หนังที่ได้ดู ... (๔)
F r a c t u r e (2007) ผู้กำกับ : เกรกอรี่ ฮอปลิท ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
วิลลี่ บีชัม (ไรอัน กอสลิ่ง) ผู้ช่วยอัยการรัฐหนุ่มฝีมือดี เก่งกล้า แพ้(คดี)ไม่เป็น ตกปากรับคำว่าคดีความคดีหนึ่งส่งท้าย ก่อนที่จะย้ายไปทำงานให้กับสำนักงานกฎหมายเอกชน โดยคดีนี้มีพร้อมด้วยหลักฐานแน่นหนาและ เท็ด ครอว์ฟอร์ด (แอนโธนี่ ฮอปกินส์)จำเลยของคดีก็รับสารภาพว่าได้ฆ่า เจนนิเฟอร์ ครอว์ฟอร์ด (เอมเบธ ดาวิทซ์) ภรรยาของเขาเองด้วยแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่วิลลี่จะจบคดีได้ในเวลาอันสั้น
แต่พอเอาเข้าจริง ปืนที่เป็นหลักฐานนั้น กลับ ไม่ใช่ปืนจากสถานที่เกิดเหตุ อีกทั้งเอกสารการเซ็นรับคำสารภาพของ เท็ด นั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนักสืบ ร็อบ นูเนลลี่ (บิลลี่ เบิร์ค) นักเจรจาต่อรองจากสถานที่เกิดเหตุ ได้เข้าร่วมห้องสืบสวนขณะ เท็ด เซ็นรับสารภาพด้วย จึงทำให้เอกสารนั้นเป็นโมฆะ วิลลี่ จึงมีโอกาสกู้หน้าตัวเองด้วยเวลาไม่กี่วัน เพื่อหาปืนหลักฐานให้พบ หรือไม่ก็ฉีกจรรยาบรรณสร้างหลักฐานเท็จ มิฉะนั้นแล้ว เท็ด จะต้องถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ ประวัติการทำงานของเขาก็จะด่างพร้อยไปด้วย
และทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นก็ล้วนแล้วแต่มาจากการวางแผนอันแยบยล(และเลือดเย็น)ของ เท็ด วิศวกรโครงสร้างเครื่องบิน ที่มองเห็นแม้กระทั่งตำหนิเล็กๆขณะคนอื่นมองข้าม
...
หนังเรื่อง Fracture นี้เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน / ฆาตกรรม และมีว่าความในศาล แต่ก็ไม่ได้เน้นตรงการงัดเอาเอกสารหาหลักฐานเอาผิดเอาถูกมาง้างกันให้ข้นเข้มแบบหนัง Courtroom อื่นๆอย่าง Runaway Jury ( แกรี่ เฟลเดอร์, 2003) หรือ The Rainmaker (ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า,1997) และหนังก็มีลูกล่อลูกชนอยู่ประปราย มีระทึกอยู่บ้าง ขำๆน่ารักกับท่าทีขี้เล่นของลุงแอนโธนี่ หยอดด้วยโรแมนติคนิดๆให้กับวิลลี่โดยมีทนายความสาวสุดสวย นิกกี้ การ์ดเนอร์ (โรสเอมุนด์ ไพค์) ที่มาช่วยวัดใจและถ่วงดุลระหว่างหน้าที่การงาน ชื่อเสียง เงิน และ ความถูกต้อง
หมายเหตุ ผลงานการออกแบบ การเคลื่อนไหวของลูกแก้วบนรางทองเหลืองนั้น เป็นผลงานของศิลปินชาวดัชท์ นามว่า มาร์ค บิสคอฟ
หมายเหตุอีกครั้ง :: หนังยังมีรอบฉายอยู่ แต่น้อยลง เพราะโดน Transformers เบียดยึดโรงซ๊า และพี่อึด Die Hard 4 ก็มาเรียกน้ำย่อยจากผู้ชื่นชอบความระห่ำของแกด้วยรอบ 2 ทุ่มทุกโรง ก่อนเข้าฉายแบบปูพรมพฤหัสนี้ ฉะนั้นผู้ที่ยังลังเลว่าจะดู Fracture หรือไม่นั้น ก็ต้องตัดสินใจแล้วล่ะนะ
