ดูหนังมากมาย ใน เทศกาลหนัง BKKIFF 2007
+ จบลงไปแล้วสำหรับ BkkIFF 2007 กับการสลายตัวของคนเสื้อชมพู สรุปซักนิดว่า สำหรับการจัดการและการจัดงานซึ่งครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 5 แล้ว ก็ถือว่าเป็นไปในลำดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สถานที่ก็ใจกลางเมืองดี การจองตั๋วก็โอเค รอบฉายก็ไม่ซ้อนทับกัน ยังมีช่องว่างให้ไปหาอะไรรองท้องสำหรับวันที่ดูหลายๆเรื่อง สถานที่ฉายมีโรงหนังหลายโรงไว้รองรับหนังมากมาย เลยไม่ต้องวิ่งรอกคนละตึกคนละอาคารเหมือนสมัยก่อน 4-5 วันแรก ช่วงเวลาก่อนหนังฉาย จะมีการอัดโฆษณามาเยอะ นั่นนู่นนี่เหมือน ad ทีวีที่บ้าน และหนังตัวอย่างอีกหลายเรื่อง ศิริรวมแล้วร่วม 20 นาทีก่อนหนังจะฉายจริง แต่คงถูกบ่นไปหลาย...3-4 วันสุดท้ายเลยเหลือแค่ราว 10 นาที ปรับปรุงปรับตัวให้ดีขึ้นแบบนี้ มันก็ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย ปัญหาหนังขาด เพราะพนักงานละเลยหน้าที่ก็ยังมีให้เห็นให้เสียอารมณ์ ระบบเสียงห่วยแตกแก้ไม่ได้ทั้งเรื่องก็มี ตอนฉายThe Lost Briefcase(Indonesia) ซึ่งเป็นปัญหาของทางโรง เพราะผู้กำกับบอกตอน Q&A เองว่า ฟิล์มที่นำมาไม่มีปํญหาใดๆ...ผู้บริโภคก็ต้องยอมรับสภาพไปแบบมัดมือชก
ค่าตั๋วหนังเรื่องละ 120 ... ถือว่าแพงสำหรับเรา อยากให้ราคา 100 เหมือนครั้งก่อนๆ แต่เข้าใจว่าคงต้องปรับขึ้นเพื่อไปช่วยจ่ายค่าไฟและน้ำยาแอร์ เพราะในโรงหนาวโคด
ดีใจตอนก่อนเข้าไปดู Shortbus เค๊าขอตรวจบัตรประชาชน 555+ ประมาณว่า...แค่หน้าตาอย่างเดียวก็ทำให้เชื่อไม่ได้เลยหรอว่าอายุเลย 18 ไปแว้ววว 555+
และเสียดายที่ไม่ได้ดูหนังดีดีที่อยากดูอยู่หลายเรื่อง อย่าง Cry In Silence (France), Bangkok Time (ประเทศไทย),A Few Day in September (Italy), More Than Anything In The World (Mexico) และ Pingpong (Germany)
หนังทั้งหมดที่ดู 9 วัน 23 เรื่อง มีเรื่องประทับใจเรียงจากมากที่สุดไปหาน้อยกว่ามากนิดนึงคือ
1) Beaufort (israel) 2) This Is England (UK) 3) A Wandering Bride (Argentina) 4) Children of Glory ควบกับ White Palm (Hungary ทั้งคู่) และ 5) Shortbus (USA)
...
