#### รีวิวตุรกี - นครใต้ดิน Kaymakli และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Goreme ####




สวัสดีคร้าบบบบบ


เอนทรี่ล่าสุด รีวิวร้านบ้านสุริยาศัย - อาหารไทยตำรับชาววัง ไฟน์ไดนิ่งดีๆ อีกที่ค่ะ

 
 
หลังจากรีวิวทริปเที่ยวตุรกีกับทัวร์ไปแล้วดังนี้
 
 
 
 
 
 
 

รีวิวตุรกีวันที่สี่ต่อ - กิน ณ Hitit Hotel / Pamukkale / มื้อเย็น at Anemon Hotel

รีวิวตุรกีวันที่ห้า - Lokhamane Restaurant / Mevlana / Sultan Caravansarai

รีวิว Goreme Kaya Hotel (Otel) Cappadocia

รีวิวตุรกี - ขึ้นบอลลูน cappadocia โรงงานพรม Mushroom Valley เซรามิค จิวเวลรี Han Restaurant




 
สำหรับวันนี้ก็จะพาไปเที่ยวกันต่อนะคะ โดยเอนทรี่นี้ก็จะพาไปอีกสองที่รวมทั้งไฟลท์ขากลับกรุงเทพฯ แล้วเอนทรี่หน้าจะเป็นการรีวิวตุรกีต่ออีกทริป สำหรับตอนที่ไปเมื่อเดือนก.พ.นะคะ จะรีวิวเฉพาะที่พัก ที่เที่ยวและร้านอาหารที่ไม่ซ้ำกับรอบนี้นะคะ





เริ่มกันด้วยที่แรกเลยนะคะ


นครใต้ดิน Kaymakli


ที่นี่เดินทางไปจากร้านอาหารกลางวันใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ







ไปถึงก็เจอฝนเลยจย้าาาา แต่ตกไม่หนักมากนะคะ







จากที่รถจอด เดินไปก็จะผ่านบรรดาร้านขายของฝากตั่งๆ นานาก่อนนะคะ มากพอควรเลยแหละ

ห้องน้ำจะมีอยู่ตรงใกล้ๆ ทางที่จะเข้าไปนครใต้ดินแล้วค่ะ






 
ส่วนอาคารหลังนี้คือทางเข้านครใต้ดินค่ะ ต้องเดินอ้อมไปทางขวามือเพื่อสแกนก่อนนะคะ ที่ขายตั๋วก็อยู่ในอาคารค่ะ ส่วนประตูที่เห็นด้านหน้านี่คือทางออกนะคะ อย่าได้เดินเข้าไปเชียว 555







นครใต้ดินไคมัคลึ (Underground City of Derinkuyu or Kaymakli)


 
นครใต้ดินไคมัคลึ เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู ในยามสงคราม ของชาวคัปปาโดเกียในอดีต โดยทั้งจากชาวอาหรับจากทางตะวันออกที่ต้องการเข้ามายึดครองดินแดนนี้เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้า และชาวโรมันจากทางตะวันตกด้วยเหตุผลเดียวกัน รวมทั้งต้องการที่จะหยุดยั้งการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในดินแดนแถบนี้ด้วย


นครใต้ดินไคมัคลึมีชั้นล่างที่ลึกที่สุด ลึกถึง 85 เมตรทีเดียว เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศในนั้นถ่ายเทเย็นสบาย หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น มีอุณหภูมิเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส และด้วยการออกแบบที่ดี มีทางออกฉุกเฉินที่เป็นทางระบายอากาศไปในตัว ทำให้อากาศถ่ายเท


อันนี้เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์นะคะ แต่ถ้าเอาจากที่ไกด์ท้องถิ่นบอก ก็บอกว่า ไม่ได้หลบหนีใครหรอก เค้าก็อาศัยอยู่กันแบบนี้น่ะแหละ 55555 คือ ต้องบอกอย่างนี้ค่ะว่า ในฐานะคนที่ทำงานด้านทัวร์ ข้อมูลจากไกด์แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เหมือนประวัติศาสตร์ อ่านจากคนละเล่ม ก็มีข้อมูลที่ต่างกันไปได้ เพราะฉะนั้นก็รับทราบข้อมูลหลายๆ อย่าง เปิดใจกว้างๆ ไว้หละนะคะ


 
เข้าไปก็จะเจอแบบจำลองนครแห่งนี้ค่ะ






 
ราคาค่าตั๋วค่ะ ไม่มีภาษาอังกฤษบอกนะคะว่าไอ้ราคา 50 ลีราห์กับ 25 ลีราห์ (คูณ 6 หรือ 8 ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลานั้นๆ) นี่มันต่างกันยังไงนะคะ เอาเป็นว่าถ่ายมาให้ทราบราคาคร่าวๆ แล้วกันเนาะ







หลังจากผ่านสแกนสิ่งของเรียบร้อยแล้วก็เลี้ยวขวาค่ะ จะเป็นที่ตรวจบัตรค่าเข้านะคะ แล้วก็จะเป็นทางเดินกว้างๆ ตามภาพเลยค่ะ







