#### รีวิว Galata Tower / Haveran Restaurant และ Mado สถานที่แนะนำ ณ อิสตันบุลค่ะ ####
Galata Tower (Galata Kulesi) หรือบางทีเรียกว่า Christea Turris ซึ่งแปลว่า หอคอยแห่งพระคริสต์ ในภาษาละติน เป็นหอคอยหินยุคกลางในเขตกาลาตา-คาราค็อย (Galata – Karaköy) ของนครอีสตันบูล ประเทศตุรกี เป็นอีกหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของเมือง
ด้วยลักษณะทรงกระบอกสูง ของหอคอยที่โดดเด่นเหนือเส้นขอบฟ้า ทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามของคาบสมุทร และบริเวณโดยรอบของเมืองอีสตันบูล นอกจากนี้ตลอดแนวถนน ที่คุณเดินจากสถานี Karaköy İstasyonu ยังเต็มไปด้วยอาคาร และร้านค้า ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ที่สวยงามและแปลกตาอีกด้วย
Galata Tower ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1348 เพื่อแทนที่หอคอยกาลาตาเก่า ในยุคบาเซนไทน์ (Byzantine Tower) ที่มีชื่อว่าเมกาลอสพีรโกส (Megalos Pyrgos, Great Tower) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุด ของทะเลตรงทางเข้าโกลเด้นฮอร์น (Golden Horn) และถูกทำลายเสียหาย ระหว่างสงครามครูเสด ครั้งที่สี่ (ค.ศ. 1202 – ค.ศ. 1204)
Galata Tower เป็นหอคอยหินสไตล์โรมัน ทรงกระบอกขนาดเก้าชั้น มีความสูง 66.90 เมตร มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ โดยสถาปนิกโคกซัลอนาดอล (Köksal Anadol) โดยส่วนบนของหอคอย ที่เป็นรูปกรวยหมวกนั้น ถูกปรับเปลี่ยนขนาดให้เล็กลงหลายครั้ง จนเป็นแบบที่ลงตัว และสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
บริเวณชั้นบนของ Galata Tower มีร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งสามารถมองเห็น วิวทิวทัศน์ของบอสพอรัส (Bosphorus), ถนนใกล้เคียงในเขตกาลาตา-คาราค็อย (Galata – Karaköy) อันเก่าแก่ ภายในย่าน Beyoğlu (Pera) และบริเวณโดยรอบของนครอีสตันบูล
ที่อยู่
Bereketzade Mahallesi, Galata Kulesi Sok., 34421 Beyoğlu/İstanbul, Turkey
เวลาทำการ
08:00 – 20:00
ค่าเข้าชม
25 TL.
การเดินทาง
Karaköy Station (Istanbul Metro F2)
 ซึ่งจากรูปข้างบนจะเห็นว่า รถใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้นะคะ ต้องจอดแล้วก็เดินขึ้นเนินกันไปยาวๆ ค่ะ 5555 แต่ก็ได้แวะถ่ายรูปกลางถนนกันบ้างระหว่างทาง คือรถมีวิ่งค่ะ แต่ไม่เยอะมากนักนะคะ ตอนช่วงเวลาที่เราไป ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจอดให้เราเดินเข้าไปทางถนนเส้นไหนค่ะ สำหรับพิกัดของที่นี่ก็ตามนี้เลยนะคะ เหมือนจะอยู่ฝั่งยุโรปนะคะ
เดินขึ้นเนินกันไปราวๆ สัก 5-6 นาทีได้ค่ะ ระยะทางราวๆ สัก 400 เมตรนะคะ