วันเสาร์ที่ 28 กรกฏาคม 50 ::
White Palm (Fehér tenyér)(Hungary, Szabolcs Hajdu, 2006) หนังเปิดเรื่องด้วย Miklos Dongo (Miklos Zoltan Hajdu) หนุ่มนักกีฬายิมนาสติคระดับโอลิมปิคของฮังการี ถูกว่าจ้างไปเป็นโค้ชที่แคนาดา แต่ด้วยเพราะอดีตอันเจ็บปวดตอนเด็กจากการฝึกอันเข้มงวด จึงส่งผลถึงการงานของเขาครั้งนี้ด้วย
แล้วหนังก็ย้อนกลับไปในตอนที่ Miklos ยังเด็ก จากการมองของโค้ช Miklos เป็นเด็กที่เป็นความหวังของทีมชาติฮังการีในอนาคตได้เลย แต่ด้วยการฝึกซ้อมขั้นพื้นฐานของการเล่นยิมนาสติดที่เข้มงวดและบทลงโทษที่รุนแรง(สำหรับเด็ก)เกินเหตุ ท้ายที่สุดเขาหนีออกจากการฝึกซ้อม ไปเข้าร่วมกับการเล่นกายกรรมในคณะละครสัตว์ของชาวรัสเซียในช่วงที่เขาอายุได้ 15 ปี
หากพูดถึงฉากที่ตราตรึงใจ(คาอยู่ในใจในด้านลบ) ก็เป็นตอนที่เขายังเด็ก พ่อแม่ภูมิใจในความสามารถของเขา อวดถ้วยรางวัล ประกาศนียบัตร เหรียญรางวัลที่มีอยู่เต็มบ้านเหล่านั้นกับเพื่อน แต่กลับเห็นเขาเป็นแค่ตัวสนับสนุนส่งเสริมความภาคภูมิของตนเอง ให้เขาหกคะเมนตีลังกา ทำท่าโน้นท่านี้ แม้กระทั่งท่าไต่กำแพง เขาทำตามคำสั่งพ่อแม่ด้วยหน้าตาท่าทางนิ่งเฉย (หรือเหนื่อยหน่าย) แบบไม่ปริปากอะไรสักคำ แต่เมื่อพ่อแม่เห็นบาดแผลจากการซ้อม ก็จู่โจมคำถามอันกระแนะกระแหนลูกและตอกย้ำว่านี่ต้องไปทำอะไรแย่ๆมาแน่นอน (ไม่มีการให้กำลังใจลูกเล๊ยย) ในฉากนี้ ขณะพ่อกับแม่กำลังรุมทึ้งเขา เพื่อนบ้านเห็นท่าไม่ดีเลยขอตัวกลับ ก่อนกลับแนะนำและตักเตือนพ่อกับแม่เขาว่า คุณต้องดูแลลูกให้ดีกว่านี้ คนดูก็โล่งอก ว่าเอออย่างน้อยมีคนมาช่วยให้พ่อแม่เขาฉุกคิด ให้กลับตัวกลับใจเลิกรังแกลูก ให้เอาใจใส่ลูกมากกว่านี้ แต่...หนังก็ทำลายความหวังของเรา ด้วยการที่เพื่อนบ้านพูดต่อว่า .. ระวังลูกจะเป็นอาชญากรนะ (ประมาณนั้น) ...
และสุดท้าย หนังจบด้วยอาชีพปัจจุบันที่ Miklos ทำอยู่ก็คือเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงของคณะ เซิร์ก เดอ ซูเล (Cirque du Soleil) ในลาส เวกัส ซึ่งนี่แหละถึงจะเป็นฉากประทับใจในด้านบวกบวกของเรา กับการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ (Spectacle) บวกกับตื้นตัน (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) กับการแสดง ไต่กำแพงและเคลื่อนไหวขึ้นลงด้วยการบังคับแบบไฮโดรลิคจากชุดที่สวม...
+ Inside Paris (France, Christophe Honoré, 2006)
+ Belle Tojours (Portugal / France, Manoel de Oliveira, 2006)
+ Colour of Sacrifice (India, Rakesh Omprakash Mehra, 2006)
วันศุกร์ที่ 27 กรกฏาคม 50 ::
Festival (UK, Annie Griffin, 2005)
Shortbus (USA, John Cameron Mitchell, 2006)
วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฏาคม 50 ::
This is England (UK, Shane Meadows, 2006)
+ Dreams (Ahlaam) (Iraq, Mohamed Al Daradji, 2005)
+ Before We Fall In Love Again (Malaysia, James Lee, 2006)
+ The Lost Briefcase (Indonesia, Richard Oh, 2006)
วันพุธที่ 25 กรกฏาคม 50 ::
Lost in Beijing (Chaina, Yu Li, 2007)
วันอังคารที่ 24 กรกฏาคม 50 ::