โดยคุณไกด์ก็จะบรรยายเป็นจุดๆ ค่ะ ซึ่งตรงนี้บางช่วงจะฟังยากพอควร เพราะไม่ได้เป็นโถงใหญ่ๆ กว้างๆ แบบทุกคนไปอยู่ได้ค่ะ

 
ผู้คนสมัยก่อนขุดสร้างนครใต้ดินนี้ได้อย่างไร พื้นดินรอบๆ จะเป็นดินที่มีสีที่แตกต่าง มีทั้งดินออกสีเหลือง และแดง เพราะว่ามีภูเขาไฟ 3 ลูกล้อมรอบคัปปาโดเกียเป็นพื้นที่สามเหลี่ยม ซึ่งการระอุเกิดขึ้นเมื่อ 3 ล้านปีก่อน ดังนั้นเมื่อเกิดการระเบิด เถ้าภูเขาไฟ (ทูฟา Tufa) จึงปกคลุมเมืองคัปปาโดเกีย เมื่อกาลเวลาผ่านไปเป็นล้านปี เถ้าเหล่านี้ปกคลุมเป็นชั้นที่หนา และแข็ง สถานะเป็นหินตะกอน ที่มีความไม่แข็งมาก ผู้คนจึงสามารถขุดเจาะลงไปสร้างเมืองได้โดยง่าย แต่หินนี้ก็แข็งแรงพอที่จะสร้างบ้านใต้ดิน เราจึงเห็นบ้านถ้ำ เมืองถ้ำได้ในบริเวณนี้

ชั้นแรกเป็นชั้นบนสุด ซึ่งจัดไว้เป็นห้องเก็บสัตว์เพราะสามารถเก็บกวาดทำความสะอาดง่าย จากจุดนี้เราจะเดินลึกลงไปเรื่อยๆ และถ้าเราหลงจากกรุ๊ป ก็สามารถสังเกตลูกศรสีแดงซึ่งแสดงทางเดินที่เราจะไป และลูกศรน้ำเงินซึ่งบอกทางออกและกลับมาที่จุดเดิมนั่งเองค่ะ

 






ลักษณะทางเดิน ก็จะค่อนข้างแคบและมีก้มหัว ก้มตัวในบางช่วง เพราะฉะนั้นไม่เหมาะกับคนที่กลัวที่แคบ ข้อเข่า หลังไม่ดีนะคะ

แต่ถ้าสูง 152 ซม.แบบเรา ก็จะลำบากน้อยหน่อย ส่วนมากไม่ต้องก้มเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าคนตัวสูงมากๆ นี่บอกเลยว่ามีเมื่อย 55555









 
ตรงห้องนี้จะเป็นห้องเก็บอาหารค่ะ มีป้ายติดว่า Food Storage เลยค่ะ คือ เป็นเมืองๆ หนึ่งจริงๆ มีครบทุกอย่าง อยู่ได้ยาวๆ เป็นครึ่งปีเลยค่ะ เพราะบางทีก็ต้องซ่อนตัวอยู่นานๆ เพราะฉะนั้นเค้าก็ทำเป็นเมืองใต้ดินที่มีครบทุกอย่างนะคะ แต่เราไปดูได้แค่บางส่วนค่ะ







ห้องนี้ไกด์บอกว่าเป็นห้องนั่งเล่นค่ะ







แนะนำว่าใครที่อยากรู้ว่าห้องไหนเป็นห้องไหน ให้อยู่ติดๆ ไกด์ไว้ค่ะ เพราะไม่ได้มีป้ายบอกทุกห้องนะคะว่าห้องไหนเป็นห้องไหนค่ะ

บางช่วงก็จะมีติดกระจกไว้ให้เห็นชั้นที่อยู่ข้างล่างห้องนั้นๆ ไปอีกด้วยค่ะ







ตรงนี้ติดป้ายว่า church ค่ะ แต่คุณไกด์ท้องถิ่นเราก็บอกอีกแหละค่ะว่าเป็นแค่ที่เหมือนมาทำพิธี สวดมนต์ แต่ไม่ใช่โบสถ์จริงๆ







ตรงนี้ไกด์บอกว่าเป็น Food Storage อีกที่ค่ะ






 

พ้นจากฟู้ดสตอเรจจุดข้างบนก็จะเป็นทางลาดแคบและเตี้ยมาก (จนคนเตี้ยๆ อย่างเรา ยังต้องย่อเข่าเดินอะค่ะ) แล้วก็จะต่อด้วยจุดที่ไกด์บอกว่าเป็น Winery นะคะ ไม่ได้ถ่ายภาพนิ่งอื่นมานอกจากถ่ายภาพน้องร่วมทริปนี้อะค่ะ ขอเซนเซอร์หน้าน้องนิดหนึ่ง ใครอยากเห็นภาพเคลื่อนไหว เดี๋ยวมีคลิปปิดท้ายนะคะ