 จากถนนเส้นที่เราเดินมา เดินย้อนเข็มนาฬิกาไปทางขวาจะมีบันไดสำหรับเดินเข้าไปในทาวเวอร์นะคะ จะมีแถวสองแถว แถวขวามือสำหรับคนที่ขึ้นไปเที่ยว+ชมวิวอย่างเดียวค่ะ ส่วนแถวซ้ายมือจะเป็นแถวสำหรับคนที่ขึ้นไปที่ร้านอาหารนะคะ ลิฟท์จะมีถึงแค่ชั้น 7 ค่ะ แล้วก็ต้องเดินขึ้นบันไดต่อนะคะ
ชั้น 8 จะเป็นส่วนของร้านอาหาร
ชั้น 9 จะเป็นคาเฟ่และระเบียงสำหรับชมวิวรอบๆ ค่ะ
 ที่ชั้น 7 จะเป็นชั้นที่มีห้องน้ำนะคะ ไม่ว่าจะมากินอาหารที่ชั้น 8 หรือมาเที่ยวที่ชั้น 9 ถ้าจะเข้าห้องน้ำก็ต้องมาที่ชั้น 7 เนี่ยหละค่ะ แล้วก็มีประวัติให้อ่านด้วยนะคะสำหรับที่ชั้นนี้ อ้อ แล้วก็มีบริการถ่ายรูปด้วยค่ะ รูปละ 30 ลีราห์ ก็ราวๆ สองร้อยกว่าบาทนะคะ 
ถึงแล้วค่าา ชั้น 8 เป็นชั้นของร้านอาหารนะคะ ชื่อว่า Haveran Restaurant ค่ะ
 สำหรับที่นี่นะคะ แนะนำว่าจะสั่งอะไรจะเอาอะไรให้เผื่อเวลาด้วยนะคะ เพราะเหมือนเค้าทำจากชั้นอื่น (ไม่รู้ว่าจากตรงไหนแหละ) แล้วต้องขนส่งขึ้นมาที่ชั้น 8 อีกทีค่ะ เพราะฉะนั้นขออะไรทีก็จะรอนานพอควรเลย แต่ข้อดีของการกินชั้นนี้ก็คือ หน้าต่างกระจกจะติดเห็นวิวชัดเจนเลยค่ะ ซึ่งดีกว่าที่ชั้น 9 นะคะ เดี๋ยวค่อยพาไปดูที่ชั้น 9 อีกทีค่ะ
แอบถ่ายคุณไกด์ของเรามาให้ดูค่ะ เป็นคนที่สาวๆ กรี๊ดกันตลอด 555 แต่มีภรรยาแล้วค่ะ
แล้วตอนกินก็มีเจ้านกพิราบตัวหนึ่งมาคอยเหล่ตลอดเลยค่ะ 555
หน้าตาอาหารค่ะ เป็นคอร์สนะคะ ควรเอาน้ำจิ้มซีฟู้ดไปจิ้มไก่ค่ะ เพราะจืดๆ อ้ะ 555 แต่ขนมอร่อยค่ะ ซุปก็โอเคนะคะ
 เอาหละค่ะ ต่อไปจะพาขึ้นไปดูที่ชั้น 9 กันนะคะ อย่างที่บอกว่าชั้น 9 จะเป็นคาเฟ่ และเป็นจุดชมวิว สำหรับใครที่ไม่ได้มากินอาหาร ไม่ได้มาที่คาเฟ่ แต่ต้องการชมวิวบนหอคอยนี้ด้วยค่ะ ก็จะเป็นระเบียงรอบๆ คาเฟ่ ตามภาพเลยค่ะ เพราะงั้นคนนั่งคาเฟ่นี่ก็จะไม่เห็นวิวหรอกค่ะ เห็นคน เลือกกินอาหารที่ชั้น 8 จะได้เรื่องวิวมากกว่านะคะ 
จะมีประตูเล็กๆ ให้เราออกไปที่ระเบียงเพื่อชมวิวได้นะคะ
 วิวทิวทัศน์จากหอคอยแห่งนี้ก็จะทำให้เห็นทั้งฝั่งยุโรปและฝั่งเอเชียหละนะคะ ก็เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งค่ะ รวมทั้งเห็นตัวแม่น้ำที่คั่นระหว่างสองฟากฝั่งด้วยค่ะ ชมจากภาพเอานะคะ 
สำหรับที่นี่ ก็แนะนำให้ไปกินอาหารค่ะ จะดูโอเคกว่าไปเที่ยวเฉยๆ แม้อาหารจะไม่ได้ว้าวมาก แต่จะได้คิวขึ้นลิฟท์แบบคิวพิเศษด้วย แล้วก็มันมีที่นั่งอะค่ะ แล้วก็ยังจะขึ้นไปดูวิวที่ชั้น 9 ได้ด้วยอะนะคะ สำหรับเราเราว่ามันคุ้มกว่านะ แหะๆ
Mado สำหรับร้านนี้เป็นร้านที่โด่งดังในหมู่คนไทยมาจากขนมดังอันหนึ่งของตุรกีนะคะ นั่นก็คือบัคลาวานั่นเองค่ะ แต่ที่จริงแล้ว ร้านนี้ดั้งเดิมดังมาจากไอศกรีมค่ะ เว็บไซต์ร้าน