Hors de prix (2006) Priceless (International: English title) ผู้กำกับ : ปิแอร์ ซัลวาดอรี่ ประเทศ : ฝรั่งเศส
อิแรนน์ (ออเดรย์ โตตู) สาวสวยพราวเสน่ห์ที่กิจวัตรของเธอคือ จ้องจับเศรษฐีที่สามารถสนองความต้องการของเธอได้ในเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ยี่ห้อดัง ทานข้าวในภัตตาคารหรูหราและพักห้องพักโรงแรมระดับ 5 ดาว วันหนึ่งเธอได้พบกับ ฌ็อง (กาด เอลมาเลห์) และเข้าใจว่าเขาเป็นเศรษฐีร้อยล้าน เธอจึงคบกับเขา แต่เมื่อมารู้ทีหลังว่าเขาเป็นแค่เด็กเสริฟของบาร์ในโรงแรม และไม่มีเงินมากพอให้เธอถลุง เธอก็เลยตีจาก ปล่อยให้ ฌ็อง ที่ตกหลุมรักเธอเข้าจริงๆต้อง..รับสภาพไป
...
หนังน่ารักมากๆ และยังต้องขอชมบทหนังจากใจจริง (ซึ่งผู้กำกับ ปิแอร์ ซัลวาดอรี่ ร่วมเขียนกับ บีนัว เกรฟฟีน) ที่มีมุขตลกขำๆ น่ารักแพรวพราวให้เรายิ้ม หัวเราะได้ทั้งเรื่อง ยกตัวอย่างความน่ารัก โดยเฉพาะของพระเอก เช่น คราวที่ ฌ็อง มีแม่ม่ายสาวใหญ่มาช่วยอุปการะดูแล เมื่อถึงตอนนั่งโต๊ะทานข้าว เขาก็จะทำตัวไม่ถูก เพราะเขาไม่เคยมีมาดผู้ดี ที่จะต้องนั่งสงบเสงี่ยมเอียงคอจิบกาแฟ แต่กลับหลุกหลิก ไม่นิ่ง และเมื่อได้ยินเสียงลูกค้าโต๊ะอื่น ตะโกนเรียก บ๋อย.. เขาก็จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที จะลุกไปตามเสียงเรียก...(แต่ยั้งตัวเองไว้ทัน... )
หรืออีกตอนนึง วันที่เขาวางตัวเป็นลูกค้าโรงแรมแล้วเดินผ่านเคาน์เตอร์ต้อนรับ แล้วพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็ร้องเรียกเด็กยกกระเป๋าให้มายกกระเป๋าลูกค้าคนหนึ่ง แต่ด้วยความคุ้นชินและ ฌ็องกำลังเดินผ่านกระเป๋า 2 ใบของลูกค้าพอดี เขาก็เลยหิ้วกระเป๋า 2 ใบนั้นติดมือและเดินตามลูกค้าไปจะรอที่ลิฟท์ด้วย แต่เมื่อไหวตัวทัน นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ใช่บริกรนี่หว่า...ก็เลยรีบวางกระเป๋าลง แล้วก็เดินเฉิบๆตัวปลิวเข้าลิฟท์ และแก้ตัวว่า
ฌ็อง :: เอ่อ..พอดีมันเหมือนกับกระเป๋าผมเลย.. ทั้ง 2 ใบ ลูกค้าผู้หญิง :: ทั้ง 2 ใบนั้นเหรอคะ ฌ็อง :: ครับ ลูกค้าผู้หญิง :: สีชมพูอ่ะนะ ฌ็อง :: ครับ
หมายเหตุ * หนังฉายจำกัดโรงค่า
Happy Ending (2005) ผู้กำกับ : ดอน รอส ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
เรื่องรักวุ่นๆ ของชายหนุ่มหญิงสาว 7 คน ที่ต่างตกหลุมรักกันและกัน จนความสัมพันธ์ต่างชุนลมุนสับสนวุ่นวาย เพราะมีทั้งชายรักชาย หญิงรักหญิง และ หญิงรักชาย !!