+ Beaufort (Israel,Joseph Cedar, 2007) เป็นหนังที่อยากดูมากๆอีกเรื่องหนึ่งในบรรดาหนังทั้งหลายภายในงานนี้ เป็นหนังที่เราตั้งใจไว้ว่ายังไงก็ต้องดูให้ได้ แม้จะรู้ดีว่ามีรอบฉายที่เรามาไม่ทันแน่ๆ ต่อให้บวกลบคูณหารหนังตัวอย่างและโฆษณาร่วม 20 นาทีก็เถอะ
แล้วก็เป็นไปดังคาดหมาย มาถึงโรงฉายก็ 6 โมงกว่าเข้าไปแล้ว จากรอบเวลาฉายคือ 5 โมง 20 ... เสียดายมากๆ
แต่จากช่วงเวลาของหนังที่เหลือ เราก็ไม่ผิดหวังเลยกับเรื่องราวที่เล่า งานด้านภาพ และเพลงประกอบ
Beaufort คือชื่อของฐานทัพของทหารอิสราเอลที่ก่อตั้งเพื่อสงครามอิสราเอล-เลบานอนในปี 1982 ที่ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของปฏิบัติการอื้อฉาวที่ทหารอิสราเอลพยายามจะควบคุมเลบานอนเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการอุทิศชีวิตของนายทหารอีกหลายคนด้วย (คัดลอกจากหนังสือ BkkIFF 2007 หน้า 32)
แล้วถ้ามีโอกาสเข้ามาฉายจริงอีกละก้อ..คราวนี้จะไม่ให้พลาดเด็ดขาด
+ Love For Share (Indonisia, Nia Dinata, 2006)
หมายเหตุ เซ็งมากๆกับอ้ายคนนั่งเก้าอี้ติดกับเราแล้วมันนั่งกระดิกขาอ่ะพี่น้อง... เก้าอี้มันสะเทือนไปหมด ไม่ได้มาดูหนังแผ่นดินไหวนะเว้ยย...ก็รู้..ว่ามันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย...แต่ จะนึกถึงคนอื่นบ้างได้มั๊ย ไม่ใช่ดูที่บ้าน หัดเก็บอาการที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนมั่งก็ดีนะ..ฝากบอกอ้ายคนนั้น ที่โคดจะเฮงเลย ดูวันนี้ 2 เรื่อง ก็นั่งติดกะท่านทั้งสองเรื่อง.........เช้านี้ลุกแต่เช้าใส่บาตรดีกว่าฟ่ะ...
แล้ว ท่านพวกที่ขายืดขายาวชาวต่างชาติทั้งหลาย ที่นั่งๆอยู่ ก็เกิดอยากขยับแข้งขยับขาแล้วก็ถีบเก้าอี้ตัวข้างหน้า ..ตัวที่เรานั่งเนี่ยแหละ...โอยยย จะบ้าตาย อยากจะหันไปด่าเป็นภาษาสเปน...
แล้ว ช่วงท้าย ตอน Q & A เรื่อง Love For Share ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายของวันนี้ การถามตอบเป็นไปอย่างขลุกขลักเพราะไมโครโฟนบ้าบอ เพราะคนควบคุมระบบเสียงด้อยประสิทธิภาพในการจัดการ และขอประนามท่านพนักงานโรงหนังบนห้องฉาย ไม่รู้กี่คนล่ะ 2-3 คนมั๊ง ที่เปิดปากเสียงดังแสดงพลังโชว์พาวพูดคุยกันเอง และพ่นน้ำลายแซวข้างล่างว่าที่ไม่ใช้ไมโครโฟนเพราะเค๊ากลัวไมค์กัน....ดู ...ดูมันพูด ทั้งๆที่ข้างล่างเค๊าก็กำลังถามตอบกันอยู่...นี่ถ้าเป็นแม่นาค ก็จะยืดแขนป้อนมะนาวเข้าปากเจ้าพวกนั้นคนละซัก 5 ลูก..ปากและคอจะได้ปิดสนิท ไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา
วันจันทร์ที่ 23 กรกฏาคม 50 ::
+ No Mercy for the Rude (South Korea, Cheol-hie Park, 2006) หนุ่มใบ้นักฆ่าหน้าหยก รับจ้างปิดชีพตามใบสั่ง ใฝ่ฝันอยากเป็นมาธาดอร์ กำลังทำงานเก็บเงินเพื่อไปผ่าตัดลิ้นไก่ที่สั้น จับพลัดจับผลูอยู่ๆก็มีเด็กชายมาให้อุปการะแถมเมียเจ้าพ่อยังมาติดพันเขาซะอีก...ไม่นาน ตัวเขาเองก็โดนใบสั่งจากเจ้าพ่อตามเก็บ
หนังมันผสมปนเปหลายรสชาด จริงจัง ตลก และแฝงด้วยความรุนแรงชนิดกระซวกซึ่งๆหน้าไม่อาทรต่อจิตใจคนดู และยังจบแบบบ้านทรายทอง สร้อยคอล็อคเก็ตเส้นนั้น...อา...
อะไรประมาณนั้น
ดูๆไปก็อยากจะให้จบเร็วๆ ง่วง....