https://mado.com.tr/
สำหรับประวัติของร้าน แปลจากเว็บของเขาก็ได้เรื่องราวมาประมาณนี้นะคะ ขั้นตอนแรกที่สำคัญสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกของ Mado นั้นเกิดขึ้นกับ Yaşar Patisserie ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นสิ่งที่สำคัญในการเป็นตัวแทนของประสบการณ์กว่า 150 ปีกับแบรนด์ระดับโลกด้วยวิธีการที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แรกที่ความเอื้ออาทรของธรรมชาติ แรงงานมนุษย์และความอดทนพบกับคนรักไอศกรีม
การผจญภัยของ "Real Ice Cream" คือการผจญภัย 300 ปีของไอศกรีมที่เริ่มต้นด้วย Karşambaç ซึ่งทำจากกากน้ำตาลน้ำผึ้งและสารสกัดจากผลไม้ที่เติมลงบนหิมะ ในการผจญภัยครั้งนี้ชื่อของไอศกรีมผสานเข้ากับเมือง Kahramanmaraş ไม่เพียง แต่ให้ชื่อกับไอศกรีม ... มันยังให้ความลับของรสชาติของ K.Maraş Ice Cream ที่ไม่เหมือนใครด้วยความมั่นคงและรสชาติพิเศษ นมแพะที่กินดอกเคปไทม์และกล้วยไม้ป่าที่บานในที่ราบสูงของภูเขา ราวปลายทศวรรษ 70, K.Maraş Ice Cream ถูกสร้างขึ้นในสถานประกอบการขนาดเล็กแบบดั้งเดิม แต่ยังคงขาดความรู้ทางเทคนิคและอุปกรณ์ที่ทันสมัย รากฐานที่สำคัญของการเปลี่ยนไปสู่เทคโนโลยีสำหรับ Mado ก็คือโรงงานน้ำแข็งที่เปิดใน K.Maraş ในปี 1965 โรงงานแห่งนี้ได้ปฏิวัติทั้งในเมืองและตัว Mado เอง ด้วยเหตุนี้ไอศครีมจึงเปลี่ยนเป็นสามารถทำได้ทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว
ต่อมารุ่นที่สอง Yaşar Kanbur ผู้ผลิตและจำหน่ายไอศกรีมในร้านค้าเล็ก ๆ ถัดจาก Aras Garage ในปีเดียวกันนั้น 'deep freeze' เครื่องแรกถูกนำไปที่ร้าน ดังนั้นไอศครีมจะถูกเก็บไว้ให้เย็นได้ทั้งกลางวันและกลางคืนซึ่งช่วยเพิ่มยอดขาย ก่อนที่เครื่องขับเคลื่อนแบบคันโยกจะปรากฏขึ้น และเปลี่ยนมาเป็นการใช้เครื่องแบบใช้มอเตอร์ โดยเครื่องจักรอัตโนมัติมาใช้ที่ร้านไอศครีมในปี 1970 จนในปี 1980 Yaşar Patisserie ก็ได้เปิดร้านบนถนนแทรบซอน
ในปี 1983 เริ่มมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นครั้งแรกและการผลิตไอศกรีมได้เริ่มต้นขึ้น ในปี 1984 MARDO Ice Cream ได้เปิดตัวสู่ตลาด ในพื้นที่ 300 ตารางเมตรไอศกรีม 200 กิโลกรัมผลิตได้ทุกวันโดยมีพนักงานราว 10-12 คน ผลิตในเวลากลางคืนและขายในช่วงกลางวัน ตอนแรกเป้าหมายคือเมืองและหมู่บ้านรอบ ๆ K.Maraş หลังจากมีรถยนต์ที่เก็บความเย็นก็สามารถไปยังเมืองที่ห่างไกลได้เพิ่มขึ้น ไอศกรีมขายเป็นครั้งแรกในภาชนะทองเหลือง