วิธีการคือ เขาจะนำองุ่นใส่ลงไปในพื้นที่เป็นช่องอ่างใหญ่ แล้วคนก็จะลงไปย่ำๆ และมีช่องให้น้ำไหลลงไป เพื่อไปบ่มไว้ให้เป็นไวน์ค่ะ







ตรงนี้เป็นจุดที่มีประตูหินโชว์อยู่ค่ะ คุณไกด์บอกว่า เวลาฉุกเฉินมันจะมีวิธีกลิ้งมาปิดไว้ได้อย่างเร็ว คนที่จะตามมาก็จะลำบากกว่าจะเปิดได้ค่ะ







จากจุดนี้ก็เข้าอุโมงค์อีกครั้งค่ะ 555 สามารถดูความแคบและความเตี้ยได้จากในคลิปนะคะ

จะมีเสียงบ่นก่นด่าเป็นระยะค่ะ 5555 (ไปเจอกับกลุ่มนักเรียนด้วยค่ะ เลยมีช่วงติดขัดเป็นช่วงๆ นะคะ)

 
ซึ่งอุโมงค์ช่วงนี้เป็นอุโมงค์แคบที่ยาวที่สุดในเมืองนี้ แต่ก่อนไปถึงอุโมงค์ปากทางจะเป็นทางเดินที่ถ้าเรามองไปข้างๆ จะเห็นช่องเล็กๆ ที่คนสมัยนั้นนำเหยือกไวน์มาตั้งเก็บไว้ และในอุโมงค์ที่ยาวที่สุดนี้ จะมีช่องเล็กๆ ด้านข้างซ้าย-ขวาไว้ใส่เทียนให้แสงสว่าง และระหว่างทางจะมีช่องลม ซึ่งเราโผล่หัวเข้าไปดูได้ จะเห็นช่องลึกลงด้านล่างไปมากกก และมองขึ้นบน ช่องเล็กๆ นี้ก็เจาะขึ้นไปถึงพื้นดิน นั่นเป็นช่องที่ส่งอากาศให้เมืองทั้งเมือง...จุดที่ผ่านอุโมงค์สายย่อที่ยาวที่สุดมานั้น นับเป็นจุดที่ลึกที่สุดที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมค่ะ







พ้นจากอุโมงค์และบันได...ค่ะ มีบันไดให้เดินลงด้วยค่ะ ก็จะเป็นไวน์เนอรี่อีกแห่ง ซึ่งอันนี้มีจุดที่เคยใช้เป็นที่วางถังหมักไวน์ด้วยนะคะ







จากนั้นก็จะเป็นอุโมงค์ให้เดินขึ้นแล้วค่ะ ซึ่งแสดงว่าการชมใกล้เสร็จสิ้นแล้วววว







จากนั้นจะเป็นห้องครัวและมีสโตนวอลล์อีกค่ะ แต่ทั้งหมดถ่ายด้วยวีดิโอนะคะ ไปดูในคลิปเอาแล้วกันเนาะ

ปิดท้ายที่นี่ด้วยครกของเขานะคะ เหมือนบ้านเราเลยเนาะ






 
ในส่วนของห้องน้ำหรือสุขาของที่นี่นะคะ จะสร้างในห้องที่ลึกที่สุด และด้วยความที่เมืองนี้มีแม่น้ำไหลผ่านนครใต้ดิน เขาจึงสร้างท่อเชื่อมต่อลงไปที่แม่น้ำได้เลย ส่วนกลิ่นก็จะลอยขึ้นข้างบนตามท่อระบายลมไปค่ะ นครใต้ดินแห่งนี้มีคนที่อยู่อาศัยรวมกันถึง ประมาณ 1 หมื่น – หมื่นสองพันคน และบางนครใต้ดินก็มีคนอยู่อาศัยประมาณ  7-8 พันคน นับว่ายิ่งใหญ่มาก และที่เราสามารถเดินลงมาชมได้นั้น คิดเป็นเพียงแค่ 8% ของทั้งนครแห่งนี้เท่านั้นเองหละค่ะ


สำหรับภาพความเคลื่อนไหว คลิกที่คลิปด้านล่างนี้ได้เลยฮ้าบบบบบ




 



และที่เที่ยวปิดท้ายทริปนี้ค่าาา

Goreme Museum (พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่)








พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme)

 
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
 

รถบัสเราวนไปจอดตรงใกล้ๆ ให้ค่ะ โดยระหว่างทางคุณไกด์ก็บอกว่า เดี๋ยวรถวนไปส่งนะ แต่ไม่ได้รับกลับจากจุดที่ไปส่ง ให้เดินมาที่ลานจอดรถ (ตอนขาไป ลานจอดรถจะอยู่ทางขวามือค่ะ) ตามเวลานัดหมายค่ะ

พอลงรถก็ผ่านเครื่องสแกนอีกเช่นเคยค่ะ







จากนั้นก็จะเห็นที่ขายตั๋วและที่ตรวจตั๋วแล้วค่ะ ส่วนเขาที่เห็นด้านหลังนั่นคือบรรดาสถานที่ต่างๆ ที่เราจะไปชมกันนะคะ