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฏาคม 50 ::
+ Broken English (2007, USA) นอร่า (พาร์คเกอร์ โพซี่)ไปงานแต่งงานเพื่อนสนิท ออเดร (เดร เดอ มัตเตโอ) แล้วก็เลย ตกอยู่ในวงล้อมของคำว่า " เมื่อไหร่จะมีครอบครัว...กะเค๊าบ้าง" ทั้งจากเพื่อนๆ และแม่ ซึ่งเธอเองก็เหนื่อยเหลือเกินกับการมีเดทกับหนุ่มๆแล้วลงเอยด้วยการหลับนอนพอเช้ามาหนุ่มก็หายหัว จนวันหนึ่งเธอได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับ จูเลียง (Melvil Poupaud พระเอกหนุ่มจาก Temps qui reste, Le หรือ Time to Leave, 2005) หนุ่มฝรั่งเศสที่มาติดต่องานในนิวยอร์ค
จูเลียง ทำให้ นอร่า ได้รู้จักกับความอบอุ่น ความรัก แต่เวลาของความสุขมักผ่านไปเร็ว จูเลียงต้องกลับไปทำงานต่อที่ปารีสและทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เธอ
หนังน่ารัก โดยเฉพาะเรื่องสำเนียงภาษาอังกฤษบางคำที่ จูเลียง พูดกับ ลอร่า เช่น เธอได้ยิน(คนดูก็ได้ยิน)เขาพูดว่า I'm angry. และเธอก็ไม่เข้าใจว่าเขามาโกรธอะไรเธอ ..ตั้งนาน กว่าเธอจะนึกออกว่าจริงๆแล้วเขาพูดว่า I'm hungry. ตะหาก ^_^
Broken English :: พล็อตเรื่องธรรมดาสามัญและหนังสนับสนุนคำว่า พรมลิขิต
+ Dasepo Naughty Girl (2006, Korea)
+ The Basement (2006, Chaina)
+ A Wandering Bride (2007, Argentina)
วันเสาร์ที่ 21 กรกฏาคม 50 ::
+ The Mark of Cain (2006, UK) ฌอน (แมทธิว แมคนัลตี้) และ มาร์ค (เจอร์ราด เคิร์นส) 2 ทหารหนุ่มของกองทัพอังกฤษเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก วันหนึ่งผู้บังคับบัญชาของหน่วยเสียชีวิตจากการถูกลอบวางระเบิด จึงมีคำสั่งให้ออกค้นหาจับตัวผู้ต้องสงสัยมาลงโทษ โดยบุกเข้าบ้านของชาวบ้านแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวล่วงหน้าแล้วค้นหาอาวุธ เด็กหนุ่มชาวท้องถิ่นคนหนึ่งถูกจับมาเพราะมีกล้องส่องทางไกลและปืน
ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกนำไปลงโทษ เรียกว่าเอาไปทำทารุณน่าจะถูกกว่า เพราะไม่เห็นมีการสอบสวนหรือคาดคั้นเอาคำตอบว่าใครเป็นหัวหน้าหรือคนบงการ แต่สิ่งที่เราเห็นคือการกระทำของเหล่าทหารอังกฤษที่ปฏิบัติต่อเชลย... เหมือนกับที่เคยมีภาพหลุดของทหารสหรัฐทารุณกรรมนักโทษชาวอิรักในเรือนจำอาบู กราอิบ ชานกรุงแบกแดด อย่างไรอย่างนั้น
และด้วยความคะนองของทหารอังกฤษทั้งหลาย ความสัปดนและการเหยียบย่ำความเป็นคนเหมือนกันของเชลย จึงบันทึกความสนุกสนานนี้ไว้เป็นหลักฐาน ไว้โอ้อวดกับคนทางบ้านว่าไปทำอะไรที่อิรัก ... ไม่นาน ภาพเหล่านี้ก็หลุดออกไป เข้าถึงหูเบื้องบน ทหารหน่วยนั้นก็ถูกนำตัวมาสอบสวน
Mark of Cain :: หนังถามเราว่า มนุษยธรรม และยุติธรรมอยู่ตรงไหน และหนังยังพูดถึงผลกระทบทางสภาพจิตใจของทหารหลังสงคราม (มาร์ค) ที่ถูกเพิกเฉยและขาดการเอาใจใส่จากหน่วยบังคับบัญชาและกองทัพ
+ Raised from Dust (2006, Chaina)
+ Children of Glory (2006, Hungary)
+ Free Zone (2006, Israel)
ศุกร์ที่ 20 กรกฏาคม 50 ::