เรื่องเริ่มที่ มิเรียม (ลิซ่า คูโดรว์) กำลังมีความรักแบบโลกสดใสกับ ฮาเวียร์ (บ็อบบี้ คัลนาวัล) หนุ่มนักนวดเพื่อสุขภาพประจำตัว แต่วันหนึ่งเธอก็ถูก นิคกี้ (เจสซี่ แบรดฟอร์ด) เข้ามาพบและทาบทามเพื่อขอให้เธอเป็นตัวเอกในหนังสารคดีเรื่องใหม่ของเขา ด้วยการชวนเธอออกตามหาลูกชาย ที่เธอเคยทิ้งไปเมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเธอต้องจำยอมเพราะไม่เช่นนั้น นิ๊กกี้ จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับ ฮาเวียร์
แต่แล้วเรื่องก็พลิกผัน กลายเป็นว่า มิเรียมเสนอหนังสารคดีเรื่องใหม่ให้เขาทำ โดยให้ ฮาเวียร์ เป็นพระเอกและเธอเป็นนางเอก ตอนจบก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ชาร์ลี (สตีฟ คูแกน) พี่ชายบุญธรรมของ มิเรียม ก็กำลังหมกมุ่นและจิตหลุด เมื่อเขาสงสัยว่าลูกชายของ แพม (ลอร่า เดิร์น) และ ไดแอน (ซาร่าห์ คลาร์ค) ที่คู่เพื่อนสาวเลสเบี้ยนของเขาเลี้ยงดูอยู่นั้น เติบโตมาจากสเปิร์มของ กิล (เดวิด ซัทคลิฟท์) แฟนหนุ่มของเขาเอง
และ จู๊ด (แมกกี้ จิลเลนฮาน) เพื่อนสนิทของ ไดแอน เป็นนักร้องที่อยู่ในช่วงขาลง เลยจับพลัดจับผลูได้ไปเป็นนักร้องนำให้กับวงของ โอทิส (เจสัน ริทเตอร์) เด็กหนุ่มมือกลองของวง ฝีมือห่วยแตกแต่พ่อรวย เธอเลยได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเขา และได้พบกับ แฟรงค์ (ทอม อาร์โนลด์) พ่อของโอทิส จนมีความสัมพันธ์กัน แต่ก่อนที่เรื่องจะลงเอยด้วยดี จู๊ด พบว่าเธอตั้งท้อง แต่ไม่มั่นใจว่าเป็นลูกที่เกิดกับ โอทิส หรือ แฟรงค์กันแน่
...
เรื่องราวของหนังออกจะเย้ยชื่อเรื่องอยู่มาก เพราะดูจากรวมๆแล้ว ก็ไม่เห็นว่ากำลังรู้สึกแฮปปี้ในตอนเอนดิ้งไปกับตัวละครตัวไหนๆเลย
แม้กระทั่งหนังของ นิคกี้ ที่ออกจะมีไฟท์บังคับว่าต้องจบแบบสวยงาม ก็ยังต้องมีหักมุมให้เรื่องราวน่าสนใจและดึงดูดใจคณะกรรมการที่จะตัดสินรางวัลการส่งหนังเข้าประกวดให้ได้
เหมือนชีวิตของ จู๊ด เคยตกอับ (ไม่แฮปปี้) และได้มาอยู่ในบ้านหลังโต สุขสบาย (แฮปปี้ ) แต่ตั้งท้องแบบไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูก (ไม่แฮปปี้).. แต่ชีวิตยังต้องดำเนิน หรือ มิเรียม ที่กำลังจี๋จ๋ากับ ฮาเวียร์ (แฮปปี้ ) พอได้เป็นนางเอกหนัง กลับพบความจริงบางอย่างของ ฮาเวียร์ (ไม่แฮปปี้)
หากมองดูดีดี เราจะเห็นว่าจริงๆแล้วช่วงจังหวะของชีวิตคนเรามันมีจุดที่ แฮปปี้ และ ไม่แฮปปี้ คละสลับกันไปอยู่เสมอ และจะเอ็นดิ้งได้ก็ต่อเมื่อลาโลกนี้ไปแล้วเท่านั้นแหละ
ปอลอ. แมกกี้ จิลเลนฮาน ร้องเพลงได้เพราะมากๆ....หลงเสียงนางไปเลยล่ะ
หมายเหตุ * หนังฉายจำกัดโรงเช่นกัน
Transformers (2007) ผู้กำกับ : ไมเคิล เบย์ ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
ชื่อไทยเค๊า ---->Transformers : มหาวิบัติจักรกลสังหารถล่มจักรวาล ...