โดยบรรดาเนินเขาต่างๆ ที่เห็นในรูปทั้งหมดนี้ก็คือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งก็คือ โบสถ์ที่มีการขุดเข้าไปเป็นถ้ำแล้วสร้างเป็นโบสถ์นั่นเองค่ะ

ซึ่งมีด้วยกันหลายโบสถ์ โดยส่วนใหญ่ก็เข้าชมได้ฟรีทั้งหมด (เพราะซื้อตั๋วแล้ว) แต่บางที่ก็ต้องซื้อตั๋วเพิ่มต่างหากนะคะ

โบสถ์ต่างๆ เหล่านี้ก็ได้แก่

โบสถ์เซนต์บาร์บารา ภายในเจาะเป็นโพรงเพดานโค้ง มีรูปของเซนต์บาร์บาราและพระเยซูเป็นภาพประธานของโบสถ์ เซนต์บาร์บารา เป็นโบสถ์ในยุคแรกๆ ดังนั้น ภาพจึงเป็นสีแดงโมโนโทน ที่ช่างนำยางมาจากเปลือกไม้มาเขียนลงบนผนังหรือเพดานถ้ำ ก่อนจะฉาบทับบางๆ ด้วยปูน (เทคนิคการเขียนสีแบบนี้มีมาก่อนเทคนิคปูนเปียกหรือเฟรสโก ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันมากที่สุดในเกอเรเม่)

นอกจากนี้ยังมี โบสถ์มังกร (ชื่อพื้นเมืองคือ Yilani Kilise) ภายในโดดเด่นไปด้วยภาพของเซนต์เทโดออร์และเซนต์จอห์นบนหลังม้ากำลังต่อสู้กับมังกร สื่อสัญลักษณ์ถึงการต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย, โบสถ์แอปเปิ้ล ตั้งชื่อตามที่มีต้นแอปเปิ้ลปลูกไว้ด้านหน้าโบสถ์ ส่วนภาพเขียนเฟรสโกภายในโบสถ์ที่มีรูปหลักคือ พระแม่มารีและพระเยซูถูกตรึงกางเขนก็มีรูปต้นแอปเปิ้ลอยู่ด้วยเช่นกัน

 






เก็บภาพแบบกว้างๆ มาให้ดูก่อนหนึ่งรูปค่ะ






 
จากนั้นคุณไกด์ท้องถิ่นก็บอกเล่าข้อมูลแต่ละโบสถ์ (ก่อนหน้านั้นบนรถเล่าเรื่องคริสตประวัติมาแล้วค่ะ) ซึ่งก็จะบอกจุดเด่นของแต่ละโบสถ์ ภาพที่แตกต่างกัน (อย่างชายหนุ่มที่ปีนต้นไม้ แล้วพระเยซูเรียก จะมีโบสถ์หนึ่งที่วาดขึ้นต้นไม้คนละต้นกับในประวัติค่ะ) อันนี้อยากให้ตั้งใจฟังนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นการเที่ยวที่นี่จะไม่อินเลย จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ







สำหรับผังของโบสถ์ต่างๆ ที่นี่ก็ตามนี้เลยนะคะ

เครดิต https://www.darylstravels.com/turkey/goreme/goreme.html



โดยไกด์ให้เราเข้าไปทางกลุ่มโบสถ์ แถวๆ 2 ก่อนค่ะ แล้วก็ที่หมายเลข 7 ที่เป็นดาร์คเชิร์ชนี่แหละค่ะที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างหาก





เข้าโบสถ์แรกไป ถ่ายได้แค่ตรงนี้นะคะ ข้างในห้ามถ่ายแล้ว







บางจุดก็จะมีคำบรรยายเป็นป้ายเพิ่มเติมด้วยค่ะ







ส่วนภายในถ้ำต่างๆ ก็จะประมาณๆ นี้ค่ะ นี่ก็งง ห้ามถ่ายรูป แต่ทำไมเซิร์ชในกูเกิ้ลเจอฟระ มีคนแอบถ่ายงี้?






 
จากนั้นก็เดินไปยังโบสถ์อื่นๆ นะคะ แล้วก็เดินไปจนถึงหมายเลข 6 ในแผนที่บอกว่าเป็น refectory ซึ่งเป็นโรงรับประทานอาหารในสถานที่ทางศาสนานั่นเองหละค่ะ มีโต๊ะยาวที่นั่งได้ 20-40 คน มีเตา มีห้องครัว ฯลฯ ด้วยค่ะ











จากนั้นก็จะเป็นส่วนของ Dark Church แล้วค่ะ

 
ที่เรียกว่าดาร์คเชิร์ช เพราะเป็นโบสถ์ที่แสงสว่างเข้าได้ค่อนข้างน้อยมากค่ะ มีลักษณะค่อนข้างทึบ ซึ่งทำให้ภาพวาดต่างๆ ของที่นี่จะสีค่อนข้างสว่าง (และชัด) กว่าโบสถ์อื่นๆ เป็นที่ที่เราไม่อยากให้พลาดนะคะ สวยมากๆ ค่ะ ถึงต้องจ่ายค่าเข้าเพิ่มก็จ่ายเถอะค่ะ คุ้ม 555

