไซค์็ 100 cc. ก็ 80 บาท 120~125 cc. ก็ 100 บาททุกโปรโมชั่น เช่าเวลาไหน ก็ส่งคืนเวลานั้นในวันรุ่งขึ้นก็เลยวางแผนไว้ว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะไปเช่าแล้วก็ออกตระเวณตามที่ต่างๆที่เค๊าแนะนำตกค่ำ..นึกว่าตัวเองจะพอมีหวังได้ดู ลิเวอร์พูล แต่ปรากฏว่าที่ห้องพักไม่มี ทรูวิชั่นส์ !! ฝ้นสลาย แต่ก็ไม่ซะทีเดียวเพราะเค๊าแนะนำร้านที่มีถ่ายทอดฟุตบอลให้เรา พอช่วงทุ่มสองทุ่มออกไปด้อมๆมองๆ เห็นกำลังถ่ายทอดคู่สเปอร์ แต่เมื่อกวาดตามองทั่วร้าน ปรากฏว่าทั้งร้านเต็มทุกโต๊ะ แถมเป็นพี่ๆต่างชาติซะเกือบทั้งนั้น ... เฮ้อ...ก็เลยกลับไปทำใจ ดูช่องปายเคเบิลต่อก็ได้ ยังดี๊ ที่เค๊าเอา infernal affairs มาฉาย ได้เห็นหน้าเฮียเหลียง ก็พอจะทดแทนหนุ่มๆเสื้อแดงกันได้ เอ้ย..ไปเยือนต้องเสื้อขาวสิเช้าวันรุ่งขึ้นออกไปสำรวจโลกปายยามเช้า ซึ่งก็ยังไม่หกโมงเช้าดี ถนนทั้งสาย เงียบสนิท ร้านที่เมื่อคืนคราคร่ำไปด้วยนักดื่ม ตอนนี้ก็สงบ นิ่ง โต๊ะเก้าอี้ถูกเก็บเรียงไว้ชิดประตูร้านอย่างเป็นระเบียบ แต่จะมีรถเข็น ร้านโจ๊ก ร้านขายชา กาแฟ โรตี ข้าวแกง มาเปิดรอลูกค้าที่ตื่นเช้า ไม่ก้อ ที่ยังไม่นอน 55 และมีร้านขายชุดใส่บาตร .. เช้านี้ได้ใส่บาตรด้วยนะ จะว่าไป ก็นานโขแล้วที่ไม่มีโอกาสได้ใส่บาตรนึกถึงว่าวันนี้วางแผนจะปั่นจักรยานไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งเห็นป้ายตอนขานั่งรถตู้เข้าปาย แต่ดูท่าแล้วคงจะปั่นขึ้นเขาไม่ไหวแน่ หนึ่งไม่มีกำลังขาที่แข็งแกร่งขนาดนั้น สอง กลัวรถสวนมาแล้วเราจะเสียหลัก ตกเหวและไม่มีใครรู้ว่าใครหายไปไหนอะไรยังไง สามคือ ไกลโคด แม้จะคิดไปว่าเป็นขับมอเตอร์ไซค์ยังไงก็ม่ายหวายจริงๆ เลยโทรไปตามเพื่อนที่เชียงใหม่มาเป็นเพื่อนร่วมทาง...อย่างน้อยช่วยตัดสินใจช่วยคิดช่วยยั้งก็ยังดี ก็...ไม่ผิดหวังจริงๆ เที่ยงครึ่งเธอก็ปรากฏร่างที่คิวรถตู้ที่ปาย ยังขำตัวเองไม่หายที่ทีแรกห้าวหาญจะปั่นจักรยานไปเที่ยวน้ำตก ซึ่งดูจากแผนที่แล้วน่าจะห่างจากชุมชนนักท่องเที่ยวนี้ราว 7 กิโลเมตร แต่สุดท้ายก็ตกลงใจเช่ามอเตอร์ไซค์แทน ซึ่งบ่ายนั้นฝนก็พรำตลอดทาง และมีเนินขึ้นๆลงๆกันตลอด บิดคันเร่งจนมือชา 55 นี่ถ้าเป็นจักรยาน คงแวะนั่งเล่นหมากฮอสกับพี่พี่ชาวบ้านไปแล้ว..คงไปไม่ถึงหรอกน้ำตก และน้ำตกที่เราไปนี้คือ น้ำตกหมอแปง ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดกลาง อยู่ในบริเวณ หมู่บ้านหมอแปง ทางทิศเหนือของตัวอำเภอ ใช้เส้นทางสายปาย- แม่ฮ่องสอน ระหว่างทาง มีนักท่องเที่ยวต่างชาติขับมอเตอร์ไซค์แซงผ่านเราไป 5-6 คัน ฟิ้ว ฟิ้ว เฟี้ยว...บางคนสวมเสื้อกล้าม บางคนไม่สวมเสื้อ ขับฝ่าสายฝนพรำๆไปอย่างไม่ยี่หระ แต่พอก้มลงมองดูตัวเอง คนนึงเสื้อกันฝน คนนึงเสื้อกันหนาว แถมยังจอดลังเลดูเส้นทางอีกต่างหาก และก็ไม่วาย ขับหลงเข้าไปใน ชุมชนคนจีน (Chainese Village) ซะงั้น ตอนหลงเข้าไป ยังหวังว่าตัวเองจะขับพ้นหมู่บ้านคนจีนแล้วไปเจอทางออกที่เป็นป่าและพาเราไปยังน้ำตก ที่ไหนได้ ยิ่งขับไปก็ยิ่งลึก และไม่มีทีท่าว่าจะเห็นป่าอะไรเลย ริมทางทั้งสองฝั่งยังมีหน้าตาเป็นซุ้ม มีศาลเจ้า มีป้ายตัวอักษรสีทองบนพื้นแดง เป็นทางเข้าบ้านเป็นตรอกซอกซอย เหมือนบ้านคนจีนที่เราเห็นในหนัง อย่ากระนั้นเลย เลี้ยวกลับดีกว่าเรา 555สุดท้าย เมื่อขับไปจนสุดทางถนนคอนกรีต ต่อด้วยถนนดินอีก 4-5 เมตร เราก็เจอน้ำตกหมอแปง (เสียที) และไปเจอกับกลุ่มชาวต่างชาติที่ขับแซงเรา กำลังเล่นน้ำตกกันอย่างสบายใจ เล่นสไลเดอร์กันอย่างสนุกสนาน สาวนางหนึ่งสวมบิกินี่เล่นน้ำตก เสียดายที่เขาเหล่านั้นอยู่สูงขึ้นไป 2-3 ชั้น เลยเห็นไม่ชัด อ่า หมายถึงเห็นสีเสื้อเธอไม่ชัดน่ะว่าสีอะไร อิอิ ฝ่ายเราก็แค่เดินชม ปีนป่ายนิดหน่อย ชะโงกดูนั่นดูนี่อยู่ครู่นึง หมุนรอบตัวเอง 360 องศา แล้วก็เดินกลับขึ้นไป ตอนนี้ฝนก็ยังพรำอยู่ไม่ขาดสายถ้ามองตามแผนที่ของอำเภอปาย ชุมชนนักท่องเที่ยว(อันนี้เรียกเอง) อยู่ตรงกลาง น้ำตกหมอแปงที่เราพึ่งไปมา จะอยู่ซ้ายสุดเฉียงเหนือของแผนที่ แล้วคราวนี้เราก็จะขับย้อนลงมาตรงกลางและขับเลยเตลิดไปทางขวาสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดพระธาตุแม่เย็น อยู่ที่หมู่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เราก็เลยต้องบิดคันเร่งและควบคุมไม่ให้รถไหลกันสุดกำลัง พอขึ้นไปถึงข้างบนเห็นผู้คนล้นหลามรถยนต์รถมอเตอร์ไซค์จอดกันเพียบ สอบถามแล้วจึงได้ความว่าพอดีมีผู้มีจิตรศรัทรามาถวายองค์พระพุทธรูป ทำบุญเลี้ยงพระ ...ว่าแล้วคุณยายก็ชวนกินหนมเส้น (ขนมจีน+แกงเขียวหวานไก่) แต่เราก็ปฏิเสธและขอบคุณคุณยายไปเพราะเรายังอิ่มกันอยู่ ไหว้พระเสร็จแล้ว บริเวณลานด้านนอกจะมีจุดชมวิว ซึ่งมองลงมาจะเห็นทั้งตัวเมืองอำเภอปาย เป็นภูมิทัศน์ที่งามงดจริงๆ มองไปไกลๆ ก็จะเห็นภูเขาหลายๆลูกเรียงซ้อนกัน ไกลออกไปก็เห็นเพียงเป็นเงารางๆ อากาศเย็นสบาย ฝนพรำนิดหน่อยแต่ชื่นใจ ปาย :: เราไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้บ้านเรือนที่นี่เขาเป็นอย่างไร ได้ยินได้อ่านหลายคนพูดถึงปายว่าเปลี่ยนแปลงไป ไม่น่ารักไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน บ้างก็เทียบว่าจะเป็นเหมือนพัทยา เหมือนถนนข้าวสารเข้าไปทุกที เพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้านกิน/ดื่ม บ้านเรือนบ้างก็รื้อทำใหม่ให้ทันสมัย ถนนสายรอบนอกก็มีอีกหลายโครงการบ้านพัก เกสต์เฮ้าส์ที่กำลังก่อสร้าง สำหรับเรา มีเสียดายบ้างที่บางบ้านบางร้านไม่ได้คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นบ้านตามท้องถิ่น เพราะถ้าหากยังคงแบบเดิมไว้ได้ ก็จะมีเสน่ห์ดึงดูดใจประทับใจผู้มาเยื่ยมเยือนได้ดีกว่า แต่อย่างว่า บางทีก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับเทคโนโลยี เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว ไม่อยากให้ขาดเหลืออะไร แต่กับคนท้องถิ่นจริงๆ ที่บ้านอยู่นอกชุมชนนักท่องเที่ยวออกไป บ้านเรือนก็ยังน่าอยู่ ผู้คนยิ้มแย้ม และอยู่กันตามอัตภาพ สภาพอากาศที่เย็นสบายน่าจะมีส่วนช่วยให้จิตใจแจ่มใสสรุปว่าที่มาค้างที่ปาย 2 คืนนี้นั้น เป็นเพียงแค่มาดูลาดเลา เผื่อทริปหน้าหรือโอกาสหน้าจะได้เตรียมตัวมาได้ถูก Create Date : 14 สิงหาคม 2550 Last Update : 15 สิงหาคม 2550 9:17:40 น. 27 comments Counter : 1567 Pageviews. ShareTweet