การเปลี่ยนไปสู่การผลิตไอศกรีมด้วยความสามารถของเทคโนโลยีที่แท้จริงคือในปี 1989 ในปีเดียวกันอาคารซึ่งเป็นโรงงานผลิตนมได้ถูกย้ายไปยังตระกูล Kanbur ด้วยการแปรรูปแบบนุ่มนวล อย่างไรก็ตามโรงงานจำนวนมากจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงและติดตั้งเครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุด สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของตระกูล Kanbur คือการผลิตไอศกรีมแบบดั้งเดิมซึ่งสืบทอดมาจากปู่ตามากกว่าตัวเลขในโรงงาน ภายใต้การนำของ Atila Kanbur ผู้กำลังศึกษาวิศวกรรม Mado มี TUBITAK ที่สนับสนุนการวิจัย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสูตรการผสมที่ทำให้ไอศกรีม K.Maraş มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และกลมกล่อม
ด้วยการกำเนิดของแบรนด์ Mado สำหรับไอศกรีม K.Maraş ได้รับแรงผลักดันที่ดี หลังจากกระบวนการที่ยากลำบากนี้โรงงานของYaşar Ice Cream และ Foodstuffs Inc. สร้างขึ้นบนพื้นที่ 33,000 เอเคอร์มีกำลังการผลิตไอศกรีม 120 ตันต่อวัน จากช่วงเวลาที่พวกเขาผลิตในคลังสินค้าขนาดใหญ่ของโรงงานไอศครีมจะถูกเก็บรักษาไว้โดยไม่สูญเสียรสชาติ ละลายและเสีย
เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และแตกต่างไปสู่โปรไฟล์ผู้บริโภคของ Yaşar Dondurma ve Gıda Maddez A.Ş. ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ K.Maraş เพื่อตอบสนองการแข่งขันและความต้องการที่แตกต่างที่เกี่ยวข้องของ Yaşar Ice Cream และ Foodstuffs Inc. ซึ่งมีมากกว่าหนึ่งแบรนด์
สำหรับสาขาที่เราไปนี่ เราไปที่สาขาทักซิมสแควร์นะคะ สำหรับพิกัดก็ตามนี้เลยค่ะ
 เราเข้าไปในร้าน ชั้นแรกจะเป็นชั้น 0 ค่ะ ร้านนี้มีทั้งหมด....5 ชั้น..ค่ะ เขียนไม่ผิด ร้านขนม+ไอศกรีมที่มีห้าชั้นค่ะ แต่บางชั้นก็จะเป็นชั้นที่เป็นห้องวีไอพีนะคะ ต้องจองล่วงหน้าค่ะ ชั้นล่างก็จะเป็นเคาน์เตอร์โชว์ขนมบัคลาวาและอื่นๆ รวมทั้งที่นั่งบางส่วนด้วยค่ะ 
 
ขึ้นลิฟท์ไปกันค่ะ รู้สึกว่าวันนั้นเราจะขึ้นไปนั่งที่ชั้น 2 กันนะคะ ห้องน้ำจะอยู่ที่ชั้น 4 ค่ะ ส่วนชั้น 1 กับ 3 นี่จะเป็นพวกห้องวีไอพีส่วนตัวทั้งหลายค่ะ ชั้นสามก็จะไม่ค่อยมีแขกเท่าชั้น 1 อะนะคะ ตอนเราไปเห็นนั่งอยู่โต๊ะเดียวหละค่ะ แล้วก็มีพนักงานประจำชั้นด้วย แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย 1 คนแล้วก็พูดพอได้ 1 คนค่ะ 
มาดูเมนูกันค่ะ ให้ดูเมนูที่เป็นอาหารก่อนนะคะ อาหารหลากหลายพอควร มีอาหารเป็นเซ็ตด้วยค่ะ แต่หน้าตาดูแล้วน่าจะเน้นอาหารท้องถิ่นอะนะคะ
แต่เราไปเพื่อของหวาน ก็ขอเมนูของหวานที่จะแยกอีกเล่มมาให้เลยนะคะ
ห้องน้ำที่อยู่ชั้นสี่ค่ะ ดีงาม สะอาดค่ะ
อันนี้ขนมที่เพื่อนอีกโต๊ะเลือกมาค่ะ เลยถ่ายมาให้ดู ก็คิดกันเป็นอย่างๆ ไปตามจำนวนชิ้นนะคะ