ตัวโดมเล็กๆ สี่โดมจะมีรูปของหัวหน้าทูตสวรรค์อันได้แก่ กาเบรียล มิคาเอล ราฟาเอลและอัซราเอลค่ะ







เดินขึ้นไปทางด้านบนก็จะมีจุดขายตั๋วเข้าดาร์คเชิร์ชอยู่นะคะ ราคา 10 ลีราห์ค่ะ ถ่ายรูปได้แต่ด้านนอกเช่นกันนะคะ









พ้นจากดาร์คเชิร์ชมา จะมีจุดหนึ่งค่ะที่เป็นจุดที่เห็นวิวได้สวยงามอลังการมากกก เพื่อนร่วมทริปหยุดถ่ายรูปกันตรงนี้พักใหญ่ๆ เลยค่ะ







 
จุดต่อไปเป็นโบสถ์เซนต์แคทเธอรีนแล้วค่ะ ข้อมูลก็ตามนี้เลยมีสี่ภาษานะคะ แต่ว่าถ่ายได้แต่ข้างนอกเช่นกัน อ้อ ที่มีออดิโอไกด์ด้วยนะคะ ใครอยากรู้เรื่องเยอะๆ ก็เช่าออดิโอไกด์เพิ่มได้ค่ะ









จุดต่อไปเป็น Sandal Church ค่ะ

 
โบสถ์นี้ได้ชื่อตามที่มีการพบรอยเท้าสองรอยที่พื้นนะคะ มีสองชั้น ที่ชั้นล่างมีโต๊ะยาว และที่สุดปลายโต๊ะมีรูปยอดฮิตคือ พระกระยาหารมื้อสุดท้าย รวมทั้งมีรูปวาด 12 รูปที่เกี่ยวพันกับประวัติพระเยซูค่ะ สามภาพเป็นภาพเกี่ยวกับชีวิตวัยเด็กของท่าน สองภาพตอนโต และอีกเจ็ดภาพจะเป็น his passion และการฟื้นคืนพระชนมชีพค่ะ







เขาให้เราขึ้นไปที่ชั้นบนนะคะ ต้องขึ้นบันไดไปตามภาพค่ะ ส่วนชั้นล่างเหมือนเป็นร้านให้ดื่มชาได้ด้วยนะคะ









จบการชมทั้งหมดก็เริ่มทยอยเดินไปที่ลานจอดรถค่ะ ระหว่างทางมีร้านขายของที่ระลึกของทางพิพิธภัณฑ์ด้วย แต่ดูเวลาแล้วไม่ทัน เลยอดดูเลยค่ะ







ก่อนถึงลานจอดรถมีอีกโบสถ์ด้วยค่ะ วิ่งเข้าไปดูอย่างไวเลย แต่ไม่ได้มีอะไรเด่นนะคะ ชื่อ Buckle Church ค่ะ

แต่ในป้ายก็บอกว่าสำคัญสำหรับศิลปะแบบไบแซนไทน์ค่ะ สนใจก็อ่านข้อมูลจากป้ายด้านล่างแล้วกันนะคะ 555









เดินไปลานจอดรถกันค่าาา ระหว่างทางก็มีทั้งร้านให้ดื่มชากาแฟ ร้านขายของที่ระลึกท้องถิ่นต่างๆ นะคะ เห็นมีหลายคนสอยมาหลายอย่างเหมือนกันค่ะ







สำหรับเอนทรี่นี้ก็มีแต่เพียงเท่านี้นะฮับบบบบบ

เอนทรี่หน้าจะพาไปดูไฟลท์ขากลับกรุงเทพฯ กันค่าาา




 



ปฏิทินธรรม
 
 
 
 
 
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2562
 
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
 
 
 
 
วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)

1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น. 

ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
 
 
 
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
 
 
 
 
 
 
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2562
 
1. ตักบาตรพระกรรมฐาน 
ณ ปราสาทจตุรมุข วัดสังฆทาน นนทบุรี (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)
 
 
 
วันอาทิตย์ที่ 13 และ 27 ตุลาคม 2562 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)

1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts


วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2562

1. ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระป่า 9 วัด เสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน
ณ บ้านลานเสียงธรรม 
เลขที่ 7/44 หมู่4 ซอยนาคนิวาส 40 แขวงเขตลาดพร้าว กทม

 
 
 
วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 (จัดทุกอาทิตย์ที่สามของเดือน)
 
1. ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น.
ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ดูรายละเอียดได้ที่ลิงก์นี้
 
 
 
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 
 
1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน)
 
เมตตารับบาตรโดย
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
 
 
 


วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 26-27 ตุลาคม 2562 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
 
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัย





 
 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1469696+7413456=8883152/14277/1875


 
 
 
ประกาศ

ท่านใดประสงค์จะโหวต โหวตได้นะคะ แต่เจ้าของบล็อกนี้จะไม่ได้โหวตกลับให้ทุกคนที่โหวตค่ะ จะโหวตเฉพาะบล็อกที่เราอยากโหวตให้เท่านั้นนะคะ