เมื่อโลกเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบของพวกมัน เหล่าจักรกลสังหารที่มาจากจักรวาลอันไกลโพ้น ฝ่าย ออโต้บอท ผู้พิทักษ์สันติ ซึ่งมีออพติมัสไพร์ม เป็นผู้นำ และฝ่ายดิเซปติคอนส์ผู้ทำลายล้าง ซึ่งมีเมกะทรอนเป็นผู้นำและหวังจะยึดครองแหล่งพลังงานบนโลก สงครามของทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้นบนโลกของเรา
ซึ่ง...กุญแจสำคัญของสุดยอดพลังอำนาจที่ฝ่ายทำลายล้างต้องการครอบครองนั้น อยู่ที่เด็กหนุ่มที่ชื่อ แซม วิทวิคกี้ (ไชอา ลาบิออฟ) ที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือความหวังสุดท้ายของโลก แซม และแฟนสาว มิคาเอลล่า (มีแกน ฟ็อกซ์) ต้องตกอยู่ในวงล้อมของอภิมหาสงครามจักรกลนี้
เมื่อถูกต้อนให้อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต เด็กหนุ่มที่ยังไม่ประสีประสาในเรื่องราวใดๆ ก็กลับทำให้เขาเข้าใจถึงคติประจำครอบครัวของตนเองที่ว่า
" ถ้าไม่มีการเสียสละ...ก็ไม่มีวันได้มาถึงชัยชนะ" (ไม่รู้รวมหมายถึงที่สหรัฐส่งทหารไปอิรัคด้วยป่าวไม่รู้ )
หมายเหตุ** เรื่องย่อ..คัดลอกมาจากหลังแฮนด์บิล ทั้งกระบิ หมายเหตุอีกที * หนังปูพรมฉายทุกโรงทั่วประเทศ ...
หนังดูได้สนุก ออกลูกฮาเยอะเหมือนกัน เสียดสีระบบโลกาภิวัตน์ (ปลายสายรับโทรศัพท์อย่างไร้อารมณ์ เลยคิดถึงเครื่องตอบรับอัตโนมัติ..ทั้งๆที่เรื่องราวออกจะหน้าสิ่วหน้าขวาน , โลกไซเบอร์ (แฮคข้อมูล / โหลดเพลง) และระบบทุนนิยม (บัตรเครดิต)
ส่วนตัวแล้ว ชอบไอเดียแปลงร่างจากรถยนต์เป็นกันดั้ม เอ้ย หุ่นจักรกล ชอบเวลามันกลายร่าง 1-2-3..ชอบวิธีคิดเค๊าอ่ะ แล้วก็งานด้านภาพตอนเหล่าพี่ๆทหารประจำการอยู่ที่ การ์ต้า อ่ะ มีภาพสวยๆ มุมกล้องสวยๆเพียบเลย...ชื่นชมชื่นชม
ปอลอ. แอบหลับช่วงเกือบท้ายเรื่องด้วยอ่ะ เลยไม่รู้ว่าเค๊าเอาชนะกันยังไง เหอๆ ตื่นมาทันฟังเพลงของ LP พอดี 555
---
Create Date : 30 มิถุนายน 2550 |
|
29 comments |
Last Update : 9 เมษายน 2551 8:42:04 น. |
Counter : 2648 Pageviews. |
|
|
|
GLITTERTEXTING.COM