ส่วนของเราเป็นเมนูนี้ค่ะ หน้าตาไม่เหมือนรูปในเมนู จำไม่ได้ว่าคืออะไรอ้ะ แต่ไอติมหวานค่ะ อร่อยดี เนื้อค่อนข้างเหนียวกว่าไอศกรีมบ้านเรานะคะ
 เนื่องจากไม่ได้จะรีวิวอาหารนะคะ 555 แค่อยากแนะนำร้าน วันนั้นไปกันก็สั่งเครื่องดื่มกันเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ราคาก็ประมาณร้านในกรุงเทพฯ เราแหละ หมดกันไปที่เท่านี้ค่ะ รู้สึกว่าจะรับบัตรเครดิตนะคะ สำหรับร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่ควรไปลองนั่งสักครั้งนะคะ กินไอติมที่มีตำนานเป็นร้อยปีอะค่ะ ตัวไอติมจะเป็นคนละสไตล์กับทางบ้านเรา แต่เทกซเจอร์เขานี่ไม่เหมือนประเทศอื่นจริงๆ 5555 มีโอกาสไปตุรกีแล้วเจอร้านนี้ก็อยากให้ลองกันนะคะ
ปฏิทินธรรม วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน) วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)
1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.
ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/ วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2563 1. ตักบาตรพระกรรมฐาน ณ ปราสาทจตุรมุข วัดสังฆทาน นนทบุรี (กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สองของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 8 และ 22 มีนาคม 2563 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)
1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2563
1. ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระป่า 9 วัด เสาร์ที่ 3 ของทุกเดือน
ณ บ้านลานเสียงธรรม
เลขที่ 7/44 หมู่4 ซอยนาคนิวาส 40 แขวงเขตลาดพร้าว กทม วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2562 (จัดทุกอาทิตย์ที่สามของเดือน) 1. ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น. ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2563 1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน) เมตตารับบาตรโดย เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 28-29 มีนาคม 2563 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัย
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1469696+7821009=9290705/14464/1925
ประกาศ
ท่านใดประสงค์จะโหวต โหวตได้นะคะ แต่เจ้าของบล็อกนี้จะไม่ได้โหวตกลับให้ทุกคนที่โหวตค่ะ จะโหวตเฉพาะบล็อกที่เราอยากโหวตให้เท่านั้นนะคะ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาเองว่าจะโหวตให้บล็อกนี้หรือไม่ค่ะ
| Create Date : 30 มีนาคม 2563 |
| Last Update : 30 มีนาคม 2563 12:58:21 น. |
|
39 comments
|
| Counter : 4498 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [