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาเองว่าจะโหวตให้บล็อกนี้หรือไม่ค่ะ



Create Date : 03 ตุลาคม 2562
Last Update : 3 ตุลาคม 2562 11:42:32 น. 24 comments
Counter : 1894 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณThe Kop Civil, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณkae+aoe, คุณJinnyTent, คุณmariabamboo, คุณRinsa Yoyolive, คุณtoor36, คุณชีริว, คุณKavanich96, คุณอุ้มสี, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณhaiku


 
น่าทึ่งมากๆเลยนะครับคุณเต้ย
ยิ่งเมื่อนึกถึงการก่อสร้างอาคารใต้ดินแบบนี้ในสมัยอดีต
ยิ่งทึ่งในความสามารถเชิงช่างและสถาปนิกเลยครับ

ภาพห้องหับต่างๆทำให้นึกถึงโดราเอมอน
ตอนที่สร้างห้องใต้ดิน สภาพห้องคล้ายๆกันเลยครับ

โหวตครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:10:33:07 น.  

 
คนสร้างห้องใต้ดินนี่ผมว่าระดับสุดยอดเลยครับ เก่งมาก ๆ ทั้งเรื่องระบบระบายน้ำ ความทนทาน

จากบล็อก
แมนสันแฟมิลี่ ในหนังเอามาดัดแปลงนิดหน่อย กลายเป็นความสะใจคนดูไปเลยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:11:14:21 น.  

 
สวัสดีครับพี่เต้ย
น่าจะติดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ได้นะครับ กว่าจะสร้างได้ขนาดนี้
ตั้งแต่ คศ.9 นี่ ซัดไป 2พันกว่าปีแล้ว
ผมชอบนะครับถ้ำๆแบบนี้ น่าเดินดี ให้อารมณ์ตุรกี๊ ตุรกี

ผม follow เฟซคุณหมอแล้วตามแนะนำครับพี่^^


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:14:13:59 น.  

 
แปลกดี...ถ้าคนตัวสูงยาวคง
ลำบาก..มาก.. ยัง งง..พวกศัตรู เขาไม่รู้ที่ซ่อน
เหรอ หรือรู้แต่ไม่กล้าเข้า

ดูภาพแล้วน่าอยู่กว่า อุโมงค์ที่
เวียตนาม


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:14:16:47 น.  

 
จากบล็อก
ก็โหดอยู่นะครับตามสไตล์เควนติน แต่เหยื่อเป็นตรงข้ามกัน ผมแอบสปอยล์ไปละ 555


โดย: The Kop Civil วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:15:31:31 น.  

 
ผมก็จำชื่อตอนไม่ได้ครับ 555
แต่เนื้อหาคือ เป็นโพรงใต้ดินที่เด็กๆกับโดราเอมอนทำขึ้น
เพื่อหลบพ่อแม่ไปทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ
สุดท้ายโพรงหายไป
ข้าวของทุกอย่างก็จมอยู่ในดินหมดเลยล่ะครับ 555

ห้องในโพรงมีลักษณะคล้ายเมือง Kaymakli เลยล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:18:47:02 น.  

 
พี่เปลี่ยนหน้าพอดี เกือบไม่เห็นกัน
ขอบคุณที่ไปรับมาอ่านนะคะ
พี่ฝากกำลังใจไว้ก่อน
พรุ่งนี้มาอ่านค่ะ กำลังตามโหวตไม่ทัน
ใช้โหวตวันนี้ให้หมดก่อนนะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:19:26:04 น.  

 
ตุรกีตอนใหม่มาแล้ว ไวมากกกก (จริง ๆ ผมช้าเองต่างหาก )

วันธรรมดาเวลาไม่อำนวยในการอ่านบล็อกอะครับ
ไม่รู้เอนทรีย์นี้อยู่ยาวถึงวันหยุดมั้ยเนี่ย ><
แต่ไหน ๆ ก็แวะมาแล้ว ขอตอบคำถามแทนคุณก๋าละกันครับ ^^

โดราเอมอนตอนพิเศษ เผชิญอัศวินไดโนเสาร์





โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:20:28:41 น.  

 
อยากไปชมของจริงเรยคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 ตุลาคม 2562 เวลา:21:39:23 น.  

 

มาชมนครใต้ดินด้วยค่ะ
โบสถ์ก็สวยงาม ชอบวิวภูเขาสวยดีค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:2:01:24 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณเต้ย

คุณทุเรียนมาช่วยตอบแล้วดีจังครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:6:37:21 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเต้ย

ในประเทศไทย
มีสำนักพิมพ์อยู่ 2 แห่งที่ผมคิดว่า
ทำหนังสือออกมาได้ประณีตงดงามมากๆ
คือ สนพ.ผีเสื้อ กับ สนพ.open books นี่ล่ะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:10:37:23 น.  

 
สวัสดีครับ วันศุกร์แล้วดีใจจัง

ผมไม่ได้ลงถ้ำครับ ซึ่งสถานที่นี้จะอยู่ในโปรแกรมอื่นที่ผมไม่ได้เลือก ส่วนไปเมืองไหนบ้าง เดี๋ยวต้องกลับไปดูใน IG ครับ แฟนผม check inไว้กันลืม เพราะ 2 คนจำอะไรกันไม่ได้เท่าไหร่เลย 55555

จำได้สองอย่าง คือ ไอศครีมอร่อย กับอาหารรสชาติสุดรับประทานมากครับ

แต่บอลลูนได้ดูแน่นอนครับ 55555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:11:36:38 น.  

 
นครใต้ดิน น่าสนใจมากเลยค่ะ

ปล.น้องซีไปเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารีค่ะ เพิ่งกลับ มีแสดงรอบกองไฟแบบสมัยเรา น้องซีกับเพื่อนเลือกที่จะเต้นเกาหลีค่ะ 5555


โดย: kae+aoe วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:14:00:14 น.  

 
จากบล็อก
ว่าจะดู 2 เรื่องนี้เหมือนกันครับ หนังดีที่แนะนำมา


โดย: The Kop Civil วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:16:29:31 น.  

 
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตะลึงมากค่ะ
คนสมัยก่อนเค้าสร้าง เค้าทำไปได้ยังไงเนอะ
ไม่กลัวดินมันทรุดอะไรงี้

พี่ไม่กลัวที่แคบนะ
แต่ถ้าให้เข้าไปในที่แคบ ๆ
ใต้ดินอีก ลึก ๆ แอบกลัวนะ
ถ้าไม่ใช่ใต้ดินก็คงไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่
ไหนจะแสงสว่างตลอดทางเดินในนั้นอีก
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme)
น่าเดินมากกว่าจ๊่ะ
วิวสวยงามเชียว เป็นไฮไลท์ของทริปเลยนะ

ส่วนหนังสือของอรพิม
พี่เพิ่งได้อ่านแค่ 4 เรื่องนี้เอง
ยังไม่ถึงกับว๊าวมากนะคะ
แต่สนุกในระดับหนึ่ง แต่ละเล่มคนละแบบ
อีกอย่างแต่ละเล่มมันก็จะทิ้งติ่งไว้เล็ก ๆ น้อย ๆ
ดังนั้น ถ้าจะอ่านควรอ่านเล่มแรกไล่ไปเล่มอื่น ๆ
ตามที่พี่เรียงลำดับได้เลยค่ะ

แต่แยกอ่านได้ มีจุดเชื่อมต่ออยู่บ้าง
เป็นจุด ๆ ถ้าแยกเล่มไม่เรียงเล่มอ่านก็ไม่ถึงกับว่าไม่รู้เรื่อง
ได้อยู่
ความสนุกเท่า ๆ กันจร้า




โดย: JinnyTent วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:17:32:14 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog

ไว้แม่โมเก็บเงินตามรอยบ้างค่ะ นครใต้ดินน่าค้นหา
หายใจสะดวกไหมคะ แต่ดินเขาดูแห้ง ๆ สะอาด ๆ ไม่เหมือนถ้ำบ้านเราแน่เลยค่ะ


โดย: mariabamboo วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:21:13:20 น.  

 
แบบนี้เลยค่า ชีริวน่าจะชอบแน่ๆ
แต่แปลกมากๆ ลึกลับซับซ้อนมากเลยค่า
ห้องเก็บอาหารก็ยังมีอีต่างหาก
เหมือนหลุมหลบภัย อิอิ

ที่พี่เต้ยถามเรื่องที่จอดรถที่ทาเรือเฟอร์รี่ พัทยาหัวหิน ฝากไว้ที่ท่าเรือได้เลยค่ามีที่รับฝาก วันละ 100 บาทค่า
เพราะเป็นท่าเรือแหลมบาลีฮาย เดียวกับที่ไปเกาะล้าน จึงมีที่่รับฝากเยอะมากๆ



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:22:59:55 น.  

 
ฝนตกมันแย่จริงๆ แหละครับ

นครใต้ดินน่าสนใจครับ ราคาผมเดานะ เด็กกะผู้ใหญ่รึเปล่า ราคาเลยต่างกัน แต่ไม่มีซับแบบนี้เราก็ได้แต่เดาล่ะครับ ด้วยเทคโนโลยีสมัยก่อน ทำได้ขนาดนี้ถือว่าสุดยอดแล้วล่ะครับ

หินที่บอกว่ากลิ้งมาปิดได้ เจ๋งดีครับ คนสมัยก่อนนี่ก็ช่างคิดเหลือเกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเอาชีวิตรอดล่ะนะ

คนอาศัยอยู่ได้เยอะขนาดนั้น ภายในต้องใหญ่มากเลยนะ หลงทางทีอาจลำบากได้ง่ายๆ เลย

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ มุมกว้างดูดีทีเดียว ถ้าไม่มีไกด์นี่คงลำบากแน่ๆ ภายในสร้างออกมาได้หรูหราดี พวกแอบถ่ายมันก็ต้องมีบ้างแหละ ยิ่งเดี๋ยวนี้ใช้มือถือถ่ายภาพยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่

ส่วนที่เป็นร้านให้ดื่มชาดูดีครับ บรรยากาศดูสบายๆ ดี



โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 ตุลาคม 2562 เวลา:23:06:06 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 ตุลาคม 2562 เวลา:6:28:27 น.  