DeUsynlige (2008) Erik Poppe : : หนึ่งเป็นผู้ทำลาย หนึ่งเป็นฝ่ายสูญเสีย เวลาผ่านต่างฝ่ายต่างเริ่มชีวิตใหม่แต่ที่สุดแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากัน ~ ถึงพล็อตจะสามัญแบบนี้แต่หนังวางสถานการณ์ที่แสดงและเหตุการณ์ที่ซ่อนอยู่ได้หมาะกันดีมาก การถ่ายโอนตัวละครจุดศูนย์กลางของเรื่องจากคนหนึ่งไปคนหนึ่งก็ไหลลื่น เรื่องราวที่บรรจุความกดดันต่อสู้กับตัวเองของตัวละครก็เข้มข้น และ "โอกาส" เป็นสิ่งที่หนังขอให้เราเห็นเป็นสำคัญเพราะที่สุดแล้วเราจะเห็นว่าฝ่ายที่เคยสูญเสียกลับด้านมาเป็นผู้ทำลายบ้าง ทั้งหมดเป็นความละเอียดในอารมณ์ของผกก.ที่ทำออกมาได้น่าชื่นชมจริงๆ
Adventureland (2009) Greg Mottola : : เด็กหนุ่มพรหมจรรย์และเด็กสาวเมียเก็บนายช่างของสวนสนุกเกิดลังเลในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน ครั้นจะจูนกันติดกลับมีเรื่องให้เข้าใจผิดกันซะงั้น ~ ปั๊ปปี้เลิฟสนุกๆ ประสาวัยรุ่นวัยเรียน ฉากหลังเป็นยุค 80 ที่มีกัญชาเป็นสื่อกลางสร้างความสัมพันธ์ เพลงดิสโก้ ฟังก์ พั้งค์ จากยุคนั้นก็อัดกันขนกันมาเพียบ เพลิน และมองว่า คริสเตน สจ๊วต นั้นดูทื่อมะลื่อไงไม่รู้
Mutum (2007) Sandra Kogut : : เด็กชายคนหนึ่งแถบบ้านนาของบราซิล ต้องเผชิญกับความดุดันของพ่อ สนิทกับอาแต่เหมือนเขาจะมาจีบแม่ ถูกเพื่อนวัยเดียวกันเหน็บแนมและที่สำคัญคือสูญเสียเพื่อนรักที่สุดในชีวิต ~ อะไรจะแกร่งเกินนี้ไม่มีอีกแล้ว เจ้าหนูไม่ได้อยู่ในร่างของคนมองโลกในแง่ดี หากแต่ให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยความเข้าใจและมองถึงสิ่งที่ตนต้องทำ ... ชอบเรื่องที่แทรกอยู่เล็กๆ อย่างความผิดปกติทางสายตา (สายตาสั้น) เมื่อมันเกิดขึ้นกับคนในชนบทซึ่งไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร จะเห็นความแตกต่างก็ต่อเมื่อได้ลองสวมแว่นตาเท่านั้น
Dalkomhan insaeng (2005) Ji-woon Kim : : มือขวาของเจ้าพ่อฝีมือสุดเนี้ยบทำการใดไม่เคยล้มเหลว ตีรันฟันแทงเตะต่อยขอให้บอก แต่จะมาตายเอาก็เพราะริอาจมีใจให้ เด็ก ของเจ้าพ่อ ~ หนังแก็งส์เตอร์ของพี่ๆ เกาหลีเขาต้องบอกว่าออกแบบท่าทางกันมาดี ดูแล้วเพลิน นึกถึง Transpotter ที่ เจสัน สเตแธม ในชุดสูทหรูระยับแต่ยกแข้งขาถีบยันได้ดีเอาเรื่อง ทรยศหักหลังยังเป็นชนวนหลักที่สร้างสีสันให้กับหนังแนวนี้ สนุกดีแม้จะชวนสับสนนิดหน่อยว่าใครอยู่ฝ่ายไหนลูกน้องใคร (ก็หน้าตาเขาคล้ายกันน่ะ)
Noise (2007) Matthew Saville : : หนังมีส่วนผสมของความเป็นหนังเขย่าขวัญอยู่เพียงส่วนหนึ่งทั้งๆ ที่มีเหตุสะเทือนขวัญรุนแรง แต่... อ่านต่อ ที่นี่
เราซิติดแหง๊กอยู่กรุงเตบซะหนิ