+ CASHBACK (2006,UK) เรียกว่าเป็นการเปิดตาเปิดสมองของเราได้ดีมากๆสำหรับหนังเรื่องแรกที่เลือกดู กับ Cashback เพราะหนังทั้งน่ารัก นุ่มนิ่ม และพอถึงช่วงฮาก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะกันเต็มที่
หนังเล่าถึงเรื่องชีวิตรักของ เบน (Sean Biggerstaff, Oliver Wood ใน Harry Potter ในภาคแรกและภาค 2) ที่พึ่งโดนแฟนทิ้งแล้วชีวิตเขาเลยอับเฉา หดหู่ เฉื่อยชา และกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ เบน ได้รับความพยายามในการช่วยเหลือ ให้คำแนะนำ จาก ฌอน (Shaun Evans) เพื่อนซี้ตั้งกะสมัยเด็กๆ แต่ว่าแต่ละอย่างที่แนะนำนั้นก็ดูออกจะไม่เป็นโล้เป็นพายซักเท่าไหร่และ เบน ไปทำงานช่วงกลางคืนที่ซุปเปอร์มาร์เกตเพื่อจะได้ใช้เวลาให้หมดๆไปในแต่ละวัน และที่นี่ ทำให้เขาได้พบกับ ชารอน (Emilia Fox จาก The Pianist,2002)
Cashback เล่าเรื่องโดยใช้เสียง เบน มาบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งเจาะมุมมองส่วนตัวของเขา ผ่านความคิดที่มีความเป็นอาร์ตติสของเขาด้วย ( เบนอยากเป็นจิตรกร) เช่นฉากที่ซุปเปอร์มาร์เกตมีถุงถั่วเขียวหล่นกระจายทั่วพื้น แต่ในสายตาของ เบน มันเป็นความงามในอีกรูปแบบหนึ่ง จึงจ้องมองและคิดจินตนาการ แต่ยังไม่ทันไรความงามของเม็ดถั่วเขียวต้องกระจุย เพราะเจ้านายเดินมาตะคอกให้เก็บกวาด ซะเร็วๆ 555
และอีกฉากที่ในหนังอังกฤษมักจะมีให้เห็นกันบ่อยๆคือการเตะฟุตบอล ซึ่งในเรื่องก็เป็นการแข่งขันระหว่างทีมพนักงานของ 2 ซุปเปอร์มาร์เกต ซึ่งก็ตลกและฮากันไปหลาย สกอร์ที่ออกมาเป็น 26 - 0 คิดดูละกัน 555
ส่วนภาพจากโปสเตอร์ ที่เป็นหญิงสาวสวมเสื้อผ้าปิดๆเปิดๆนั้น เป็นภาพจากความนึกคิดของเขาที่มีต่อความงามในเรือนร่างของหญิงสาว โดยเขาได้รับประสบการณ์นี้มาจากตอนเขายังเด็กๆ เพราะพี่เลี้ยงสาวชาวยุโรปตัวเปลือยปล่าวออกจากห้องน้ำเดินผ่านเขาไป ...
Cashback :: ช่วยทำให้ (คน) เรามองเห็นและยอมรับกับประโยคที่ว่า หลังฝนตกฟ้าย่อมสดใส
Create Date : 25 กรกฎาคม 2550 |
|
30 comments |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2550 14:28:52 น. |
Counter : 2589 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เข็มขัดสั้น 23 กรกฎาคม 2550 15:05:21 น.
+โอยกลับไปไม่ทัน(ว้อยย) ไม่ได้ดูมาสองปีติดแล้วเหรอเนี่ยย
เรนตั้นดูเผื่อเยอะๆน่ะ แล้วเอามาเล่าให้ฟัง แล้วเราก็จะไปหาแผ่นมาดู
โดย: BloodyMonday IP: 211.136.200.133 23 กรกฎาคม 2550 21:44:44 น.
+CASHBACK แค่เห็นใบปิดก็อยากดูแล้วครับ เอ๊ย แค่อ่านเรื่องย่อ ก็อยากดูแล้วครับ
โดย: getterTu 23 กรกฎาคม 2550 21:55:21 น.
+cashback นี่คงไม่ได้ดูแฮะ
โดย: merveillesxx 24 กรกฎาคม 2550 2:11:36 น.
+CASHBACK
ว่าแต่คุณ renton เอารูปผมมาทำ BG ที่กล่องคอมเมนต์ได้ไงครับเนี่ย
โดย: เจ้าชายไร้เงา 24 กรกฎาคม 2550 13:43:03 น.
+แนะนำหนังยุโรป หรืออเมริกาใต้ ที่บรรยากาศสวยๆ หรือ วิวสวยๆ ให้ดูมั่งดิ๊
โดย: สะเทื้อน 24 กรกฎาคม 2550 18:58:25 น.