 
ทริปตอนผมไปตุรกีไปสองอันนี้ที่แรก คงจัดแบบสวนทางกัน
รู้สึกว่าร้านของฝากจะคึกคักขึ้นนะครับ ส่วนอาคารทางเข้านี่ไม่คุ้นเลย สงสัยเพิ่งสร้าง
นึกถึงสมัยก่อนที่ถึงกับต้องขุดดินหลบศัตรู เหมือนเวียดนามขุดอุโมงค์ในช่วงสงครามแล้วไปซุกอยู่ในอุโมงค์เป็นสิบๆปี เป็นชีวิตที่แย่จริงๆ
ไคมัคลีลึก 85 เมตร สงสัยทำไปทำมา อยู่เพลิน 555 ขุดซะลึกเลย อาจจะชอบขุดรูอยู่เองอย่างที่ไกด์ว่า ใต้ดินก็หลบหนาวดีเหมือนกันนะครับ
อาจเคยถูกใช้งานทั้งเอาไว้อยู่อาศัยและเอาไว้หลบภัย เพราะเมืองนี้ถูกสร้างสมัยฟรีเกียนก่อนการรุกรานของชาวอาหรับเข้ามาในพื้นที่นี้ซะอีก แต่ช่วงถูกรุกรานก็มีบันทึกการใช้เมืองนี้หลบภัยไว้ด้วย
ไกด์เตือนว่าคนไม่ชอบที่แคบไม่ควรลงไป ทีแรกแม่ผมก็ลังเลนะครับ แต่พอได้ลงแล้วก็สบายๆ ไม่ถึงกับแคบมาก เพราะทำไว้ให้ฝรั่งมุดได้นี่นะ ชอบเขาติดไฟสวยดีด้วย
เดี๋ยวนี้ถนนผ่านที่ไหนความเจริญตามไปที่นั่น สมัยก่อนแม่น้ำไหลผ่านที่ไหนที่นั่นเกิดเป็นเมือง กระทั่งน้ำใต้ดินก็ทำให้เมืองใต้ดินนี้อยู่ได้ด้วย พลังของแหล่งน้ำ ♥

ส่วนเกอเรเม่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ จำได้แค่ว่าภาพวาดไม่สวย แถมถ้ำที่มีภาพเขียนห้ามถ่ายรูปอีก
ผมเที่ยวตอนเย็นแล้วด้วยมั้งครับ หนาวดึ๋งแทบอยากเด้งขึ้นรถ แต่ก็อยากดูให้ได้หลายถ้ำที่สุดด้วย
แต่เพิ่งรู้ว่ามีร้านชาในนี้ด้วย

ป.ล. อู้ว มีโดราเอมอนให้อ่านด้วยอะบล็อกนี้


โดย: ชีริว วันที่: 5 ตุลาคม 2562 เวลา:21:55:44 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 6 ตุลาคม 2562 เวลา:3:06:21 น.  

 
ยาวมาก อ่านเพลิน
มาสองครั้งแล้วละค่ะ คุณเต้ย
ลึกตั้ง 85 เมตรเลยเนอะ
ทำให้นึกถึงญี่ปุ่นเจาะลงไปลึก
เกือบ 100 เมตรถ้าจำไม่ผิด
เพื่อทำลิฟต์ลงไปดูน้ำตกนิกโก
แต่ญี่ปุ่นมีเครื่องทุ่นแรงแล้ว
ที่นี่ขุดลงไปอย่างไรไม่รู้นะคะ

เวลาไปต่างบ้านต่างเมือง
ความไม่คุ้นเคยทำให้หวาดๆ
หลายเรื่องอยู่นะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 6 ตุลาคม 2562 เวลา:21:47:46 น.  

 
เห็นโมเดลจำลอง Underground City
แล้วผมนึกถึงภาพตัดขวางรังมดหรือรังปลวกที่อยู่ใต้ดินเลยครับ
มนุษย์เราถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ คงไม่อยากอยู่แบบนี้หรอกมั้ง
เพราะเราพึ่งพาแสงอาทิตย์ในการดำรงชีวิตเยอะมาก

ดูคลิปแล้ว แค่เดินชมเฉย ๆ ยังเหนื่อยขนาดนี้เลยนะเนี่ย
ถ้าเค้าให้ทดลองอยู่ฟรีซักคืนสองคืนจะมีลูกทัวร์คนไหนสนใจมั้ยครับ
ว่าแต่...ไม่ต้องถึงขนาดนอนค้างคืนหรอกมั้ง
ผมว่าเอาแค่ปวดฉี่แล้วต้องเดินลงไปห้องน้ำเดียวก็แย่เลยล่ะ



โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 6 ตุลาคม 2562 เวลา:21:49:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.